บทที่ 149: วันนี้เราจะหยุดพัก
เกิดอะไรขึ้นกัน?
ในห้องสมุด โรเอลที่เพิ่งตื่นขึ้นจากการงีบหลับไปสองชั่วโมง มองไปยังผ้าห่มที่พันอยู่รอบตัวเขาก่อนจะหันไปทางเด็กสาวผมสีน้ำตาลแดงที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ซึ่งเด็กสาวคนนั้นก็ได้หันไปมองสบตาเขาพร้อม ๆ กัน
“นี่มัน… ของเธอเหรอ?”
“ใช่”
“…ขอบคุณ วันนี้อาการของฉันไม่ค่อยดี ฉันเลยเผลอหลับไปน่ะ”
“…”
โรเอลยกผ้าห่มขึ้นเล็กน้อยพร้อมขอบคุณชาร์ล็อต ซึ่งเด็กสาวก็พยักหน้าโดยไม่พูดอะไรเช่นเคย เมื่อรู้สึกได้ว่าบรรยากาศดูตึงเครียด โรเอลจึงมองไปที่เธอใกล้ ๆ และสังเกตเห็นได้ว่าเด็กสาวนั้นดูเหมือนว่ากำลังโกรธอะไรอยู่
ชาร์ล็อตในตอนนี้มีสีหน้าอันเรียบเฉย และก็ไม่ได้วิพากษ์วิจารณ์อะไรเป็นพิเศษ ทว่าบรรยากาศรอบตัวเธอนั้นกลับแปรเปลี่ยนไป ปกติแล้วเด็กสาวมักจะให้ความรู้สึกอันสูงส่งสง่างามอยู่เสมอ แต่ในขณะนี้ ที่โรเอลสัมผัสได้มีเพียงความรู้สึกอันเฉียบขาดเท่านั้น
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่โรเอลประสบกับความเปลี่ยนแปลงทางบรรยากาศนี้ เด็กชายเคยค้นคว้าเรื่องนี้มาก่อนแล้วด้วยซ้ำ ข้อสรุปที่เขาได้มาก็คือมันเป็นปรากฏการณ์ที่จะเกิดขึ้น เมื่ออารมณ์ของผู้มีพลังเหนือธรรมชาติส่งผลต่อการผันผวนของพลังเวท จนส่งผลต่อบรรยากาศ
แต่นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาอวดดี โรเอลวางผ้าห่มพาดไว้ที่ด้านข้างอย่างแผ่วเบา ก่อนจะลองนึกย้อนกลับไปว่าตนเองทำอะไรผิดไปบ้าง
เธอโกรธเพราะเราอู้งานงั้นเหรอ? คงไม่ใช่หรอก…
โรเอลปฏิเสธความคิดนั้นด้วยการส่ายหัว ด้วยข้อเท็จจริงที่ว่าการอ่านบันทึกในสภาพที่อ่อนล้านั้นมีแต่จะได้ผลลัพธ์ที่ไร้ประสิทธิภาพ แม้ว่าเขาจะอู้งาน ชาร์ล็อตก็น่าจะแค่บ่น หรือแสดงให้เห็นถึงความไม่พอใจเล็กน้อยเท่านั้น
ชาร์ล็อตเป็นตัวอย่างที่ดีของแวดวงขุนนางมาโดยตลอด หลังจากที่โรเอลได้ทะเลาะกับเธอมาตลอดสิบวันเต็ม เด็กชายก็ตระหนักได้ว่าคำศัพท์ในการวิพากษ์วิจารณ์ด่าทอของเธอนั้นจำกัดมาก ซึ่งก็น่าจะเป็นเพราะเธอไม่มีความรู้เกี่ยวกับคำหยาบคายสักเท่าไหร่ คำศัพท์ของเด็กสาวจึงมักจำกัดอยู่ที่คำว่า ‘โลภมาก’ ‘ไร้ยางอาย’ ‘ไร้เดียงสา’ และพวกคำที่ค่อนข้างจะสุภาพ
กลับกันแล้ว โรเอลเคยเจอคำหยาบอันมีสีสันมากมายบนอินเทอร์เน็ตในชาติก่อน ดังนั้นเมื่อใดก็ตามที่ชาร์ล็อตเริ่มวิพากษ์วิจารณ์เขาด้วยใบหน้าอันแดงก่ำอย่างหงุดหงิด เขาก็ได้แต่คิดว่ามันช่างดูน่ารักอะไรเช่นนี้
นอกจากนี้ชาร์ล็อตยังเป็นคนที่ไม่มีปัญหาด้านการเงิน คนอย่างเธอไม่มีทางจะไม่พอใจเพียงเพราะโรเอลอู้เล็ก ๆ น้อย ๆ แน่ เหมือนกับเศรษฐีที่ชื่อว่า บิล เกตส์ ในอดีตชาติของเขาที่ไม่มีทางจะก้มลงไปหยิบเหรียญจากถนน มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว!
แล้วอะไรคือปัญหากันแน่?
โรเอลแอบมองชาร์ล็อตที่ยังคงนิ่งเงียบอยู่เหมือนเดิม เมื่อรู้สึกว่าบรรยากาศไม่เหมาะสมที่จะถามออกมา เด็กชายจึงตัดสินใจเบนความสนใจไปที่งานของเขา ผลที่ได้ก็คือความตึงเครียดเป็นเวลาสองนาทีเต็ม ก่อนที่สาวน้อยผมสีน้ำตาลแดงจะเริ่มพูดขึ้นมาในที่สุด
“วันนี้ ทำไมเจ้าถึงหลับกัน?”
“อา วันนี้อาการของฉันไม่ค่อยดีเท่าไหร่”
“วันนี้อาการไม่ค่อยดี? แล้ววันก่อนหน้านั้นล่ะ?”
“วันก่อนเหรอ? ก็สบายดีนะ”
“อย่างนั้นหรือ”
ชาร์ล็อตตอบด้วยรอยยิ้ม ทว่าใบหน้าของเธอกลับดูซีดเซียวผิดปกติ ดวงตาของเธอยังคงจ้องมองไปที่โรเอลอย่างจดจ่อพร้อมสอบสวนต่อไป
“ก่อนหน้านี้ เจ้ากินยาอะไรมารึเปล่า?”
“หืม? ใช่ฉันกินยา มันเป็นยาที่ช่วยให้ฉัน…”
“พรุ่งนี้เจ้าต้องเอามันมาให้ข้า”
“อะไรนะ?”
“ตามที่บอกนั่นแหละ พรุ่งนี้เอามันมาให้ข้า ข้าจะเก็บมันไว้ให้เอง หลังจากวันนี้เจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้ดื่มมันอีกต่อไป”
เมื่อเห็นใบหน้าอันเคร่งขรึมของชาร์ล็อต ในที่สุดโรเอลก็เข้าใจแล้วว่าทำไมเธอถึงได้โกรธ แต่เข้าก็ยังรู้สึกสับสนอยู่ดี
เธอ… เป็นห่วงฉันงั้นเหรอ? แต่ทำไมกันล่ะ?
โรเอลไม่เข้าใจว่าทำไมชาร์ล็อตถึงกังวลเกี่ยวกับการที่เขาดื่มยาชูกำลัง เด็กชายจึงคิดที่จะบอกอีกฝ่ายว่าเธอนั้นกำลังเข้าใจผิดอยู่ว่าเครื่องดื่มชูกำลังของเขาเป็นสารเคมีอันตราย
“อันที่จริง ยาที่ฉันดื่มมันปลอดภัยมาก มันไม่มีผลข้างเคียงเลยนะ…”
“ไม่ได้ ยาส่วนใหญ่ที่ไม่มีผลข้างเคียงมักจะทำให้ผู้ใช้เสพติด ซึ่งนั่นอันตรายกว่ามาก”
ชาร์ล็อตเหลือบมองไปที่กองหนังสือพร้อมเตือนอย่างจริงจัง
“พวกเรายังมีบันทึกอีกมากมายให้ตรวจสอบ ซึ่งก็ไม่ใช่อะไรที่จะต้องรีบเร่ง หากเจ้ายังคิดที่จะกินยาเพื่อรักษาพลังงานอยู่ ข้าก็คงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเขียนจดหมายถึงมาร์ควิสคาร์เตอร์เกี่ยวกับเรื่องนี้”
“เดี๋ยวก่อน หยุดเลย! ก็ได้ ก็ได้ ก็ได้ พรุ่งนี้ฉันจะส่งมันให้เธอ!!”
เมื่อได้ยินว่าชาร์ล็อตกำลังจะส่งจดหมายฟ้องพ่อของเขา โรเอลก็รีบยกมือขึ้นยอมจำนนแต่โดยดี เนื่องจากนับตั้งแต่เรื่องที่เกิดขึ้นตอนเขาใช้ ‘ยาเสริมพละกำลังแห่งโลโบร์ รูปแบบที่2’ คาร์เตอร์ก็ห้ามไม่ให้โรเอลดื่มยาอีกโดยเด็ดขาด ถ้าหากเธอส่งจดหมายไปหาคาร์เตอร์จริง ๆ ล่ะก็ มาร์ควิสคาร์เตอร์คงจะรีบขอหยุดพักงานจากแนวหน้า แล้วรีบกลับมาที่เขตการปกครองแอสคาร์ดเพื่อเทศนาเขาแน่ ๆ
ไม่เป็นไร ฉันจะไม่ดื่มมันแล้ว พอใจรึยังล่ะ?
ทั้งโรเอลและชาร์ล็อตต่างถอนหายใจพร้อมกันอย่างน่าประหลาดใจ แม้ว่าคนหนึ่งจะถอนหายใจเพราะหมดหนทาง ส่วนอีกคนเพราะความโล่งใจก็ตาม หลังจากเหตุการณ์นี้ ทั้งสองคนก็ได้เปิดหนังสืออ่านกันต่อ
ระหว่างที่โรเอลที่ฟื้นขึ้นมากำลังจะเริ่มต้นอ่านหนังสือเล่มที่สาม ชาร์ล็อตก็วางที่คั่นหนังสือลงในหนังสือที่เธอกำลังอ่านอยู่ ปิดมันลงอย่างแรง ก่อนจะลุกขึ้นยืน
“วันนี้พอแค่นี้ก่อน ไปกินข้าวกันเถอะ”
“หืม? พวกเรายังเหลือเวลาอีกตั้งครึ่งชั่วโมงก่อนจะถึงเวลาพักไม่ใช่เหรอ?”
“… วันนี้เราจะหยุดพักกันก่อน”
คำตอบอย่างเฉยเมยของชาร์ล็อตทำให้โรเอลเลิกคิ้วขึ้น
เกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย? วันนี้ยัยนี่แปลกไปจริง ๆ ทำไมทัศนคติของเธอถึงได้เปลี่ยนไปมากขนาดนี้กัน จู่ ๆ ก็หยุดพักแบบนี้หมายความว่ายังไงเนี่ย?
แม้จะพร่ำบ่นในใจ แต่ร่างกายของโรเอลกลับซื่อสัตย์กว่ามาก เขาปิดหนังสือในทันที แล้วรีบลุกขึ้นยืน ทั้งสองออกจากห้องสมุดไปพร้อมกัน ทว่าเมื่อพวกเขาไปถึงประตู ชาร์ล็อตก็ดึงแขนเสื้อของโรเอลเอาไว้
“วันนี้ข้าจัดการเอง”
“หา?”
ดวงตาของโรเอลเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ เขาไม่เข้าใจในสิ่งที่ชาร์ล็อตกำลังพูดอยู่ครู่หนึ่ง
เธอจะจัดการเอง? หา? แขกที่ไหนจะมาจัดการเรื่องของเจ้าบ้านที่บ้านของเขากัน?
โรเอลงุนงงเป็นอย่างยิ่ง แต่ชาร์ล็อตก็ไม่ได้อธิบายอะไร เธอเพียงแต่จับมือเขาไปตามนิสัย
“เจ้าแค่ต้องตามข้ามา”
พูดจบเด็กสาวก็พาโรเอลเดินออกจากคฤหาสน์ไป
…
หนึ่งชั่วโมงต่อมา โรเอลก็พบว่าเขากำลังจ้องมองไปที่สาวงามผมสีน้ำตาลแดงผู้เย้ายวนตรงหน้าด้วยความงุนงง
หลังจากออกจากห้องสมุดของคฤหาสน์มา ชาร์ล็อตก็ดึงโรเอลออกไปจนสุดทางด้านนอก เข้าไปในรถม้าที่เป็นเหมือนกับคฤหาสน์ส่วนตัวของเธอ ทันทีที่เด็กชายก้าวเข้าไปในรถม้า เขาก็ต้องตกตะลึงกับสิ่งที่ได้เห็น
เพดานของมันมีโคมไฟแขวนอันละเอียดอ่อนประดับด้วยอัญมณีขัดมันอย่างประณีต งานศิลปะที่มีชื่อเสียงทุกประเภทถูกแขวนไว้บนผนัง เครื่องเรือนทั้งหมดล้วนเป็นงานฝีมือจากช่างฝีมือระดับปรมาจารย์ มันหรูหรามีระดับมากจนน่าเหลือเชื่อ
โรเอลรู้สึกราวกับว่าเขาได้เข้าสู่โลกอีกใบ หากไม่ใช่เพราะว่าเด็กชายจำได้ว่าตนเองก้าวเข้ามาในรถม้า เขาคงไม่คิดว่านี่คือภายในของรถม้าคันหนึ่ง
แม้แต่รถลีมูซีนที่มีบาร์ในตัวในอดีตชาติของโรเอลก็ยังต้องพ่ายแพ้ให้กับมัน การตกแต่งของสายธารแห่งอัญมณีเทียบได้กับคฤหาสน์สุดหรู มันมีสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งหมดเท่าที่จะนึกได้อยู่ภายใน
“นี่เสื้อผ้าสำหรับเจ้า”
ขณะที่โรเอลกำลังตกตะลึงต่อความมั่งคั่งของตระกูลโซโรฟยา ชาร์ล็อตก็ยัดเสื้อผ้าหนึ่งชุดเข้าไปในอ้อมแขนของเขา เด็กชายกะพริบตาด้วยความงุนงง ก่อนจะเปิดดูเสื้อผ้าในอ้อมแขน และตระหนักได้ว่ามันคือชุดสูททางการนั่นเอง
“นี่คือ…?”
“จงภาคภูมิใจเสียเถอะที่ได้รับเกียรตินี้ นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าออกแบบเสื้อผ้าให้กับใครเป็นรายบุคคล รีบไปใส่มันซะสิ!”
ชาร์ล็อตผลักโรเอลกลับไปพร้อมชี้ให้สาวใช้ที่อยู่ข้างหลังตนพาเด็กชายไปที่ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า จากนั้นเธอก็มุ่งหน้าไปที่ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าส่วนตัวของตนเอง เพื่อเติมความสดชื่นและเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยเช่นกัน
เมื่อประตูเปิดออก ทั้งสองก็ได้พบกันอีกครั้ง แต่คราวนี้พวกเขาดูแตกต่างไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง
โรเอลในชุดสูทสีดำนั้นดูสูงและสง่างามขึ้นมาก สีเข้มตัดกับดวงตาสีทองของเขาได้เป็นอย่างดี ทำให้เขาดูโดดเด่นกว่าปกติ แม้ว่าอายุของเด็กหนุ่มจะยังน้อย แต่เขาก็ปล่อยบรรยากาศอันลึกลับออกมาภายใต้แสงไฟ ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยพลังของคุณสมบัติแก่นแท้ต้นกำเนิดมงกุฎ มันจึงเสริมให้เขามีบรรยากาศดูลึกลับ กระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของคนคนหนึ่งมากขึ้นไปอีก
อีกด้านหนึ่ง ชาร์ล็อตได้สวมชุดสีแดงผ่าสูงถึงหัวเข่าตามมาตรฐานของจักรวรรดิเซนต์เมซิท การออกแบบของมันมีรายละเอียดอันวิจิตรบรรจง ชวนให้นึกถึงดอกกุหลาบที่กำลังบานสะพรั่ง
ชุดราตรีนี้เผยให้เห็นไหล่อันบอบบางและแผ่นหลังที่สวยงามของชาร์ล็อต เมื่อประกอบเข้ากับขาเรียวของเธอที่โผล่ออกมาใต้เสื้อคลุมและถุงน่องสีดำ ยิ่งทำให้ความมีเสน่ห์เย้ายวนเด่นชัดขึ้นออกมาจากชุดที่ดูเป็นทางการนี้ ความแตกต่างระหว่างผิวสีขาวราวหิมะของเด็กสาวกับถุงน่องสีดำช่วยเน้นความงามของเธอได้เป็นอย่างดี ทำให้โรเอลถึงกับหยุดหายใจไปชั่วขณะ
“เป็นยังไงบ้าง? เจ้าไม่ชอบงั้นเหรอ?”
“ไม่ใช่แบบนั้น… ฉันคิดว่ามันดูดี”
“หืม ดูเหมือนว่ารสนิยมของเจ้าจะไม่ได้แย่สักเท่าไหร่นะ”
ชาร์ล็อตหมุนนิ้วไปรอบ ๆ เส้นผมพลางพูดอย่างเขินอาย จากนั้นเธอก็อธิบายเสริมอย่างรวดเร็ว ราวกับพยายามอธิบายท่าทีของตัวเอง
“นี่เป็นเสื้อผ้าชุดทางการชุดใหม่ที่ข้าออกแบบ แต่ด้วยรูปลักษณ์ที่เฉียบคมเกินไป พวกมันจึงเป็นผลงานที่ล้มเหลวในการนำมาเป็นรายการขายในฤดูใบไม้ผลิของสมาคมพ่อค้าโซโรฟยา”
“น่าเสียดายจริง ๆ เสื้อผ้าพวกนี้ดูดีมากแท้ ๆ”
คำพูดของโรเอลทำให้ชาร์ล็อตยิ้มออกมา ด้วยเหตุผลบางอย่าง เมื่อรอยยิ้มของเธอปรากฏขึ้น หัวใจของโรเอลก็เต้นระรัวอย่างควบคุมไม่ได้
มีคนเคยกล่าวไว้ว่าเสื้อผ้าทำให้ผู้ชายเป็นบุรุษ แต่จริง ๆ แล้วเสื้อผ้าเองก็เป็นอะไรที่ค่อนข้างจู้จี้จุกจิกเช่นกัน เสื้อคลุมสีแดงอันสวยงามที่ชวนให้นึกถึงดอกไม้ที่เบ่งบานนี้ สำหรับโรเอลแล้ว คงมีเพียงชาร์ล็อตเท่านั้นที่จะสามารถดึงเสน่ห์ของตัวเองออกมาได้โดยไม่ถูกบดบัง
เด็กสาวนั้นให้ความรู้สึกเหมือนกับดอกไม้ที่อยู่บนภูเขาสูง ดึงดูดผู้อื่นให้เข้ามาชื่นชม ทั้งมีเกียรติและภาคภูมิ แต่ก็มีด้านที่อ่อนแอเช่นกัน ทว่านั่นก็ยิ่งทำให้น่าหวงแหนมากยิ่งขึ้น กระตุ้นความปรารถนาให้อยากที่จะปกป้อง ซึ่งแม้แต่นอร่าหรืออลิเซียก็เทียบกับเธอในเรื่องนี้ไม่ได้
เสน่ห์ดังกล่าวเป็นอันตรายต่อผู้ชาย แม้แต่โรเอลเองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น เขารีบเบือนหน้าหนีในทันที ไม่กล้าที่จะเบนสายตาไปที่เธออีก เด็กชายเกรงว่าตนเองจะถูกทำให้ยอมจำนนต่อเสน่ห์ของเด็กสาว เขากระแอมไอเพื่อรักษาท่าทีจากนั้นก็รีบถามกลับไป
“ชาร์ล็อต พวกเราแต่งตัวแบบนี้ไปทำไมกัน?”
“ก็ไม่มีอะไรมากหรอก”
ดวงตาของชาร์ล็อตเปล่งประกายพร้อมด้วยรอยยิ้ม
“พวกเราจะไปดูผีเสื้อกัน”