บทที่ 151: รับรองโดยผีเสื้อ
“…”
เมื่อโรเอลได้ยินคำพูดอันเฉยชาจากชาร์ล็อต ทำให้เขาถึงกับพูดอะไรไม่ออก เด็กชายมองไปทางชาร์ล็อตจับจ้องไปยังผู้หญิงในชุดกระโปรงสีฟ้า ณ สถานที่ที่ห่างไกลออกไป เธอคนนั้นกำลังพูดคุยกับชายคนหนึ่งอย่างสนุกสนาน ทันใดนั้นจิตใจของเขาก็ว่างเปล่าไปครู่หนึ่ง
ถ้าเธอเป็นแม่ของชาร์ล็อต แล้วผู้ชายคนนั้นเป็นใครกัน?
เมื่อเห็นแม่ของชาร์ล็อตมีปฏิสัมพันธ์อันอ่อนโยนกับชายผมบลอนด์ปริศนาคนนี้ โรเอลก็รู้สึกว่าใบหน้าของเขาเริ่มแข็งทื่อ ไม่จำเป็นต้องอธิบายเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย เขาได้ดูบันทึกของตระกูลโซโรฟยามาตั้งแต่ก่อนจะเริ่มการนัดพบกันครั้งแรก รวมถึงรูปถ่ายของพวกเขาด้วยเช่นกัน บรูซ หรือบิดาของชาร์ล็อตนั้นน่าจะเป็นชายผมแดง
ที่สำคัญที่สุด แม้ว่าบันทึกจะไม่ได้ระบุว่าพ่อแม่ของชาร์ล็อตหย่าร้างกันรึยัง แต่เมื่อพิจารณาว่าทั้งสองได้แต่งงานกันแล้ว การที่แม่ของชาร์ล็อตไปมีความสัมพันธ์กับผู้ชายอีกคนหนึ่ง มันก็…
เกิดอะไรขึ้นกัน? พวกเราเพิ่งจับแม่ของชาร์ล็อตได้ระหว่างที่เธอกำลังทำผิดประเวณีงั้นเหรอ? นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย? นี่ไม่ใช่ละครน้ำเน่านะ!
โรเอลจ้องมองไปที่ชาร์ล็อตด้วยท่าทางสับสนงุนงงจนต้องอ้าปากค้างไปกับเหตุการณ์ที่พลิกผันดั่งละครน้ำเน่านี้ ครั้งแรกเขาคิดว่าชาร์ล็อตมาที่นี่เพื่อดูผีเสื้อ แต่ไม่ต้องการความยุ่งยากที่จะเจอในพื้นที่ของคนโสด เด็กสาวจึงลากเขามาที่นี่พร้อมกับเธอ
พิจารณาจากสถานการณ์ตอนนี้แล้ว ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่แคนั้น
เวลาแบบนี้ต้องทำยังไงดีล่ะ? เดินไปหาคู่ชู้แล้วสาดน้ำใส่พวกเขาเหรอก? ไม่น่าจะใช่แบบนั้นนะ พวกเราอยู่ในร่างจำแลง แค่ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติระดับแก่นแท้ 6 ก็สามารถหยุดเราได้สบาย ๆ หรือก็คือ…
“ฉันเข้าใจแล้ว เรามาที่นี่เพื่อรวบรวมหลักฐานใช่ไหม? แล้วพวกเราควรจะทำอย่างไรดีล่ะ? ฉันไม่ได้มีคาถาเวทอะไรที่สามารถช่วยเรื่องแนวนั้นได้เลยนะ”
ใบหน้าของโรเอลเป็นประกายด้วยความตื่นเต้นในทันใด เขาจ้องมองไปที่สองคนข้างหน้าจากระยะไกลเหมือนปาปารัสซี่ตัวน้อยที่พร้อมจะรวบรวมข่าวเด็ด ๆทั้งหมดที่เขาต้องการคือให้เธอผู้เป็นเจ้านายพูดคำนั้นออกมา จากนั้นข่าวนี้ก็จะกระจายไปทั่วหนังสือพิมพ์ในวันพรุ่งนี้
ทว่าโดยที่ไม่คาดคิด ชาร์ล็อตกลับหันมามองเขาด้วยสายตาอันสับสน
“หืม? มีอะไรผิดปกติงั้นเหรอ? เธอไม่จำเป็นต้องยืนอึ้งอยู่หรอกนะ ไม่ว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาจะเป็นอย่างไร อย่างน้อยฉันก็จะช่วยสนับสนุนเธอเอง”
โรเอลตบหน้าอกของตนอย่างมั่นใจ ก่อนจะจ้องมองไปยังคู่รักที่กำลังล่วงประเวณีตรงหน้าพร้อมกัดฟันแน่น
ขอประณามพวกเขาทั้งสองคน! เห็นได้ชัดว่าชายผมบลอนด์คนนั้นเป็นแมงดาชัด ๆ!
โรเอลกำหมัดแน่นพร้อมที่จะลงมือ
ทว่าชาร์ล็อตกลับหันไปหาโรเอลด้วยใบหน้าที่ดูสับสน เด็กสาวพยายามจะพูดอธิบายอยู่หลายครั้ง แต่เธอก็ลังเลไม่พูดออกมาเสียที จนในที่สุดเธอก็ฝืนยิ้มออกมาพร้อมพูดว่า
“ขอบใจนะโรเอล แต่… นั่นมันไม่จำเป็นหรอก”
รอยยิ้มของชาร์ล็อตเต็มไปด้วยความเศร้า จากนั้นเธอก็หันกลับไปทางทิวทัศน์เบื้องหน้า
“เจ้าเข้าใจผิดแล้ว ข้าไม่ได้คิดจะทำอะไรที่นี่ทั้งนั้นแหละ ข้าแค่อยากเจอเธอ”
“เจอเธอ?”
“ข้าได้เจอเธอเป็นครั้งสุดท้ายเมื่อ 5 ปีที่แล้ว”
“…”
ดวงตาของโรเอลเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ ชาร์ล็อตครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงเริ่มอธิบายสถานการณ์ของตนอย่างกระชับด้วยน้ำเสียงอันเรียบเฉยจนผิดปกติ
มันเป็นเรื่องที่ไม่มีบันทึกเอาไว้ในรายงานใด ๆ ที่โรเอลได้รับ หลังจากได้ยินทุกอย่าง เด็กชายก็ไม่สามารถสงบหัวใจลงได้เป็นเวลานาน
สถานการณ์ในครอบครัวของชาร์ล็อตเหนือกว่าจินตนาการของเขาไปมาก
อเดลิเซีย มิลตัน แม่ของชาร์ล็อตเป็นลูกสาวคนที่สองของตระกูลมิลตัน ตระกูลดยุกของจักรวรรดิออสทีน ตระกูลมิลตันเป็นตระกูลชนชั้นสูงที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานอยู่เบื้องหลัง ต้นกำเนิดของพวกเขาสืบทอดย้อนไปถึงจักรวรรดิออสทีนโบราณในยุคที่สอง ดังนั้นในแง่หนึ่ง เชื้อสายของพวกเขากล่าวได้ว่าเก่าแก่ยิ่งกว่าตระกูลแอสคาร์ดเสียอีก
ตระกูลที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานเช่นนี้ไม่ใช่อะไรที่ควรมองข้าม อันที่จริงในระหว่างการอพยพมายังทวีปเซียตะวันตกในตอนเริ่มยุคที่สาม ตระกูลมิลตันนั้นอยู่ในตำแหน่งอันสูงส่งอย่างผู้บัญชาการเลยทีเดียว
หลังจากนั้นเรื่องราวก็เป็นไปตามที่โรเอลรู้ เมื่อถึงดินแดนใหม่ ความขัดแย้งภายในครั้งใหญ่ก็ได้ก่อตัวขึ้นระหว่างเดินทาง ปะทุขึ้นท่ามกลางกองทัพอพยพ นำไปสู่การแตกร้าวของจักรวรรดิออสทีนโบราณ ผู้คนกระจัดกระจายกันไปพร้อมผู้ติดตามเพื่อเรียกร้องเอกราช
ตระกูลมิลตันเป็นหนึ่งในกลุ่มอนุรักษ์ที่ดื้อรั้น พวกเขามีอำนาจสำคัญในกองทัพผู้อพยพ ดังนั้นพวกเขาจึงปฏิเสธที่จะยอมรับกลุ่มอื่น ๆ ที่แยกตัวออกไป เพราะความขัดแย้งทางผลประโยชน์
ท้ายที่สุดตระกูลมิลตันร่วมกับตระกูลขุนนางรายใหญ่หลายตระกูล ก็ได้ก่อตั้งรากฐานของจักรวรรดิออสทีนขึ้นมาใหม่ เพื่อเน้นย้ำถึงความชอบธรรม คนกลุ่มนี้จึงได้คิดค้นทฤษฎีสายเลือดบริสุทธิ์อันโด่งดังขึ้นมา
หากสรุปคร่าว ๆ ทฤษฎีสายเลือดบริสุทธิ์ได้ตั้งสมมติฐานว่าทุกคนนอกเหนือจากผู้คนในจักรวรรดิออสทีน ล้วนเป็นพวกป่าเถื่อน ขุนนางที่มาจากจักรวรรดิออสทีนโบราณจะถูกมองว่าเป็นสายพันธุ์ที่เหนือกว่า และถือเป็นอภิสิทธิ์ของพวกเขาที่เข้าจะปกครองอาณาจักรอื่น ๆ
ดังนั้นผู้คนในจักรวรรดิออสทีนจึงถือว่าตนเองเป็นพลเมืองชั้นหนึ่ง และทุกคนนอกจากพวกเขาถือเป็นพลเมืองชั้นสองหรือแย่กว่านั้น
ทฤษฎีนี้เป็นแรงยึดเหนี่ยวอันแข็งแกร่งของจักรวรรดิออสทีนในช่วงที่มีความวุ่นวาย ทำให้การกระทำของพวกเขาดูชอบธรรมที่จะควบรวมอาณาจักรใกล้เคียงเข้ามาหลังจากการก่อตั้ง เป็นผลให้จักรวรรดิออสทีนเติบโตอย่างรวดเร็ว เมื่อเวลาผ่านไปพวกเขาก็ได้รับการสนับสนุนจากพลเมือง ซึ่งมองว่าการควบรวมอาณาจักรเป็นเพียงการใช้กำลังอย่างชอบธรรมต่อผู้ทรยศ ไม่ใช่ ‘การพิชิตอาณาจักรอื่น’ แต่เป็น ‘การยึดคืนดินแดนที่พวกเขาสมควรได้รับกลับคืนมา’
ทฤษฎีสายเลือดบริสุทธิ์นี้เป็นที่มาของความเย่อหยิ่งในจักรวรรดิออสทีน นับตั้งแต่การขึ้นสู่อำนาจ พวกเขาก็ได้ผลักดันทฤษฎีนี้ไปอย่างกว้างขวางในหมู่ประชาชน เรียกได้ว่าพวกหัวรุนแรงบางคนถึงกับสนับสนุนการแต่งงานระหว่างขุนนางชั้นสูง เพื่อหลีกเลี่ยงการทำให้สายเลือดของพวกเขาเจือจางลงไป
อเดลิเซีย มารดาของชาร์ล็อตเป็นหนึ่งในผู้ที่รับผลประโยชน์ และผู้เชื่อมั่นในทฤษฎีสายเลือดบริสุทธิ์สุดขั้วนี้
กว่า 10 ปีที่แล้ว ที่ตระกูลโซโรฟยาพยายามที่จะซ่อมแซมความสัมพันธ์กับจักรวรรดิออสทีน เมืองโรซ่าจึงได้ให้ความสนับสนุนมากมายแก่ตระกูลมิลตัน โดยแลกเปลี่ยนกับการที่อเดลิเซียต้องมาหมั้นหมายกับบรูซผู้นำของสมาคมพ่อค้าโรซ่า ในฐานะสัญลักษณ์ของความเป็นพันธมิตรระหว่างพวกเขา
นี่ถือเป็นการแต่งงานที่ไม่มีความรักเจือปนอยู่เลย มันถูกขับเคลื่อนด้วยผลประโยชน์อย่างแท้จริง ผลลัพธ์ที่เป็นไปได้จึงมีเพียงความสัมพันธ์อันว่างเปล่า
ในอดีตชาติโรเอลเคยได้ยินมาก่อนว่าเมื่อการแต่งงานของผู้ปกครองพังทลายลง เด็ก ๆ ก็คือผู้ที่ต้องทนทุกข์ทรมานมากที่สุด คำพูดนี้เป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับชีวิตในวัยเด็กของชาร์ล็อต
อเดลิเซียถูกบังคับโดยสัญญาการแต่งงานให้แบกรับทายาทของบรูซ แต่ด้วยความดื้อรั้นของเธอ หญิงสาวจึงเลือกที่จะทิ้งชาร์ล็อตไปอย่างไม่ลังเลใจ เธอเชื่อว่าเลือดของลูกสาวนั้นไม่บริสุทธิ์ เป็นความอัปยศต่อสายเลือดอันสูงส่งของตระกูลมิลตัน และการมีอยู่ของชาร์ล็อตนั้นทำให้ชื่อเสียงของอเดลิเซียเสื่อมเสีย
โรเอลนึกไม่ออกด้วยซ้ำว่าชาร์ล็อตเจ็บปวดแค่ไหนที่ต้องถูกแม่ของเธอเลือกปฏิบัติและทิ้งไป มันทำให้เขารู้สึกหนาวสั่นไปถึงกระดูกสันหลัง เด็กชายจ้องไปชาร์ล็อตอย่างงุนงง สงสัยว่าอารมณ์แบบไหนกันที่ซ่อนอยู่ในหัวใจของเธอขณะที่เด็กสาวกำลังเล่าถึงประวัติอันมืดมนของตน
“ย้อนกลับในสมัยที่ข้ามีอายุได้ 7 ขวบ ข้ามาที่จักรวรรดิออสทีน เพื่อไปเยี่ยมเธออย่างลับ ๆ ข้าเต็มไปด้วยความคาดหวัง ขณะเดินทางไปยังตระกูลมิลตัน เพราะตอนนั้นข้าไม่รู้ถึงเหตุผลเบื้องหลังความเกลียดชังของเธอที่มีต่อข้า ข้าคิดว่าเธอเพียงแค่ทะเลาะกับท่านพ่อ ทำให้ทันทีที่เราพบกัน ข้าก็วิ่งเข้าไปหาและพยายามที่จะกอดเธอ…”
ทันใดนั้นเสียงของชาร์ล็อตก็หายไป เธอจ้องมองผู้หญิงในชุดกระโปรงสีฟ้าด้วยดวงตาสีมรกตอย่างเงียบ ๆ ราวกับกำลังย้อนนึกถึงฉากนั้นในความทรงจำ
“เธอเตะข้าออกไป ไม่คิดแม้แต่ที่จะสัมผัสข้าด้วยมือของเธอด้วยซ้ำ”
“…”
ใบหน้าของโรเอลกระตุกอย่างแรง เขาก้มหน้าลงและจิบไวน์ผลไม้รสหวานเพื่อกลบเกลื่อน แต่ตอนนี้มันกลับมีรสฝาดแปลก ๆ
“แล้วมาหาเธอทำไมล่ะ ชาร์ล็อต? คนอย่างเธอคนนั้นมีอะไรให้น่าดูรึไง?”
“ไม่รู้สิ อาจจะเป็นเพราะความขุ่นเคือง หรือไม่บางทีข้าก็โหยหาความรักจากเธอ หึ…ฟังดูโง่ใช่มั้ยล่ะ?”
“… ไม่ ไม่ใช่เลย”
โรเอลรีบส่ายหัวปฏิเสธ
“ฉันขอถอนคำพูดที่ฉันเคยพูดไปก่อนหน้านี้ มันหยาบคายสำหรับฉันที่จะพูดออกมาแทนเธอ มันเป็นเรื่องปกติที่เด็กจะมีความรักต่อมารดาผู้ให้กำเนิด เพียงแต่ว่า… ฉันไม่คิดว่าผู้หญิงคนนั้นคู่ควรกับเธอ”
“!”
ชาร์ล็อตกะพริบตาอย่างประหลาดใจ เธอหันไปมองที่โรเอลเป็นเวลานาน ก่อนที่จะเผลอยิ้มออกมา
“เจ้าดูโกรธนะ”
“ใช่ ฉันโกรธ มีอะไรผิดปกติงั้นเหรอ? ฉันควรจะไม่รู้สึกโกรธรึไง?”
“ไม่ ไม่ใช่แบบนั้น ข้าก็แค่… คิดว่ามันค่อนข้างแปลก ปกติแล้วคนรอบข้างข้ามักจะไม่กล้าวิพากษ์วิจารณ์เธอคนนั้นต่อหน้าข้า”
“มันก็เป็นแค่ความแตกต่างทางบริบท ต่างจากคนอื่น ๆ ฉันไม่จำเป็นจะต้องเกรงใจเธอ เธอรู้สึกไม่สบายใจเกี่ยวกับเรื่องนี้งั้นเหรอ?
“ข้าไม่เป็นไร”
ชาร์ล็อตส่ายหัว เด็กสาวเริ่มหมุนแก้วไวน์ผลไม้ในมือโดยไม่รู้ตัว ขณะที่เธอรู้สึกจั๊กจี้ในใจ
“นี่เป็นครั้งแรกที่คนอื่นโกรธแทนข้า มันค่อนข้างแปลก แต่ในขณะเดียวกัน มันก็ทำให้ข้ารู้สึกดีใจนิดหน่อย… แต่พอมาคิด ๆ ดูแล้ว คู่หมั้นของข้าก็ไม่ถือว่าเป็นคนนอกใช่ไหมล่ะ?”
“แค่ก แค่ก!”
เสียงพึมพำของเด็กสาวผมสีน้ำตาลแดงทำให้โรเอลสำลักน้ำลาย ชาร์ล็อตหัวเราะเบา ๆ ลูบหลังเขาแทนการตอบกลับ
“เธอจงใจแกล้งฉันใช่ไหมเนี่ย?”
“ข้าเหรอ? ข้าก็แค่พูดย้ำความจริง”
“ถึงฉันจะไม่สามารถหักล้างมันได้ แต่มันก็… ช่างมันเถอะ”
โรเอลตัดสินใจเบือนหน้าหนีและจิบไวน์ผลไม้ต่อไป ในขณะเดียวกันชาร์ล็อตนั้นยังคงจ้องมองเขาอย่างชื่นชมอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้นมา
“ขอบใจ”
“…”
โรเอลไม่ตอบสนองอะไรต่อคำขอบคุณของชาร์ล็อต ทั้งสองเฝ้ามองทิวทัศน์เบื้องหน้าอย่างเงียบ ๆ ขณะที่คู่รักที่อยู่รอบ ๆ กำลังซึมซับกับโลกแห่งความรักของพวกเขา หลังจากช่วงเวลาพลบค่ำ ผู้จัดงานก็เริ่มกระตุ้นให้ทุกคนใช้พลังเวทฟักไข่ผีเสื้อของพวกเขา ปลุกบรรยากาศขึ้นมา
ไม่นานนัก ผู้คนในห้องเริ่มแสดงความรู้สึกที่มีต่อกันและกัน เสียงแห่งความตกตะลึงดังขึ้นมาเป็นระลอก ๆ ไม่หยุด ระหว่างที่ผีเสื้อประกายแสงราตรีอันสวยงามเริ่มหลุดออกจากเปลือกและกางปีกออก
แน่นอนว่ารอยยิ้มอันมีเสน่ห์ของสาว ๆ เปรียบได้กับความเปล่งประกายของผีเสื้อประกายแสงราตรี
ขณะเดียวกันชาร์ล็อตก็ยกมือขึ้นไปทางผู้หญิงในชุดสีฟ้าพร้อมทำนาย
“ผีเสื้อประกายแสงราตรีที่เจิดจ้าที่สุดในค่ำคืนนี้จะโผล่ออกมาจากมือของเธอ”
“หืม? ทำไมล่ะ?”
“นั่นก็เพราะว่าเจ้าภาพในงานนี้คือตระกูลมิลตัน หากพูดถึงการฟักตัวของผีเสื้อประกายแสงราตรีแล้วล่ะก็ สิ่งที่สำคัญไม่ใช่ปริมาณพลังเวท แต่เป็นคุณลักษณะของมัน กล่องฟักไข่ที่ถือโดยชายคนนั้นจะต้องถูกเติมเอาไว้ด้วยพลังเวทที่มาจากคุณสมบัติแก่นแท้ต้นกำเนิด อาณาจักร ของราชวงศ์ออสทีนเป็นแน่”
“หากไม่ใช่ตระกูลเซไซต์ของจักรวรรดิเซนต์เมซิทที่มีคุณสมบัติแก่นแท้ต้นกำเนิดแห่งความเมตตามาฟักไข่เป็นการส่วนตัวแล้วล่ะก็ มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเทียบกับคุณสมบัติแก่นแท้ต้นกำเนิดอาณาจักรของราชวงศ์ออสทีนในแง่ของความบริสุทธิ์และความทรงพลัง ทันทีที่ผีเสื้อที่สว่างที่สุดโผล่ออกมา อเดลิเซียก็จะกลายเป็นผู้หญิงที่สวยและสูงส่งที่สุดในที่นี้”
“…”
คำว่า ‘สวยและสูงส่งที่สุด’ ทำให้โรเอลขมวดคิ้วเล็กน้อย เป็นเรื่องน่าขันที่ผู้หญิงคนหนึ่งที่ละทิ้งครอบครัวของเธอและทำให้ลูกสาวของตนมีแผลใจจะสามารถมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ได้อย่างสบายใจ ด้วยความคิดเช่นนั้น เขาจึงหันไปหาสหายของตนแล้วถามอย่างแผ่วเบา
“กรันด้า คุณสมบัติแก่นแท้ต้นกำเนิดอาณาจักรแข็งแกร่งรึเปล่า?”
เสียงของยักษ์ดังก้องในหูของเขาอย่างรวดเร็ว
“ก็พอใช้ได้”
“ถ้าเทียบกับของฉันล่ะ?”
“มันก็เป็นแค่ขยะ”
“ฮ่าฮ่าฮ่า เข้าใจแล้ว”
คำตอบสั้น ๆ ของยักษ์นั้นแทบไม่มีอารมณ์ใด ๆ เจือปนเลย แต่โรเอลก็ยังสัมผัสได้ถึงความลำเอียงในคำตอบอันตรงไปตรงมานั้น ทำให้เขาหัวเราะออกมาเล็กน้อย เด็กชายยกกล่องฟักตัวในมือขึ้นแล้วเริ่มใส่พลังเวทของตนลงไป ขณะมองไปที่เด็กสาวตรงหน้าเขา
แสงค่อย ๆ เข้ามารวมกันในกล่องฟักไข่
“หยุดมองไปที่เธอคนนั้นได้แล้ว”
โรเอลพูดขณะก้าวไปข้างหน้าเพื่อบดบังสายตาของชาร์ล็อต
ดวงตาสีทองสบเข้ากับดวงตาสีมรกตอันงดงามของชาร์ล็อต นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเผยรอยยิ้มอันอ่อนโยนออกมา
“ผู้หญิงที่สวยและสูงส่งที่สุดงั้นเหรอ? ตระกูลมิลตันมีอารมณ์ขันที่แย่มากจริง ๆ ถ้าใครในที่นี้มีค่าคู่ควรแก่การถูกยกย่องว่าเป็นผู้หญิงที่สวยและสูงส่งที่สุดล่ะก็ ฉันคิดว่าเด็กสาวใจแข็งที่ยืนอยู่ตรงหน้าฉันน่าจะเหมาะสมกว่าเยอะ”
ขณะที่โรเอลพูดคำเหล่านี้ พลังเวทจากคุณสมบัติแก่นแท้ต้นกำเนิดมงกุฎ ก็เริ่มพวยพุ่ง แสงอันอ่อนโยนเปล่งออกมาจากกล่องฟักไข่ พร้อมกับรอยยิ้มที่ดูอบอุ่นและอ่อนโยนของเด็กชาย
“นี่ไม่ใช่แค่คำโอ้อวดหรอกนะ ชาร์ล็อต ผีเสื้อตัวนี้สามารถรับรองได้”