ส่วนทางหลินเป้ย เจ้าชายใหญ่รู้ดีว่าถ้าหลินเป้ยไม่อยากพูด เขาจะถามไม่ได้ความสักคำเดียว
เจ้าชายใหญ่ลูบจมูก จากนั้นก็กลับเข้าห้องนอนของตัวเอง
สองคนนี้แปลกประหลาดยิ่งนัก!!!
บ่ายสอง ทั้งสามคนออกจากโรงแรมตามนัดหมายด้วยกัน
หลินเป้ยไม่เหลียวมองถังหลินแม้แต่แวบเดียว
ครั้งนี้ถังหลินไม่ได้แสดงความไม่พอใจเลยสักนิด ไม่มีความมืดครึ้มบนใบหน้าเลย มุมปากกลับยกขึ้นเสียด้วยซ้ำ
เสแสร้งเหรอ เขาจะดูสิว่าหลินเป้ยจะเสแสร้งไปถึงเมื่อไหร่?!
หลินเป้ยยิ่งจงใจทำเช่นนี้ ยิ่งแสดงว่ามีพิรุธ……
เนื่องจากเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ ทำให้เจ้าชายใหญ่เกิดความสงสัย ดังนั้นจึงจับตามองถังหลินกับหลินเป้ยเป็นพิเศษ ทว่าเจ้าชายใหญ่ต่างฝ่ายต่างเดินของตัวเอง ไม่เสวนากันเลยสักประโยค
ดูแล้วเหมือนคนแปลกหน้ากันทั้งสองคน
ไม่ถูก สองคนนี้มีอะไรไม่ชอบมาพากลเป็นแน่!!
“หลินเป้ย ตอนกลางวันคุณถังเป็นห่วงอาการป่วยของน้อง จึงไปดูน้อง ทำไมน้องถึงไม่เปิดประตูให้คุณถังล่ะ?”ดวงตาเจ้าชายใหญ่เปล่งประกาย ทันใดนั้นก็ถามหลินเป้ยหนึ่งประโยค
เจ้าชายใหญ่รู้ว่าถ้าเขาถามตรงๆ สองคนนี้คงไม่ตอบแน่ ดังนั้นเขาอยากรู้เรื่องราวรายละเอียดยิบย่อยก่อน
หลินเป้ย:“……”
พี่ชาย พี่เป็นผู้เชี่ยวชาญในการแกล้งน้องชายใช่ไหม?
ไม่ใช่สิ เป็นผู้เชี่ยวชาญ่ในการแกล้งน้องสาว!
เขาเป็นคนพูดไม่รู้จักกาลเทศะเอาเสียเลย
ถังหลินได้ยินเจ้าชายใหญ่พูด มุมปากพลันยกขึ้นอย่างชัดแจ้ง หันสายตาไปมองหลินเป้ย แต่แค่ยิ้มไม่พูดอะไร
เจ้าชายใหญ่ถามถูกใจเขามาก
เขาจะดูสิว่าหลินเป้ยจะตอบยังไง เพราะพี่ชายแท้ๆเป็นคนถามทั้งที
“ไม่อยากเปิดก็ไม่เปิด มีปัญหาอะไร?”หลินเป้ยเงยหน้ามองถังหลินที่มุมปากเป็นรูปเรเดียนที่คล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม จากนั้นก็รู้สึกหดหู่ใจขึ้นมา ทำไม?ทำไมเธอเห็นถังหลินก็ระงับความโกรธไม่อยู่?!
ทำไมถังหลินน่ารังเกียจอย่างนี้?
หลินเป้ยตอบอย่างดื้อดึงสุดๆ ด้วยความสัมพันธ์ของพวกเขาเช่นนี้ คำสนทนาเช่นนี้ถือว่าไม่เหมาะสมนัก แต่ปกติหลินเป้ยอยู่ด้านนอกจะมีอากัปกิริยาดีงามมาโดยตลอด
ถังหลินมองไปยังหลินเป้ยแวบหนึ่ง อืม ดีงาม ดื้อรั้นมาก มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว!!
“ไม่มีปัญหา น้องดีใจก็พอ”เจ้าชายใหญ่ชะงัก จากนั้นก็หัวเราะร่า วันนี้น้องชายเขากินระเบิดมาหรือไงนะ
ธุระตอนบ่ายไม่ค่อยสำคัญเท่าใดนัก หลังจัดแจงธุระเสร็จเรียบร้อย เจ้าชายใหญ่ก็เสนอว่าอยากไปขี่ม้า
ถังหลินไม่มีข้อโต้แย้งใดๆอยู่แล้ว เพียงแต่ชำเหลืองมองหลินเป้ยโดยเฉพาะแวบหนึ่ง รูปร่างหลินเป้ยผอมแห้งขนาดนี้ จะขี่ม้าไหวเหรอ?
ตอนที่ถึงลานขี่ม้า ถังหลินคิดอยากช่วยหลินเป้ยเลือกม้าตัวเล็กสักหน่อย แต่ตัวหลินเป้ยเองกลับเลือกม้าตัวใหญ่โต
ถังหลินเห็นหลินเป้ยจูงม้าออกมา ดวงตาก็หรี่ขึ้น ม้าในลานขี่ม้าผ่านการฝึกฝนเป็นอย่างดี ไม่มีทางทำให้พลาดท่าตกลงมาจากหลังม้าง่ายๆ
แต่หลินเป้ยรูปร่างเล็กดันเลือกม้าตัวใหญ่อย่างนี้ เขาจะปีนขึ้นไปได้หรือ?
ถังหลินกำลังใช้ความคิดก็เห็นหลินเป้ยกระโดดขึ้นขี่บนหลังม้าอย่างว่องไว
ท่าทางราวกับก้อนเมฆและสายน้ำ คล่องแคล่ว งดงาม และสง่ายิ่งนัก
ด้วยท่วงท่าของหลินเป้ยเมื่อกี้ มีความองอาจดั่งเช่นผู้ชายหลายส่วนจริงๆ
ถังหลินมองไปยังเขา ดวงตาทั้งคู่ค่อยๆหรี่ขึ้นทีละนิด ส่วนลึกของแววตากำลังใช้ความคิดหลายส่วน
เห็นทีเจ้าชายน้อยไม่ธรรมดาเอาเสียเลย!!
แน่นอน ถังหลินก็ยังมีเหตุผลเชื่อได้ว่า ตอนนี้หลินเป้ยจงใจแสดงความสามารถต่อหน้าเขา หลินเป้ยจงใจแสดงความองอาจให้เขาดู
“คุณชายถังอย่าได้ดูแคลนน้องชายคนนี้ของผมเชียวนะ ศิลปะการขี่ม้าของเขายอดเยี่ยมมากเลย แน่นอน ไม่เพียงแต่ขี่ม้าชำนาญ เรื่องยิงธนูก็ชั้นหนึ่งเหมือนกัน แล้วยังมีการแข่งรถอีก เขาเล่นได้ดีมากๆเลยนะ เทคนิคการขับรถแข่งของเขาเทียบเท่ากับนักแข่งมืออาชีพเลยนะ”เจ้าชายใหญ่เห็นถังหลินมองหลินเป้ยอย่างตะลึงงัน เขาเลยเดินเข้าไป ซึ่งดูคล้ายไม่ได้ตั้งใจ แต่เหมือนไปทางโอ้อวดมากกว่า
ถังหลินหันไปมองเจ้าชายใหญ่ เห็นใบหน้าโอ้อวดของเจ้าชายใหญ่ ดวงตาถังหลินพลันเปล่างประกายระยิบระยับ
โอ้อวดอะไร?น่าอวดตรงไหน?
อนาคตจะเป็นคนของใครยังไม่แน่เลย?!
ทว่าสิ่งที่เจ้าชายใหญ่กล่าวมานั้น ถังหลินฟังเข้าหูหมดแล้ว สิ่งที่เจ้าชายใหญ่พูดมาทั้งหมดนี้ ล้วนเป็นกิจการชมชอบของผู้ชายทั้งหมด
ดังนั้น หลินเป้ยจงใจแสดงความสามารถอันโดดเด่นทางด้านนี้ เพื่ออำพรางสถานะที่แท้จริง?
ศิลปะการขี่ม้าของหลินเป้ยนั้นไม่เลวจริงๆ ถังหลินกับหลินเป้ยแข่งกันหนึ่งครั้ง ถังหลินพบว่ามาตรฐานของหลินเป้ยเกือบเทียบเท่าเขาแล้ว
สุดท้ายถังหลินชนะมาด้วยปัจจัยได้เปรียบอย่างสูสี
“ศิลปการขี่ม้าของเจ้าชายน้อยเก่งกาจมากจริงๆ”หลังแข่งขันจบสิ้น ถังหลินมองหลินเป้ยด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ซึ่งถังหลินชมหลินเป้ยจากใจจริง
“ขอบคุณคุณชายถังที่ชม”หลินเป้ยไม่ได้ถ่อมตน แถมยังชูหน้าด้วยความกระหยิ่มใจ
“เมื่อกี้ผมได้ยินเจ้าชายใหญ่บอกว่าเจ้าชายน้อยว่ายน้ำเก่งมาก บังเอิญที่ผมก็ชอบการว่ายน้ำเป็นชีวิตจิตใจเหมือนกัน ที่นี่มีสระว่ายน้ำพอดี งั้นพวกเราลองแข่งกันดูอีกสักครั้งเป็นไง”ถังหลินมองหลินเป้ยด้วยรอยยิ้มเบาๆ พลางเชื้อเชิญด้วยความจริงใจ
หลินเป้ยตะลึงเล็กน้อย มองใบหน้ายิ้มแย้มของถังหลิน เธอก็ต้องแอบถอนหายใจ เธอรู้ว่าถังหลินจงใจแน่นอน
พี่ใหญ่รู้ว่าเธอไม่เคยว่ายน้ำมาก่อน ร่างกายเธอเป็นหญิง ซึ่งต้องแต่งเป็นผู้ชายมาโดยตลอด แล้วจะไปว่ายน้ำที่สระว่ายน้ำได้อย่างไร?
เพื่อปฏิเสธการว่ายน้ำ เธออ้างว่าตนกลัวน้ำเสมอมา
ดังนั้นพี่ใหญ่ไม่มีทางพูดแบบนี้กับถังหลินแน่นอน
ถังหลินกำลังพูดโกหกอยู่ชัดๆ
ถังหลินคนนี้ต่ำช้าไร้ยางอาย อีกทั้งยังอำมหิตสุดๆ
“ขออภัย ฉันกลัวน้ำมาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นจึงว่ายน้ำไม่เป็น พี่ชายฉันรู้เรื่องนี้ดี ดังนั้นคุณชายถังคงฟังผิดแล้วล่ะ”หลินเป้ยรู้ดีว่าถังหลินกำลังพูดปด เธอยังรู้ดีว่าถังหลินคิดจะหยั่งเชิงเธอ
แน่นอน เธอยังรู้อีกว่า การปฏิเสธของเธอจะยิ่งทำให้ถังหลินสงสัยมากขึ้น แต่ถ้าหากเธอรับปาก พอลงสระว่ายน้ำจริงๆ ทุกอย่างก็ปิดไม่ได้อีกต่อไป
ดังนั้นแม้นรู้อยู่เต็มอกว่าหลังเธอปฏิเสธจะทำให้ถังหลินสงสัยมากขึ้น เธอก็ยังต้องปฏิเสธอยู่ดี เพราะเธอไร้หนทางอื่นให้เลือก
“กลัวน้ำมาตั้งแต่เด็ก?”ถังหลินมองไปยังเธอ หางคิ้วยกขึ้นเล็กน้อย จากนั้นก็เข้าใกล้หลินเป้ยกะทันหัน พลางกดเสียงให้ต่ำลง:“คุณกลัวน้ำ?หรือกลัวคนอื่นจะรู้ว่า……”
ตอนที่ถังหลินพูด สายตาจงใจมองประเมินร่างกายของเธอ
สุดท้าย สายตาของเขาหยุดอยู่ตรงด้านหน้าของเธอ
ตอนนี้ดูแล้ว ด้านหน้าของเธอยังคงแบนเรียบเหมือนเดิม แต่เขาจำได้ดีว่าผู้หญิงในคืนนั้นหุ่นแสบมาก……
ดังนั้น เธอทำการปลอมแปลงร่างกาย เพื่อไม่ให้คนอื่นรู้ความจริง เธอจึงโหดร้ายกับตัวเองไม่ใช่ย่อย
แต่ทว่า ยังแสดงให้เห็นว่าผู้หญิงคนนี้ละเอียดรอบคอบมาก