บทที่ 114: พ่อรู้สึกกลัวแทนเจ้าจริง ๆ
ในพระราชวัง สาวใช้ผมสีเทากำลังพยายามระงับความตื่นเต้นของเธอ ขณะที่เธอเดินไปยังห้องของเจ้านาย นี่เป็นวันที่มีความหมายเป็นอย่างมากสำหรับมีอา เพราะเป็นวันที่เธอตั้งตารอมาตลอด แต่มันก็ทำให้สาวใช้รู้สึกเศร้าเล็กน้อยเช่นกัน
นี่เป็นวันที่องค์หญิงนอร่าจะเข้าร่วมพิธีการปกป้องคุ้มครองและกลายเป็นผู้พิทักษ์สำหรับผู้สืบทอดของตระกูลแอสคาร์ด โรเอล แอสคาร์ด ผ่านพิธีอันยิ่งใหญ่นี้
มีอา ในฐานะสาวใช้ส่วนตัวของนอร่ารู้สึกยินดีกับสิ่งนี้เป็นอย่างยิ่ง
บทบาทของ ‘สาวใช้ส่วนตัว’ เป็นตำแหน่งพิเศษภายในครัวเรือน เนื่องจากลักษณะของงานจึงมีข้อกำหนดที่เข้มงวด และเลือกเฉพาะผู้ที่มีความสามารถเท่านั้น หากพูดถึงผู้สืบทอดตระกูลขุนนางชั้นสูงและราชวงศ์แล้วล่ะก็ สาวใช้ส่วนตัวของพวกเขาเองก็มักจะเป็นคนที่มีฐานะดีเช่นกัน
มีอาเองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้นสำหรับกฎนี้ แม้จะเป็นสาวใช้ส่วนตัวของนอร่า แต่จริง ๆ แล้วเธอนั้นมาจากตระกูลขุนนางสูงศักดิ์ และพ่อของเธอเองก็มีตำแหน่งสำคัญอยู่ในราชสำนัก บทบาทของเธอในฐานะสาวใช้ส่วนตัวของนอร่าทำให้ตระกูลของเธอได้รับประโยชน์เป็นอย่างมาก บิดาของเธอได้รับการเลื่อนตำแหน่ง และพี่ชายคนโตของเธอก็ได้รับการยอมรับจากราชวงศ์เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม มีอาพบว่าตัวเองค่อย ๆ ห่างเหินจากสมาชิกในตระกูลของเธอไปเรื่อย ๆ มนุษย์มักจะอ่อนไหวที่สุดในช่วงวัยรุ่น และมันก็เป็นวัยที่เธอต้องเข้าไปในพระราชวังเพียงลำพัง เธอเผชิญกับความยากลำบากและความขุ่นเคืองมากมาย แต่สาวใช้ก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องฝังมันเอาไว้ในใจ เพราะเธอไม่มีญาติอยู่เคียงข้างเลย
แม้แต่ในวันหยุดเองก็เช่นกัน เมื่อมีอากลับบ้านเพื่อเยี่ยมเยียนครอบครัวของเธอ สมาชิกในครอบครัวกลับดูเหมือนจะกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปของราชวงศ์ มากกว่าความเป็นอยู่ที่ดีของเธอ พ่อของมีอาสั่งสอนเธอครั้งแล้วครั้งเล่าว่าให้ทำงานอย่างถูกต้อง เพื่อสร้างเกียรติให้แก่วงศ์ตระกูล ซึ่งพี่น้องของสาวใช้เองก็พูดกับเธอเพียงเพื่อที่จะแสวงหาเส้นทางอาชีพที่ดีขึ้นเท่านั้น
บางครั้ง มีอารู้สึกว่าตนเองเป็นเครื่องมือสำหรับตระกูลมากกว่าที่จะเป็นสมาชิกในครอบครัวเสียอีก ความรู้สึกที่มีต่อเครือญาติของเธอลดลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ตลอดหลายปีที่ผ่านมา แต่นั่นก็ไม่สามารถหยุดความปรารถนาที่จะรักและต้องการความรักได้
ด้วยเหตุนี้ มีอาจึงฝากความรู้สึกไว้กับนอร่า ซึ่งเติบโตมาพร้อม ๆ กัน หลายปีที่อยู่ด้วยกันทำให้สาวใช้รู้สึกเหมือนเธอเป็นพี่สาวคนโตของนอร่า ถึงแม้ว่ามีอาจะตระหนักได้ว่าการคิดเช่นนี้นั้นช่างถือเป็นความหยิ่งทะนง เธอจะไปเทียบกับสถานะอันสูงส่งของนอร่าได้อย่างไร? แต่ถึงแม้ว่าจิตใจที่มีเหตุผลของเธอจะบอกเป็นอย่างอื่น แต่สัญชาตญาณของสาวใช้ก็ผลักดันให้เธอลงมือทำเรื่องต่าง ๆ โดยคำนึงถึงผลประโยชน์สูงสุดของนอร่า และนั่นคือเหตุผลที่เธอตัดสินใจเคลื่อนไหวในตอนนี้
เมื่อไม่นานมานี้ มีอาได้ใช้ช่องทางเส้นสายของเธอเพื่อเผยแพร่ข่าวลือ ข่าวลือเกี่ยวกับเด็ก ๆ สองคนที่รักกัน แต่ต้องพบกับความยากลำบากมากมายระหว่างทาง และถูกบีบให้ต้องแยกจากกัน มันถูกสร้างขึ้นมาอย่างมีเล่ห์เหลี่ยมเพื่อกระตุ้นความเจ็บปวดทางจิตใจที่เหล่าขุนนางจำนวนมากต้องทนทุกข์ทรมานจากการแต่งงานทางการเมือง แม้ว่าจะไม่มีการใช้ชื่อเรียกในข่าวลือ แต่มันก็ไม่ยากเกินไปสำหรับผู้คนที่จะรวมเบาะแสเข้าด้วยกันเพื่อค้นหาว่าใครคือเด็ก ๆ ทั้งสองคนนั้น
มีอาไม่ได้ทำเพื่อความสนุกอย่างแน่นอน ไม่เลย เธอมีเป้าหมายที่ชัดเจนในใจ นั่นก็คือการขยายฐานแฟนคลับคู่รัก โรเอล X นอร่า นั่นเอง!
ตอนแรกมีอาคิดว่ามันเป็นเรื่องมหัศจรรย์ที่นอร่าจะสนใจใครสักคนจริง ๆ คนนอกมองว่านอร่าเป็นคนสูงส่ง สง่างาม เห็นอกเห็นใจ เป็นสิ่งมีชีวิตที่เกือบจะสมบูรณ์แบบ แต่มีอาก็สามารถบอกได้ว่านอร่านั้นไม่เคยสนใจใครอย่างจริง ๆ จัง ๆ มาก่อน เธอปฏิบัติต่อทุกคนอย่างเท่าเทียม ทำให้ในอีกมุมมองหนึ่ง นั่นก็หมายความว่าไม่มีใครที่เธอสนิทด้วยจริง ๆ เลยเช่นกัน
เหตุการณ์เช่นนี้สำหรับมีอาแล้วถือว่าเป็นเรื่องผิดปกติ มนุษย์ไม่สามารถอยู่ได้โดยปราศจากเพื่อน ทุกคนอาจมีช่วงเวลาในชีวิตที่จะต้องอยู่คนเดียว แต่นั่นไม่ควรเป็นเรื่องปกติ
ถึงกระนั้น นอร่าก็กลายเป็นข้อยกเว้น ไม่ได้หมายความว่าเธอไม่มีคนเคียงข้าง กลับกันแล้วเธอสามารถหา ‘เพื่อน’ ได้มากมายหากเธอต้องการ แต่การสร้างความสัมพันธ์ที่แท้จริงนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง การจะทำเช่นนั้นได้บุคคลทั้งสองฝ่ายจะต้องมีตำแหน่งเทียบเคียงเท่าเทียมกัน เพื่อสร้างสายสัมพันธ์เชื่อมต่อกันอย่างแท้จริง แต่ด้วยตำแหน่งอันสูงส่งของนอร่าและความแข็งแกร่งของเธอ จึงไม่มีใครในอายุรุ่นราวคราวเดียวกันที่เธอจะสามารถพูดคุยได้ด้วยจริง ๆ
ยิ่งไปกว่านั้น… อาจไม่ดีนักสำหรับมีอาที่จะพูดแบบนี้ แต่เธอรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติเกี่ยวกับนอร่า มีบางครั้งที่เธอทำผิดพลาดและควรได้รับการลงโทษอย่างรุนแรง แต่นอร่ากลับทำเพียงแค่เหยียบร่างที่คุกเข่าลงของเธอ
ร่างกายของนอร่านั้นเบามาก และเธอก็แทบจะไม่ได้ใช้กำลังใด ๆ เลยเมื่อก้าวลงมาบนตัวของมีอา การลงโทษเช่นนี้ถือเป็นการลงโทษได้จริง ๆ หรือ? แล้วทำไมนอร่าถึงตื่นเต้นมากหลังจากที่ได้ทำการลงโทษไปแล้วล่ะ?
นอร่าคงจะใส่ใจเธอมาจริง ๆ เลยไม่เต็มใจที่จะลงโทษเธอ และทำทีเป็นแสร้งว่าลงโทษแล้วแทน
มีอาโน้มน้าวตัวเองว่าความจริงจะต้องเป็นเช่นนี้แน่ ก่อนที่จะรู้สึกปลาบปลื้มกับเรื่องนี้อีกครั้ง
อืม ฝ่าบาทช่างปฏิบัติต่อเราดีเกินไปจริง ๆ!
ด้วยความคิดเช่นนั้น ในที่สุดมีอาก็เดินมาถึงห้องของนอร่าและเคาะประตูห้องเพื่อขออนุญาตเข้าไป
…
“ฝ่าบาท วันนี้ท่านตื่นเร็วกว่าปกตินะคะ”
“ข้านอนไม่หลับน่ะ”
นอร่าตอบด้วยรอยยิ้มอันขมขื่น
ด้วยการดูแลสภาพร่างกายอย่างเข้มงวด นอร่าไม่เคยคิดว่าสักวันหนึ่งจะมีวันที่เธอนอนไม่หลับขึ้นมาจริง ๆ
“นี่แสดงว่านายน้อยโรเอล มีความสำคัญต่อฝ่าบาทมากไงคะ”
“ข้าก็ว่าอย่างนั้น”
เมื่อต้องเผชิญกับรอยยิ้มล้อเลียนของมีอา นอร่าก็เงียบไป เด็กสาวเขินอายเล็กน้อยที่จะต้องแสดงความรู้สึกออกมา แต่เธอไม่ปฏิเสธเรื่องนี้ เธอไม่คิดว่าตัวเองจำเป็นจะต้องปกปิดความรู้สึกของเธอ จักพรรดินีที่แท้จริงจะต้องแสดงอารมณ์ของตนออกมาอย่างอิสระ และปล่อยให้ผู้ติดตามเป็นคนจัดการกับมัน นอกจากนี้ เป้าหมายที่นอร่ากำลังจะไปหาก็คือเด็กชายจากตระกูลแอสคาร์ด เธอจึงรู้ว่ามันจะไม่มีประโยชน์อะไรเลย หากเธอทำสิ่งนี้อย่างครึ่ง ๆ กลาง ๆ
คำแนะนำของวิกตอเรียได้กระแทกจิตใจของเธอมากจริง ๆ ไม่ว่าจะเป็น พอนเต้หรือโรเอล วิธีจัดการกับพวกผู้ชายที่ลังเลใจแบบนี้ก็คือการโจมตีอย่างหนัก จะเป็นการดีที่สุดถ้าหากเธอสามารถล้มเขาลงได้ในการการโจมตีทางจิตใจเพียงครั้งเดียว อย่างน้อย ๆ เธอก็ต้องตรึงเขาเอาไว้ให้ได้ เพื่อไม่ให้คู่แข่งรายอื่นเข้ามาขวางทาง
นอร่าหวนนึกถึงเด็กสาวผมสีเงินที่อยู่ข้าง ๆ โรเอลตลอดเวลา ก่อนจะถอนหายใจออกมาอีกครั้ง ดูเหมือนว่าเธอจะเริ่มต้นช้าไปหนึ่งก้าวตั้งแต่แรกเสียแล้ว อลิเซียได้พบกับโรเอลเร็วกว่าเธอ พวกเขาได้สร้างสายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างกันก่อนเธอ ถ้านอร่าพยายามเล่นเป็นวายร้ายและดึงพวกเขาออกจากกัน อาจจะทำให้ส่งผลเสียย้อนกลับมาแทนได้
นอกจากนี้ หากนอร่าทำเช่นนั้นก็ไม่ใช่อะไรที่เหมาะสมเช่นกัน มิฉะนั้นคนอื่นอาจเข้าใจผิดว่าเจตนาของเธอคือการสร้างความบาดหมางกันท่ามกลางตระกูลชนชั้นสูงก็เป็นได้ ซึ่งอาจกลายเป็นภัยคุกคามความมั่นคงของจักรวรรดิเซนต์เมซิท ดังนั้นเธอจะไม่ตัดสินใจอย่างโง่เขลาเช่นนั้นแน่
สิ่งเดียวที่นอร่าสบายใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็คืออลิเซียยังเด็กและไร้เดียงสา แทนที่จะสารภาพความรู้สึกที่มีต่อโรเอลออกไป อลิเซียกลับเลือกที่จะซึมซับความอบอุ่นที่เกิดจากเครือญาติแทน เธอกลัวที่จะบอกไป เพราะเกรงว่ามันอาจจะทำลายความสัมพันธ์ปัจจุบันของพวกเขาได้ หรือบางทีก็อาจเป็นเพราะความเขินอาย ไม่ว่ามันจะเป็นเรื่องไหนมันก็ไม่สำคัญ
สิ่งที่สำคัญก็คืออลิเซียเลือกที่จะแสดงท่าทีเฉยเมย ตราบใดที่เธอพอใจที่จะรักษาสภาพแบบที่เป็นอยู่นี้ นอร่าก็มีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จ
มีอาหยิบระฆังบนโต๊ะมากดเบา ๆ เสียงอันคมชัดดังก้องอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่กองทัพสาวใช้จะรีบเร่งเข้ามาในไม่กี่วินาทีต่อมา พวกเขาจัดห้อง เตรียมเสื้อคลุม และวางเครื่องสำอางไว้บนโต๊ะอย่างเรียบร้อย ในขณะเดียวกัน มีอาก็พานอร่าไปอาบน้ำที่ห้องข้าง ๆ
ในขณะที่พระราชวังเริ่มดำเนินการอย่างวุ่นวาย ที่คฤหาสน์เขาวงกต โรเอลก็กำลังยืนอยู่ตรงหน้าแอนนาผู้มีดวงตาเหมือนกับหิน เธอใช้มืออันว่องไวเพื่อแต่งหน้าให้กับเด็กชาย โรเอลจ้องมองเงาสะท้อนของเขาในกระจก และอดไม่ได้ที่จะรู้สึกทึ่งกับความอ่อนวัยของเขา
หยาดน้ำค้างปีศาจช่างเหลือเชื่อ ใช้มันเพียงไม่กี่หยด แล้วรูปลักษณ์ของเราก็ดูดีขึ้นสุด ๆ ยิ่งไปกว่านั้น ครั้งนี้ไม่ใช่แค่หยาดน้ำค้างปีศาจเพียงอย่างเดียวเท่านั้น…
ขวดอันวิจิตรที่วางอยู่ตรงหน้าเขาดูไม่ต่างจากกองเหรียญทองกองเล็ก ๆ ในสายตาของโรเอล ความจริงแล้ว เครื่องสำอางเหล่านี้ไม่ได้ถูกจัดเตรียมโดยตระกูลแอสคาร์ดแต่อย่างใด ต่อให้เป็นตระกูลขุนนางชั้นสูง แต่ทั้งคาร์เตอร์และโรเอลก็ใช้ชีวิตอย่างหยาบโลน มาร์ควิสคาร์เตอร์มักใช้เวลาในกองทัพจึงไม่ต้องการเครื่องสำอาง ในขณะที่โรเอลแตกต่างจากขุนนางทั่วไปที่ไม่เคยคิดจะใช้เวลาหาวิธีแต่งเติมรูปลักษณ์เพื่อดึงดูดเพศตรงข้าม เพราะมันไม่จำเป็น
เครื่องสำอางเหล่านี้เป็นของขวัญที่โรเอลได้รับมาจากอาร์เว่น ผู้จัดการของสมาคมพ่อค้าโซโรฟยาเมื่อไม่กี่วันก่อน เมื่อเขาได้ยินว่าฝ่าบาทนอร่ากำลังจะกลายเป็นผู้พิทักษ์ของโรเอล เขาเกือบจะล้มเป็นลมเพราะความยินดี เขาไม่เคยคิดว่าเครือข่ายการเชื่อมต่อของเขาจะขยายตัวขึ้นไปในลักษณะที่น่ากลัวถึงเพียงนี้ เพียงเพราะการลงทุน 5,000 เหรียญทองที่เขาทำเมื่อไม่กี่เดือนก่อน
ตอนนี้อาร์เว่นไม่สนแล้วว่าโรเอลจะขายอะไรให้กับเขาอีก ตราบใดที่เขาสามารถรักษาความสัมพันธ์ฉันมิตรกับโรเอลได้ สมาคมพ่อค้าโซโรฟยาก็จะต้องมีธุรกิจที่ดีได้ในเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ลอเรน เขาจะสามารถใช้ประฟโยชน์จากบารมีในฐานะเพื่อนร่วมงานอย่างใกล้ชิดของโรเอล เพื่อให้ได้ข้อตกลงที่ดีสำหรับสมาคมการค้า และหากทุกอย่างเป็นไปด้วยดี เขาก็อาจจะกลายเป็นผู้จัดหาสินค้ารายหลักของราชวงศ์เลยก็ว่าได้ การได้เป็นผู้จัดหาสินค้ารายหลักจะเปลี่ยนลักษณะธุรกิจของสมาคมพ่อค้าโซโรฟยาไปในทันที
แน่นอน แผนการเหล่านี้นั้นอยู่ในขั้นตอนสุดท้าย มันขึ้นอยู่กับอาร์เว่นว่าเขาจะสามารถรักษาความสัมพันธ์อันใกล้ชิดกับโรเอลได้หรือไม่ ดังนั้น อาร์เว่นจึงตัดสินใจเพิ่มการลงทุนเป็นสองเท่าและส่งสินค้าล่าสุดของสมาคมพ่อค้าโซโรฟยามาให้กับโรเอล
ยกตัวอย่าง ขวดที่บรรจุแป้งสีชมพูที่รู้จักกันในชื่อ ความรักสีชมพู มันมีผลทำให้พลังของหยาดน้ำค้างปีศาจ กลมกลืนลงเล็กน้อยเพื่อทำให้ใบหน้าดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น เพียงขวดเล็ก ๆ ก็มีราคาหลายสิบเหรียญทอง อีกทั้งยังเป็นผลิตภัณฑ์ที่ยังไม่ได้มีการนำมาวางจำหน่ายที่ไหนมาก่อนอีกด้วย แผนของพวกเขาก็คือการเปิดตัวมันอย่างยิ่งใหญ่ในฤดูใบไม้ผลิหน้า และตอนนี้พวกเขาก็กำลังอยู่ในขั้นตอนหาวิธีในการนำเสนอมัน
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือมันเป็นสินค้าที่ไม่มีใครสามารถซื้อได้แม้ว่าจะมีเงินก็ตาม
นี่ถือเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดตามปกติของสมาคมพ่อค้าโซโรฟยา ในการเอาชนะใจสตรีสูงศักดิ์และหญิงสาวที่พลาดท่า เพื่อเข้าถึงขุมทรัพย์ของตระกูลขุนนางผู้ร่ำรวย มันเป็นแนวโน้มตามธรรมชาติของมนุษย์ที่จะต้องแสวงหาความงาม นอกจากนี้รูปลักษณ์ภายนอกเองก็มีความสำคัญมากในแวดวงของชนชั้นสูง
“นายน้อย วันนี้ท่านดูดีมากค่ะ”
แม้ว่าแอนนาจะแสดงท่าทีเยือกเย็นออกมาอย่างอธิบายไม่ได้ตลอดทั้งวัน แต่สาวใช้ก็ไม่สามารถหยุดตัวเองจากการชมเชยโรเอลได้ หลังจากนั้นเธอจึงพาโรเอลลงไปหามาร์ควิสคาร์เตอร์และอลิเซีย
ในฐานะที่เป็นหนึ่งในดาวเด่นของพิธีการปกป้องคุ้มครอง เหล่าสมาชิกตระกูลแอสคาร์ดจะต้องเข้าร่วมในพิธีทุกคน คาร์เตอร์เลือกที่จะแต่งกายในเครื่องแบบนายทหารที่เป็นทางการแทนชุดสูทอันสูงส่งของเขา นั่นทำให้เขาดูหนุ่มขึ้นมาก กลับกันแล้ว อลิเซียสวมชุดสีขาวพลิ้วไหว ซึ่งทำให้โรเอลประหลาดใจ
โรเอลแอบมองอลิเซียสองครั้งก่อนจะหลบสายตาของเขาอย่างรวดเร็ว อลิเซียนั้นค่อนข้างสวยอยู่แล้ว แต่สิ่งนั้นกลับถูกเน้นย้ำด้วยเสื้อคลุมและเครื่องสำอางที่สมาคมพ่อค้าโซโรฟยาจัดหามาให้ นำความงามของเธอมาสู่ระดับที่เกือบจะเหนือธรรมชาติ ถึงจุดที่โรเอลพบว่ามันเกินจินตนาการไปมาก ชวนให้นึกถึงตัวตนอันงดงามที่ปรากฏในความฝันของใครก็ตาม
ขณะเดียวกันอลิเซียก็จับที่ชายกระโปรงของเธอพร้อมก้มศีรษะลงด้วยความเขินอาย หน้าของเธอแดงเสียจนแทบจะพูดไม่คล่องอีกต่อไป
“อลิเซีย วันนี้เธอดูสวยมาก”
“พี่ใหญ่โรเอลก็เหมือนกันค่ะ… ไม่สิ หนูไม่ได้จะหมายถึงแบบนั้น! หมายถึงว่าวันนี้พี่ใหญ่เองก็ดูดีเช่นกันค่ะ! เอ่อ พวกเรามาจับมือกันเดินไปด้วยกันไหมคะ?”
“หืม? ได้สิ”
โรเอลยื่นแขนให้อลิเซียคว้าไว้ จากนั้นทั้งสองคนก็สบตาและยิ้มให้กัน สีหน้าเคร่งขรึมของแอนนา บรรเทาลงเล็กน้อยหลังจากได้เห็นปฏิสัมพันธ์ระหว่างเด็ก ๆ ทั้งสอง รอยยิ้มกลับมาที่ใบหน้าของเธอในที่สุด
กลับกันมาร์ควิสคาร์เตอร์กลับเต็มไปด้วยความรู้สึกผสมปนเปเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาเหลือบมองไปยังทิศทางของพระราชวังพลางถอนหายใจยาว ๆ ในใจ
ข้าขอให้เจ้ามีชีวิตที่สงบสุขนะ โรเอล