บทที่ 148: ข้าจะทำให้เจ้าฝันดี
“นายหญิง ท่านคิดว่าความสัมพันธ์ในปัจจุบันของท่านกับนายน้อยโรเอลเป็นอย่างไรเหรอคะ?”
รุ่งเช้าในห้องของชาร์ล็อต เกรซที่กำลังหวีผมให้เธอจู่ ๆ ก็ได้ตั้งคำถามขึ้นมา เมื่อได้ยินแบบนั้นชาร์ล็อตก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบแบบเดียวกันกับที่เธอเคยตอบเมื่อหลายวันก่อน
“พวกเราเป็นแค่คู่หมั้นจอมปลอม เป็นแค่หุ้นส่วนทางธุรกิจ เจ้าถามคำถามนี้แล้วเมื่อสองสามวันก่อนไม่ใช่เหรอ?”
“คุ่หมั้นจอมปลอม?”
เมื่อได้ยินคำตอบของชาร์ล็อต สาวใช้ผมดำก็บ่นพึมพำกับตัวเอง เธอไม่สามารถสลัดความรู้สึกแปลก ๆ ที่สะกิดใจเธอได้ตั้งแต่เมื่อสองสามวันก่อน
นี่ก็ผ่านมากว่าหนึ่งสัปดาห์แล้วที่พวกเธอได้มาอยู่ที่คฤหาสน์ตระกูลแอสคาร์ด ในช่วงเวลานี้เกรซได้สังเกตเห็นปัญหาบางอย่าง เมื่อใดก็ตามที่ทั้งสองคนคุยกัน ไม่ว่าจะกลางวันหรือกลางคืน ความถี่ที่ชื่อ โรเอล จะโผล่ขึ้นมาในบทสนทนาก็เพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ
ซึ่งตอนนี้ก็ถือเป็นตัวอย่างที่ดีเลยทีเดียว
“ข้าไม่นึกเลยว่าโรเอลจะเชี่ยวชาญภาษาออสทีนโบราณมากขนาดนี้ ทำไมคนของจักรวรรดิเซนต์เมซิทแบบเขาถึงได้เรียนรู้อะไรแบบนั้นกัน?”
“เสื้อผ้าของเขาเมื่อวานดูไม่แย่เท่าไหร่ การออกแบบมันไม่ค่อยจะทันสมัยนัก ถ้าเรารัดผ้ารอบไหล่ของเขาแล้วล่ะก็…”
“แม้ข้าจะไม่ค่อยแน่ใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ดูเหมือนว่าพลังเหนือธรรมชาติของเขาจะไม่ได้อ่อนแออย่างที่ข้าคิดไว้ แต่เมื่อใดก็ตามที่ข้าถามเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาก็จะเริ่มพูดติดอ่าง ปฏิเสธที่จะบอกรายละเอียดให้ข้าฟัง”
“…”
นายหญิง ทำไมท่านถึงต้องการที่จะรู้รายละเอียดเกี่ยวกับเขากัน? พวกท่านสองคนเป็นแค่หุ้นส่วนทางธุรกิจไม่ใช่หรือ? จำเป็นต้องรู้เกี่ยวกับเขามากขนาดนั้นจริง ๆ เหรอ?
เกรซขมวดคิ้วอย่างสับสน
นับตั้งแต่ที่สาวใช้ได้รู้ว่าข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับโรเอลที่เธอรวบรวมมาก่อนหน้านี้เป็นข่าวลวง เกรซก็ระมัดระวังเกี่ยวกับการปฏิสัมพันธ์กับสาวใช้ และคนรับใช้ที่ทำงานให้กับตระกูลแอสคาร์ด แล้วจึงเริ่มประเมินเกี่ยวกับการหมั้นหมายของนายหญิงอีกครั้ง
แม้ว่าความเข้าใจผิดจะทำให้ชาร์ล็อตและโรเอลเริ่มเดินไปในทางที่ผิดแปลกไปจากเดิม แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าโรเอลนั้นได้สร้างความประทับใจให้แก่ชาร์ล็อตทีละนิด ๆ จนถึงจุดที่เขามีอิทธิพลต่ออารมณ์ของเธอได้ในระดับหนึ่ง
ความรักและความเกลียดชังมีเส้นแบ่งที่คล้ายคลึงกัน นั่นก็คือความสนใจ ราวกับว่าทั้งสองปัจจัยเป็นองค์ประกอบที่อยู่ในเหรียญเดียวกัน สามารถพลิกไปมาระหว่างทั้งสองด้านได้
สิ่งที่เกรซกังวลมากที่สุดเกี่ยวกับชาร์ล็อตก็คือเธอยังคงเย็นชาและไม่ใส่ใจสิ่งรอบข้างอยู่เสมอ
ตามปกติแล้วชาร์ล็อตนั้นจะแยกตัวออกจากผู้อื่น และปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างเฉยชา ซึ่งเป็นผลมาจากความบอบช้ำที่เธอเผชิญในวัยเด็ก ทำให้เธอไม่สามารถพึ่งพาหรือเชื่อใจผู้อื่นได้อีก ไม่มีใครพังกำแพงของชาร์ล็อตได้ ทำให้ความสัมพันธ์ใดของเธอและคนรอบข้างกลายเป็นเพียงแค่ผิวเผินเท่านั้น
ย้อนกลับไปในตอนแรก เกรซคิดว่าโรเอลน่าจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย ๆ ก็หลายเดือนกว่าเขาจะทำลายกำแพงน้ำแข็งรอบ ๆ หัวใจของชาร์ล็อตลงได้ ทว่าสิ่งต่าง ๆ กลับดำเนินไปอย่างรวดเร็วกว่าที่เธอคิดเอาไว้มาก การพบกันครั้งแรกอันไม่น่าพึงพอใจได้ทำลายความเฉยเมยของชาร์ล็อตลง กระตุ้นให้เธอเกิดความเกลียดชังต่อเขา แต่อย่างไรก็ตามเมื่อพวกเขาได้รู้จักกันมากขึ้น ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็เริ่มดีขึ้นอย่างรวดเร็ว
บางทีนี่อาจเป็นกลอุบายบางอย่างของตระกูลแอสคาร์ดรึเปล่า?
เกรซบอบช้ำจากแผนการอันประณีตของเหล่าคนรับใช้ในคฤหาสน์แอสคาร์ด ทำให้เธออดไม่ได้ที่จะสงสัยในทุก ๆ สิ่งที่คนจากตระกูลแอสคาร์ดทำ ด้วยความเป็นห่วง สาวใช้จึงถามชาร์ล็อตว่าเธอชอบโรเอลรึเปล่า แต่แล้วจู่ ๆ นายหญิงของเธอก็เริ่มหัวเราะออกมา
“เจ้าถามว่าข้าชอบผู้ชายคนนั้นรึเปล่าเหรอ? ฮ่าๆๆๆ! เกรซ เจ้าคิดอะไรอยู่ มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน?”
ชาร์ล็อตตอบสาวใช้ส่วนตัวผู้เป็นห่วงเป็นใยอย่างมั่นใจ
“เจ้าน่าจะเคยได้ยินวิธีที่เขาพูด เขาคนนั้นเป็นตรงกันข้ามกับพวกเราตระกูลโซโรฟยา โดยสิ้นเชิง โรเอลแทบจะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับศิลปะและดนตรีเลยแม้แต่น้อย และรสนิยมทางเครื่องแต่งกายของเขาเองก็ล้าหลังมาก ยิ่งไปกว่านั้นเขาแทบจะไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าความรักคืออะไร หากเป็นขุนนางคนอื่นจากโรซ่าล่ะก็ เขาคงมอบบทกวีรักให้ข้ามาหลายเล่มแล้วแน่ ๆ!”
“…”
เกรซเงียบไปทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของชาร์ล็อต ความแตกต่างในงานอดิเรกไม่ได้เป็นสิ่งที่เลวร้าย มันขึ้นอยู่กับว่าใครจะมองมันอย่างไร
ไม่เก่งเรื่องดนตรี? แล้วยังไงล่ะ พวกท่านสองคนก็แค่เติมเต็มซึ่งกันและกันก็ได้ไม่ใช่เหรอ? บทกวีรัก? สิ่งนั้นมันจะใช้ได้ก็ต่อเมื่อมีความสนใจซึ่งกันและกันจริง ๆ เท่านั้น!
“ไม่ว่าจะในกรณีใด ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเราทั้งสองคนเป็นเพียงแค่ในแง่ของธุรกิจ การมีส่วนร่วมของพวกเราเป็นเพียงการปกปิดเพื่อภารกิจตามข้อตกลงของเรา”
ชาร์ล็อตลุกขึ้นพร้อมประกาศจุดยืนในเรื่องนี้อย่างเด็ดขาด เกรซมองดูเด็กสาวผมสีน้ำตาลแดงผ่านกระจก พลางนึกถึงคำทำนายสามครั้งที่เกือบถูกลืมเลือนไปแล้วเมื่อสัปดาห์ก่อน
ผลลัพธ์เหล่านั้นถูกต้องจริง ๆ งั้นเหรอ?
แต่แล้วเกรซก็รีบส่ายหัว เธอยังไม่มีคำตอบสำหรับคำถามในใจ ทั้งหมดที่สาวใช้ทำได้ในตอนนี้มีเพียงหวังถึงสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับนายหญิงของเธอ
…
“หืม? ทำไมวันนี้เขาถึงผล็อยหลับไปล่ะ?”
ในห้องสมุดของคฤหาสน์ ชาร์ล็อตมองไปยังเด็กหนุ่มผมดำที่กำลังหลับอยู่ข้าง ๆ พลางกะพริบตาด้วยความสงสัย
นี่ก็ผ่านมาสิบวันแล้วนับจากที่พวกเขาได้เริ่มตรวจสอบบันทึกเก่าแก่ในคลังหนังสือ ตอนนี้ชาร์ล็อตจึงพอจะคุ้นเคยกับการใช้ชีวิตในคฤหาสน์ตระกูลแอสคาร์ด และเริ่มคุ้นเคยกับบุคลิกของคู่หมั้นชั่วคราวด้วยเช่นกัน
ด้วยเหตุนี้เธอจึงสับสนเล็กน้อย กับการที่โรเอลหลับกลางคันในเวลาแบบนี้
จากสิ่งที่ชาร์ล็อตเห็นในช่วงเวลาที่ผ่านมาตลอดหลายวันมานี้ โรเอลเป็นคนที่มีแรงผลักดันสูง หากจะบอกว่าเขาเป็นคนที่มีพลังเหลือเฟือตลอดเวลาก็คงไม่ผิดเท่าไหร่นัก แม้ความสนใจของเขาจะลดลงบ้างเป็นครั้งคราว แต่เขาไม่เคยแสดงอาการอ่อนเพลียออกมาเลยสักครั้ง ซึ่งเธอก็ค่อนข้างประทับใจในสิ่งนั้น
แม้ว่าชาร์ล็อตจะทำตามตารางงานเดียวกันไม่ต่างจากโรเอล เริ่มตรวจสอบหนังสือตั้งแต่เช้าตรู่ และหยุดลงในตอนสามทุ่มในช่วงค่ำ แต่จริง ๆ แล้วเธอมีเทคนิคลับช่วยในการเติมพลัง
เกรซ สาวใช้ส่วนตัวของชาร์ล็อตเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติระดับแก่นแท้ 3 และนอกเหนือจากความสามารถในการต่อสู้อันน่าเกรงขามแล้ว เธอยังเชี่ยวชาญคาถาทั่ว ๆ ไปที่ใช้ในชีวิตประจำวันอีกด้วย หนึ่งในนั้นก็คือ พลังเวทหลับลึก ซึ่งเป็นที่รู้กันในฐานะคาถาเวทกลโกงแห่งการเติมพลังชีวิต ด้วยผลของเวทหลับลึก การพักผ่อนเพียงคืนเดียวก็สามารถทำให้ผู้ที่ได้รับผลรู้สึกกระปรี้กระเปร่า ราวกับว่าได้พักผ่อนเป็นเวลาหลายวันโดยไม่มีผลข้างเคียงใด ๆ
นี่ทำให้ชาร์ล็อตสามารถตื่นขึ้นมาอย่างสดชื่นในทุก ๆ เช้าด้วยพลังงานที่เพียงพอตลอดทั้งวัน ไม่เช่นนั้นแล้ว มันไม่มีทางเลยที่เธอจะสามารถจัดการกับงานมากมายที่เธอได้รับมอบหมายมาตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ได้
อย่างไรก็ตาม แม้ผลของพลังเวทหลับลึกจะน่าอัศจรรย์ แต่ชาร์ล็อตก็ยังรู้สึกเหนื่อยในตอนบ่ายเป็นครั้งคราวอยู่ดี ต่างจากโรเอลที่มักจะสบายดีอยู่ตลอดเวลา ตอนแรกเธอคิดว่ามันเกิดจากความแตกต่างทางกายภาพ แต่ดูเหมือนว่าความจริงแล้วจะไม่ได้เป็นเช่นนั้น
“อ๊ะ จะว่าไปแล้ว เขาบอกว่าลืมเอาของที่ทำให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่าติดมาด้วยนี่นา…”
เมื่อนึกถึงวิธีที่โรเอลใช้ยาในกระเป๋าของเขาขณะกำลังชงชาในตอนเช้า ชาร์ล็อตพยักหน้าอย่างเข้าใจ แต่หลังจากนั้นไม่นาน คิ้วของเธอก็ขมวดเข้าหากันอีกครั้ง
เดี๋ยวก่อน หมายความว่าเขาพึ่งพาพลังของยาเพื่อรักษาระดับพลังงานงั้นเหรอ?
ไม่จริงหรอกน่า… เขาไม่งี่เง่าขนาดนั้นหรอกมั้ง?!
สีหน้าของชาร์ล็อตเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม เธอมองไปยังเด็กหนุ่มผมดำที่กำลังนอนทรุดตัวอยู่ข้าง ๆ ยาที่มีอยู่ของทวีปเซียในปัจจุบันนั้นแทบจะไม่มีอะไรดีเลย ถึงแม้มันจะไม่ได้หมายความว่ายาเหล่านั้นไม่ได้ผล เพียงแต่ยาส่วนใหญ่เหล่านั้นมีผลข้างเคียงอันรุนแรง และยาบางตัวก็อาจทำให้เสพติดได้
แพทย์ส่วนใหญ่จึงมักจะมองยาให้เป็นทางเลือกสุดท้าย หากสามารถฟื้นตัวได้ตามธรรมชาติ พวกเขาก็จะไม่สนับสนุนให้คนไข้ใช้ยา
ชาร์ล็อตไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าแหล่งพลังงานในแต่ละวันของโรเอลจะมาจากการพึ่งยา!
“นี่… มันไม่น่าจะเกี่ยวกับแค่เรื่องเงินแล้ว”
ชาร์ล็อตมองโรเอลที่กำลังหลับใหลด้วยใบหน้าอันสับสน ทันใดนั้นอารมณ์ของเธอก็เริ่มปั่นป่วนวุ่นวาย เด็กสาวเคยคิดว่าโรเอลร่วมมือกับเธอเพื่อขจัดกลิ่นอายแห่งความยากจนที่เกาะติดเขา แต่ข้อสันนิษฐานเหล่านั้นได้เริ่มสั่นคลอนลงในวันนี้
เงินเป็นสิ่งที่ดี ชาร์ล็อตสามารถยืนยันได้ในเรื่องนั้น แต่มันคุ้มค่าแล้วจริง ๆ เหรอที่โรเอลจะเสพยายอมเสียสุขภาพของตัวเองเพื่อมัน?
โรเอลนั้นเป็นบุตรชายคนเดียวของตระกูลแอสคาร์ด แม้ว่าเขาจะให้ความรู้สึกราวกับว่ากำลังติดหนี้ใครสักคนอยู่ครึ่งล้าน แต่ความมั่งคั่งที่อยู่รอบ ๆ คฤหาสน์ตระกูลแอสคาร์ดก็ยังไม่ได้สลายไป ตรงกันข้าม มันกลับดูหนาแน่นขึ้นด้วยซ้ำ
ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้เขตการปกครองแอสคาร์ดได้จัดการวางรากฐานที่จำเป็นสำหรับการเติบโตทางเศรษฐกิจไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งมันก็ได้ดึงดูดพ่อค้าจำนวนมากให้เดินทางมายังภูมิภาคนี้ เพิ่มกิจกรรมทางการค้าและธุรกิจต่าง ๆ อย่างรวดเร็ว สร้างความมั่งคั่งให้กับประชาชนในเขตการปกครอง
ชาร์ล็อตได้เห็นเกี่ยวกับมันด้วยตาของตัวเอง ขณะที่กำลังเดินทางผ่านรถม้าไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ในเขตการปกครอง ธุรกิจในเขตการปกครองแอสคาร์ดนั้นกำลังเฟื่องฟู ซึ่งตอนนี้พวกเขาก็กำลังอยู่ระหว่างการสร้างสำนักงานเขตการปกครองสาขาใหม่ นอกจากนี้ยังมีเรื่องราวดี ๆ อีกมากมายที่สามารถเป็นหลักฐานยืนยันถึงจำนวนประชากรและกิจกรรมทางธุรกิจที่เพิ่มขึ้นทั่วเขตการปกครองแอสคาร์ด
แม้ว่าชาร์ล็อตจะยังไม่รู้ว่าโรเอลเป็นหนี้ใคร แต่เขาก็น่าจะมีหนทางอื่นในการชำระหนี้ได้อย่างแน่นอน
ที่สำคัญที่สุด แม้ว่าโรเอลจะอู้งานแค่ไหน ชาร์ล็อตยอมที่จะจ่ายเงินให้โรเอลเต็มจำนวน เพราะเขาเองก็ทุ่มสุดตัวเพื่อช่วยเหลือเธอ ถึงขั้นดื่มยาลับหลังโดยไม่ได้บอก ดังนั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขามีความจริงใจในงานนี้
มันไม่น่าจะใช่แค่เรื่องเงินอีกต่อไปแล้ว
นี่ถือเป็นความดีความชอบ เป็นบุญคุณการช่วยเหลือ คุณค่าของมันไม่อาจจะสามารถประเมินได้ เมื่อได้รู้ว่าคนที่คอยช่วยเหลือตนเองอย่างเต็มที่เงียบ ๆ คนนี้ คือคู่หมั้นของเธอ ชาร์ล็อตก็ยิ่งรู้สึกขัดแย้งมากขึ้นไปอีก
ทำไมเขาถึงยอมทุ่มเทช่วยเหลือข้าขนาดนี้ นี่มันควรจะเป็นแค่ความสัมพันธ์ทางด้านผลประโยชน์ร่วมกันไม่ใช่เหรอ…
แต่แล้วความคิดของชาร์ล็อตก็หยุดลงทันที พร้อมกับคำถามหลายข้อที่ผุดขึ้นในใจเธอ
แม้มันจะเป็นหน้าที่ของโรเอลที่จะต้องช่วยเธอค้นหาบันทึก แต่แล้วสิ่งอื่นที่เขาทำเพื่อเธอล่ะ? โรเอลมักจะตื่นแต่เช้าในทุก ๆ วันเพื่อมาชงชาให้กับชาร์ล็อต พาเธอไปทานอาหารเช้าให้ตรงเวลา พูดคุยกับเธอเพื่อบรรเทาความเบื่อหน่ายในทุก ๆ ครั้งที่เธอรู้สึกเหนื่อย นอกจากนี้เมื่อคืนเขายังช่วยนวดไหล่ให้เธออีกด้วย
ชาร์ล็อตเรื่มตระหนักได้ว่า ตนเองนั้นมองข้ามบางสิ่งบางอย่างมาโดยตลอด ครั้งแรกเด็กสาวคิดว่ามันเป็นเพียงธุรกรรมที่ดี ในการที่เธอซื้อเวลาของโรเอลมาด้วยเงิน แม้ว่าพวกเขาจะทะเลาะกันบ่อย ๆ แต่เวลาที่เธออยู่กับเขานั้นก็ถือว่าค่อนข้างผ่อนคลาย หากมองย้อนกลับไป มันเป็นอะไรที่เธอสามารถซื้อได้ด้วยเงินจริง ๆ งั้นเหรอ?
สมมุติว่าชาร์ล็อตซื้อทั้งหมดนี้ได้ด้วยเงิน ตอนนี้เธอจ่ายครบแล้วจริง ๆ รึเปล่า?
อารมณ์อันซับซ้อนหลายอย่างปรากฏขึ้นบนใบหน้าของชาร์ล็อตระหว่างที่เธอกำลังครุ่นคิดถึงคำถามนี้ สาวน้อยจับจ้องไปที่เด็กชายผู้กำลังนอนเหยียดยาวอยู่บนกองหนังสือ ในทันใดนั้นเธอก็รู้สึกผิดเล็กน้อยต่อเขา
นี่ก็ใกล้จะถึงฤดูหนาวแล้ว หิมะกองเต็มไปทั่วพื้นที่ด้านนอกหน้าต่างห้องสมุดที่พวกเขานั่งอ่านหนังสือกันอยู่ ลมหนาวที่พัดกระทบเข้ามาที่กระจกทำให้ชั้นของน้ำค้างแข็งก่อตัวขึ้นด้านนอก แม้ว่าคฤหาสน์ของตระกูลแอสคาร์ดจะมีคาถาความร้อนเปิดใช้งานอยู่อย่างต่อเนื่องก็ตาม แต่ทั้งสองก็ได้ตกลงร่วมกันให้ปรับมันออกไป เพราะอุณหภูมิต่ำจะทำให้พวกเขาไม่ผล็อยหลับ
อย่างไรก็ตาม หากหนึ่งในพวกเขาผล็อยหลับไปภายใต้สภาพอากาศอันหนาวเย็นเช่นนี้ล่ะก็…
ชาร์ล็อตเริ่มกังวลเกี่ยวกับโรเอล แม้ว่าผู้มีพลังเหนือธรรมชาติมักจะมีความทนทานยืดหยุ่นทางร่างกายมากกว่าคนทั่ว ๆ ไป แต่พวกเขาก็ไม่ได้มีภูมิต้านทานต่อโรคภัยไข้เจ็บทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้มีพลังเหนือธรรมชาติประเภทวิชาการคาถาเวทอย่างโรเอล
ด้วยความคิดนี้ในใจ เด็กสาวก็ได้ลุกยืนขึ้นมา ทว่าชาร์ล็อตก็สังเกตเห็นมือของตนที่กำลังจับอยู่กับมือของโรเอล นี่ทำให้เธอลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงตัดสินใจหยิบอัญมณีเวทขึ้นมาเพื่อติดต่อกับเกรซที่ยืนรออยู่ข้างนอก
“นายหญิง มีอะไรให้รับใช้เหรอคะ”
“เอาผ้าห่มมาให้ข้า แล้วช่วยเพิ่มอุณหภูมิในห้องสมุดด้วย”
“เข้าใจแล้วค่ะ ดิฉันจะรีบจัดการให้…”
“เดี๋ยวก่อน ยังมีอีกเรื่องที่ข้าอยากจะให้เจ้าช่วย”
ชาร์ล็อตหยุดสาวใช้ผมดำที่กำลังจะเดินออกจากห้องไป เธอเหลือบมองไปยังโรเอลที่กำลังนอนหมดแรง ก่อนจะกล่าวเสริม
“ข้าต้องการให้เจ้า ร่ายคาถาเวทหลับลึกด้วย”