บทที่ 100: แผนการ
ผู้นำของตระกูลแอสคาร์ดในรุ่นต่าง ๆ มักจะสนใจในการทหารมาโดยตลอด พวกเขาหลายคนล้วนมีบทบาทสำคัญในกองทัพของจักรวรรดิเซนต์เมซิท ดังนั้น ตระกูลแอสคาร์ดจึงถือได้ว่าเป็นตระกูลของทหารครึ่งหนึ่ง
อาจเป็นเพราะภูมิหลังความสนใจเรื่องการทหารนี้ จึงทำให้เกิดวัฒนธรรมที่คล้ายคลึงกันภายในคฤหาสน์
สาเหตุหนึ่งที่อาจจะเป็นเพราะนโยบายการจัดหาบุคลากร คนรับใช้ที่เชี่ยวชาญในวิชาดาบจะได้รับคะแนนพิเศษในระหว่างการสัมภาษณ์ และสาวใช้ที่มีเครือญาติในกองทัพจะถูกจัดลำดับให้ความสำคัญเป็นพิเศษ
ยิ่งไปกว่านั้นคฤหาสน์ตระกูลแอสคาร์ดยังเป็นสถานที่ทำงานที่ดีอีกด้วย คนรับใช้ทุกคนล้วนได้รับค่าจ้างอย่างเหมาะสม และปริมาณงานที่ได้รับเองก็อยู่ในขอบเขตที่พวกเขาสามารถจัดการได้ มันแทบจะไม่มีการเมืองในที่ทำงานเหมือนในละครเลย ด้วยเหตุนี้จึงมีผู้สมัครจำนวนมากหลั่งไหลเข้ามาอยู่เสมอ
ด้วยเงื่อนไขการรับสมัครดังกล่าว ผู้ที่ได้รับการว่าจ้างส่วนใหญ่จึงมีความสามารถเฉพาะตัว หากพวกเขาทุกคนรวมตัวเป็นหนึ่งเพื่อบรรลุเป้าหมายเดียวกัน คนรับใช้เหล่านี้ก็จะมีระบบระเบียบและประสิทธิภาพเทียบได้กับระดับกองทัพเลยทีเดียว
แม้จะได้รับการอนุมัติอย่างชัดแจ้งมาจากโรเอล แต่แอนนาก็ไม่ได้รีบเร่งที่จะลงมือแต่อย่างใด สิ่งแรกที่เธอทำก็คือการรวบรวมสมาชิกของกลุ่มแฟนคลับคู่รัก โรเอล X อลิเซีย เพื่อจัดการประชุมแบ่งปันข่าวกรองที่สำคัญแก่กันและกัน
ในห้องมืดที่มีแสงสว่างเพียงแสงเทียน ร่างหลายร่างรวมตัวกันอยู่รอบโต๊ะยาว โดยมีแอนนานั่งอยู่ที่ปลายโต๊ะ ดวงตาอันเฉียบคมของเธอตรวจสอบบุคลากรทั้งหมด ด้วยคิ้วที่ขมวด
“พ่อบ้านฟุลเต้อยู่ที่ไหน?”
“พรุ่งนี้ท่านมาร์ควิสต้องเดินทางแต่เช้า ตอนนี้ฟุลเต้จึงกำลังเตรียมการสำหรับเรื่องนั้นอยู่ ดังนั้นเขาจะมาสายสักหน่อย”
“งั้นพวกเราก็จะเริ่มการประชุมโดยไม่รอเขา เอาล่ะ เริ่มการประชุมได้”
แอนนาพยักหน้า พร้อมเปิดการประชุม ทำให้สาวใช้และคนรับใช้ทั้งหมดที่เข้ามารวมตัวกันรอบโต๊ะยาวหันความสนใจมาที่เธอในทันที
การประชุมเริ่มต้นด้วยคำปราศรัย บรรยายถึงวิกฤตที่พวกเขากำลังเผชิญ ก่อนจะอธิบายระเบียบวาระการประชุม หลังจากนั้นทุกคนก็เริ่มรายงานข้อมูลของตนเอง
“วันนี้นายหญิงหันไปมองที่ประตู 11 ครั้งแล้ว ทุก ๆ ครั้งที่มีคนมาเคาะประตู หรือมีเสียงฝีเท้าผ่านทางเดิน เธอจะตอบสนองในทันที แม้ว่าเธอจะเริ่มใช้ส้อมและมีดระหว่างมื้ออาหารได้แล้ว แต่อารมณ์ของเธอก็ยังคงขุ่นมัว วันนี้ความอยากอาหารของนายหญิงลดลงมาจากหนึ่งในสาม เหลือเพียงหนึ่งในสี่…”
“ความอยากอาหารของนายน้อยนั้นยังคงดีอยู่ มันลดลงไปเพียงแค่หนึ่งในสามเท่านั้น”
“ไม่ ไม่ เจ้าจะมองง่าย ๆ แบบนั้นไม่ได้ นายน้อยของเราเป็นคนตะกละมาก การที่ความอยากอาหารของเขาลดลงไปถึงหนึ่งในสาม ถือเป็นวิกฤตครั้งใหญ่ชัด ๆ !”
“การนอนหลับของนายหญิงอลิเซียเองก็ลดลงไปเช่นกัน ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา โดยเฉลี่ยแล้วเธอนอนหลับไปเพียง 4 ชั่วโมงต่อวันเท่านั้น”
เมื่อได้ยินคำรายงานของสมาชิกแฟนคลับ แอนนาก็เริ่มรวบรวมข้อมูลเข้าด้วยกันเพื่อประเมินภาพรวม ต้นตอของปัญหานี้ยังคงเป็นความเข้าใจผิดที่เกิดขึ้นระหว่างเด็กทั้งสอง อลิเซียนั้นแสดงอารมณ์ฉุนเฉียวอย่างชัดเจน ทว่าโรเอลกลับไม่สามารถระบุเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังได้
“แบบนี้เรื่องที่นายหญิงกำลังศึกษาคาถาเวทเพื่อนายน้อย ยังต้องเก็บเป็นความลับอยู่รึเปล่า?”
“ใช่ ข้าเกรงว่าพวกเราไม่สามารถเอาเรื่องนั้นมาใช้ในกรณีนี้ได้ นายหญิงยืนกรานที่จะซ่อนเรื่องนี้จากนายน้อย เพราะเธอเกรงว่ามันจะกระทบกระเทือนความภาคภูมิใจของนายน้อย อีกอย่างมันอาจจะส่งผลให้นายน้อยสูญเสียความรู้สึกอยากปกป้องเอาใจใส่ที่มีต่อนายหญิงได้”
“ข้าไม่คิดว่านายหญิงอลิเซียจะต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนั้นนะ”
แอนนาผู้คุ้นเคยกับโรเอลเป็นอย่างดีส่ายหัวพร้อมถอนหายใจออกมา มันเป็นไปไม่ได้ที่โรเอลจะหยุดสนใจอลิเซียเพียงเพราะเธอแข็งแกร่งขึ้น ตรงกันข้ามโรเอลอาจจะชื่นชมยินดีกับเธอเลยด้วยซ้ำ
มันคล้ายกับการที่มนุษย์ไม่จำเป็นจะต้องดูแลแมว แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้มนุษย์หยุดที่จะต้องการลูบไล้ดูแลพวกมัน ไม่ใช่เหรอ?
“ถ้านายหญิงอลิเซียไม่เป็นฝ่ายลงมือก่อนล่ะก็ สถานการณ์จะกลายเป็นว่าเธอทำงานหนักเพื่อนายน้อย แต่นายน้อยกลับนอกใจเธอ”
“ฮือ นายหญิงช่างน่าสงสารเหลือเกิน!!!”
“เงียบไปเลย พวกเรากำลังอยู่ระหว่างการประชุมนะ!”
แอนนาตำหนิสาวใช้อย่างดุดันเพื่อรักษาระเบียบวินัยในที่ประชุม ก่อนที่จะรวบรวมข้อมูลอย่างรวดเร็วเพื่ออธิบายผลการวิเคราะห์ของเธอ
“หลายวันที่ผ่านมานี้ หลังจากที่ได้แยกกันไปพัก ความขัดแย้งระหว่างทั้งสองคนก็น่าจะเริ่มคลี่คลายลงไม่มากก็น้อย ทั้งสองฝ่ายต่างแสดงให้เห็นถึงความต้องการกลับมาคุยกันอย่างมาก”
“อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ถูกปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่าในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา นายน้อยเริ่มปิดกั้นตัวเอง และหยุดที่จะมองหานายหญิงอลิเซีย กลับกันแล้ว นายหญิงอลิเซียเองก็ไม่รู้ว่าเธอควรจะไปเผชิญหน้ากับนายน้อยอย่างไรดีหลังจากที่ได้แสดงอารมณ์ฉุนเฉียวกับเขา นี่คือปัญหาหลักที่พวกเราต้องแก้ไขในตอนนี้”
“ว่าแต่พวกเราควรจะทำอย่างไรกันดี…”
“เรื่องนี้มันง่ายมาก”
เมื่อต้องเผชิญกับคำถามจากสมาชิกแฟนคลับ หัวหน้าแฟนคลับก็ยืนขึ้นอย่างภาคภูมิใจ ด้วยแววตาอันเปล่งประกายแวววาว
“เราแค่ต้องพังประตูที่อยู่ระหว่างนายน้อยกับนายหญิงอลิเซีย”
…
“นายหญิง จะไม่ทานเพิ่มอีกหน่อยเหรอคะ? นี่คือปลาเฮย์ลีย์ที่ปรุงสด ๆ ส่งตรงมาจากท่าเรือเลยนะคะ”
“ฉันอิ่มแล้ว”
ในห้องนอนขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของคฤหาสน์เขาวงกต อลิเซียวางส้อมลงพร้อมส่ายหัวเพื่อปฏิเสธปลาอันแสนอร่อย ที่มีทั้ง รสชาติ กลิ่น และรูปลักษณ์อันน่ารับประทาน
“ช่วงนี้ฉันไม่ค่อยหิวเท่าไหร่”
“เข้าใจแล้วค่ะ ดิฉันจะบอกพ่อครัว เพื่อให้พวกเขาปรับเปลี่ยนตามประสงค์ของนายหญิงค่ะ”
“อา ไม่ใช่แบบนั้น นี่มันไม่ใช่ความผิดของพ่อครัวเลย! อาหารอร่อยมาก มันก็แค่…”
“นายหญิง ไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้หรอกนะคะ ดิฉันได้ยินมาว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ นายน้อยเองก็ไม่เจริญอาหารเช่นกัน ดังนั้นมันต้องเป็นความผิดของพ่อครัวแน่ค่ะ!”
คำพูดที่อลิเซียไม่คาดคิดว่าจะได้ยินมาจากปากของสาวใช้ ทำให้เธอตกใจ เด็กสาวค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองสาวใช้ของเธอ จากนั้นก็หยุดครุ่นคิดอย่างลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถาม
“ท…ท่านพี่เองก็… ไม่ค่อยเจริญอาหารงั้นเหรอ ?”
“ใช่ค่ะ…ดิฉันได้ยินมาจากสาวใช้คนอื่น ๆ ว่าเขาแทบไม่ได้กินอะไรเลย”
สาวใช้ตอบคำถามของอลิเซียพร้อมลูบคางของเธอด้วยท่าทางเหมือนกำลังนึกย้อนถึงคำบอกเล่าที่ได้ยินมาจากเพื่อนร่วมงาน
“ดูเหมือนว่านายน้อยรับประทานอาหารไปเพียงไม่ถึงครึ่งของปกติ ช่างเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงจริง ๆ หลังจากการทดสอบครั้งใหญ่ของเขา นายน้อยควรจะทานอาหารให้เพียงพอเพื่อที่เขาจะได้พักฟื้นร่างกายอย่างเหมาะสมแท้ ๆ”
“ไม่ถึงครึ่งงั้นเหรอ?”
“ใช่ค่ะ นั่นคือสิ่งที่ดิฉันได้ยินมา ทำให้แอนนาเป็นห่วงเขามาก”
สาวใช้ถอนหายใจเฮือกใหญ่ พลางเริ่มทำความสะอาดจานและช้อนส้อม
นี่ทำให้อลิเซียเริ่มกระวนกระวายใจ เธอรู้ดีว่าโรเอลเป็นคนตะกละขนาดไหน มันเป็นเรื่องยากจริง ๆ ที่ความอยากอาหารของเขาจะลดลงได้…
“ด..เดี๋ยวก่อนสิ! ท่านพี่ป่วยงั้นเหรอ? เขาได้ไปพบแพทย์บ้างหรือยัง?”
“เขาได้รับการวินิจฉัยโดยแพทย์แล้วค่ะ แต่ดูเหมือนว่าร่างกายของเขาจะไม่ได้มีปัญหาอะไร แพทย์บอกเพียงแค่ว่ามันเป็นปัญหาที่เกิดจากจิตใจค่ะ”
“จิตใจ?”
“ใช่แล้วค่ะ นายหญิง เขาน่าจะกำลังมีช่วงเวลาอันยากลำบาก นายน้อยมักจะเดินเตร่ไปมาอย่างกระสับกระส่ายในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา ทุกคนต่างก็กังวลว่าร่างกายของเขาจะแย่ลงหากยังเป็นแบบนี้ต่อไป!”
สาวใช้เก็บทุกอย่างอย่างว่องไวแล้ววางพวกมันกลับเข้าไปในถาดก่อนจะเดินออกไป พร้อมปิดประตูลง ทิ้งให้อลิเซียนั่งกังวลอยู่ภายในห้อง
ป…เป็นเพราะเรางั้นเหรอ? เป็นเพราะเราปฏิเสธที่จะพบกับท่านพี่โรเอลในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา ทำให้เขารับประทานอาหารไม่ได้เลยงั้นเหรอ?
หน้าผากเล็ก ๆ ของอลิเซียย่นลงด้วยความกังวล ในครั้งสุดท้ายที่เธอเห็นเขา ร่างของโรเอลนั้นเต็มไปด้วยบาดแผล และสภาพของเขาดูอ่อนแอมากหลังจากการลอบสังหารครั้งนั้น ตอนนี้เขาจึงยังอยู่ในช่วงพักฟื้น เขาควรจะทานอาหารให้เพียงพอ เพราะถ้าเด็กชายข้ามมื้ออาหารของเขาในเวลาเช่นนี้ล่ะก็…
ความกังวลและการติเตียนตนเองแผ่ขยายอย่างรวดเร็วในหัวใจของอลิเซีย อันที่จริงเธอไม่ได้โกรธเขาแล้วหลังจากที่ได้ทำใจให้สงบมาหลายวัน เพียงแต่ว่าเธอไม่เคยโมโหโกรธใครมาก่อน ดังนั้นเธอจึงไม่รู้ว่าจะคืนดีกับโรเอลอย่างไรดี ส่งผลให้เรื่องนี้ถูกผลัดไปครั้งแล้วครั้งเล่าจนมาถึงบัดนี้
ตอนแรกอลิเซียตั้งใจที่จะรออีกสักสองสามวันก่อนที่จะกลับไปยังห้องอาหารเพื่อรับประทานอาหารร่วมกับเขา แต่สิ่งที่เธอเพิ่งได้ยินจากสาวใช้ทำให้เด็กสาวรู้สึกไม่มั่นคงเป็นอย่างมาก นั่นก็เพราะสำหรับเธอแล้วจะมีอะไรสำคัญไปกว่าสุขภาพและความปลอดภัยของโรเอลล่ะ?
“เร็ว ๆ นี้ ท่านพี่ทำอะไรบ้างเหรอ?”
“เขายังปฏิบัติตามกิจวัตรเดิมเหมือนเมื่อก่อนค่ะ เพียงแต่เขายังไม่ได้เรียนต่อ เนื่องจากท่านมาร์ควิส บอกว่าร่างกายของเขาต้องการพักผ่อน ดังนั้นเขาจึงอุทิศเวลาไปกับการศึกษาด้วยตนเองและฝึกฝนวิชาดาบค่ะ”
“จะว่าไปแล้ว ดิฉันได้ยินมาจากแอนนาว่านายน้อยดูไม่ค่อยมีแรงเท่าไหร่ เมื่อวานนี้ในขณะที่เขาฝึกวิชาดาบ เขาเกือบจะได้รับบาดเจ็บเสียเองด้วยค่ะ”
“ด…เดี๋ยวก่อน! เล่ามาหน่อยสิ!”
กระสุนอีกนัดหนึ่งถูกยิงไปที่อลิเซีย หัวใจของเธอหดตัวอย่างรวดเร็ว สภาพที่กระวนกระวายใจของเด็กสาว ทำให้เหล่าสาวใช้ประหลาดใจจนทุกคนเริ่มพูดติดอ่าง
“อันที่จริงก็ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะ นายน้อยมักจะโดดเรียนวิชาดาบ ซึ่งท่านมาร์ควิสก็เคยตำหนิเขาหลายครั้งเกี่ยวกับเรื่องนี้”
“นายน้อยจึงมักจะพลาดพลั้งเผลอทำตัวเองบาดเจ็บในการฝึกดาบของเขา นายหญิงอลิเซีย ไม่จำเป็นต้องกังวลไปหรอกค่ะ”
สาวใช้พยายามอย่างเต็มที่เพื่อสร้างความมั่นใจให้อลิเซีย ว่าเธอไม่จำเป็นต้องตำหนิตัวเองในเรื่องนี้ ทว่านั่นกลับทำให้เด็กสาวยิ่งรู้สึกอึดอัดมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อได้ยินคำพูดของพวกเขา
สิ่งที่สาวใช้พูดมานั้นก็ไม่ได้ผิด แต่นั่นเป็นเพียงแค่เหตุการณ์ในอดีต ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมาโรเอลได้ฝึกฝนอย่างขยันขันแข็ง ทักษะการใช้ดาบของเขาเทียบไม่ได้เลยกับในอดีต มันจึงแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะพลาดพลั้งเผลอทำตัวเองเจ็บหากสถานการณ์เป็นปกติ
แค่คิดว่าโรเอลถูกใบดาบบาดก็มากเกินพอแล้วที่จะทำให้อลิเซียตกใจ เด็กสาวสามารถเอาชนะความกลัวต่อของมีคมได้แล้วก็จริง แต่เธอนั้นไม่สามารถทนต่อการรับรู้ว่าคนที่รักนั้นได้รับบาดเจ็บ
“คืนนี้ฉันจะเข้าร่วมรับประทานอาหารที่ห้องอาหาร ฉันจะไปพบท่านพี่”
หลังจากพิจารณาอยู่สักพัก ในที่สุดอลิเซียก็ตัดสินใจได้ อย่างไรก็ตามคำพูดเหล่านั้นกลับกระตุ้นการตอบสนองอันรุนแรงจากเหล่าสาวใช้รอบ ๆ ตัวเธอ
“นายหญิงกำลังพูดถึงเรื่องอะไรงั้นเหรอคะ? ท่านลืมสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้วเหรอคะ? นายหญิงจะให้อภัยนายน้อยง่าย ๆ แบบนี้ได้อย่างไร?”
“ใช่แล้ว นายหญิง อย่าเพิ่งยอมแพ้ง่าย ๆ แบบนั้นสิคะ!”
สาวใช้ทั้งสองคนที่คอยดูแลอลิเซียตั้งแต่วันที่เธอมาถึงคฤหาสน์เขาวงกต เริ่มทิ้งเรื่องของโรเอลไปในทันทีที่อลิเซียพูดถึงเขา
“นายหญิงอลิเซียพยายามอย่างหนักในการศึกษาฝึกฝนคาถาเวทเพื่อประโยชน์ของนายน้อย ทว่านายน้อยทำอะไร? เขากลับไปนอกใจกับฝ่าบาทนอร่าลับหลังท่าน! เขาต้องชี้แจ้งเรื่องนี้กับนายหญิงให้กระจ่างก่อนค่ะ!”
“ไม่ใช่แบบนั้นหรอก ฉันคิดว่า…”
“จริงสิ! นายน้อยคงคิดว่านายหญิงอยู่ในมือของเขาแล้ว นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงได้แสดงท่าทางแบบนั้น ผู้ชายทุกคนนี่เหมือนกันหมดจริง ๆ! นายหญิงไม่ต้องกังวลไปหรอกค่ะ พวกเราจะสนับสนุนท่านเอง! เหตุการณ์เพิ่งผ่านไปเพียงไม่กี่วันเท่านั้น ในความคิดของดิฉัน ท่านควรปล่อยให้เขารอคอยต่อไปเป็นเวลาสักหนึ่งเดือน!”
อลิเซียขมวดคิ้วแน่นเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น เธอพยายามทำให้สาวใช้ทั้งสองสงบลง แต่ก็ทำได้ไม่ดีเท่าไหร่
“นายหญิงไม่จำเป็นต้องกังวลไปหรอกค่ะ พวกเราได้รับการสนับสนุนจากทุกคนในคฤหาสน์ พวกเราจะต้องแสดงให้นายน้อยได้เห็นข้อผิดพลาดในทางเลือกของเขาอย่างแน่นอน!”
“ใช่แล้ว! นายหญิงอย่าได้กังวลไปเลยค่ะ ปล่อยให้พวกเราจัดการเถอะ! ไม่ว่าจะเป็นตอนรับประทานอาหาร ตอนเดิน หรือตอนอาบน้ำ พวกเราจะประสานงานกับสาวใช้คนอื่น ๆ ที่อยู่กับนายน้อย เพื่อให้นายหญิงไม่ไปเจอกับเขาโดยบังเอิญเองค่ะ!”
“เดี๋ยวก่อน ฉันคิดว่านั่นมันออกจะมากเกินไปหน่อย!”
การยืนยันของเหล่าสาวใช้ทำให้อลิเซียตกตะลึง เมื่อได้ยินว่าสาวใช้และคนรับใช้ของคฤหาสน์อยู่ข้างเธอ เด็กสาวจึงรู้ตัวว่าเธอได้ทำผิดพลาดครั้งใหญ่เสียแล้ว เธอทำให้สถานะของโรเอลตกต่ำลงในสายตาของเหล่าคนใช้โดยไม่รู้ตัว
หากปล่อยไว้แบบนี้ต่อไปคงจะไม่ดีแน่ ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปล่ะก็ ชื่อเสียงของโรเอลเองก็จะได้รับผลกระทบไปด้วยเช่นกัน!
ขณะที่อลิเซียกำลังตื่นตระหนกอยู่ในใจ สาวใช้ทั้งสองก็หันมามองกัน หนึ่งในนั้นแอบดึงเชือกส่งเสียงสัญญาณกริ่งให้ข้างนอกรู้ จากนั้นไม่กี่วินาทีต่อมา จู่ ๆ สาวใช้คนหนึ่งก็รีบวิ่งเข้ามาในห้องอย่างตื่นตระหนก
“ข่าวร้ายค่ะนายหญิง! นายน้อยล้มป่วยไปแล้วค่ะ!”