บทที่ 105: เขาเป็นของข้า
นั่นเป็นเสียงของอลิเซียไม่ผิดแน่…
สิ่งนี้ทำให้เด็ก ๆ ทั้งคู่ในห้องมีความรู้สึกที่แตกต่างกันออกไป
โรเอล รู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ด้วยที่ตอนนี้เขากำลังพยายามที่จะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ให้นอร่าเห็น พอจู่ ๆ อลิเซียกระโดดเข้ามา ต่อให้ใช้ปลายเท้าคิดก็รู้ว่านี่ไม่ใช่เรื่องดีแน่!
ซึ่งลางสังหรณ์ไม่ดีของโรเอลก็ได้รับการสนับสนุนจากแสงจ้าที่แวบผ่านแววตาของนอร่าเป็นอย่างดี
“พี่ใหญ่?”
“ฉ…ฉันอยู่นี่ อลิเซีย”
โรเอลตอบด้วยน้ำเสียงที่ตึงเครียดเล็กน้อย
ทันทีที่ประตูเปิดออก อลิเซียในชุดสีขาวงดงามก็เดินเข้ามา เธอส่งรอยยิ้มอันอบอุ่นให้กับโรเอลก่อนจะหันไปทางนอร่าด้วยใบหน้าที่ดูอบอุ่นน้อยกว่าเล็กน้อย ก่อนจะยกชายกระโปรงขึ้นเพื่อแสดงความเคารพ
“สวัสดีตอนบ่าย ฝ่าบาท นานแล้วที่พวกเราไม่ได้เจอกัน ครั้งสุดท้ายคือที่งานเลี้ยงวันคล้ายวันเกิดของท่านสินะคะ”
“สวัสดีตอนบ่าย อลิเซีย ใช่แล้วพวกเราไม่ได้เจอกันมานานพอตัวเลยล่ะ ก่อนหน้านี้ข้าได้ไปเยี่ยมที่ห้องของเจ้า แต่พอดีได้ยินมาว่าเจ้ายังหลับอยู่ ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะเตรียมตัวพร้อมได้เร็วถึงขนาดนี้”
นอร่าตอบรับคำทักทายของอลิเซียด้วยรอยยิ้ม ทว่าคำพูดของเธอสื่อให้เห็นถึงความไม่พอใจที่อีกฝ่ายเข้ามาขัดขวางบทสนทนาระหว่างเธอกับโรเอลอย่างชัดเจน
แต่อลิเซียก็ไม่ได้สะทกสะท้านกับคำพูดนั้นแต่อย่างใด เด็กสาวเพียงแต่ตอบกลับไปด้วยความสงบ
“ขออภัยที่ต้องทำให้รอนาน เมื่อคืนนี้เป็นครั้งแรกของดิฉันกับท่านพี่ ดังนั้นพวกเราจึงอยู่กันดึกไปหน่อย จนเกิดปัญหาทำให้ตื่นสายกว่าเวลาปกติค่ะ”
คำอธิบายของอลิเซียทำให้นอร่าขมวดคิ้วและทำให้โรเอลแข็งทื่อจนกลายเป็นใบ้
เราคงไม่ได้ทำแบบนั้นลงไปจริง ๆ ใช่ไหม? ไม่ เราไม่ควรตื่นตระหนก เราควรชี้แจงสถานการณ์ให้เรียบร้อยก่อน
“อลิเซีย เธอช่วยอธิบายความหมายของคำว่า ‘ครั้งแรก’ ที่ว่าหน่อยได้ไหม?”
“หืม? มันก็ต้องหมายถึงครั้งแรกที่ดิฉันได้นอนเตียงเดียวกันกับท่านพี่อยู่แล้วสิคะ?”
“อ่า เข้าใจแล้ว”
โรเอลปาดเหงื่อออกจากหน้าผากอย่างโล่งอก ด้วยหัวใจที่ผ่อนคลาย
แม้จะมีการชี้แจงอย่างชัดเจน แต่นอร่าก็ไม่ได้รู้สึกดีใจเลยแม้แต่น้อย เด็กสาวจะดีใจได้อย่างไรเมื่อได้ยินว่าคนที่เธอรักได้ใช้เตียงร่วมกับน้องสาวที่ไม่มีความเกี่ยวข้องทางสายเลือดของเขา? คงจะมีแต่นักบุญเท่านั้นแหละที่รู้สึกยินดีกับสิ่งนี้ได้!
ประเด็นนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับความจริงที่ว่าโรเอลทำผิดหรือไม่ สิ่งที่นอร่าต้องจัดการก็คือ มันมีความเป็นไปได้ที่โรเอลจะทำผิดพลาดซ้ำสองอีกครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้วยสถานการณ์ในปัจจุบัน! ถ้าครั้งนี้พวกเขากล้าที่จะใช้เตียงร่วมกัน คราวหน้าก็อาจจะจบลงที่การทำกิจกรรมบนเตียงก็เป็นได้!
“อลิเซีย ข้าไม่คิดว่านั่นเป็นการกระทำที่เหมาะสมสำหรับสตรีเท่าไหร่นะ”
นอร่ายังคงยิ้มอย่าง ‘ใจดี’ พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงวิพากษ์วิจารณ์
“ตระกูลแอสคาร์ดเป็นตระกูลที่น่านับถือและมีประวัติอันยาวนานอยู่เบื้องหลัง พวกเขาไม่น่าจะยกโทษให้การกระทำอันน่าอับอายของเยาวชนสองคนที่ใกล้เข้าสู่วัยผู้ใหญ่มาใช้เตียงร่วมกัน
ทางเดียวที่ยอมรับการปฏิบัติดังกล่าวได้ก็คือจะต้องเป็นครอบครัวธรรมดาที่มีลูกหลานจำนวนมาก ข้าเชื่อว่าคฤหาสน์เขาวงกตนั้นมีห้องมากพอให้เจ้าเลือก ดังนั้นเจ้าควรสงวนตัวเองไว้ด้วยความเคารพในเกียรติของวงศ์ตระกูล”
“จะว่าไปพอพูดถึงเรื่องนี้แล้ว โรเอล ถ้าข้าจำไม่ผิด ก่อนหน้านี้เจ้ากับข้าเคยกอดกันที่ห้องไหนนะ? หลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนไปในช่วง 200 ปีที่ผ่านมา ทำให้ข้าจำทางไม่ค่อยได้เท่าไหร่”
“กอดกัน? พี่ใหญ่?”
“ไม่ใช่ นั่นมัน…”
คำพูดชี้นำของนอร่าทำให้ใบหน้าของอลิเซียมืดลงไปเล็กน้อย โรเอลจึงต้องอธิบายสถานการณ์ทั้งหมดให้เด็กสาวฟังอย่างรวดเร็ว ทำให้อลิเซียที่เคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับการท่องเวลากลับไปในอดีตของทั้งคู่ ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
น่าเสียดายที่นอร่าไม่คิดจะปล่อยให้สิ่งต่าง ๆ สงบลงไปทั้งอย่างนั้น
“โรเอล เจ้ายังไม่ได้ชี้ห้องให้ข้าดูเลยนะ”
นอร่ายังคงถามต่อไปด้วยรอยยิ้ม โรเอลจึงทำได้เพียงแค่พยายามนึกถึงเรื่องนี้อย่างจริงจัง อย่างไรก็ตามความทรงจำดังกล่าวทำให้ใบหน้าของเขาซีดเซียวลงไปในทันที
เดี๋ยวก่อนนะ ห้องนั้นหรือว่าจะเป็น… อึ๋ย!
“ห..ห้องที่สามทางปีกตะวันตกของคฤหาสน์”
“ห้องที่สามทางปีกตะวันตกของคฤหาสน์สินะ… คำอธิบายของเจ้าดูเป็นนามธรรมมาก ขอข้าลองนึกเกี่ยวกับมันสักครู่ก่อนนะ… อา นั่นมันห้องนอนของอลิเซียไม่ใช่เหรอ?”
นอร่าอุทานสิ่งที่เธอ ‘นึกขึ้นได้’ ก่อนจะรีบหันไปหาอลิเซียด้วยท่าทางเหมือนกำลังขอโทษ
“โอ้ ข้าไม่คาดคิดเลยว่า ห้องนอนของอลิเซียจะเป็นห้องที่พวกเราเคยใช้มาก่อน อ่า แต่ข้าว่าพวกเขาน่าจะเปลี่ยนเตียงนั้นออกไปแล้วสินะ ช่างเป็นเรื่องบังเอิญจริง ๆ ได้โปรดเพิกเฉยต่อสิ่งที่ข้าเพิ่งพูดไปด้วย”
นอร่ามองไปทางอลิเซียผู้กำลังเดือดดาลด้วยความเห็นอกเห็นใจ ราวกับกำลังสงสารเธอ มันเป็นการโจมตีครั้งใหญ่ที่ไม่ได้มีผลเพียงแค่กับอลิเซีย แต่ยังรวมถึงโรเอลอีกด้วย
นี่มันกำลังเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
เมื่อสัมผัสได้ถึงบรรยากาศอันเยือกเย็นโรเอลก็ไม่กล้าแม้แต่จะกลืนน้ำลายลงคอ เขาพยายามอย่างเต็มที่เพื่อที่จะหายตัวกลืนไปกับฉากหลังให้ได้มากที่สุด เพื่อที่ตัวเองจะได้ไม่ต้องเข้าไปพัวพันกับสงครามอันน่าสะพรึงกลัวนี้
อลิเซียค่อย ๆ สงบลมหายใจลง นำรอยยิ้มกลับมาบนใบหน้าของเธอ
“อ่า นั่นคงจะเป็นห้องที่เต็มไปด้วยความทรงจำสำหรับฝ่าบาทใช่ไหมคะ? ในเมื่อเป็นแบบนั้น จะให้ดิฉันย้ายออกจากมันดีไหมคะ? ดิฉันกับท่านพี่จะได้ย้ายกันไปใช้ห้องอื่นแทน หรือบางทีดิฉันควรเป็นฝ่ายไปเยี่ยมห้องของท่านพี่แทนบ้างในคราวหน้า”
อลิเซียปรบมือ พลางยิ้มออกมาอย่างไร้เดียงสา ราวกับว่าเด็กสาวเพิ่งนึกถึงความคิดดี ๆ ได้ คำพูดเหล่านั้นกลายเป็นหนามทิ่มแทงในใจของนอร่า ทำให้ความเย็นชาเข้ามาปกคลุมแววตาของเธอไปชั่วขณะ นอร่าไม่คิดมาก่อนเลยว่าเด็กสาวคนนี้จะเป็นคู่ต่อสู้ที่เคี้ยวยากขนาดนี้
“อลิเซีย เรื่องดังกล่าวควรเป็นสิ่งที่ได้รับความยินยอมร่วมกัน ก่อนหน้านี้ไม่นานโรเอลนั้นเพิ่งได้รับบาดเจ็บสาหัสมา ดังนั้นเจ้าควรให้เวลาพักผ่อนกับเขา เจ้าไม่คิดอย่างนั้นหรอกเหรอ?”
นอร่าชำเลืองมองดูเด็กชายผมดำที่แสร้งทำตัวเป็นธาตุอากาศ แสดงท่าทางขู่ว่าหากเขากล้าพูดเป็นอย่างอื่นล่ะก็ไม่ได้ตายดีแน่ ร่างกายของโรเอลสั่นสะท้านโดยไม่ได้ตั้งใจเมื่อต้องสบตากับเธอ ทำให้สัญชาตญาณของเด็กชายส่งเสียงกริ่งเตือนดังขึ้นในหัวของเขา
“ฉันเห็นด้วยกับสิ่งที่นอร่าพูดนะ อลิเซีย มันไม่เหมาะสมเท่าไหร่ที่พวกเราจะใช้เตียงร่วมกัน”
แม้ว่าโรเอลจะถูกบังคับให้พูดคำเหล่านั้น แต่เด็กชายเองก็คิดว่ามันไม่เหมาะเท่าไหร่เช่นกันที่พวกเขาทั้งสองจะใช้เตียงร่วมกัน แน่นอนเขาไม่ได้พูดคำเหล่านี้เพียงเพราะว่าเขากลัวนอร่าจนตัวซีดหรอกนะ!
แก้มของอลิเซียพองโตด้วยความขุ่นเคือง เธอครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบไปในที่สุด
“ในเมื่อท่านพี่ว่าเช่นนั้น ดิฉันก็จะทำตามความปรารถนาของท่าน อย่างไรก็ตามดิฉันได้ยินมาว่าหมู่นี้ท่านพี่มีปัญหาด้านการนอนหลับ ซึ่งดนตรีก็เป็นหนึ่งในวิธีที่ดีเพื่อผ่อนคลายและช่วยในการนอนหลับ ดิฉันค่อนข้างมั่นใจในทักษะด้านการดนตรี และเชื่อว่ามันจะช่วยให้ท่านพี่ฟื้นตัวได้ไวขึ้น จนกว่าท่านพี่จะหายดี ดิฉันจะช่วยอยู่เคียงข้างให้เองค่ะ”
อลิเซียพูดด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่น
ทว่าโรเอลกลับมีสีหน้าที่แปลกไป เล่นเครื่องดนตรี ผ่อนคลายก่อนนอน… เด็กชายอดไม่ได้ที่จะนึกถึงคำอุปมาอุปมัยทั้งหมดที่ตนเองเคยเห็นบนอินเทอร์เน็ตในอดีตชาติ ทำให้ใบหน้าของเขาแดงก่ำด้วยความเขินอาย และรีบโยนคำความหมายแฝงที่มีเรท R ทั้งหมดกลับลงไปยังส่วนลึกของจิตใจ
“ไม่ต้องลำบากไปหรอกน่า แค่พูดคุยกันก็น่าจะพอแล้ว”
โรเอลพูดพร้อมกับโบกมือของเขา หวังจะกระจายกลิ่นของดินปืนระหว่างสองสาว ทว่าเด็กชายก็ต้องตกใจกับท่าทีของสาว ๆ ทั้งคู่ พวกเธอต่างก็ไม่มีความตั้งใจที่จะปล่อยให้สิ่งต่าง ๆ สงบลงเท่านี้
“อลิเซีย ข้าเข้าใจว่าพวกเจ้าสองคนเป็นพี่น้องกันที่อาศัยอยู่ภายใต้ชายคาเดียวกัน แต่เมื่อพิจารณาแล้วว่าพวกเจ้าไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด มันจะเหมาะสมกว่า หากพวกเจ้าทั้งสองคนจะรักษาระยะห่างให้เหมาะสมกว่านี้”
“ดิฉันขอคัดค้านค่ะ ฝ่าบาท ครอบครัวที่กลมกลืนกันถือเป็นรากฐานของความสุข หลายคนต่างก็อุทิศชีวิตเพียงเพื่อจะได้มีครอบครัวเฉกเช่นพวกเรา ดิฉันไม่คิดว่าพวกเราควรจะแยกตัวออกจากกัน เพียงเพราะกลัวว่าคนอื่นจะคิดเช่นไรค่ะ”
“ข้าเห็นด้วยกับเจ้าว่าครอบครัวที่ปรองดองกันถือเป็นสิ่งสำคัญ อย่างไรก็ตามความสนิทสนมไม่ใช่สิ่งที่ควรจะคำนึงฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เจ้าควรจะพิจารณาถึงความเป็นไปได้ที่การกระทำของเจ้า อาจจะไปรบกวนโรเอล”
“ฝ่าบาท ที่ท่านเข้าใจเช่นนี้ เพราะว่าท่านลืมคำนึงถึงความผูกพันอันลึกซึ้งระหว่างดิฉันกับท่านพี่ แม้ท่านอาจจะไม่รู้ถึงเรื่องนี้ แต่ดิฉันมีอาการกลัวของมีคมโดยเฉพาะมีด เพื่อช่วยดิฉัน ท่านพี่จึงมักจะมานั่งข้าง ๆ ดิฉันระหว่างมื้ออาหาร เพื่อป้อนอาหารให้ นั่นเป็นวิธีที่ทำให้พวกเราสนิทสนมกันค่ะ ฝ่าบาท”
หลังจากพูดจบ อลิเซียก็เหลือบมองไปยังโรเอล ด้วยความเขินอายระคนหลงใหล สายตาของเธอดูน่ารักเสียจนหัวใจของโรเอลเต้นระรัว ทำให้เขาอยากจะกระโดดไปกอดเธอแน่น ๆ
ทว่าแรงกระตุ้นนี้ก็ได้ถูกขจัดออกไปอย่างรวดเร็วด้วยความกลัวที่ตามมา
“ที่นางพูดเป็นเรื่องจริงอย่างนั้นหรือ?”
เสียงอันเย็นชาราวกับค่ำคืนแห่งหายนะ ดังก้องอยู่ในหูของโรเอล ทำให้ร่างกายของเขาแข็งทื่อ
“ใช่ ใช่แล้ว มันเป็นความจริง มันเป็นเรื่องจำเป็น อลิเซียต้องการการดูแลเป็นพิเศษ”
“ให้คนรับใช้ทำก็ได้ไม่ใช่เหรอ?”
“ฝ่าบาท ดิฉันขอร้องอย่างนอบน้อม ขอให้ท่านอย่าได้ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องภายในตระกูลแอสคาร์ดจะได้รึเปล่าคะ? ดิฉันเชื่อว่านี่เป็นเรื่องส่วนตัวของดิฉันกับท่านพี่ที่จะตัดสินใจร่วมกัน คุณธรรมแห่งความเมตตาและความเอื้ออาทรของตระกูลเซไซต์ ทำให้บรรดาขุนนางของจักรวรรดิเซนต์เมซิทรวมตัวกันเป็นหนึ่งเดียวจนถึงตอนนี้ ดิฉันเชื่อว่าฝ่าบาทเองก็คงตั้งใจที่จะรักษาแนวทางปฏิบัติที่ดีนั้นด้วยเช่นกัน”
ยัยเด็กคนนี้!
รูม่านตาของนอร่าเบิกกว้างเมื่อได้ยินอลิเซีย กล่าวนามของตระกูลเซไซต์มาสู่ข้อโต้แย้งนี้ ทำให้เธอไม่สามารถหักล้างค่านิยมดังกล่าวที่ตระกูลเซไซต์ยึดถือได้ เนื่องจากมันเป็นกุญแจสำคัญในสันติภาพและความมั่นคงของจักรวรรดิเซนต์เมซิทมาอย่างช้านาน
นอกจากนี้มันยังเป็นข้อห้ามเด็ดขาด สำหรับบุคคลภายนอกที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องภายในตระกูลขุนนางอื่น ๆ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับตระกูลราชวงศ์ การแทรกแซงที่มากเกินไปอาจจะทำให้เกิดข้อสงสัยเคลือบแคลงใจในเจตนารมณ์ของราชวงศ์ได้ มันอาจเป็นอันตราย หากคนอื่นมองว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการพยายามรวบรวมอำนาจเข้ามาสู่ราชวงศ์
นอร่ารู้ดีว่าเธอผิดพลาดไปแล้ว เด็กสาวจึงรีบหุบปากของตนเองลง นัยน์ตาสีไพลินเปล่งประกายขององค์หญิงสบเข้ากับนัยน์ตาสีทับทิมของอลิเซีย เกิดเป็นประกายไฟในจินตนาการที่แทบจะปรากฏขึ้นมาทั่วห้อง
ต้องยอมรับว่านอร่าประเมินอลิเซียต่ำเกินไปจริง ๆ คู่ต่อสู้ของเธอฉลาดกว่าคนอื่น ๆ ในรุ่นราวคราวเดียวกันมาก ก่อนหน้านี้นอร่าคิดว่าความรู้สึกของอลิเซียที่มีต่อโรเอลนั้นเป็นเพียงแค่ในมุมมองของเครือญาติ ซึ่งจะค่อย ๆ จางหายไปตามกาลเวลา อย่างไรก็ตามตอนนี้เธอไม่กล้าที่จะคิดแบบเดิมอีกต่อไป
เห็นได้ชัดว่าอลิเซียรักโรเอล ความรู้สึกของเธอที่มีต่อเขานั้นลึกซึ้ง โชคดีที่โรเอลยังไม่สังเกตเห็นถึงสิ่งนั้น ซึ่งอาจจะเป็นเพราะว่าอลิเซียได้ปกปิดความรู้สึกของเธอเอาไว้ภายใต้ม่านของเครือญาติ
ฮึ่ม ลูกเล่นเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้มันช่าง
นอร่ามักชอบที่จะเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายอย่างตรงไปตรงมาด้วยความรู้สึกทั้งหมดของเธอ ดังนั้นเธอจึงประเมินกลวิธีของอลิเซียอย่างดูถูก แต่องค์หญิงก็ต้องยอมรับว่ากลยุทธ์ของอลิเซียในการยืนเคียงข้างโรเอลอย่างเงียบ ๆ และแทรกซึมทุกแง่มุมในชีวิตของเขา ช่างเป็นสิ่งที่น่ากลัวจริง ๆ
เด็กสาวไม่ควรมองข้ามประโยชน์ของความใกล้ชิดนี้เลย อันที่จริงหากนอร่าจะกล่าวว่าอลิเซียได้ก้าวนำหน้าเธอไปแล้วในการแข่งขันครั้งนี้ก็คงไม่ผิดไปซะทีเดียว หากทั้งสองยังคงนอนกอดกัน และป้อนอาหารให้กันทุกวันแบบนี้ต่อไป อีกไม่นานพวกเขาจะต้องกลายเป็นคู่รักกันจริง ๆ แน่!
การตระหนักรู้นี้ทำให้นอร่าหวาดระแวงถึงขีดสุด น่าเสียดายที่เธอรู้ตัวช้าเกินไปหน่อย ตอนนี้โรเอล จึงได้รับการหล่อเลี้ยงให้กลายเป็นพวกชื่นชอบน้องสาวไปแล้วเป็นที่เรียบร้อยตลอดช่วงระยะเวลาครึ่งปีที่ผ่านมา เพียงสามวันที่ขาดอลิเซียก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เขาซึมเศร้า
ด้วยเหตุนี้การโต้เถียงจึงหยุดลงไปในที่สุด ด้วยการนำคติของราชวงศ์ขึ้นมาอ้าง ทำให้อลิเซียสามารถคว้าชัยชนะในการเผชิญหน้าครั้งนี้ไปได้ อย่างไรก็ตามนอร่านั้นยังไม่คิดจะยอมให้มันจบสิ้นเพียงเท่านี้ เธอยังคงมีไพ่ตายอีกใบอยู่ในมือ
“จะว่าไปแล้ว ข้าเพิ่งได้พบกับท่านลุงคาร์เตอร์ในช่วงเช้า เขาบอกว่า เขายังไม่ได้แจ้งเรื่องนี้ให้กับพวกเจ้าทราบ และบอกให้ข้าเป็นคนมาแจ้งกับพวกเจ้าแทน”
ในช่วงเวลาแห่งความสิ้นหวัง จู่ ๆ นอร่าก็ปรบมือเข้าหากัน เผยรอยยิ้มอันสดใสขึ้นมาบนริมฝีปาก การเปลี่ยนหัวข้ออย่างกะทันหันของเธอทำให้อลิเซียรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย
“หืม? มันเกี่ยวกับฉันด้วยงั้นเหรอ?”
“แน่นอนสิ”
ริมฝีปากของนอร่าขดขึ้นกลายเป็นรอยยิ้มอันชั่วร้ายที่โรเอลแสนจะคุ้นเคย เธอดึงโรเอลเข้ามาที่ด้านข้างของเธออย่างสง่างามก่อนจะหันไปทางอลิเซีย
“ตระกูลแอสคาร์ด และตระกูลเซไซต์ ได้ทำข้อตกลงกัน ให้ข้าเป็นผู้พิทักษ์ของโรเอล พอจะเข้าใจแล้วใช่ไหม?”
“ว่าเขาเป็นของข้า”