ตอนที่ 49 ข้อตกลงการแต่งงาน
เห็นท่านประธานของตนเองยังคงไม่มีท่าทีจะลงจากรถ เลขาหลิวแอบประหลาดใจ ท่านประธานมาอำเภอตั้งแต่เช้า ตอนนี้กลับไม่ลงจากรถ นี่มันหมายความว่ายังไง?
เวลาผ่านไปทีละนิดทีละนิด บนรถ เย่ซือเฉินกำลังดูเอกสาร แต่ว่ามักจะเงยหน้าขึ้นมองออกไปทางนอกหน้าต่าง ความถี่ในการเงยหน้าของเขาไม่มีทางคลาดกับเวินลั่วฉิงแน่นอน แค่เพียงเวินลั่วฉิงปรากฏตัวขึ้น เขาก็ต้องมองเห็น
เก้าโมงห้าสิบ เวินลั่วฉิงยังไม่ปรากฏตัว เก้าโมงห้าสิบห้า เวินลั่วฉิงก็ยังไม่ปรากฏตัว ห้าสิบหก ห้าสิบเจ็ด เธอก็ยังไม่ปรากฏตัว สีหน้าของเย่ซือเฉินเคร่งขรึมเล็กน้อย
เลขาหลิวรู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของท่านประธาน แล้วก็รู้สึกได้ว่าบรรยากาศภายในรถจู่ ๆ ก็เปลี่ยนไปอย่างไม่ค่อยถูกต้อง เลขาหลิวแอบตื่นตระหนกในใจ ดูเหมือนว่าท่านประธานกำลังรอคนอยู่ แต่ว่าคนคนนั้นกลับไม่มา!
แต่ไหนแต่ไรมามีแต่คนอื่นรอท่านประธาน น้อยคนมากที่จะให้ท่านประธานรอ
กล้าให้ท่านประธานรอขนาดนี้ ไม่รู้ว่าเป็นใคร?
แถมเวลานี้สีหน้าท่านประธานเยือกเย็นนิดหน่อยอย่างเห็นได้ชัด เห็นได้ชัดว่ารอจนหงุดหงิดนิดหน่อยแล้ว แต่ทำให้เขาคาดไม่ถึงก็คือ ท่านประธานดูเหมือนไม่มีท่าทีจะกลับแม้แต่น้อย
ดูแล้วคนคนนี้พิเศษกับท่านประธานมาก
เก้าโมงห้าสิบแปด เย่ซือเฉินเงยหน้าอีกครั้ง ก็ยังไม่เห็นเวินลั่วฉิง
เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาคิดว่าจากบทสนทนาของเธอกับคุณปู่เวินเมื่อวาน เธอน่าจะรู้ว่าต้องทำอย่างไร ถึงอย่างไรเสียผลลัพธ์ของทั้งสองข้อก็คือเธอต้องแต่งงาน……
เพียงแต่ว่า จู่ ๆ เย่ซือเฉินก็คิดถึงความเป็นไปได้อย่างนึง เธอไม่น่าจะหนีไปแล้วหรอกมั้ง?
เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้นี้ เย่ซือเฉินหรี่ตาอย่างรวดเร็ว กำลังจะโทรศัพท์ แต่ตอนที่เงยหน้าอีกครั้ง กลับเห็นเวินลั่วฉิงยืนอยู่ที่นอกประตูใหญ่ของอำเภอ
เย่ซือเฉินมองดูนาฬิกาข้อมือแวบหนึ่ง สิบโมงพอดี……
ผู้หญิงคนนี้ตรงเวลาจนแม้แต่นาทีเดียวก็ไม่ขาด
มุมปากของเย่ซือเฉินแต้มไปด้วยรอยยิ้มเบาบาง จากนั้นก็ผลักประตูแล้วลงจากรถไป
เลขาหลิวกลับอึ้งไปเลย เมื่อสักครู่ ท่านประธานยิ้มเหรอ? เขาทำงานกับท่านประธานเกือบจะสองปีแล้ว น้อยครั้งมากที่จะเห็นท่านประธานยิ้ม แต่ว่าเมื่อสักครู่เขาเห็นท่านประธานยิ้มพอดี เขาตาฝาดเหรอ ดูผิดเหรอ?
เอ๋? ทำไมจู่ ๆ ท่านประธานลงจากรถแล้ว?
หลังมาจากที่เย่ซือเฉินลงจากรถ เวินลั่วฉิงหันหลังมาเห็นเขาพอดี เวลาต่อมาใบหน้าของเวินลั่วฉิงแต้มไปด้วยรอยยิ้มสดใส “คุณเย่คะ คุณมาถึงแล้วเหรอ”
เย่ซือเฉินมองเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอ กระพริบตาเบา ๆ แค่ชั่วพริบตาเดียว ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าตนเองถูกทำให้เหม่อลอยนิดหน่อย ไม่ใช่เพราะความสวยงาม แต่เป็นเพราะรอยยิ้มของเธอแบบนี้ ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจจริง ๆ
เขาคิดว่า วันนี้ถึงเธอจะมา อารมณ์ก็คงไม่ค่อยดี แต่ดูแล้วตอนนี้ เหมือนกับว่า……
แต่เขาพบว่าเวลาเธอยิ้มก็ดูสวยดี เขากำลังคิดว่า ถ้าหากกำจัดแว่นตาเชย ๆ นั่นออก และกำจัดกระบนใบหน้าของเธอ ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไง?
ตอนที่เย่ซือเฉินเหม่อลอยนิดหน่อย เวินลั่วฉิงก็เดินมาอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอสดใสขึ้นกว่าเดิม “เมื่อวานฉันได้ยินคุณปู่พูดแล้ว ฉันรู้ถึงเหตุผลที่คุณเย่รีบร้อนจะแต่งงานแล้ว ดังนั้น ฉันจึงยินดีจะร่วมมือคุณเย่”
“หือ?” เย่ซือเฉินยักคิ้ว ยินดีจะร่วมมือกับเขา?
เขากลับอยากรู้ว่า เธอวางแผนจะร่วมมือกับเขายังไง?
“คุณเย่คะ ในเมื่อพวกเราไม่ได้แต่งงานกันจริง ๆ งั้นระหว่างพวกเราควรจะมีข้อตกลงกัน นี่คือสัญญาข้อตกลงที่ฉันเขียนขึ้นมา คุณลองดูหน่อย ดูว่ามีปัญหาไหม?” เวินลั่วฉิงยื่นเอกสารฉบับหนึ่งไปข้างหน้าเขา แถมยังจงใจเสริมประโยคที่น่าสงสารประโยคนึง “เมื่อคืนฉันสืบค้นทั้งคืนเลยถึงจะเขียนออกมาได้”
เลขาหลิวที่เพิ่งลงจากรถเมื่อสักครู่ได้ยินคำพูดของเวินลั่วฉิงก็อึ้งไปเลย
นี่มันเรื่องอะไรกัน? แต่งงานอะไร? ใครแต่งงานกับใคร? สัญญาอะไร?
เย่ซือเฉินไม่ได้รับเอกสารในมือของเธอ และก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่จ้องมองเธออยู่อย่างงั้น
เลขาหลิวเห็นท่าทางของท่านประธานของตน ในใจแอบกลัวนิดหน่อย ดังนั้นจึงยืนอยู่ที่เดิมไม่กล้าขยับเขยื้อน เพียงแต่ตอนที่มองไปที่เวินลั่วฉิงก็รู้สึกประหลาดใจนิดหน่อย นี่ไม่ใช่คุณหนูใหญ่ตระกูลเวินเหรอ?
หรือว่าท่านประธานจะแต่งงานกับคุณหนูใหญ่ตระกูลเวิน?
“คุณเย่คะ?” เวินลั่วฉิงเห็นเขาไม่รับ กระพริบตาช้า ๆ ดูเหมือนจะมีความสับสนอยู่เล็กน้อย ไม่ใช่ว่าเขาพูดว่าเพียงแค่เธอเป็นฝ่ายมาเอง ทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับเธอเหรอ?
ไม่ใช่ว่าแม้แต่สัญญาฉบับเดียวเขาก็ไม่เห็นด้วยหรอกนะ?
ถ้าหากเป็นแบบนั้นจริง ๆ เธอก็ต้องสงสัยในความจริงใจของเขาแล้ว!
“คิดได้รอบคอบดี” สายตาที่เย่ซือเฉินมองมาที่เธอดูเหมือนจะเย็นชาเล็กน้อย แต่ก็ดูเหมือนจะมีสิ่งที่ซับซ้อนอย่างอื่นอีก
ผู้หญิงคนนี้คิดได้รอบคอบจริง ๆ แม้กระทั่งสัญญาการแต่งงานก็เขียนเรียบร้อยแล้ว
“ดูแล้ว เธอไม่โง่หนิ” ร่างกายของเย่ซือเฉินดูเหมือนว่าจะเอนตัวเข้าหาเธอ ในคำพูดนั้นมีการหยั่งเชิงนิดหน่อย แล้วก็มีความสุขุมรอบคอบเล็กน้อย
ตอนนี้เขากลับหวังว่าเธอจะแกล้งโง่หน่อย ในตอนนี้ไม่ต้องการให้เธอฉลาดขนาดนี้
เวินลั่วฉิงทำเป็นแกล้งไม่เข้าใจความหมายในคำพูดของเขา เธอพยักหน้าอย่างจริงจัง “อื้ม อื้ม อันที่จริงฉันค่อนข้างฉลาดจริง ๆ นะ ไม่อย่างนั้นคุณเย่พิจารณาอย่างจริงจังดูสักครู่นะคะ”
เมื่อวานเขาพูดว่า เหตุผลที่เขาแต่งงานกับเธอนั่นก็เป็นเพราะเธอฉลาดไม่พอ ถ้าหากเขาพบว่าอันที่จริงเธอไม่ได้โง่ งั้นก็จะเปลี่ยนความคิดงั้นเหรอ?
เมื่อคืน เวินลั่วฉิงคิดถึงปัญหานี้อย่างจริงจัง รู้สึกว่าเย่ซือเฉินแต่งงานกับเธอ อาจจะเป็นเพราะเธอไม่ฉลาดพอ เย่ซือเฉินแต่งงานตอนนี้ เป็นเพราะคุณปู่เย่บีบบังคับจนเกินไป ไม่ใช่ว่าอยากจะแต่งงานจริง ถ้าหากหาคนที่ฉลาดเกินไปเมื่อถึงเวลานั้นอาจจะคิดถึงมรดกของตระกูลเย่อ ตระกูลผู้ดีกลัวสิ่งนี้ที่สุด
ถึงแม้เธอก็รู้ ด้วยความฉลาดของเย่ซือเฉิน โอกาสในการถูกคนอื่นคิดบัญชีคงไม่เยอะ แต่ว่าก็ต้องป้องกันไว้ก่อน
“……” จู่ ๆ เย่ซือเฉินก็รู้สึกอึดอัดใจ ตอนนี้เขาไม่อยากจะพูดกับเธอ
เทียบกับความกลัดกลุ้มใจของเย่ซือเฉินในตอนนี้ อารมณ์ของเวินลั่วฉิงดูเหมือนว่าจะไม่เลว ริมฝีปากเธอเผยรอยยิ้มสดใสไม่หยุด ดูเหมือนว่าจะเบิกบานใจอยู่เล็กน้อย
เวินลั่วฉิงรู้สึกว่า ถ้าหากคุยกันไม่ได้ หรือว่า เธอก็ไม่ต้องจดทะเบียนสมรสกับเย่ซือเฉินแล้ว
ในเมื่อผู้หญิงบนโลกนี้เยอะแยะขนาดนั้น เขาสามารถหาคนที่เหมาะสมยิ่งกว่าได้ จากคุณสมบัติของเขาจะหาผู้หญิงแบบไหนไม่ได้บ้าง? รับรองว่าไม่ใช่เธอก็ไม่ได้
แต่ว่า คำพูดแบบนี้ไม่ใช่ว่าเธอเป็นฝ่ายพูด ต้องเป็นเย่ซือเฉินพูดถึงจะได้
มองเห็นรอยยิ้มที่สดใสของเธอ จู่ ๆ เย่ซือเฉินก็รู้สึกแสบตาเล็กน้อย ดี ดีมาก เขาก็อยากจะดู ว่าเธอจะเสแสร้งได้ถึงเมื่อไหร่?
เย่ซือเฉินยื่นมือออกมา หยิบสัญญาจากมือของเธอ เปิดดูอย่างช้า ๆ เพียงแต่ว่าตอนที่ดูสัญญาที่เธอเขียนไว้แต่ละข้ออย่างหนาแน่นนั้น สีหน้าของเย่ซือเฉินก็เคร่งขรึมทีละนิด