บทที่360 เธอเผยความสามารถออกมา จนทุกคนช็อกต่างช็อกไปตามๆกัน
คุณย่าเย่จะไม่ยอมรับฐานะของเวินลั่วฉิงอยู่แล้ว จากที่เธอดูมา เวินลั่วฉิงเป็นแค่ความอัปยศอดสูเท่านั้น แต่มีบางเรื่องกลับดันอยู่เหนือความคาดหมายของพวกเขาซะงั้น
“อือ นี่เป็นเพียงแค่สิ่งที่พวกเราจะทำให้บริษัทเว้ยคังกรุ้ปเห็นเท่านั้นเอง ดูไปก่อนว่าทางบริษัทเว้ยคังกรุ้ปเห็นจะมีท่าทียังไง”คุณปู่เย่ไม่ปิดปากจุดประสงค์ของตัวเองเลยสักนิด นี่เป็นสไตล์ที่เขาทำมาโดยตลอด
ตอนเวินลั่วฉิงมาถึงบ้านของตระกูลเย่คุณปู่เย่กับคุณหญิงเย่ก็กำลังเธออยู่ เพราะคนขับของตระกูลกู้กำลังรออยู่
“ให้เธอมาไวหน่อยไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงเพิ่งมา”คุณย่าเย่จ้องเขม็งเธอแวบหนึ่ง น้ำเสียงมีความไม่พอใจเล็กน้อย แต่กลับดีกว่าปกติเป็นอย่างมาก คุณปู่เย่สีหน้าเย็นชา เมื่อเห็นเวินลั่วฉิงขึ้นรถแล้วก็ฮึออกมา “เธอมันเย่อหยิ่งจองหองมากนัก คิดว่าตัวเองแน่มากหรือยังไง”
เวินลั่วฉิงไม่ได้พูดอะไร สีหน้าเรียบนิ่งเป็นอย่างมาก ในความเรียบนิ่งเหมือนราวกับมีความสามารถทำให้จิตใจคนสงบลงได้
สำหรับท่าทีของคุณปู่เย่กับคุณย่าเย่เธอไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ นัยน์ตาคุณย่าเย่เปล่งประกายเล็กน้อย เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเวินลั่วฉิงจะสามารถอดได้อย่างคิดไม่นึก
ที่จริงเวินลั่วฉิงไม่ได้กำลังอดอยู่ เพียงแค่ไม่อยากให้สนใจพวกเขาเท่านั้น
คุณปู่เย่คนที่จองหองไม่มีเหตุผลแบบนั้นตอนนี้เห็นท่าทางของเวินลั่วฉิงแล้วในใจก็เกิดความพอใจเล็กน้อย
แม้แต่คนขับรถของตระกูลกู้ก็อดไม่ได้ที่จะมองเวินลั่วฉิงแวบหนึ่ง
มีบางคน แค่สีหน้านิ่งเรียบอันหนึ่งก็สามารถทำให้คนอายจนจะแทรกแผ่นดินหนีไม่ทัน เวินลั่วฉิงเป็นคนแบบนี้อยู่พอดี
งานเลี้ยงครั้งนี้ตระกูลกู้เป็นคนจัดเอง แม้จะเป็นแค่งานเลี้ยงเล็กๆ แต่คนที่เชิญมานั้นเป็นคนใหญ่คนโตกันทั้งนั้น
บอกว่าเป็นการฉลองที่กู้เจิ้งฉุนหลานชายของตระกูลกู้คว้าแชมป์โลกในการแข่งขันบอร์ดเกม
แต่ว่า ในใจทุกคนทราบดี ว่านี่เป็นการฉลองล่วงหน้าของตระกูลกู้ที่จัดให้ลูกชายคนโตของตระกูลมากกว่า
ได้ยินมาว่ากู้เจิ้งฉุนลูกชายคนโตของตระกูลกู้กำลังจะได้เลื่อนตำแหน่ง
ถึงตอนนั้นคงมีอำนาจอันยิ่งใหญ่ไพศาล
งานเลี้ยงได้จัดที่ลานบ้านตระกูลกู้ อยู่ไม่ไกลมากนัก เลยมาถึงไว ตอนลงจากรถ คุณปู่เย่มองเวินลั่วฉิงด้วยสายตารังเกียจแวบหนึ่ง “เธอเข้าไปแล้วอย่าพูดอะไรส่งเดชล่ะ เพื่อหลีกเลี่ยงการเป็นเรื่องน่าตลก จนอับอายขายขี้หน้า คนในงานเลี้ยงวันนี้ไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไปนะ”
“เธอจะพูดส่งเดชอะไรได้ อย่าเข้าไปแล้ว ตกใจกลัวก็พอแล้ว”คำพูดของคุณย่าเย่บอกได้ชัดว่าเป็นการเยาะเย้ยเวินลั่วฉิงไม่เคยมาออกงานมาก่อน
“เชอะ คนโง่อย่างเธอนั้น คำพูดดีร้ายยังฟังไม่เข้าใจเลย จะกลัวได้ยังไง”ใบหน้าคุณปู่เย่กลับมีความเยาะเย้ยอย่างเห็นได้ชัด คำพูดยิ่งนานก็ยิ่งไม่น่าฟัง
เวินลั่วฉิงไม่เคยยอมให้คนที่ไม่สนใจมีผลต่ออารมณ์มาโดยตลอด เพราะฉะนั้นไม่ว่าคุณปู่เย่กับคุณย่าเย่จะพูดยังไง เธอจะถือว่าไม่ได้ยิน
หากไม่ใช่เป็นเพราะช่วยเย่ซือเฉินให้ได้หุ้นบริษัทตระกูลเย่กรุ้ป เธอจะไม่ยอมอยู่ด้วยกันกับคุณปู่เย่พวกเขาอย่างแน่นอน
งานเลี้ยงแบบนี้เธอยิ่งไม่ชอบ “ดูสิ ฉันบอกแล้วว่าเธอฟังไม่เข้าใจ”คุณปู่เย่เห็นเวินลั่วฉิงไม่ปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ ก็ฮึเย็นชาออกมาทันที
เวินลั่วฉิงยังคงไม่ปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ คุณย่าเย่มองท่าทางเช่นนี้ของเธอ ในแววตาก็ปรากฏความขยะแขยงขึ้นมา เธอไม่เข้าใจว่าเฉินเฉินที่แสนจะเพอร์เฟคของบ้านเธอ ทำไมถึงแต่งงานกับคนโง่เช่นนี้ได้
หากไม่มีความสัมพันธ์ที่เกี่ยวข้องกับบริษัทเว้ยคังกรุ้ป เธอคงไล่เวินลั่วฉิงออกจากบ้านไปนานแล้ว
“ลุงเย่ น้าหยุน พวกท่านมากันแล้ว”
ทั้งสามเพิ่งเข้าลานบ้าน ลูกสะใภ้คนโตตระกูลก็เดินมาต้อนรับ ใบหน้ายิ้มแย้ม ทั้งเกรงใจและมีมารยาท
เพียงแต่ จางเยว่ผิงตอนเห็นเวินลั่วฉิง ก็ชะงักไปทันที รอยยิ้มบนใบหน้าก็ค้างไปสักพัก “ท่านนี้คือ”
“ช่วงนี้น้าหยุนเธอสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรง เลยจ้างนางพยาบาลมาดูแล”คุณปู่เย่พูดว่าเวินลั่วฉิงเป็นนางพยาบาลที่ตระกูลเย่จ้างมาแทน
เรื่องนี้คุณปู่เย่กับคุณย่าเย่ได้พูดตกลงกันมาก่อนแล้ว ดังนั้นคุณย่าเย่จึงไม่โต้แย้งใดๆ ตรงกันข้ามกลับให้ยิ้มความร่วมมือ
เวินลั่วฉิงกระตุกยิ้มมุมปากเบาๆ คุณปู่เย่กับคุณย่าเย่วันนี้จะใช้แผนอะไรกันแน่
เธอแต่งงานกับเย่ซือเฉินลับๆตั้งแต่แรก คุณปู่เย่พูดแบบนี้แล้ว เวินลั่วฉิงก็นิ่งไม่ต้องพูดอะไรอีก
“ฮ่าฮ่า นางพยาบาลขี้เหร่นี่จ้างมาจากไหนเหรอคะ”กู้โร่วหลานคนเล็กอายุสิบสามปีจ้องมองเวินลั่วฉิงแวบหนึ่ง ก็พูดเยาะเย้ย” นี่ขี้เหร่เกินไปแล้วมั้ง หนูเพิ่งจะเคยเห็นคนขี้เหร่ขนาดนี้มาก่อน”
“คุณย่าหยุน ต้องเห็นทุกวัน ไม่ขยะแขยงบ้างเหรอคะ นอนกลางคืนไม่ฝันร้ายใช่ไหมคะ”ตอนกู้โร่วพูดแบบนี้ ได้หันไปมองเวินลั่วฉิงอีกครั้ง พร้อมกับทำหน้าขยะแขยงอย่างจงใจออกมา
“ใช่ค่ะ น่าเกลียดจริงๆ ดูแล้วก็ขยะแขยงมากๆ”พวกเด็กสาวคนอื่นที่มีอยู่รอบตัวกู้โร่วต่างก็หัวเราะเยาะเย้ยออกมากันหมด
“กู้โร่ว อย่าพูดส่งเดชนะ”จางเยว่ผิงลูกสะใภ้คนโตของตระกูลกู้ต่อว่ากู้โร่วเบาๆ แต่เสียงนั้นกลับฟังไม่ออกถึงความตำหนิเลยสักนิด
สีหน้าคุณปู่เย่เปลี่ยนเป็นแย่ลงไปอีก ในใจแอบดีใจที่เมื่อกี้ยังดีที่ไม่ได้บอกว่าคนหญิงหน้าตาขี้เหร่คนนี้คือภรรยาซือเฉิน ไม่งั้นตระกูลเย่พวกเขาคงถูกหัวเราะตายแน่
นัยน์ตาเวินลั่วฉิงประกายเบาๆแวบหนึ่ง น่าเกลียดขนาดนั้นเลยเหรอ เธอก็รู้แหละ การปลอมตัวในตอนนี้ของเธอไม่น่ามองจริงๆด้วย
ตอนนี้เวินลั่วฉิงนึกได้ปัญหาหนึ่ง ปกติเย่ซือเฉินดูหน้าของเธอแบบนี้ทุกวันไม่ขยะแขยงเหรอ ทั้งที่เย่ซือเฉินต้องเผชิญกับใบหน้าของเธอทั้งวันตั้งแต่เช้าจนค่ำ
แต่ว่ามีสิ่งหนึ่งที่เวินลั่วฉิงสามารถแน่ใจได้ คือตอนกลางคืนเย่ซือเฉินไม่ฝันร้ายอย่างแน่นอน เพราะเขาไม่เหลือเวลาให้มาฝันร้ายได้ เวลาของเขาได้ใช้ไปกับการทรมานเธอไปหมดแล้ว
ตอนนี้มาได้ยินที่กู้โร่ว เวินลั่วฉิงรู้สึกว่าปกติคุณชายสามเย่ไม่ได้รับความยุติธรรมเลยจริงๆ ไม่ยุติธรรมที่คุณชายสามเย่ในทุกๆวันต้องค่อยเผชิญกับใบหน้าที่น่าเกลียดของเธอ
หรือไหม รอเย่ซือเฉินไปทำงานนอกสถานที่กลับมาก่อน เธอจะใช้ใบหน้าที่แท้จริงต้อนรับเขา
เย่ซือเฉินต้องค่อยเผชิญกับใบหน้านี้ของเธอทุกวัน ถ้าหากขยะแขยงขึ้นมาก็จะไม่ดีแน่
แม้ตอนนี้เมคอัพปลอมตัวบนหน้าเธอจะเป็นของที่รุ่นพี่ทำขึ้นมาใหม่ แต่ต้องมีวิธีที่สามารถลบมันออกได้
เพียงแค่เรื่องที่เธออยากจะทำ ก็ไม่มีที่ทำไม่ได้
อือ ตกลงตามนี้แล้วกัน เป็นการตกลงอย่างมีความสุข
เวินลั่วฉิงนึกถึงวันนั้นตอนที่เมคอัพการปลอมตัวบนหน้าเธอไม่สามารถล้างออกได้นั้นท่าทีของคุณชายสามเย่ที่ร้อนรนใจจนอยากกัดเธอให้ตาย เธอก็อดที่จะกระตุกยิ้มที่มุมปากไม่ได้
“เฮ้ย พวกเธอดู พวกเธอรีบมาดู ยัยขี้เหร่นั้นยังจะยิ้มอยู่อีก โอ้มายก๊อด เธอปัญญาอ่อนเหรอเปล่าอ่ะ”เห็นเวินลั่วฉิงยิ้มเบาๆที่มุมปาก ก็ร้องตะโกนออกมาทันที คำพูดนั้นยิ่งเกินไปสุดๆ
“ฮ่าๆ จริงด้วยสิ ดูแล้วคงจะโง่จริงๆ แถมโง่มากด้วย โดนคนอื่นด่ายังยิ้มออกมาได้อีก”
“ฮ่าๆ หน้าตาขี้เหร่แบบนี้ก็ทำให้คนขยะแขยงพอแล้ว ยังจะปัญญาอ่อนอีก เธอทำไมถึงยังมีหน้าอยู่ต่อในโลกอีก”
“แต่นี่มันขี้เหร่เกินไปจริงๆ สมองทึ่มมากด้วย ต้องโง่โคตรๆอย่างแน่นอน”