ตอนที่ 62 เขาจะกินเธอ
เวินลั่วฉิงขมวดคิ้ว ไม่ค่อยเข้าใจว่าเขาลูบคลำหูของเธอทำไม? หูของเธอมีปัญหาอะไรเหรอ?
เย่ซือเฉินคลึงใบหูของเธอ คลำหาเบา ๆ กลับไม่รู้สึกถึงความแปลกประหลาดใด ๆ ทั้งสิ้น สายตาของเขามองไป จากนั้นก็พบว่าหลังใบหูของเธอกลับไม่มีไฝเม็ดนั้นที่เขาเห็นก่อนหน้านั้น
เย่ซือเฉินค่อย ๆ หรี่ตา มีความเย็นชาและความสุขุม เขาไม่เชื่อว่าคนคนนึงจะวางแผนได้จนถึงขั้นนี้
ยิ่งไปกว่านั้นในตอนนั้นเธอก็ไม่ได้ตั้งใจเผยใบหูให้เขาดู ในตอนนั้นสิ่งที่เธออยากจะให้เขาดูเหมือนจะเป็นหน้าอกใหญ่ของเธอมากกว่า
ที่เย่ซือเฉินคิดไม่มีผิด แม้ว่าเวินลั่วฉิงจะฉลาดขนาดไหน ก็ไม่มีทางปลอมแปลงอะไรไว้ที่หลังหู เพียงแต่ว่าไฝสีแดงที่เขาเห็นก่อนหน้านั้นแน่นอนว่าไม่ใช่ไฝจริง ๆ แต่เป็นสิ่งที่เวินลั่วฉิงใช้เปลี่ยนสีผม เธอไม่ทันระวังจึงทำให้เลอะโดนที่หลังหูนิดนึง ของสิ่งนั้นติดลงบนผิวหนังก็จะเปลี่ยนเป็นสีแดง ดูเหมือนกับไฝเม็ดเล็ก ๆ
ภายหลังเวินลั่วฉิงอาบน้ำที่โรงแรมและสระผม จากนั้นก็ได้ล้างเอาไฝเม็ดนั้นออก
“สามีคะ คุณกำลังทำอะไรอยู่คะ?” เวินลั่วฉิงมองไปทางเขาและกระพริบตา ในตอนนี้เธอไม่รู้จริง ๆ ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่
“เพิ่งสระผมเหรอ?” เย่ซือเฉินไม่ได้ตอบคำถามของเธอ เดิมทีมือที่กำลังคลึงหูของเธอก็เคลื่อนไปที่เส้นผมของเธอ และจับผมของเธอขึ้นมา เส้นผมมันลื่นนุ่มและสะอาด แถมยังมีกลิ่นหอมสดชื่นอ่อน ๆ เธอเพิ่งผ่านการสระมาแน่นอน
ถึงแม้จะไม่เจอไฝเม็ดนั้น แต่ความสงสัยที่เขามีต่อเธอก็ไม่ได้หายไป
“ค่ะ สระเมื่อเช้าตอนออกไปข้างนอกค่ะ” แม้ว่าเวินลั่วฉิงสีหน้าจะไม่ได้แสดงออกความผิดปกติใด ๆ แต่กลับใจสั่นเล็กน้อย จู่ ๆ เขาก็ถามคำถามนี้ มันบ่งบอกว่าเขาสงสัยในตัวเธอแล้วจริง ๆ?
แถมในตอนนี้เขาเจาะจงถามเรื่องผมของเธอ? เขาเจออะไรแล้วจริง ๆ ใช่ไหม?
ในเมื่อก่อนหน้านี้เธอถึงกับเปลี่ยนแปลงผมครั้งใหญ่
“ไปไหนมา?” เย่ซือเฉินจับเส้นผมขึ้นมาข้างหน้า แล้วดมกลิ่น คำถามของเขาในขณะนี้ฟังดูเหมือนชะล่าใจเล็กน้อย
“ไปเดินเที่ยว ซื้อของ” เวินลั่วฉิงใจเต้นเบา ๆ คำพูดของเขาฟังดูเรียบเฉย แต่ว่าแต่ละประโยคกลับทำให้เธอหวาดกลัว เห็นได้ชัดว่านี่คือวิถีของความสงสัย
เวินลั่วฉิงถึงขั้นรู้สึกได้ว่าจากเรื่องละเอียดยิบย่อย พวกนี้เขาใกล้จะค้นพบอะไรแล้ว
“ไปที่ไหน? ไปซื้ออะไร?” เย่ซือเฉินปล่อยผมของเธอ มือหนึ่งกลับวางลงบนคอของเธอ ค่อย ๆ ขยับช้า ๆ
ในตอนนั้นเวินลั่วฉิงรู้สึกได้ว่าเขาดูเหมือนจะบีบคอเธอให้ตาย
“ลานกว้างเหิอไท่ ซื้อเสื้อผ้ามาตัวหนึ่ง” เวินลั่วฉิงยกถุงในมือขึ้น ให้เขาได้เห็นอย่างชัดเจน โชคดีที่เธอเตรียมตัวไว้ก่อนแล้ว
เย่ซือเฉินยิ้มมุมปากและไม่ได้ถามอะไรอีก แต่กลับหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา แล้วกดโทรออก “ตรวจสอบกล้องวงจรวันนี้ของลานกว้างเหิอไท่ ดูว่าคุณผู้หญิงได้ไปซื้อของหรือเปล่า?”
“ครับ ท่านประธาน” เลขาหลิวรับสายอย่างงุนงง แต่รู้สึกตัวได้อย่างรวดเร็ว เขาเพิ่งนึกออกว่าเมื่อวานท่านประธานแต่งงานแล้ว เพียงแต่ทำไมท่านประธานจะต้องตรวจสอบว่าคุณผู้หญิงได้ไปซื้อของหรือไม่?
แน่นอนว่าถึงแม้เลขาหลิวจะสงสัย แต่ก็ไม่กล้าถามออกมา
“สามีคะ คุณไม่เชื่อที่ฉันพูดเหรอคะ?” เวินลั่วฉิงมองเขาอย่างประหม่า สีหน้าไร้ความผิด แต่ก็มีความมีน้อยใจอยู่นิดหน่อย
“เธอว่าไงหละ?” เมื่อสบตากับเธอที่ไร้ความผิดและน้อยใจนั้น เย่ซือเฉินหรี่ตามองไปที่มือที่อยู่บนคอของเธอ ราวกับกำลังล้อเล่นกับเหยื่อในมือ เพื่อรอที่จะเขมือบกินได้ทุกเวลา
เวินลั่วฉิงกระพริบตา ใบหน้างุนงงนิดหน่อย เธอกระตุกมุมปากแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ทำเพียงแค่มองเขาอยู่แบบนั้น ท่าทางนั้นดูเหมือนเซ่อซ่า แต่ก็มีความน้อยใจอยู่เล็กน้อย
เย่ซือเฉินก็ไม่ได้พูดอยู่พักนึง เพียงแต่กระตุกมุมปากเหมือนกับจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม
แสดงได้เหมือนจริงมาก! เขาอยากจะดูว่าเธอจะแสดงไปได้ถึงเมื่อไหร่
“ท่านประธานครับตร วจสอบแล้วครับ ตอนประมาณสิบเอ็ดโมงคุณผู้หญิงได้ไปซื้อเสื้อผ้าผู้หญิงตัวนึงที่ชั้นสอง” เลขาหลิวคล่องแคล่วรวดเร็ว เพียงแค่เวลาไม่นานก็โทรกลับมา
เมื่อได้ยินคำพูดของเลขาหลิว เย่ซือเฉินแอบกำโทรศัพท์มือถือในมือแน่น ตอนสิบเอ็ดโมง! เวลานั้นเขาไปถึงสถานีตำรวจพอดี จากนั้น ฉิงถิงโทรหาเขา บอกว่าเธอลงไปข้างล่างแล้ว ดังนั้นเวลานั้นเธออยู่ที่สถานีตำรวจแน่ ๆ
เป็นไปไม่ได้ที่จะไปซื้อเสื้อผ้าที่ห้าง
เย่ซือเฉินจ้องมองเธอ ลึกไปในดวงตานั้นมีความเย็นชามากขึ้นเล็กน้อย รอบตัวเขามีกลิ่นอายของความอันตรายที่ทำให้คนรู้สึกอกสั่นขวัญหาย
กลิ่นอายของความอันตรายนั้นรุนแรงมาก ถึงแม้เวินลั่วฉิงจิตวิทยาแข็งแกร่งในตอนนี้ก็แทบจะหายใจไม่ออก เหมือนใกล้จะขาดอากาศหายใจ
แม้ว่าคนที่ไม่เคยทำสิ่งไม่ดี เมื่อถูกเขาจ้องมองแบบนี้ ก็ตกใจจนร่างกายอ่อนแรงได้ ไม่ต้องพูดถึงเธอที่ทำเรื่องไม่ดี
ถูกเขาจ้องมองต่อไปแบบนี้ ถึงแม้เธอจะไม่ได้ทำอะไร ทำเพียงแค่จ้องมองเธอแบบนี้ เวินลั่วฉิงเกรงว่าตนเองจะต้านไว้ไม่ไหว จะเผยพิรุธออกมา แล้วทำให้เย่ซือเฉินจับความผิดปกติได้
เธอรู้ว่าถึงความอันตรายของเย่ซือเฉิน ก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่ที่สถานีทำรวจ ทำให้เธอเห็นความเก่งของเขามากกว่าเดิม
เธอรู้ว่าขณะที่พบกับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่ง เมื่อเป็นฝ่ายถูกกระทำก็จะทำให้เสียเปรียบได้ง่าย การอยู่นิ่ง ๆ ไม่ใช่สไตล์ของเธอ
เธอเป็นคนแข็งได้อ่อนเป็นโดยตลอด ยามแข็งแกร่งก็แข่งแกร่ง ยามอ่อนก็อ่อนโยน เพียงแค่ต้องการก็ทำได้ ทั้งหมดนี้ก็เพื่อผลลัพธ์
เวินลั่วฉิงเม้มปากแล้วกัดริมฝีปากเบา ๆ ดวงตาแวววาวมองไปทางเขา กระพริบตาเล็กน้อย
การกระทำเล็ก ๆ น้อย ๆ พวกนี้ เธอทำถูกต้องแล้ว ใบหน้าแสดงออกได้น่าประทับใจยิ่งขึ้น
สีหน้าของเธอมีความขมขื่น ความลำบากใจ แต่ปราศจากความหวาดผวา ความร้อนรน และ
ความกังวลใด ๆ สายตาคู่นั้นใสสะอาด ไร้กังวลจนราวกับว่าถ้าคุณสงสัยก็ถือว่าเป็นความผิดอย่างหนึ่ง
แม้ว่าสายตาคมเหมือนดาบของเย่ซือเฉิน สามารถมองทะลุทุกอย่างได้ แต่ก็มองไม่เห็นความผิดปกติใด ๆ บนใบหน้าของเธอ
เย่ซือเฉินจ้องมองเธอ จู่ ๆ ก็หัวเราะขึ้น เดาว่าถูกเธอทำให้โมโห
“ทางที่ดีเธอควรซ่อนหางจิ้งจอกของเธอให้มิดชิด อย่าให้ฉันจับได้ ไม่เช่นนั้น……” เย่ซือเฉินค่อย ๆ ขยับเข้าไปใกล้เธอ เมื่อเข้าใกล้เธอได้ระยะหนึ่งแล้ว ริมฝีปากเปิดออกเล็กน้อย ๆ ในคำขู่แต่ละคำที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของความอันตรายที่น่าหวาดกลัว
คำพูดของเขาหยุดลง ดวงตาที่จ้องมองผิวขาวของเธอเปล่งประกาย จู่ ๆ เขาก็กัดลงบนลำคอด้านข้างของเธอ กัดนี้ไม่แรง แต่ก็ไม่เบา ทำให้รู้สึกเจ็บนิดหน่อย
เวินลั่วฉิงใจสั่นเล็กน้อย เขาบอกเธอด้วยการกระทำ ถ้าหากถูกเขาจับได้เขาก็จะเขมือบเธอเหรอ?
สำหรับเรื่องนี้ เวินลั่วฉิงรู้สึกว่าเป็นไปได้อย่างมาก……