บทที่ 156: ฉันค่อนข้างแข็งแกร่ง
“ผู้แสวงหาราชาเอ๋ย…”
เสียงแหบแห้งอันคุ้นเคยดังก้องอยู่ในหูของโรเอล ปลุกจิตสำนึกของเขาให้ตื่นขึ้นมา
ครืน
โลกทั้งใบกำลังสั่นสะเทือน
นี่คือสิ่งที่โรเอลรู้สึก ด้วยสถานะมึนงงกึ่งหลับกึ่งตื่น ความเหนื่อยล้าได้เข้าจู่โจมร่างกายของเด็กชาย ทำให้เขาเซื่องซึมจนรู้สึกเหมือนเพิ่งวิ่งมาราธอนมาอย่างเต็มพิกัด เปลือกตาของเขาหนักมากจนแทบจะไม่สามารถเปิดมันได้ แต่สภาพแวดล้อมรอบ ๆ เขากลับเต็มไปด้วยเสียงดังโวยวาย
โรเอลได้ยินเสียงตะโกนอยู่รอบ ๆ ตัวเขา มีเสียงตะโกนดังมาจากผู้คนมากมาย เสียงเหล่านั้นส่วนใหญ่ดูขุ่นเคือง และเหมือนจะเป็นเสียงของผู้ชาย ขณะเดียวกันเขาก็ยังได้ยินเสียงของวัตถุตกลงบนแผ่นไม้อย่างต่อเนื่อง
มีเสียง ‘พรึ่บ พรึ่บ’ ที่โรเอลมักจะได้ยินจากคอมพิวเตอร์ของเขาในอดีตชาติ หากต้องการใช้คำที่เจาะจงกว่านี้ ก็คงเหมือนเสียงคนเหยียบของเหลวหนืดบางประเภท
นอกจากนี้ยังมีเสียงบางอย่างที่โรเอลคุ้นเคย หนึ่งในนั้นคือเสียงก้องที่เกิดขึ้นจากการที่วัตถุโลหะสองชิ้นชนกัน และส่วนอีกเสียงเป็นเสียงของอาวุธที่ฟันตัดขาดหรือฉีกผ่านเนื้อ เป็นเสียงที่มักจะเกิดขึ้นในสงคราม
เดี๋ยวก่อนนะ สงครามงั้นเหรอ?
เมื่อคำนั้นแวบเข้ามาในความคิดของโรเอล เขาก็ลืมตาตื่นทันที ก่อนจะพบว่าสภาพแวดล้อมรอบ ๆ ของเขานั้นมืดสนิท
“น..นี่มันเกิดอะไรขึ้น”
โรเอลสับสนกับความมืดดังกล่าว มันทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจมาก พื้นดินที่อยู่ใต้เท้านั้นรู้สึกเย็นเมื่อได้สัมผัส เด็กชายพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะลุกขึ้นยืน แต่ก็เกิดแผ่นดินไหวอย่างกะทันหัน ทำให้เขาต้องล้มลง
ความพยายามที่ล้มเหลวนี้ได้ให้ข้อมูลบางอย่างแก่โรเอล
ความมืด การสั่นไหว สิ่งของที่ตกลงมาบนพื้นไม้ เสียงของการต่อสู้ที่อยู่ด้านบน และเสียงของคลื่นทะเล โรเอลเข้าใจได้อย่างรวดเร็วเมื่อรวมองค์ประกอบทั้งหมดเหล่านี้เข้าด้วยกัน เขาเคยประสบกับอะไรแบบนี้มาก่อนแล้วในอดีต
นอกจากทั้งหมดที่ว่าแล้ว ยังมีอย่างหนึ่งที่ทำให้โรเอลรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ที่เขากำลังเผชิญอยู่
【คำเตือน!】
【คำเตือน!】
【คำเตือน!】
【ระบบตรวจพบอาการของ ‘การฟื้นฟูสายเลือดดั้งเดิม’ 】
【กำลังเปิดใช้งานระบบสนับสนุนการฟื้นฟูสายเลือดดั้งเดิม…】
【การเปิดใช้งานสถานะผู้เฝ้ามอง】
【การผจญภัยและอิสรภาพ สงครามและการเสียสละ เช่นเดียวกับคลื่นที่ไม่มีวันหยุดนิ่ง ทั้งดื้อรั้นและไม่มีวันยอมแพ้ รอยร้าวบนอัญมณีจะยังคงอยู่ ส่วนทองคำนั้นจะจมลงไปในส่วนลึกของมหาสมุทร 】
【เวลานับถอยหลังสู่จุดสิ้นสุดของสถานะผู้เฝ้ามอง : 119 ชั่วโมง 17 นาที】
【การฟื้นฟูพลังสายเลือดดั้งเดิมดำเนินการไปแล้ว : 11 %】
【การประเมินอย่างละเอียด : ระดับต่ำ (6 %)】
“อย่างที่คิดไว้เลย!”
โรเอลกุมขมับของเขา ก่อนจะมองไปที่อินเตอร์เฟซของระบบ ตามคำอธิบายจากระบบ เด็กชายพอจะเข้าใจได้แล้วว่าตัวเองอยู่ที่ไหน
กองเรือทองคำ
“รอบนี้มีเวลาห้าวันหรอกเหรอ?”
อันที่จริงโรเอลรู้สึกยินดีกับสถานการณ์ในปัจจุบันพอสมควร เนื่องจากเขามีคำถามมากมายเกี่ยวกับ กองเรือทองคำ และ สมัชชานักปราชญ์พลบค่ำ
เป้าหมายขององค์กรดังกล่าวคืออะไร? วินสเตอร์ แอสคาร์ด และจุดยืนของตระกูลแอสคาร์ดในที่ประชุมนั้นคืออะไร? ใครคือศัตรู? ใครคือมิตรสหาย?
โรเอลไม่รู้อะไรเลย และเขาก็ต้องการที่จะได้รับคำตอบ
มีการแจ้งเตือนจากระบบดังขึ้นมาอีกครั้ง ซึ่งดึงดูดความสนใจของโรเอลเป็นพิเศษ
【พรของเปตรา
ตัวตนอันยิ่งใหญ่คาดหวังในตัวคุณ เธอจึงได้ให้พรนี้เพื่อเอื้อต่อความอยู่รอดของคุณ
ผล : เสริมพลังคุณสมบัติทั้งหมดรอบด้านเป็นเวลาสามนาที ระดับการเสริมพลังจะแตกต่างกันไปตามคุณสมบัติแก่นแท้ต้นกำเนิดและพลังเวทของผู้ใช้
จำนวนครั้ง ที่เหลืออยู่ : 1】
“เปตรา… นั่นคือชื่อของหญิงสาวคนนั้นงั้นเหรอ?”
โรเอลพึมพำเบา ๆ
เด็กชายหวนนึกถึงหญิงสาวผมสีทองที่มีนัยน์ตาเหมือนแมว แม้ว่าความทรงจำของโรเอลเกี่ยวกับเธอนั้นจะคลุมเครือมาก แต่เขาก็ยังจำความไม่สบายใจที่ตัวเองรู้สึกเมื่ออยู่ต่อหน้าเธอได้เป็นอย่างดี
หาก ‘ความยิ่งใหญ่’ เป็นความประทับใจที่กรันด้าฝากไว้ให้โรเอลในการพบกันครั้งแรก ความประทับใจที่เปตราฝากเอาไว้ให้เขาก็คือ ‘ความลึกลับ’
โรเอลมั่นใจว่าเปตราน่าจะเป็นตัวตนที่ทรงพลังเป็นอย่างยิ่ง แต่เขาไม่สามารถวัดระดับความแข็งแกร่งของเธอได้อย่างแม่นยำ อย่างไรก็ตามถือว่าเขายังโชคดีที่เธอไม่ได้มีความประสงค์ร้ายใด ๆ
ตามทฤษฎีของโรเอลเกี่ยวกับ ‘การเรียกวิญญาณผู้กล้า’ การพบกันระหว่างเขากับเปตราเองก็น่าจะเป็นเพียงเรื่องบังเอิญเช่นกัน หรือบางทีมันอาจจะเป็นเพราะพวกเขามีบุคลิกที่เข้ากันได้แบบกรันด้า
การย้อนเข้ามาในโลกประวัติศาสตร์ครั้งนี้เต็มไปด้วยอันตรายอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นโรเอลจึงโล่งใจที่อย่างน้อย ๆ เขาก็ได้รับความช่วยเหลือจากเธอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ปัจจุบันที่เขากำลังเผชิญอยู่
ตูม!
เสียงระเบิดดังก้องมาจากดาดฟ้าด้านบน ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องอันเจ็บปวด การสั่นสะเทือนอันรุนแรงทำให้โรเอลไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องก้มตัวลงอีกครั้ง โดยไม่คาดคิด การกระทำนี้ก็ทำให้เขากลิ้งไปชนเข้ากับร่างกายอันแสนคุ้นเคยที่อ่อนนุ่ม
“หา?”
จิตใจของโรเอลว่างเปล่าไปชั่วขณะ ความรู้สึกลางไม่ดีได้ผุดขึ้นในใจของเด็กชายขณะที่เขารีบหันศีรษะไปตามความรู้สึกนั้น โรเอลส่งพลังเวทไปที่ฝ่ามืออย่างรวดเร็วทำให้เกิดแสงสลัว ซึ่งแทบจะไม่ทำให้ความมืดมิดสว่างไสว
ตามที่เขาคาดไว้ ใบหน้าอันแสนคุ้นเคยปรากฏขึ้น ณ อีกฝั่งของแสงสลัว
“บ้าเอ๊ย!”
จู่ ๆ โรเอลก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมา เขาจ้องไปที่เด็กสาวผมสีน้ำตาลแดงที่อยู่ข้างหน้าเขาด้วยความหงุดหงิดและทุกข์ใจ
แม้ว่าโรเอลจะเต็มไปด้วยความคาดหวังในการเข้าสู่สถานะผู้เฝ้ามองในครั้งนี้ แต่มันก็คือเรื่องที่เขากลัวที่สุดเช่นกัน การมีคู่หูย่อมสร้างความมั่นใจให้กับโรเอลได้อย่างไม่ต้องสงสัย ทว่าตอนนี้เด็กชายกลับไม่รู้สึกแบบนั้นเลยสักนิด เนื่องจากคู่หูที่ว่าของเขาคือ ชาร์ล็อต
ไม่ใช่ว่าชาร์ล็อตอ่อนแอหรือเป็นภาระ เพียงแต่โรเอลไม่สามารถทำใจคิดที่จะพาเธอเข้ามามีเอี่ยวในสถานการณ์อันตรายเช่นนี้ร่วมกับเขาได้
ก่อนหน้านี้โรเอลเคยพานอร่าเข้าสู่สถานะผู้เฝ้ามองร่วมกับเขา แต่ตอนนั้นพวกเขากำลังเผชิญหน้ากับปีเตอร์ เคเตอร์ ดังนั้นมันยังพอจะมีเหตุผลรองรับว่าเป็นเหตุจำเป็นในการหลบหนีได้ แต่คราวนี้ ชาร์ล็อตได้เข้ามาพัวพันกับสถานะผู้เฝ้ามอง โดยไม่มีเหตุผลอันสมควรเลยสักอย่าง
ชาร์ล็อตเป็นคนที่อยู่ในโลกของสังคมชั้นสูง เด็กสาวเป็นดาวเด่นของโลกแฟชั่น จุดเด่นของแวดวงทางสังคม เป็นนักธุรกิจอัจฉริยะที่มีอิทธิพลต่อเศรษฐกิจโลก สนามรบจึงไม่ใช่สถานที่ที่เหมาะกับเธอแน่นอน อีกทั้งมันยังอันตรายเกินไปสำหรับเธอด้วย
โรเอลจ้องไปยังร่างที่กำลังหมดสติอยู่ตรงหน้าเขาด้วยความรู้สึกผิดในใจ แต่เด็กชายก็ไม่สามารถทำอะไรกับสถานการณ์นี้ได้ ดังนั้นเขาจึงพยุงเธอขึ้นจากพื้นไม้อันเย็นเฉียบ เริ่มตรวจร่างกายของเธอเพื่อหาอาการบาดเจ็บ
ไม่เป็นไร เธอปลอดภัยดี… เดี๋ยวก่อนนะ ไม่ใช่แบบนั้นสิ!
ความรุ่มร้อนกลับคืนสู่ร่างกายของโรเอลอีกครั้ง เร็วเกินกว่าที่เขาจะจินตนาการได้ เด็กชายรีบส่ายหัวและสะบัดตัวเองออกจากความสับสนในทันที
“ชาร์ล็อต! ชาร์ล็อต ตื่นสิ ชาร์ล็อต!”
หลังจากแน่ใจแล้วว่าชาร์ล็อตไม่ได้รับบาดเจ็บ ประกอบกับทั้งการเต้นของหัวใจและชีพจรก็ยังเป็นปกติ โรเอลก็เริ่มเขย่าร่างกายของเด็กสาวเพื่อปลุกเธอให้ตื่น บางทีเธออาจจะหมดสติเพียงเพราะได้รับผลกระทบจากการเข้าสู่สถานะผู้เฝ้ามอง คล้ายกับสิ่งที่ได้เกิดขึ้นกับเขา
โรเอลเขย่าตัวชาร์ล็อตต่อไปอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่ดวงตาของเธอจะเปิดขึ้นอย่างช้า ๆ
“โรเอล?”
“ใช่ นี่ฉันเอง เธอรู้สึกเป็นยังไงบ้าง?”
“ข้าสบายดี เดี๋ยวนะ ที่นี่ที่ไหนกัน?”
“ตอนนี้เรากำลังอยู่ในเรือ”
“ในเรือ?”
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับชาร์ล็อตที่กำลังสับสนและยังคงมึนงงเล็กน้อยจากการตื่นขึ้นในสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคย โรเอลก็กลืนน้ำลายของเขาลงแล้วกล่าวเสริม
“พูดให้ถูกคือ พวกเรากำลังอยู่ในเรือลำหนึ่งของ กองเรือทองคำ”
…
ไม่กี่นาทีต่อมา ในสถานที่อันมืดมิดที่พวกเขาอยู่ เสียงพื้นหลังที่ดังเหมือนสงครามก็ดังขึ้นมา โรเอลรีบอธิบายอย่างรวดเร็วถึงสถานการณ์ที่พวกเขากำลังเผชิญ ทำให้ชาร์ล็อตต้องตกตะลึง
“พลังทางสายเลือดของตระกูล… มีความสามารถแบบนี้ด้วยรึเนี่ย?”
“ใช่ ฉันเคยผ่านเรื่องแบบนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ก็แค่รอดมาได้อย่างฉิวเฉียดเท่านั้น”
แค่นึกถึงการเดินทางสู่อดีตในเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ลอเรน ก็ทำให้โรเอลรู้สึกเคร่งเครียดหนักอึ้งอยู่ในใจ เขามองไปที่ชาร์ล็อตพร้อมพูดด้วยน้ำเสียงที่ขัดแย้งกัน
“พลังนี้เป็นอะไรที่อันตรายมาก ฉันไม่สามารถควบคุมมันได้อย่างเต็มที่ ฉันเองก็ไม่คิดว่ามันจะลากเธอเข้ามาด้วยแบบนี้… ฉันขอโทษนะชาร์ล็อต”
โรเอลขอโทษด้วยแววตาสำนึกผิด
ชาร์ล็อตเงียบไปครู่หนึ่ง ขณะที่เสียงการปะทะกันของอาวุธและเสียงร้องอย่างทุกข์ทรมานดังขึ้นเหนือหัวเธอ ใบหน้าของเด็กสาวก็ซีดลง เธอกำมือแน่นด้วยความประหม่า แต่ถึงกระนั้นเด็กสาวก็ไม่มีเจตนาที่จะยอมจำนนต่อความอ่อนแอของตน
“เจ้าไม่จำเป็นต้องโทษตัวเองในเรื่องนี้ ถ้าหากจะต้องหาคนรับผิดชอบในเรื่องนี้จริง ๆ ล่ะก็ ในฐานะที่ข้าเป็นคนจ้างเจ้าให้ช่วยสืบสวนหาเรื่องเกี่ยวกับกองเรือทองคำตั้งแต่แรกก็ควรจะเป็นคนรับผิดชอบ เจ้าก็แค่กำลังปฏิบัติตามข้อตกลงที่พวกเราคุยกันเอาไว้เท่านั้น”
ชาร์ล็อตสูดหายใจสองสามครั้งเพื่อทำให้ตัวเองสงบลง ก่อนจะตรวจสอบอุปกรณ์เวทที่เธอพกติดตัวมา
“ความสามารถนี้ของเจ้าคือสิ่งที่ข้าต้องการ นี่คือโอกาสที่ดีที่สุดในการค้นหาความลับเบื้องหลังกองเรือทองคำ เจ้าไม่จำเป็นจะต้องเก็บมันไปคิดใส่ใจหรอกนะ เจ้าได้เติมเต็มคำขอของข้าแล้ว ถ้าใครที่ควรจะขอโทษล่ะก็ มันควระเป็นข้า ข้าเองที่เข้ามาขอความช่วยเหลือจากเจ้า”
โรเอลจ้องมองชาร์ล็อตด้วยความประหลาดใจ เด็กชายไม่คาดคิดว่าสาวน้อยตรงหน้าจะยกโทษให้เขา มันทำให้เขารู้สึกซาบซึ้งมากจนคิดหาคำพูดออกมาไม่ถูก
“ไม่ ฉัน…ฉัน…”
“ไม่ต้องเป็นห่วง ข้าจะปกป้องเจ้าเอง”
“หา?”
ชาร์ล็อตหยิบจี้ห้อยคอและแหวนที่สวมออกมาก่อนจะยิ้มให้โรเอล มันเป็นรอยยิ้มที่ดูฝืน ๆ อาจจะเป็นรอยยิ้มที่ดูแย่ที่สุดที่เธอเคยแสดงให้เขาเห็น ทว่ามันเป็นการแสดงออกที่ทำให้หัวใจของเขาเต้นระรัวอย่างบ้าคลั่ง
โรเอลยกมือขึ้นปิดหน้าตัวเองเพื่อปกปิดมุมมองของตนที่มีต่อชาร์ล็อตครู่หนึ่ง ก่อนจะบ่นออกมาอย่างช่วยไม่ได้
“เธอกำลังพูดเรื่องอะไรน่ะ? ในช่วงเวลาแบบนี้ มันควรจะเป็นฉันที่…”
ตูม!
คำพูดของโรเอลถูกขัดด้วยเสียงระเบิด การระเบิดครั้งนี้ไม่เหมือนกับที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ การระเบิดครั้งนี้เกิดขึ้นในบริเวณใกล้ ๆ ส่วนหนึ่งของเพดานเหนือหัวของทั้งคู่ถูกเปิดออกโดยตรงจากการสู้รบที่ดำเนินอยู่ เสียงอู้อี้ข้างนอกดังขึ้นมาพร้อมกับแสงสว่างที่สาดส่องก็เข้ามายังพวกเขา
จังหวะเดียวกัน เงาปริศนาก็ตกลงมาในรูนั้น
โรเอลและชาร์ล็อตพุ่งหลบไปที่มุมทันทีที่เกิดการระเบิด แต่ในไม่ช้า พวกเขาก็ตระหนักได้ถึงความผิดปกติ
สิ่งมีชีวิตปริศนาที่ตกลงมานั้นสั่นเทาเล็กน้อย ภายใต้แสงแดดที่ส่องเข้ามา ทั้งสองคนได้เห็นสิ่งมีชีวิตที่มีใบหน้าเหมือนกับปลา คลานขึ้นมาจากพื้นเรือ เลือดสด ๆ ไหลออกจากร่างกายของมัน บ่งบอกว่ามันได้รับบาดเจ็บ
เมื่อมันเงยหัวขึ้น สิ่งมีชีวิตปริศนาก็เห็นเด็กทั้งสองคนที่ซ่อนตัวอยู่ตรงมุมห้องกำลังจ้องมองไปที่มันด้วยความงุนงง
บลู!
สิ่งมีชีวิตปริศนาส่งเสียงร้องอันแปลกประหลาด เหมือนตื่นเต้นที่ได้พบกับมนุษย์ พลังเวทที่ห่อหุ้มร่างกายของมันก็ทวีความรุนแรงขึ้นพร้อมอ้าปากกว้างเผยให้เห็นฟันสามแถวที่คมกริบเหมือนมีด
ภาพอันน่าขนลุกนี้ทำให้ใบหน้าของชาร์ล็อตซีดเผือดไปโดยสิ้นเชิง เด็กสาวก้าวไปข้างหน้าด้วยร่างกายอันสั่นเทาก่อนจะยกแหวนที่ส่องแสงอยู่ในมือของเธอขึ้น
“ระวังด้วยล่ะ โรเอล…”
นับตั้งแต่วินาทีที่สิ่งมีชีวิตลึกลับนี้ปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขา ความรอบคอบของชาร์ล็อตก็เพิ่มขึ้นจนถึงจุดสูงสุด แรงกดดันที่เด็กสาวรู้สึกได้จากสิ่งมีชีวิตดังกล่าวเป็นตัวบ่งบอกเธอคร่าว ๆ ว่ามันทรงพลังแค่ไหน ซึ่งน่าจะเทียบเท่ากับผู้มีพลังเหนือธรรมชาติระดับแก่นแท้ 5 โดยประมาณ แต่เธอก็ยังไม่แน่ใจว่ามันมีทักษะพิเศษอะไรด้วยรึเปล่า…
ขณะที่ชาร์ล็อตกำลังรีดเร้นพลังเวทเพื่อเตรียมที่จะกำจัดสิ่งมีชีวิตปริศนา เด็กชายที่ห่อหุ้มร่างกายด้วยพลังเวทสีแดงก็ได้พุ่งออกไปจากด้านข้างของเธอแล้ว
โรเอลลดระยะห่างอย่างรวดเร็วโดยการก้มตัวลง เพื่อลดแรงต้านอากาศ ใช้เวลาเพียงชั่วพริบตาเข้าไปประชิดตัวร่างปริศนาของสิ่งมีชีวิตลึกลับที่สูงกว่า 2 เมตร พร้อมเหวี่ยงหมัดออกไปข้างหน้า พลังเวทสีแดงสร้างคลื่นกระแทกอันทรงพลังซัดเข้าที่หัวของสิ่งมีชีวิตลึกลับกระเด็นไปชนกับผนังของเรือ
แผละ!
ด้วยเสียงอันคมชัด หัวที่เหมือนปลาของสิ่งมีชีวิตนั้นระเบิดออกราวกับแตงโมที่ถูกทุบ สมองที่มีความหนืดของมันก็กระจายไปทั่วพื้น ร่างกายส่วนล่างที่ไม่ได้รับบาดเจ็บของมันชักกระตุกภายใต้แสงอาทิตย์ก่อนจะทรุดตัวลงกับพื้น ตั้งแต่ต้นจนจบ มันไม่มีโอกาสได้กวัดแกว่งกรงเล็บอันแหลมคมเลยแม้แต่น้อย
ชาร์ล็อตหยุดร่ายคาถาของเธอก่อนจะจ้องไปที่ซากของศัตรูที่ล้มลงกับพื้น ตอนนั้นเองโรเอลก็หันกลับมาสบตาเข้ากับเด็กสาวอย่างไม่ตั้งใจ
“อืม… พอดีฉันเองก็ค่อนข้างจะแข็งแกร่งน่ะ”
โรเอลที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ซากของสิ่งมีชีวิตลึกลับ พูดออกมาพลางเกาที่แก้มของตัวเอง