บทที่ 128: ที่นี่มีสิทธิมนุษยชนอยู่จริง ๆ งั้นเหรอ?
ณ ส่วนลึกพระราชวัง ในเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ของจักรวรรดิเซนต์เมซิท
“เดี๋ยวก่อนสิ น..นอร่า ใจเย็น ๆ! อย่า! อย่า อย่า อย่า อย่า อย่า!”
ปึง!
ภายในห้องว่างที่มีแสงสลัว ๆ เตรียมไว้สำหรับงานเลี้ยง เด็กสาวผมสีทองกำลังสบตาอยู่กับเด็กชายรูปงามที่สั่นกลัว
ช่วงเวลาสองปีที่ผ่านไป ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่างในรูปลักษณ์ของพวกเขา
โรเอล หรือเด็กชายผมดำได้เติบโตขึ้นมาก คล้ายกับวายร้ายที่เขาจำได้ในเกมอาย ออฟ โครนิเคิล ท่าทางของเขาดูสุขุมนุ่มลึกดูเป็นชายชาตรีมากขึ้น ส่งผลให้ภาพลักษณ์ที่แสนน่ารักของโรเอลถูกแทนที่ด้วยภาพลักษณ์ที่อ่อนโยนหล่อเหลาและดูเป็นหนุ่มน้อยวัยแรกรุ่นยิ่งขึ้น
สิ่งที่โดดเด่นที่สุดก็คือความสูงของเขา ในช่วงสองปีที่ผ่านมาโรเอลเติบโตขึ้นมาก รูปร่างของเขาสูงขึ้น และช่วงไหล่เองก็กว้างขึ้นเล็กน้อยเช่นกัน ด้วยที่เด็กชายสืบเชื้อสายโครงสร้างร่างเล็กของเหล่าบรรพบุรุษจอมเวท เขาจึงไม่ได้ดูตัวแน่นเทอะทะเสียเท่าไหร่ กลับกันยิ่งทำให้เขาดูสง่างามเยี่ยงสุภาพบุรุษ
อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายของโรเอลนั้นแทบจะไม่สามารถเปรียบเทียบกับของนอร่าได้เลย ว่ากันว่าวัยแรกรุ่นมักจะเปลี่ยนเด็กสาวให้กลายเป็นหญิงสาว คำพูดนั้นเหมาะสำหรับกรณีนี้ที่สุด เธอยังคงมีผมสีทองยาวเหมือนเมื่อก่อน แต่ที่ต่างออกไปก็คือความสง่างามของเด็กสาวฉายชัดออกมายิ่งกว่าเมื่อก่อนมาก
นอร่าสูงขึ้นเล็กน้อย ทำให้รูปลักษณ์ของเธอก็ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นไปด้วยเช่นกัน แม้แต่ท่าทางที่ละเอียดอ่อนที่สุดจากเธอก็ยังแสดงให้เห็นถึงความมั่นใจและบรรยากาศอันทรงพลัง ทำให้เด็กสาวดูเหมือนจักรพรรดินีที่แท้จริงมากขึ้นเรื่อย ๆ ความน่ารักแบบเด็ก ๆ ของนอร่าลดน้อยลงไปเปลี่ยนเป็นเสน่ห์ชวนหลงใหลแบบหญิงสาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งหน้าอกของเธอที่ครั้งหนึ่งเคยราบเรียบ ตอนนี้ได้เริ่มขยายออกมาให้เห็นเด่นชัดมาก
ไม่ต้องสงสัยเลยว่านอร่าจะต้องสวยมากขึ้นเรื่อย ๆ ไปตามกาลเวลา เมื่อเห็นว่าเธอเริ่มเปลี่ยนไปคล้ายกับรูปลักษณ์ที่เขาจำได้ในเกมอาย ออฟ โครนิเคิลมากขึ้น โรเอลก็รู้สึกประทับใจอย่างบอกไม่ถูก
แต่ก่อนที่จะพูดถึงความรู้สึกที่แท้จริงของเขา โรเอลต้องจัดลำดับความสำคัญในการเอาชีวิตรอดเสียก่อน เขาสัมผัสได้ว่าเด็กสาวผมทองที่อยู่ตรงหน้านั้นได้สูญเสียการควบคุมของอารมณ์ไปแล้วด้วยความตื่นเต้น ภายในห้าวินาทีนับตั้งแต่ที่พวกเขาสบตากัน ลมหายใจของนอร่าก็เริ่มหนักขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนที่จะกระโจนใส่โรเอลอย่างกะทันหัน ทำให้เขาล้มลงไปกับพื้น
เสียง “ปึง” ดังกังวานมาจากเก้าอี้ของโรเอลที่ล้มลงกับพื้น เขารีบหันไปทางประตูและจ้องเขม็งไปทางนั้นครู่หนึ่ง โชคดีที่ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครคิดจะเข้ามาตรวจสอบความโกลาหลนี้
โรเอลปาดเหงื่อออกจากหน้าผากของตนก่อนจะหันไปมองหญิงสาวผมทองที่นั่งอยู่บนร่างของเขา
“เธอเสียสติไปแล้วเหรอ? ข้างนอกนั่นมีคนอยู่เต็มไปหมด! เธอพาฉันมาที่นี่ทำไม เธอต้องไปทักทายแขกทุกคนในงานเลี้ยงนี่?”
“มันช่วยไม่ได้นี่นา พวกเราไม่ได้เจอกันมานาน ตั้งสองปีแล้วนะ เจ้าคิดว่าข้าจะยับยั้งตัวเองได้รึไง?”
“ยับยั้งตัวเองเอาไว้? เดี๋ยวนะ! เธอ… เธอคิดจะทำอะไรกันแน่เนี่ย… อือ!”
ก่อนที่โรเอลจะพูดจบ ริมฝีปากของเขาก็ถูกประทับปิดด้วยริมฝีปากของสาวสวยตรงหน้า เด็กหนุ่มพยายามผลักเด็กสาวบนร่างของตนออก ทว่ามือของเขากลับถูกกดลงกับพื้นเสียนี่
เสียงเซ็งแซ่จากงานเลี้ยงวันคล้ายวันเกิดดังผ่านเข้ามาทางประตูอย่างคลุมเครือ ทำให้นอร่าตื่นเต้นมากขึ้น ความตื่นเต้นเร้าใจดังกล่าวทำให้ร่างกายของเธอลุกเป็นไฟ แต่เศษเสี้ยวสุดท้ายของเหตุผลที่เหลืออยู่ในใจก็เตือนเธอให้พยายามควบคุมตัวเอง
“อ-อือ.. จู่ ๆ ทำอะไรของเธอน่ะ!”
“นี่เจ้าดูไม่ออกเหรอว่าข้ากำลังทำอะไร? ก็จูบไง”
“คนที่ไม่ได้เจอกันมานานสองปี เขามาเจอกันในห้องมืดที่มีแสงสลัวแบบนี้แล้วจูบกันด้วยท่าทางแบบนี้รึไง?”
“เจ้ามีปัญหาอะไร? สองปีที่แล้วพวกเราก็ทำกันแบบนี้ไม่ใช่เหรอ?”
ต่างจากโรเอลที่กำลังเหนื่อยหอบ นอร่ายังคงมีแรงเพียงพอที่จะพูดหักล้างข้อโต้แย้งของเขา เด็กชายพยายามดึงมือของตนออกอย่างสุดความสามารถ แต่มันก็ไม่เป็นผล
“ยอมแพ้เถอะ ข้าไปถึงระดับแก่นแท้ 4 แล้ว เจ้าหนีจากเงื้อมมือของข้าไม่ได้หรอก”
“แล้วทำไมเธอถึงต้องตรึงฉันไว้แบบนี้ด้วยล่ะ?”
“ยังต้องถามอีกเหรอ? ก็เพราะข้าชอบแบบนี้น่ะสิ ความรู้สึกที่ได้กดเจ้าลงกับพื้น ดึงเจ้าให้ห่างออกไปไกลจากสายตาของเหล่าขุนนางสาวที่รุมเร้าอยู่รอบตัวเจ้า อ่า สีหน้าท่าทางการแสดงออกของเจ้านี่มันช่างน่ารักจริง ๆ เจ้าควรเลิกยั่วยวนข้าแบบนี้ได้แล้วนะ”
“ฉันยั่วยวนเธอที่ไหนเล่า!”
คำพูดที่บิดเบือนจากปากของนอร่าทำให้โรเอลพูดไม่ออก เด็กชายยังคงพยายามดิ้นรนปลดปล่อยตัวเองให้เป็นอิสระ แต่เมื่อตกอยู่ภายใต้การจ้องเขม็งของนอร่า ในที่สุดเขาก็ยอมจำนนต่อโชคชะตา
“พวกเราก็ติดต่อกันตลอดรายสัปดาห์ไม่ใช่เหรอ? นั่นก็ถือว่าเป็นการได้พบเจอกันแล้วนี่?”
“เจ้ากำลังพูดถึงการสนทนาเพียงไม่กี่นาทีของเราในทุก ๆ สัปดาห์ โดยมีน้องสาวตัวน้อยของเจ้านั่งอยู่ข้าง ๆ ใช่ไหม?”
นอร่าขมวดคิ้วพร้อมพูดด้วยน้ำเสียงประชดประชัน เห็นได้ชัดว่าเธอโกรธเคืองแค่ไหน กลับกันแล้วท่าทางของโรเอลดูจะเคอะเขินเล็กน้อยในเรื่องนี้
ด้วยความสามารถ ‘พรแห่งมงกุฎ’ ของเอสเซนด์วิง นอร่าสามารถฉายภาพร่างจำแลงเพื่อพบกับโรเอลได้สัปดาห์ละครั้ง เวลาจำกัดของความสามารถอยู่ที่ประมาณห้านาที มันเป็นทักษะที่เธอวางแผนจะใช้เพื่อตรวจสอบโรเอล ทว่าทั้งสองคนมีเวลาว่างเพียงแค่ตอนกลางคืนเท่านั้น ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่โรเอลมักใช้ร่วมกับอลิเซีย
ด้วยเหตุนี้ สถานการณ์อันน่าอึดอัดใจจึงเกิดขึ้น
นอร่าไม่สามารถทำอะไรโรเอลได้เนื่องจากมีอลิเซียนั่งอยู่ใกล้ ๆ นอกจากนี้เธอยังมีเวลาเพียงแค่ห้านาทีและไม่ได้อยู่ที่สถานที่นั้นจริง ๆ อีกต่างหาก เห็นได้ชัดว่านี่เป็นการต่อสู้ที่นอร่าเสียเปรียบ! ท้ายที่สุด เธอจึงทำได้เพียงแค่เตือนโรเอลให้ระวังอลิเซียไว้ ส่วนอีกฝั่งก็นั่งฟังด้วยรอยยิ้มที่ดูไม่สนใจอะไรจนน่ารำคาญ เมื่อเวลาผ่านไปครบห้านาที การเชื่อมต่อก็ตัดขาดลงทิ้งไว้เพียงแค่ความขุ่นเคืองของนอร่า
การติดต่อดังกล่าวกลายเป็นเรื่องไร้ความหมายมากเสียจนนอร่าไม่อยากที่จะติดต่อไปอีก ถึงกระนั้นเธอก็อดไม่ได้ที่จะกังวลเกี่ยวกับอลิเซีย ว่าเธอจะใช้กลอุบายอะไรกับโรเอลรึเปล่า เด็กสาวจึงลงเอยด้วยการฉายภาพร่างจำแลงของเธอสม่ำเสมอตลอดในทุกสัปดาห์ แต่เด็กชายที่โง่เขลาก็ยังคงคิดว่าน้องสาวของเขาเห็นตัวเองเป็นเพียงแค่เครือญาติและกอดเธอต่อไป
ขอเถอะ! เด็กสาวคนนั้นก็อยู่ที่ระดับแก่นแท้ 4 เหมือนกับข้า แต่เธอแสร้งสวมบทบาทเด็กสาวผู้อ่อนแอต่อหน้าเจ้า ผู้คนเกือบทั้งโลกรู้ว่าเธอเป็นอัจฉริยะ ยกเว้นเจ้า!
ทันทีที่ความคิดเหล่านั้นผุดขึ้นมาในใจของนอร่า เธอก็มองไปทางโรเอลด้วยสายตาขุ่นเคือง เธอไม่เข้าใจเลยจริง ๆ ว่าอลิเซียจัดการล้างสมองเขาถึงขนาดนี้ได้อย่างไร ก่อนหน้านี้นอร่าเคยบอกโรเอลตรง ๆ แล้วด้วยซ้ำ ว่าอลิเซียน่าจะไปถึงระดับแก่นแท้ 4 ได้แล้ว เขายังกล้าที่จะยักไหล่พร้อมกับหัวเราะ!
โรเอลไม่เชื่อนอร่าเลยสักนิด! เขาคิดว่าเธอพูดไปเพราะการแข่งขันกันระหว่างเธอกับอลิเซีย นี่ทำให้นอร่าโกรธมากจนเมินเขาไปกว่าครึ่งเดือน!
มีบางอย่างผิดปกติกับเด็กสาวคนนั้น! ข้าต้องช่วยเขาออกมาจากเงื้อมมือของยัยอสูรผมเงินผู้ชั่วร้ายนั่น!
หลังจากที่นอร่าใจเย็นลงจากเหตุการณ์นั้น ในที่สุดเธอก็ตระหนักได้ว่าปัญหานั้นรุนแรงมากเพียงใด เธอยืนกรานต่อต้านทุกคำค้าน กลับจากชายแดนตะวันออกมาจัดงานเลี้ยงวันคล้ายวันเกิดเพื่อที่จะได้พบกับโรเอล ทว่าเมื่อนอร่าได้มาพบกับโรเอลตามที่หวัง เธอก็รู้ว่าตัวปัญหานั้นกลับไม่ใช่เพียงแค่อลิเซียเสียแล้ว
ในสองปีที่เธอจากไป มีฝูงผึ้งที่น่ารำคาญจำนวนมากเริ่มเข้ามาเกาะแกะเขา
ตอนนี้โรเอลได้ทำหน้าที่เป็นตัวแทนผู้ปกครองของเขตการปกครองแอสคาร์ดมาเป็นเวลาสองปีครึ่งแล้ว ในช่วงเวลานี้เขาประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยผลงานที่สะดุดตาที่สุดก็คือการสร้างถนนเชื่อมระหว่างหมู่บ้าน เมือง และพื้นที่นอกเมืองทั้งหมด ซึ่งเป็นการวางรากฐานที่จำเป็นสำหรับการขยายกิจการธุรกิจเชิงพาณิชย์อย่างรวดเร็วภายในเขตการปกครอง
ในอดีตธุรกิจการค้าส่วนใหญ่มักจะจำกัดอยู่ที่เมืองใดเมืองหนึ่งที่คนคนหนึ่งอาศัยอยู่ ไม่ว่าธุรกิจจะสามารถผลิตสินค้าได้มากเพียงใด ผู้ผลิตก็จะผลิตออกมาแค่ให้เพียงพอกับความต้องการในเมืองเท่านั้น เนื่องจากมีความต้องการจำกัดอยู่เพียงแค่นั้น
ทว่าปัจจุบัน เมื่อการขนส่งสินค้าไปยังเมืองต่าง ๆ มีประสิทธิภาพมากขึ้น ตลาดก็กว้างขึ้นจากตัวเมืองเพียงเมืองเดียว ได้เปลี่ยนเป็นเมืองและหมู่บ้านกว่าหลายร้อยแห่งทั่วเขตการปกครองแอสคาร์ด
ด้วยเหตุนี้พลเมืองของเขตการปกครองแอสคาร์ดจึงมีความกระตือรือร้นในการทำงานมากกว่าที่เคย และมีนักธุรกิจจำนวนมากปรากฏตัวท่ามกลางหมู่ผู้คน
ไม่ว่าจะเป็นเกษตรกรรม สิ่งทอ หรืออุตสาหกรรมอื่น ๆ พวกมันได้เติบโตอย่างรวดเร็วภายในช่วงเวลาสองปีครึ่งที่ผ่านมา การเติบโตของกิจกรรมทางเศรษฐกิจทำให้เกิดวัฏจักรที่ดี เนื่องจากสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เป็นบวกได้กระตุ้นให้ผู้ค้าภายนอกจำนวนมากเข้ามาลงทุนในเขตการปกครองแอสคาร์ด ระดับที่แม้แต่สมาคมพ่อค้าโซโรฟยาในท้องถิ่นถึงกับติดต่อโรเอลเป็นการส่วนตัว เพื่อขอเรียนรู้คำชี้แนะจากเขาและสร้างความสัมพันธ์ฉันมิตร
‘อัจฉริยะแห่งการบริหารเขตการปกครองที่ครั้งหนึ่งจะปรากฏตัวขึ้นมาในรอบศตวรรษ’ ตามที่บันทึกไว้ในรายงานการสืบสวนของตระกูลเซไซต์ นี่คือการประเมินของผู้จัดการสาขาสมาคมพ่อค้าโซโรฟยาในเขตการปกครองของโรเอล
การเติบโตอย่างรวดเร็วของเขตการปกครองแอสคาร์ด ทำให้โรเอลกลายเป็นจุดสนใจ ผู้คนเริ่มสังเกตเห็นผลงานของเด็กชายคนนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งรวมถึงกลุ่มคนบางกลุ่มที่นอร่าเรียกว่า “จิ้งจอก”
ยกตัวอย่างเช่นเหล่าเด็กสาวจากตระกูลดยุกลูซีน พวกเธอทุกคนล้วนแก่กว่าโรเอลมาก แต่ก็ยังพยายามที่จะโปรยเสน่ห์ให้กับเด็กชาย โดยหวังว่าจะดึงดูดความสนใจของเขา ทำให้นอร่าที่อยู่ตรงแถวหน้าของห้องจัดเลี้ยง ทักทายแขกผู้มีเกียรติทุกคนทีละคนพร้อมจับตาดูเรื่องนี้อย่างสุขุม
ด้วยโทสะท้ายที่สุด นอร่าก็ตัดสินใจที่จะลากโรเอลออกมาจากงาน และระบายความโกรธของเธอ
“เมื่อกี้เจ้าพูดอะไรกับผู้หญิงพวกนั้น”
“ผู้หญิงพวกนั้น?”
“พวกผู้หญิงจากตระกูลดยุกลูซีนไงl”
“อ่า พวกเธอน่ะเหรอ พวกเธอถามฉันถึงเบื้องหลังความสำเร็จของเขตการปกครองแอสคาร์ด ฉันเลยบอกพวกเธอไปว่า มันเกิดจากโครงการสร้างถนน แต่พวกเธอก็ยังไม่เชื่อ”
โรเอลเข้าใจดีว่าทำไมพวกเธอถึงคิดแบบนี้ ต่างจากตัวเขาที่รู้ดีถึงความสำคัญของถนนจากชาติก่อน ขุนนางคนอื่น ๆ บนโลกนี้ไม่มีอภิสิทธิ์แบบเดียวกันกับเขาที่เคยได้เห็นพลังอันน่าทึ่งของโลกาภิวัตน์
อันที่จริงแล้ว ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะขุนนางส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้ไปเยี่ยมตัวเมืองหรือหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่เข้าถึงได้ยาก เนื่องจากพวกมันเข้าถึงได้ยาก ยิ่งไปกว่านั้นคนส่วนใหญ่มักจะสนใจเพียงแต่เหล่าขุนนางหรือผู้มีอิทธิพลคนสำคัญในเมืองใหญ่ ส่งผลให้ละเลยผู้ที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านและเมืองเล็ก ๆ ไป
ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงไม่เคยรู้เลยว่าหมู่บ้านและเมืองเล็ก ๆ เหล่านั้นมีศักยภาพทางธุรกิจมากเพียงใด ที่พวกเขาจะสามารถนำมาใช้เพื่อกระตุ้นการเติบโตของเขตการปกครอง
จริง ๆ แล้วโรเอลก็ไม่ได้มั่นใจเกี่ยวกับเรื่องนี้เท่าไหร่ เนื่องจากเขาไม่ได้มีความเชี่ยวชาญในเรื่องนี้ เด็กชายเพียงแค่ใช้ความรู้พื้นฐานของอดีตชาติมาเป็นแนวทางปฏิบัติ โชคดีที่สิ่งต่าง ๆ เป็นไปได้ด้วยดี
นอกจากนี้เขตการปกครองแอสคาร์ดเองก็ไม่ได้หยุดนิ่งเช่นกัน แม้ว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจของพวกเขาจะยังล้าหลัง แต่ส่วนใหญ่สาเหตุเป็นเพราะว่าพวกเขาขาดนโยบายสนับสนุนและโครงสร้างพื้นฐาน
แต่แท้จริงแล้วธุรกิจจำนวนมากในเมืองต่างก็ได้พยายามปรับปรุงการดำเนินงานของตัวเองมาระยะหนึ่งแล้ว มันเป็นตัวแปรหลักที่ช่วยให้พวกเขาสามารถขยายการดำเนินงานได้อย่างรวดเร็วทันทีที่ตลาดถูกเปิด การสั่งสมของความพยายามที่ส่งต่อกันมาในช่วงสองสามศตวรรษ นำมาซึ่งการเติบโตอย่างรวดเร็วและมหาศาลนี้
ฉันกำลังยืนอยู่บนไหล่ของยักษ์
นี่คือสิ่งที่โรเอลมักจะพูดบ่อย ๆ แม้ว่าคนส่วนใหญ่จะไม่ค่อยเข้าใจความหมายของสิ่งที่เขากำลังพูดถึง
เมื่อได้ยินประโยคนี้ แม้ว่าการตีความของกรันด้าจะแตกต่างจากของโรเอลมาก แต่มันก็มักจะทำให้เขาหัวเราะคิกคักทุกครั้งที่โรเอลพูดประโยคนั้นออกมา ก่อนที่จะพูดอย่างถ่อมตนว่ามันไม่เกี่ยวอะไรกับเขาเลยจริง ๆ
โรเอลคิดว่าปฏิกิริยาของกรันด้าที่มีต่อประโยคดังกล่าวค่อนข้างน่าสนใจเลยทีเดียว เขาจึงไม่ได้อธิบายความหมายที่แท้จริงเบื้องหลังวลีนี้ให้อีกฝ่ายรู้
“อย่างนั้นหรือ? ฮึ่ม ไอ้เจ้าพวกไร้สมองนั่น ปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว ข้าต้องกำจัดกลิ่นของพวกมันออกจากตัวเจ้า”
ขณะที่กำลังพูดจังหวะลมหายใจของนอร่าก็เริ่มรวดเร็วขึ้น เธอเริ่มปลดเสื้อผ้าของโรเอลออก ทำให้เขาต้องตกตะลึง
“ด..เดี๋ยวก่อน! นอร่า? เธอคิดจะทำอะไรน่ะ? ห..หยุดนะ… ช่วยด้วยกรันด้า!”
“หยุดตะโกนได้แล้ว ตั้งแต่ที่ข้าเห็นเจ้า กรันด้าก็ไม่อยู่แล้ว จงยอมสยบซะ ข้าจะให้รางวัลเจ้าเอง”
“ธ..เธอช่วยหยุดทีจะได้ไหม? ถ้าคนอื่นเข้ามาเห็นจะทำยังไง?”
“ข้าจงใจทำแบบนี้เพื่อที่คนอื่นจะได้เข้ามาเห็น”
หลังจากต่อสู้กันได้ไม่นานนัก โรเอลก็ถูกกดกลับลงไปกองกับพื้นอีกรอบ ก่อนจะถูกกุญแจมืออันวิจิตรที่ทำสร้างขึ้นมาจากพลังเวทสีทองมัดมือเอาไว้
ผลแพ้ชนะได้ถูกตัดสินแล้ว
ได้เวลาทานของหวานแล้ว