บทที่ 131: รู้จักตัวเอง รู้จักศัตรู
หลังจากผ่านไปสองปี ในที่สุดเดธแฟล็กที่รอคอยก็มาถึง!
ในห้องสมุดของคฤหาสน์ตระกูลแอสคาร์ด โรเอลนั่งอยู่บนโต๊ะที่ตนเองนั่งครุ่นคิดเมื่อสามปีก่อน ตอนที่เขาฟื้นความทรงจำในอดีตขึ้นมาเป็นครั้งแรก ย้อนกลับไปในตอนนั้นโรเอลที่ยังอายุน้อยกว่านี้คงกำลังรีบค้นหาบันทึกต่าง ๆ อย่างกระวนกระวายใจ ตัวสั่นไปด้วยความตกใจ เมื่อพบเห็นชื่อที่คุ้นเคยในหนังสือต่าง ๆ
หลังจากนั้นเขาก็ต้องพบกับเดธแฟล็กติดต่อกัน ไม่ว่าจะทั้งอลิเซียและนอร่า ทำให้โรเอลต้องเผชิญอันตรายและภัยคุกคามต่าง ๆ แต่เด็กชายก็สามารถแก้ไขปัญหาทั้งหมดให้ผ่านพ้นไปได้สำเร็จ จนตอนนี้เขาสามารถมั่นใจได้แล้วว่าเด็กสาวทั้งสองคนเป็นพันธมิตรอย่างแน่นอน
นอกจากนี้เขตการปกครองแอสคาร์ดก็ได้พัฒนาไปตามแนวทางอันมั่นคงภายใต้การปกครองของโรเอล ดังนั้นโอกาสที่ตระกูลแอสคาร์ดจะตกต่ำเองก็ลดลงไปมากด้วยเช่นกัน
สำหรับหนี้ของระบบจำนวน 500,000 เหรียญทองนั้น โรเอลได้ชำระคืนไปแล้ว 150,000 เหรียญ ทำให้เหลือหนี้อีกเพียง 350,000 เหรียญเท่านั้น แต่ถ้าหากพิจารณาจากอัตราการเติบโตของเขตการปกครองในปัจจุบันล่ะก็ เขาก็มั่นใจว่าตนเองจะสามารถชำระคืนพวกมันทั้งหมดได้ทันเวลา
อุปสรรคความท้าทายทั้งหมดที่โรเอลต้องเผชิญมาจนถึงตอนนี้ล้วนได้รับการแก้ไขแล้ว มันจึงเป็นเวลาอันดีที่เขาจะได้มองไปยังปัญหาในอนาคต
ชาร์ล็อต โซโรฟยา คือเดธแฟล็กต่อไปของโรเอล
ต่างจากนอร่า โรเอลไม่ได้มีความเข้าใจเกี่ยวกับชาร์ล็อตอย่างลึกซึ้ง เนื่องจากในอดีตชาติเขาไม่เคยเล่นเส้นทางเนื้อเรื่องของชาร์ล็อตมาก่อน อย่างไรก็ตามด้วยข้อมูลต่าง ๆ ที่เขารวบรวมมาได้จากโครงเรื่อง ทำให้เด็กชายพอจะเข้าใจลักษณะเฉพาะบางอย่างของชาร์ล็อตได้
ประการแรก เช่นเดียวกับนางเอกคนอื่น ๆ ที่เป็นเป้าหมายจีบ เธอสวยมาก ซึ่งก็ไม่มีอะไรต้องพูดเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้
ประการที่สอง ชาร์ล็อตมักจะเย็นชากับคนที่เธอไม่คุ้นเคย เรียกได้ว่าแทบจะไม่สนใจอะไรเลยแม้แต่น้อย
ประการที่สาม ชาร์ล็อตมีความสามารถรอบด้านมากมาย เรียกได้ว่าเป็นต้นแบบที่ดีของขุนนางชั้นสูงเลยทีเดียว เธอมีฝีมือรอบด้าน ซึ่งก็รวมถึงพลังในฐานะผู้มีพลังเหนือธรรมชาติด้วย
ประการที่สี่ คาถาเวทที่เธอเชี่ยวชาญนั้นค่อนข้างแปลก มันต้องใช้เงินหรืออัญมณีเป็นค่าใช้จ่ายในการร่าย ราวกับเป็นตลกร้าย ตามที่มีคนเคยกล่าวไว้ว่า ‘เงินคืออำนาจ’
ประการที่ห้า ชาร์ล็อตเป็นบุตรสาวที่มีความกตัญญู และมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อบิดา อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ครอบครัวของเธอนั้นซับซ้อนมาก เนื่องจากตระกูลโซโรฟยานั้นเป็นตระกูลใหญ่
โรเอลใช้เวลาพักใหญ่ ๆ ในการสรุปข้อมูลต่าง ๆ ที่ตนรู้เกี่ยวกับชาร์ล็อต โซโรฟยา ครุ่นคิดหลาย ๆ อย่าง แต่ในท้ายที่สุด เด็กชายก็ยังคิดว่าวิธีที่ดีที่สุดในการถอนเดธแฟล็กรอบนี้ ก็ยังคงเป็นการเพิ่มระดับความชอบของชาร์ล็อตที่มีต่อเขา ซึ่งเป็นวิธีเดียวกันที่เขาใช้ในการเอาชนะอลิเซียและนอร่า
เด็กชายได้ลองพิจารณาถึงตัวเลือกในการหลีกเลี่ยงชาร์ล็อต ทว่าเพียงชั่วอึดใจโรเอลก็ต้องปฏิเสธความคิดนั้นไปในทันที ก่อนหน้านี้เขาเคยพยายามทำเช่นนั้นกับนอร่า แต่มันก็ล้มเหลวอย่างน่าเศร้า นอกจากนี้ชาร์ล็อตยังถือว่าเป็นคู่หมั้นโดยสัญญา นั่นหมายความว่าถ้าเขาหลีกเลี่ยงเธอ ตระกูลโซโรฟยาจะมองว่ามันเป็นการดูถูก
ตามจริงแล้ว โรเอลรู้สึกไม่สบายใจเท่าไหร่กับสถานการณ์นี้ เพราะมันดูจะนำไปสู่สถานการณ์ยุ่งยากมากมายในอนาคต หากเขาไม่สามารถจัดการกับปัญหานี้ได้ดี
ย้อนกลับไปในตอนที่คาร์เตอร์แจ้งโรเอลเกี่ยวกับเรื่องนี้ในงานเลี้ยง ทั้งนอร่าและอลิเซียต่างก็มีท่าทีปฏิกิริยาตอบโต้กับข่าวดังกล่าวอย่างกะทันหัน นอร่าแสดงท่าทางเสียมารยาทที่หายากอยู่ครู่หนึ่ง ในขณะที่อลิเซียดึงแขนเสื้อของโรเอลอย่างสุภาพด้วยดวงตาที่เปี่ยมไปด้วยน้ำตา
เห็นได้ชัดว่าทั้งสองคนไม่เห็นด้วยกับการหมั้นหมายระหว่างโรเอลและชาร์ล็อต มันคงจะไม่ฉลาดเท่าไหร่หากเขาปักเดธแฟล็กขึ้นมาใหม่อีก 2 อัน เพื่อถอนเดธแฟล็กเพียงอันเดียวออก โรเอลไม่คิดที่จะสร้างความเกลียดชังให้กับอลิเซียหรือนอร่าด้วยการละเลยพวกเธอ ไม่เช่นนั้นสักวันหนึ่งเขาอาจจะโดนแทงจากด้านหลังระหว่างเดินผ่านตรอกซอยก็ได้!
สำหรับสถานการณ์ในตอนนี้ โรเอลรู้สึกว่าเขาควรเริ่มจากการพยายามปลอบนอร่าและอลิเซียลงก่อน เพื่อลดผลข้างเคียงจากข่าวเรื่องการหมั้นหมายนี้
นอกจากนี้มันคงจะเป็นการดีที่สุด หากโรเอลสามารถยกเลิกการหมั้นหมายครั้งนี้ได้ เขาไม่คิดว่าชาร์ล็อตจะมีความรู้สึกดี ๆ อะไรต่อเขา เนื่องจากในเกมอาย ออฟ โครนิเคิลนั้น ชาร์ล็อตปฏิบัติต่อโรเอลอย่างเย็นชา และเคยบอกกับตัวเอกว่าเธอเกลียดโรเอล แม้ว่าชาร์ล็อตจะไม่ได้เคลื่อนไหวต่อต้านโรเอลอย่างชัดเจนในตอนที่โรเอลถูกลงโทษโดยตัวเอกและเหล่านางเอกคนอื่น ๆ แต่เธอก็ไม่ได้แสดงความเห็นอกเห็นใจเช่นกัน
หญิงสาวคนไหนเล่าจะยินดีที่รู้ว่าตนเองได้หมั้นหมายกับผู้ชายที่เธอแทบไม่รู้จัก มันเป็นไปได้ว่าชาร์ล็อตอดทนต่อการหมั้นหมายครั้งนี้เพียงเพื่อรักษาผลประโยชน์ต่อตระกูลของเธอ
หากนึกย้อนกลับไปล่ะก็ โรเอลในเกมไม่มีทางเพิกถอนการหมั้นหมายครั้งนี้แน่ ดีไม่ดีบางทีเขาอาจใช้มันเพื่อข่มขู่เธอด้วยซ้ำ
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ถ้าโรเอลสามารถร่วมมือกับชาร์ล็อตเพื่อยกเลิกสัญญาหมั้นลงได้ล่ะก็ เขาจะกลายเป็นผู้คืนอิสรภาพให้กับเธอ และได้รับแต้มความสนใจมากมายกลับมา ซึ่งนั่นถือเป็นจุดจบที่สมบูรณ์แบบสำหรับเรื่องนี้!
อย่างไรก็ตามการถอนเดธแฟล็กนั้นถือเป็นสิ่งสำคัญมาก โรเอลจึงคิดว่าเขาควรจะคำนึงถึงผลสืบเนื่องในระยะยาว อาจจะมีวิธีอีกมากมายที่เขาจะสามารถหลุดพ้นจากสถานการณ์นี้ได้ ถ้าเขาจัดการเรื่องต่าง ๆ อย่างถูกต้อง
ประการแรกก็คือถ้าหากเขาสามารถสร้างพันธมิตรกับตระกูลโซโรฟยาได้ ตระกูลแอสคาร์ดก็จะแข็งแกร่งขึ้นมาก
ชาร์ล็อตนั้นคำนึงถึงผลประโยชน์ของตระกูลโซโรฟยาโดยแท้จริง เธอจึงพยายามที่จะสร้างความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับเครือญาติของตนอยู่ตลอด ดังนั้นเมื่อตระกูลโซโรฟยาตั้งใจที่จะสานสัมพันธ์กับตระกูลแอสคาร์ดด้วยการแต่งงาน ชาร์ล็อตก็คงคิดที่จะพยายามอย่างดีที่สุดในการอดทนต่อโรเอล ไม่ว่าเธอจะเกลียดเขามากแค่ไหนก็ตาม
ดังนั้นถ้าโรเอลสามารถใช้ช่วง ‘การปรับตัว’ ให้เป็นประโยชน์ได้ เขาก็อาจจะทำสิ่งต่าง ๆ ได้มากมาย!
ช่วงสองปีที่ผ่านมาโรเอลได้ลงมือลงแรงไปหลายต่อหลายอย่างเพื่อป้องกันตระกูลแอสคาร์ดไม่ให้ตกต่ำลง พื้นที่ภูเขาทางตอนใต้ของเขตการปกครองแอสคาร์ดได้รับการพัฒนาจนเจริญรุ่งเรืองมากกว่าแต่ก่อนมาก เห็นได้ชัดจากจำนวนพ่อค้าที่เดินทางผ่านไปมาในบริเวณนั้น
อย่างไรก็ตามมีสถานที่แห่งหนึ่งที่โรเอลยังคงมีปัญหาในการพัฒนา และนั่นคือเทือกเขาโวรุน ซึ่งลากยาวจากทางใต้ของเขตการปกครองแอสคาร์ดไปถึงอาณาเขตของสมาคมพ่อค้าโรซ่า
เทือกเขาโวรุนครอบคลุมพื้นที่กว้างใหญ่และมีทรัพยากรมากมายที่กำลังรอการค้นพบ โรเอลเชื่ออย่างลึกซึ้งว่ามีขุมสมบัติทางทรัพยากรมากมายซ่อนอยู่ที่นั่น ทว่ามันกลับไม่เคยได้รับการพัฒนาอย่างเหมาะสมมาก่อนเลย
นี่ทำให้โรเอลส่งข้อเสนอการพัฒนาร่วมกันไปยังเมืองโรซ่า เสนอให้ตระกูลโซโรฟยาทำงานร่วมกัน กับเขา เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงข้อพิพาทเกี่ยวกับเขตแดนในอนาคต และแบ่งปันความเสี่ยงร่วมกัน เพิ่มโอกาสที่จะประสบความสำเร็จในการพัฒนาพื้นที่ดังกล่าว ผ่านการใช้ประโยชน์จากจุดแข็งของทั้งสองตระกูล
นอกจากนี้การร่วมมือกันระหว่างสองตระกูลนั้นยังถือเป็นการวางรากฐานสร้างความสัมพันธ์ระหว่าง เขตการปกครองแอสคาร์ดและสมาคมพ่อค้าโรซ่าอีกด้วย ซึ่งแน่นอนว่าจะนำมาสู่ผลประโยชน์มากมายในอนาคต
ดีมาก เราน่าจะพร้อมสำหรับมันแล้ว มองยังไงโอกาสที่มันจะล้มเหลวก็เกือบจะเป็นศูนย์..
โรเอลตัดสินใจที่จะทุ่มสุดตัว เพื่อสร้างความประทับใจให้กับชาร์ล็อต เด็กชายเตรียมทุกอย่างเอาไว้อย่างดีตั้งแต่การจัดเตรียมข้อมูลต่าง ๆ ไปจนถึงการตรวจสอบรายละเอียดของแผนการ เขาตั้งใจแน่วแน่ที่จะทำทุกอย่างให้เรียบร้อย
รายละเอียดอย่างหนึ่งที่โรเอลใส่ใจเป็นพิเศษก็คือเครื่องแต่งกายของเขา เนื่องจากอีกฝ่ายนั้นเป็นที่รู้จักในนามของผู้นำแฟชั่น ดังนั้นคงจะเป็นการดีที่สุดสำหรับเขาที่จะแต่งตัวให้เหมาะสมตามสมัย ด้วยที่ตระกูลแอสคาร์ดมีรากฐานมาจากอำนาจทางการทหาร โรเอลจึงเลือกที่จะใส่ชุดสูทสไตล์ทหารที่เหมาะสำหรับเขา โดยขอความช่วยเหลือจากไคด์ นักออกแบบเสื้อผ้าที่เกษียณอายุแล้วของสมาคมพ่อค้าโซโรฟยา ซึ่งบังเอิญเป็นอาจารย์ของชาร์ล็อตอีกด้วย
ถึงแม้ว่าชาร์ล็อตจะจู้จี้จุกจิกแค่ไหน เธอก็จะไม่ถามถึงรสนิยมของอาจารย์ที่สอนเธอหรอกใช่ไหม?
สำหรับการออกแบบภายในคฤหาสน์นั้นตระกูลแอสคาร์ดตัดสินใจที่จะละทิ้งความหรูหราไป เพื่อให้เข้ากับรากฐานทางประวัติศาสตร์มากขึ้น
ไม่มีใครสามารถเอาชนะตระกูลโซโรฟยาได้ในเรื่องเงิน ดังนั้นมันคงจะดีกว่าหากตระกูลแอสคาร์ด จะโอ้อวดประวัติศาสตร์ของพวกเขาแทน เพราะท้ายที่สุดแล้วตระกูลแอสคาร์ดก็ถือเป็นตระกูลชนชั้นสูงที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่าพันปีอยู่เบื้องหลัง ดังนั้นของสะสมและโบราณวัตถุมากมายของพวกเขา จึงถือเป็นจุดขายที่ทำให้นักสะสมทุกคนต้องทึ่ง
ถ้าหากโรเอลต้องการจะสร้างความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับตระกูลโซโรฟยาล่ะก็ เขาก็ต้องทำให้ตัวเองดูดีขึ้นเช่นกัน นั่นก็เพราะมิตรภาพที่แท้จริงเป็นสิ่งที่สามารถสร้างขึ้นได้ด้วยความสัมพันธ์ในฐานะที่เท่าเทียมกันเท่านั้น
สรุปแล้ว เป้าหมายของโรเอลก็คือการทำตามความปรารถนาลึก ๆ ของชาร์ล็อตที่ต้องการจะยกเลิกการหมั้น ในขณะที่ยังสามารถรักษาภาพลักษณ์ ความสัมพันธ์ส่วนตัวที่ดีต่อเธอและตระกูลโซโรฟยาเอาไว้
เมื่อตัดสินใจได้แล้ว เด็กชายก็รู้สึกมั่นใจกว่าเมื่อก่อนมาก ทว่าสิ่งที่โรเอลไม่รู้ก็คือ ในเงามืด มีเด็กสาวสองคนกำลังร่วมมือวางแผนที่แตกต่างไปจากเขาโดยสิ้นเชิง