บทที่ 175: มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ฉันอยากจะพูดกับเธอ
ในทะเลอันมืดมิด โรเอลค่อย ๆ ลืมตาตื่นขึ้นท่ามกลางแสงเจ็ดสีที่ส่องประกายระยิบระยับ การต่อสู้เหนือผิวน้ำได้มาถึงช่วงสุดท้ายในขณะที่เขาไม่อยู่
ที่แนวหน้าของฝั่งมนุษย์ เบื้องหน้าของเรือรบหลายสิบลำ ใต้น้ำทะเลสีทองมีผู้หญิงสองคนยืนอยู่ หนึ่งในนั้นเป็นหญิงสาวผมสีน้ำตาลแดง และอีกคนหนึ่งเป็นเด็กสาวที่มีผมสีอ่อนกว่า
อิซาเบลล่ามองไปที่ชาร์ล็อตด้วยความตกใจ แม้ว่าจะอ่อนแอแต่หญิงสาวก็มั่นใจว่าเธอสัมผัสได้ถึงการไหลเวียนของพลังเวทที่เกิดขึ้นจากการกระตุ้นของอัญมณีเจ็ดสี ทำให้เธอมองไปทางด้านหลังอย่างรวดเร็ว ก่อนจะพบว่าโรเอลได้หายไปแล้ว
อย่างนี้นี่เอง
“ช่างเป็นเด็กสาวที่โง่เขลาอะไรเช่นนี้ แต่ข้าไม่คิดว่าตัวเองมีคุณสมบัติที่จะตำหนิเจ้าได้เช่นกัน”
อิซาเบลลาเปิดพลิกฝ่ามือของเธอขึ้น มองดูแหวนอันเปล่งประกายที่เธอกำแน่นมาตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ มันคือแหวนหมั้นของเธอนั่นเอง
การปกป้องอารยธรรมมนุษย์เป็นความทะเยอทะยานอันสูงส่ง แต่ความทะเยอทะยานก็ยังไม่เพียงพอที่จะเติมเชื้อเพลิงให้ผ่านช่วงเวลาอันยากลำบากได้ ต่อหน้าภัยพิบัติ สิ่งที่กลายเป็นพลังเหนือจินตนาการให้กับมนุษยชาติก็คือสายสัมพันธ์ที่พวกเขามี ไม่ว่าจะเป็นเครือญาติหรือความรัก
แน่นอนว่าการปกป้องเครือญาติและคนรักเป็นความคิดส่วนลึกภายในใจที่คอยเติมพลังให้กับชาร์ล็อต เช่นเดียวกับอิซาเบลลา ปัจจัยเหล่านี้เป็นที่มาของพลังใจที่พวกเธอมี
ท่ามกลางเสียงคำรามของสัตว์ประหลาดโบราณ พวกเธอต่างก็แลกเปลี่ยนรอยยิ้มให้กันและกัน ปลดปล่อยตัวเองจากความกลัวร่วมกัน ก้าวออกไปข้างหน้าและยกมือขึ้น ร่างจำแลงทองคำที่ยืนอยู่ท่ามกลางทะเลสีทองที่กำลังสั่นสะท้าน ยืนหยัดต่อสู้กับบิดาแห่งความมืดเป็นครั้งสุดท้าย
ขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่ง ในความมืดมิดของท้องทะเล โรเอลที่เคยได้เห็นผ่านชีวิตและความตายในอดีตมาแล้ว ก็ได้เอื้อมมือไปแตะเกราะเวทเจ็ดสีที่ปกป้องเขา ภาพของเด็กสาวผมสีน้ำตาลแดงโผล่ขึ้นมาในจิตใจของเขา
โรเอลหวนนึกถึงครั้งแรกที่พวกเขาได้พบกัน วิธีที่พวกเขาพยายามวางแผนต่อสู้กันเองในคฤหาสน์ตระกูลแอสคาร์ด ร่วมมือกันชั่วคราวในห้องสมุด ไปดูผีเสื้อด้วยกันที่จักรวรรดิออสทีน รวมถึงความสนิทสนมที่พวกเขาแบ่งปันกันบนเรือของกองเรือทองคำ สิ่งเหล่านี้หายไปด้วยการลั่นไกครั้งสุดท้ายของคลังกระสุนอัญมณี
ชั่วครู่หนึ่งก่อนที่โรเอลจะตกลงไปในทะเล เขาได้มองเห็นใบหน้าของชาร์ล็อต มันไม่ใช่การฝืนยิ้ม แต่เป็นสีหน้าที่พยายามกลั้นน้ำตาอย่างสุดความสามารถ เธอกำลังร้องไห้จากความเจ็บปวดของการพลัดพราก เช่นเดียวกับความเกรงกลัวต่อความตาย
แล้วทำไมเธอถึงยังเลือกที่จะทำแบบนั้นล่ะ?
เพื่อการตอบแทนเราที่ช่วยเธอไว้ก่อนหน้านี้งั้นเหรอ? หรืออยากจะรับผิดชอบที่ทำให้เราต้องมามีส่วนร่วมกับเรื่องนี้? หรือเป็นเพราะความรู้สึกบางอย่างที่แผดเผาในใจเธอ?
มันเป็นไปไม่ได้ที่มนุษย์จะเข้าใจซึ่งกันและกันอย่างแท้จริง ทุกคนต่างมีความคิดที่แตกต่างกันไป โรเอลไม่เข้าใจความรู้สึกของชาร์ล็อต แต่นั่นมันสำคัญขนาดนั้นเลยงั้นเหรอ?
ไม่ ไม่เลย
สิ่งสำคัญที่สุดก็คือชาร์ล็อตจะต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป เพื่อที่เธอจะได้ถ่ายทอดความรู้สึกนั้นของเธอที่มีต่อโรเอล นั่นเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
“ถึงจะเสียใจ ที่อาจจะไม่มีโอกาสได้ยินคำพูดของเธอแล้วก็เถอะ…”
พลังเวทหลั่งไหลออกจากร่างกายของโรเอลอย่างรวดเร็ว เขารู้สึกได้ว่าร่างที่ใหญ่โตกำลังค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นในความมืดใต้เขา แต่อย่างที่เปตราพูด พลังเวทของเขาไม่เพียงพอต่อการสำแดงฤทธิ์ในครั้งนี้ ดังนั้น เขาจะต้องใช้พลังชีวิตเป็นสิ่งแลกเปลี่ยน
พลังเวทสีแดงเข้มปกคลุมร่างของโรเอลด้วยแสงอันแผดเผา คาถาเวทฟื้นคืนชีพอันเดธของกรันด้า พยายามอย่างเต็มที่ที่จะถ่วงเวลาให้กับโรเอล แต่ถึงกระนั้นผลข้างเคียงอันไม่พึงประสงค์หลายอย่างก็เริ่มปรากฏบนร่างกายของเขา
โรเอลค่อย ๆ หมดเรี่ยวแรง และสติเริ่มเลือนลางพร่ามัว เขามองดูผืนน้ำอันมืดมิดรอบตัว รู้สึกราวกับว่าเขาอาจจะต้องติดอยู่ที่นี่ไปชั่วนิรันดร์ ไม่ใช่ว่าเด็กชายนั้นกลัวความตาย เขาเพียงแค่รู้สึกขุ่นเคืองเหลือทน
อยากเจอเธอจริง ๆ แม้ว่าจะเป็นเพียงการบอกลาก็ตาม แต่เราควรทำอย่างไรดีล่ะ…
ความปรารถนาเล็ก ๆ ผุดขึ้นในหัวของโรเอล
ขณะที่เด็กชายจมลงไป สภาพแวดล้อมก็เย็นลงเรื่อย ๆ ในสภาพอันมึนงงนี้ โรเอลรู้สึกเหมือนว่าตนได้ย้อนกลับไปในช่วงเวลาที่ยืนอยู่บนแท่นสังเกตการณ์ของป่าลูว์มัน ตอนที่ผีเสื้อประกายแสงราตรีสีทองส่องประกายแสงของมันเหนือดวงดาวและดวงจันทร์ยามค่ำคืน
ผีเสื้อนั้นช่างดูสูงส่งและสวยงามราวกับดอกกุหลาบสีทอง มันเป็นของขวัญชิ้นแรกที่โรเอลมอบให้กับชาร์ล็อต มันได้จุดประกายความรู้สึกของพวกเขา เช่นเดียวกับชะตากรรมของพวกเขาทั้งคู่
“เธอชอบผีเสื้อ ใช่ไหม?…”
โรเอลพึมพำเบา
เด็กชายยกมือขึ้น จากนั้นแสงสีทองของผีเสื้อที่กำลังฟักตัวก็ส่องประกายอีกครั้งในร่างกายที่เย็นยะเยือกเย็นของเขา พลังสายเลือดที่ดูเหมือนเยือกแข็งไปแล้วของโรเอลเริ่มหมุนเวียนอีกครั้ง เมื่อคุณสมบัติแก่นแท้ต้นกำเนิดมงกุฎเริ่มสั่นพ้องกับเจตจำนงของเขา
ใช่ นี่แหละคือความรู้สึกที่เราจำได้
โรเอลจำได้ว่าเขาเติมพลังสายเลือดของตนเองเข้าไปในไข่ จากนั้นราชาผีเสื้อประกายแสงราตรีก็โผล่ออกมาจากภายใน เช่นเดียวกับการฟักตัวของผีเสื้อประกายแสงราตรีที่ไม่ได้ใช้พลังเวทมากเท่าไหร่นัก เขาก็ไม่จำเป็นจะต้องใช้อะไรมากเช่นกัน ผีเสื้อสีทองคลี่ปีกออกแล้วบินไปมารอบ ๆ นายของพวกมัน
แสงสว่างปรากฏขึ้นท่ามกลางความมืดอีกครั้ง เพียงแต่ว่ามันไม่ได้อยู่ภายใต้ท้องฟ้ายามราตรี แต่อยู่ในทะเลแทน
ร่างกายของโรเอลเองก็เริ่มเปล่งแสงสีทองออกมาโดยไม่รู้ตัวเช่นกัน พลังเวทสีทองของเขากระจายไปรอบ ๆ ทำให้เงาขนาดมหึมาที่อยู่ใต้เขาลืมตาตื่นขึ้นมา
นี่มัน…
เทพธิดาโบราณเงยศีรษะขึ้นด้วยความตกตะลึง เธอเห็นเศษมงกุฎที่หักร่วงหล่นลงมา ขณะเดียวกัน โรเอลก็เผยรอยยิ้มอันพึงพอใจขึ้นบนใบหน้าของเขา
“ไปกันเลย”
เด็กชายออกคำสั่ง
แสงสีทองที่เกิดจากคุณสมบัติแก่นแท้ต้นกำเนิดมงกุฎ หมุนวนขึ้นไปด้านบน ทำให้เกิดเป็นลำธารสีทองท่ามกลางทะเลอันมืดมิด ฝูงปลากระจัดกระจายอย่างเร่งรีบเพื่อเปิดทางให้กับเหล่าผีเสื้อที่เปราะบางได้กางปีกโผบินขึ้นไป แม้แต่สัตว์ประหลาดทะเลก็ทำได้เพียงแค่สั่นสะท้านอยู่ในรังของมัน ไม่กล้าปรากฏตัว
บนพื้นผิวของทะเล อิซาเบลลาที่กำลังต่อสู้กับภัยพิบัติต้องหันศีรษะไปรอบ ๆ อย่างกะทันหัน เธอรู้สึกได้ว่าพลังเวทของเธอกำลังถูกดึงดูดไปยังบางสิ่งที่อยู่ใต้น้ำ ซึ่งเงาสีดำขนาดใหญ่บนท้องฟ้าเองก็ได้หยุดลงเช่นกัน
ครู่ต่อมา ผีเสื้อสีทองหลายพันตัวก็ผุดขึ้นมาจากน้ำทะเลในทันที ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า เช่นเดียวกับแม่น้ำแห่งดวงดาวอันเจิดจ้า พวกมันบินไปหาเด็กสาวผมสีน้ำตาลแดง และเริ่มบินวนไปรอบ ๆ ตัวเธอ
บนเรือรบ ลูกเรือต่างจ้องมองไปยังฉากอันน่าอัศจรรย์นี้พลางอ้าปากค้าง
“นั่นมันอะไรกัน?”
“ผีเสื้อ? มีผีเสื้ออยู่ในทะเลได้ยังไง?”
พวกลูกเรืออดไม่ได้ที่จะแสดงความสงสัยออกมา
ขณะเดียวกัน ชาร์ล็อตที่ยืนอยู่ตรงกลางของปรากฏการณ์ ยกมืออันสั่นเทาของเธอขึ้นอย่างเงียบ ๆ ผีเสื้อได้บินมาแตะปลายนิ้วของเธออย่างใกล้ชิด กระพือปีกเผยให้เห็นเครื่องหมายดอกกุหลาบสีทองอันคุ้นเคย ที่เธอเคยได้เห็นมาก่อน
“มันเป็นฝีมือของเขา… โรเอล…”
พลังเวทอันคุ้นเคยจากผีเสื้อได้ทะลุแนวการป้องกันสุดท้ายของชาร์ล็อต หยดน้ำตาเริ่มไหลพรากออกมาจากดวงตาสีมรกตของเธอ เด็กสาวร้องไห้ออกมาอย่างเศร้าโศก จังหวะนั้นเองบนท้องฟ้า สัตว์ประหลาดโบราณสีดำก็ถอยกลับไปหนึ่งก้าวจากฝูงผีเสื้อสีทอง ราวกับกำลังตื่นกลัว
“ใครกัน?”
นี่เป็นคำพูดที่สองจากสัตว์ประหลาดโบราณตั้งแต่ที่การต่อสู้ได้เริ่มต้นขึ้น บิดาแห่งความมืดหันสายตาไปที่แหล่งกำเนิดของผีเสื้อ มองผ่านน้ำ จ้องมองไปที่เด็กชายผมดำที่ถูกปกคลุมไปด้วยแสงเจ็ดสี จากนั้นดวงตาคู่หนึ่งที่ชวนให้นึกถึงดวงอาทิตย์ก็ส่องประกายขึ้นด้านหลังเด็กชาย จ้องมองกลับมาอย่างเย็นชา
“!”
ทันใดนั้นเอง ดวงตาของสัตว์ประหลาดโบราณก็เบิกกว้างด้วยความกลัวที่เกิดขึ้นในใจ มันเป็นรูปแบบของการตื่นกลัวศัตรูตามธรรมชาติ ซึ่งเกิดจากการได้พบกับตัวตนที่เหนือกว่า ตัวตนที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของอำนาจแสดงให้เห็นถึงพลังที่พวกเขามีเหนือกว่า
ใต้ทะเล การหลั่งไหลของพลังชีวิตในตัวโรเอลได้หยุดลง เมื่อสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเด็กชายจึงหันไปหาเงาขนาดมหึมาที่อยู่ข้างหลังและถาม
“เปตรา?”
“พอแล้ว”
เทพธิดาโบราณตอบอย่างอ่อนโยน
เธอจ้องมองที่ฝูงผีเสื้อสีทองเบื้องบน พลังอันคุ้นเคยนี้ทำให้เธอรู้สึกราวกับว่าตัวเองได้ย้อนกลับไปสู่ยุคโบราณ
“ช่างงดงามเสียนี่กระไร”
เทพธิดาธรณีจากยุคบรรพกาลกล่าว
แสงส่องประกายในดวงตากลมโตของเธอ จากนั้นโลกก็เริ่มสั่นคลอน
“เจ้าได้แสดงให้ข้าเห็นความงามอันเป็นที่สุด โรเอล แอสคาร์ด ในนามของเทพธิดาแห่งปฐพีข้าจะนำเจ้าไปสู่ชัยชนะเอง!”
เสียงของเปตราค่อย ๆ เปลี่ยนจากเสียงของหญิงสาวอันนุ่มนวลไปเป็นเสียงดังก้องกังวานของผืนดิน เธอลุกขึ้น จากนั้นน้ำทะเลก็เริ่มโหมกระหน่ำ เรือรบสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงเมื่อถูกคลื่นซัดเข้าใส่ สัตว์ทะเลที่อยู่เบื้องล่างต่างหนีตายกันอย่างกระวนกระวายใจไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้
เงามืดขนาดมหึมาบนท้องฟ้าคำรามกลับมาอย่างโกรธเคือง เถ้าและฝุ่นรวมตัวกันภายใต้หมอกมรณะเพื่อสร้างเป็นกำปั้น มันควบคุมเปลวไฟที่ร้อนแรงที่สุดที่เกิดจากชีพจรของโลกเข้าด้วยกัน พร้อมจะแผดเผาสิ่งมีชีวิตทั้งหมดให้เป็นเถ้าถ่าน
หมัดสีแดงอันร้อนระอุ ซึ่งถูกห่อหุ้มด้วยชั้นหมอกสีดำขุ่นราวกับดาวหางที่ตกลงมาจากสวรรค์ แม้แต่ท้องฟ้าก็ดูเหมือนจะริบหรี่ลงไป ทว่าภายใต้ผิวน้ำ ราชินีแห่งสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ยังคงสงบนิ่งไม่หวั่นไหว
งูขนาดมหึมาพุ่งขึ้นมาจากท้องทะเลพร้อมกับเสาน้ำขนาดใหญ่ที่ลอยขึ้นไปพร้อมกับเธอ ร่างอันใหญ่โตของเปตราพุ่งขึ้นไปราวกับลูกศรที่ถูกยิงออกมา แทงผ่านพื้นผิวทะเลพุ่งทะลุหมู่เมฆ
ตูม!
เสียงระเบิดดังสนั่น
ร่างกายอันเปล่งประกายสีทองของเปตราชนเข้ากับหมัด แต่เปลวเพลิงและเถ้าถ่านกลับกระจัดกระจายออกไปบนใบหน้าของเทธิดาแห่งปฐพีอย่างไม่เป็นอันตราย มันแทบจะไม่ทำให้เธอช้าลงเลย การพุ่งโจมตีของเธอนั้นไม่อาจหยุดยั้งได้
บิดาแห่งความมืดกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว จากนั้นเปตราก็อ้าปากกว้าง กลืนกินร่างกายส่วนบนทั้งหมดของมันไปในทันที ต่อหน้าอสรพิษแห่งผืนปฐพี แม้แต่หายนะอันน่าสะพรึงกลัวก็ต้องสูญสลายไป
ขี้เถ้าและฝุ่นรอบ ๆ ลุกเป็นไฟขึ้นมาอีกครั้ง บิดาแห่งความมืดพยายามสร้างร่างกายของมันขึ้นใหม่ แต่ก็ไม่เป็นผล ด้วยการสั่นร่างกายของเปตรา ดินและฝุ่นที่กระจายไปทั่วท้องฟ้าเริ่มไหลเข้าหาเธอเหมือนกับเด็ก ๆ ที่วิ่งหวนคืนสู่อ้อมอกของแม่
ใต้ส่วนลึกของท้องทะเล โรเอลมองดูงูขนาดใหญ่ดูดซับหมอกสีดำราวกับว่าเธอกำลังกลืนกินท้องฟ้า และยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ
บิดาแห่งความมืดเป็นความหายนะที่แทบจะไม่สามารถต่อกรได้ ไม่มีอะไรที่มนุษย์ในปัจจุบันสามารถทำได้เพื่อป้องกันขี้เถ้าภูเขาไฟที่กระจัดกระจายไป มนุษย์ไม่สามารถรับมือกับมันได้ จนอาจจะต้องเรียกมันว่าพระเจ้า อย่างไรก็ตามบิดาแห่งความมืดก็ยังห่างไกลหากเทียบชั้นกับความสามารถของเปตรา
เปตรา เป็นเทพธิดาแห่งผืนปฐพี และเป็นถึงราชินีแห่งสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ เธอเป็นคนที่สละร่างกายของเธอ เพื่อทำให้ทวีปเซียมั่นคงในสมัยอดีตกาลที่โลกยังไม่เสถียรหลังจากการสร้างขึ้น แผ่นดินและภูเขาเป็นเหมือนลูกของเธอ เนื่องจากบิดาแห่งความมืดเป็นภัยพิบัติที่เกิดจากแผ่นดิน มันจึงไม่ต่างอะไรไปจากเด็กที่ไม่รู้ประสีประสา
คลื่นยักษ์ที่เกิดจากอสรพิษแห่งผืนปฐพีที่โผล่ขึ้นมาจากทะเลยังคงโหมกระหน่ำ ลูกเรือของกองเรือทองคำพยายามอย่างเต็มที่ที่จะลอยตัวเมื่อต้องเผชิญกับวิกฤตครั้งนี้ อย่างไรก็ตามส่วนหนึ่งของทะเลที่รายล้อมไปด้วยผีเสื้อสีทองนั้นยังคงสงบ ราวกับว่ามันถูกแยกออกจากส่วนอื่น ๆ ของโลก
อสรพิษแห่งผืนปฐพีจ้องมองไปยังเด็กสาวผมสีน้ำตาลแดงที่รายล้อมไปด้วยผีเสื้อสีทอง หมอกสีดำที่ปกคลุมเธอกลายเป็นมือเอื้อมออกไปเพื่ออุ้มโรเอลออกจากทะเล
ท้องฟ้าค่อย ๆ ปลอดโปร่ง เผยให้เห็นดวงอาทิตย์อีกครั้ง งูยักษ์จ้องเขม็งไปที่โรเอลจากระยะไกล พยักหน้าเบา ๆ ก่อนที่ร่างอันใหญ่โตของเธอจะกลับลงไปในน้ำลึกอีกครั้ง
ขณะเดียวกัน การแจ้งเตือนใหม่ก็ปรากฏขึ้นบนอินเทอร์เฟซของระบบ
【กริ๊ง!】
【เป้าหมายของสถานะผู้เฝ้ามองสำเร็จแล้ว เวลาที่เหลือ : 22 ชั่วโมง 35 นาที】
【การประเมินอย่างละเอียด : สมบูรณ์แบบ (115 %)】