บทที่ 177: เส้นทางของพวกเขา
“เจ้าต้องการเข้าร่วมสมัชชานักปราชญ์พลบค่ำงั้นเหรอ? นี่เจ้า…”
ระหว่างที่อิซาเบลลากำลังจะให้คำแนะนำเกี่ยวกับการสมรสแก่ชาร์ล็อต จู่ ๆ โรเอลก็เปลี่ยนหัวข้อการสนทนาขึ้นมาโดยกะทันหัน ทำให้หญิงสาวแปลกใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหยุดลงครุ่นคิดอย่างจริงจัง
“โรเอล มันเป็นเรื่องดีที่เจ้าคิดแบบนั้น แต่สมัชชามีมาตรฐานที่สูงมาก ถึงแม้ความแข็งแกร่งของเจ้าในตอนนี้จะไปถึงระดับที่กำหนดแล้ว แต่ระดับแก่นแท้ของเจ้าก็ยังต่ำไป”
เมื่อหวนนึกถึงงูขนาดมหึมาที่กลืนกินตัวตนระดับหนึ่งในหกภัยพิบัติ บิดาแห่งความมืดจนหายไป อิซาเบลลาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องประเมินความสามารถในการต่อสู้ของโรเอลใหม่อีกครั้ง เธอไม่รู้ว่าเด็กชายไปทำสัญญากับเทพเจ้าระดับนั้นได้อย่างไร แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ความแข็งแกร่งของเขาคือสิ่งที่สมัชชาต้องการเป็นอย่างยิ่ง
“พี่สาวอิซาเบลลา ผมรู้ดีว่าสมัชชามีเงื่อนไขบางอย่างในการเข้าร่วม แค่คำใบ้เล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ยังดี ช่วยบอกผมได้ไหมว่า ผมจะเข้าร่วมสมัชชาได้ยังไง?”
โรเอลถามอย่างกังวล
แน่นอนโรเอลไม่ได้ถามถึงเรื่องนี้เพราะต้องการจะเข้าสมัชชานักปราชญ์พลบค่ำจริง ๆ เนื่องจากหลายศตวรรษต่อจากนี้ในยุคของเขา สมัชชานั้นได้สูญสิ้นไปแล้ว แต่ยังมีความลึกลับอีกมากมายที่รอบ ๆ สมัชชานักปราชญ์พลบค่ำที่เขาต้องการหาคำตอบ
จนถึงตอนนี้อิซาเบลลาเป็นสมาชิกเพียงคนเดียวของสมัชชานักปราชญ์พลบค่ำที่โรเอลได้พบตัวเป็น ๆ นอกจากนี้เห็นได้ชัดเลยว่าเธอนั้นเป็นถึงสมาชิกหลักของสมัชชา เมื่อไม่มีเบาะแสอื่น การถามจากอิซาเบลลาตรง ๆ จึงเป็นเพียงวิธีเดียวที่โรเอลจะได้เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับองค์กรผู้มีพลังเหนือธรรมชาติอันลึกลับนี้
ความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะเรียนรู้ในสายตาของโรเอล ทำให้ชาร์ล็อตเข้าใจได้ในทันทีว่าเขามีเจตนาอะไร ดังนั้นเธอจึงจับมืออิซาเบลลาไว้ แล้วช่วยพูดสนับสนุนให้กับโรเอล
“พี่สาวอิซาเบลลา ดิฉันเองก็อยากจะเข้าร่วมสมัชชานักปราชญ์พลบค่ำด้วยเหมือนกันค่ะ ถึงตอนนี้ฉันจะยังอ่อนแอกว่าโรเอลมาก แต่คุณพอจะช่วยบอกพวกเราได้ไหมว่าใครเป็นผู้ก่อตั้งองค์กร และพวกเราจะเข้าร่วมมันได้อย่างไร?”
“อืม… สมัชชานักปราชญ์พลบค่ำ เป็นองค์กรที่ก่อตั้งขึ้นไม่นานก่อนสิ้นสุดยุคที่สอง ข้าไม่แน่ใจเหมือนกันว่าใครเป็นผู้ก่อตั้งองค์กร แต่ข้าคิดว่ามีเพียงผู้นำเท่านั้นที่รู้ถึงเรื่องนี้”
“ผู้นำ?”
“ใช่ เขาเป็นที่รู้จักกันในนามแฝง ‘มหาปราชญ์’ นามที่ใช้โดยผู้นำของสมัชชาเท่านั้น แต่เท่าที่ข้าได้ยินมาจากเขา ดูเหมือนว่าตำแหน่งนี้จะถูกเปลี่ยนผ่านกันมาหลายรอบแล้ว”
อิซาเบลลากอดอกพลางนึกถึงสิ่งที่เธอได้ยินจากผู้นำสมัชชามา หญิงสาวใช้เวลาครู่หนึ่งเพื่อนึกเรียงลำดับความคิดของตนก่อนจะพูดขึ้นอีกครั้ง
“ ‘มหาปราชญ์’ เคยพูดไว้ว่า สมัชชาเคยตกอยู่ในตำแหน่งที่แย่กว่านี้มาก่อน และศัตรูของพวกเราก็ไม่ได้จำกัดมีเพียงแค่มารดาแห่งเทพธิดาเท่านั้น และจากประสบการณ์ที่ผ่านมา ไม่แน่ว่าแม้แต่ตัวเขาเองก็อาจจะต้องสละชีวิตเพื่อภารกิจด้วยเช่นกัน”
“!”
คำพูดของอิซาเบลลาทำให้โรเอลต้องประหลาดใจ ‘ตำแหน่งที่แย่กว่านี้มาก่อน’ ‘ประสบการณ์ที่ผ่านมา’ และ ‘การเสียสละ’ คำพูดเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่านามแฝง ‘มหาปราชญ์’ ได้ถูกเปลี่ยนมือมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง ถึงแม้ว่าจะยังไม่มีเบาะแสว่าพวกเขาเป็นใครก็ตาม
ดูเหมือนว่าเขาจะต้องพยายามหาทางเข้าร่วมสมัชชาให้ได้ โดยอนุมานว่ามันยังคงมีตัวตนอยู่ในยุคปัจจุบัน
ดังนั้นโรเอลจึงเริ่มสอบถามวิธีการเข้าร่วมสมัชชา ซึ่งอิซาเบลลาก็ครุ่นคิดเกี่ยวกับคำถามนั้น ก่อนที่จะบอกหนทางสู่การเข้าร่วมให้กับเด็ก ๆ ทั้งสองคน
“ด้วยระบบของสมัชชาแล้ว หากมีสายลับเข้ามาท่ามกลางพวกเราล่ะก็มันจะกลายเป็นปัญหาร้ายแรงมาก ดังนั้นการคัดเลือกสมาชิกจึงต้องเข้มงวดเป็นพิเศษ เริ่มแรก บุคคลที่สนใจจะเข้ามาหาทางสมัชชาเองเพื่อเข้าร่วม แต่วิธีนี้พิสูจน์แล้วว่าไม่มีประสิทธิภาพในแง่ของการเพิ่มจำนวนสมาชิก ด้วยเหตุนี้สมัชชาจึงใช้ระบบแนะนำผู้สมัครแทน”
“ระบบแนะนำ? หมายความว่าพี่สาวอิซาเบลลาสามารถแนะนำพวกเราได้งั้นเหรอครับ?”
“ข้ามีอำนาจที่จะทำเช่นนั้น แต่เจ้าต้องการการแนะนำจากสมาชิกอย่างน้อย ๆ สองคน”
“การแนะนำจากสมาชิกอย่างน้อย ๆ สองคน? ไม่ใช่ว่า… สมาชิกของสมัชชาไม่รู้จักตัวตนของคนอื่น ๆ หรอกเหรอ?”
คำตอบของอิซาเบลลาทำให้โรเอลถึงกับอึ้งกิมกี่ไป ก่อนหน้านี้เด็กชายเคยได้ยินมาว่าสมาชิกของสมัชชานั้นจะไม่มีการเปิดเผยตัวตน ทำให้ไม่รู้ตัวตนของสมาชิกคนอื่น ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งส่วนตัวที่อาจจะเกิดขึ้นได้ และมุ่งไปยังเป้าหมายเดียวกัน แบบนั้นแล้วเขาจะได้รับการแนะนำจากสมาชิกสองคนได้อย่างไร
พูดคุยกับสมาชิกคนอื่น ๆ เพื่อให้แนะนำบุคคลคนเดียวกันงั้นเหรอ?
นั่นก็อาจจะเป็นไปได้ แต่มันก็ไม่น่าเป็นไปได้เช่นกัน เพราะหากทำแบบนั้นแล้ว ผู้ที่ได้รับการแนะนำจะถูกเปิดเผยต่อสมาชิกทั้งสองคนที่แนะนำเขา และอาจทำให้สามารถคาดเดาตัวตนของสมาชิก ผ่านเครือข่ายความเกี่ยวข้องที่มีของสมาชิกคนนั้นได้ ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่สมัชชาต้องการแน่ เมื่อพิจารณาถึงระบบการทำงานของสมัชชาแล้ว
ทั้งโรเอลและชาร์ล็อตต่างก็ต้องขมวดคิ้วคิดไตร่ตรองถึงเรื่องนี้ ท่าทีของเด็กทั้งสองส่งผลให้อิซาเบลลาหัวเราะออกมาดัง ๆ
“ข้ารู้ว่าพวกเจ้าคิดสงสัยอะไร แต่พวกเจ้านั้นกำลังเข้าใจอะไรผิดไปอยู่ พวกเราไม่เคยแนะนำคนที่เรารู้จักให้เข้าร่วมสมัชชา”
“ไม่งั้นเหรอ? แล้วสมัชชาจะแน่ใจได้อย่างไรเกี่ยวกับบุคลิกและความสามารถของสมาชิกใหม่?”
“จริง ๆ มันง่ายกว่าที่เจ้าคิด พวกเราก็แค่ใช้เวลา ประเมินพวกเขาในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม”
ท่าทางที่สับสนของเด็ก ๆ ทั้งสอง ทำให้อิซาเบลลาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงตัดสินใจเปิดเผยคำตอบ หากพิจารณาถึงพรสวรรค์อันน่าทึ่งของโรเอลและชาร์ล็อตแล้วล่ะก็ พวกเขาคู่ควรแล้วที่จะได้เข้าร่วมสมัชชานักปราญ์พลบค่ำ นอกจากนี้เธอเองก็กำลังจะแต่งงานกับวินสเตอร์ในอนาคตอันใกล้นี้แล้วด้วย
“มีสถาบันการศึกษาในอาณาจักรแห่งการศึกษาโบรเนล โดยสมัชชานักปราชญ์พลบค่ำจะเลือกผู้มีพรสวรรค์มาจากที่นั่น”
ในที่สุดอิซาเบลลาก็เปิดเผยความจริงแก่พวกเขา
“ในช่วงเริ่มต้นของทุก ๆ ปีการศึกษา สมัชชาจะส่งสัญลักษณ์แห่งการคัดสรร ซึ่งพรางตัวเป็นอุปกรณ์เวทมนตร์ป้องกันทั่ว ๆ ไป ให้กับนักเรียนที่ได้รับการคัดเลือก ทำให้สมาชิกของสมัชชาที่อยู่ภายในสถาบันสังเกตเห็นสัญลักษณ์แห่งการคัดสรร และคอยสังเกตการกระทำของนักเรียนเหล่านั้น เพื่อทำการประเมินและเลือกผู้ที่จะแนะนำให้เข้าร่วมสมัชชานักปราญช์พลบค่ำ”
“สมาชิกของสมัชชาที่มีอำนาจในการแนะนำสมาชิกใหม่จะถูกเปลี่ยนแปลงไปในทุก ๆ ปี และบุคคลที่ได้รับการแนะนำเองก็จะไม่ได้ถูกรับเข้าสู่สมัชชานักปราชญ์พลบค่ำในทันทีเช่นกัน แต่สมัชชาจะส่งผู้ส่งสารไปพูดคุยกับบุคคลที่ได้รับการแนะนำในช่วงเวลาที่บุคคลนั้นมีแนวโน้มต้องการจะเข้าร่วมองค์กรมากที่สุด อาจจะเป็นหนึ่งปีหลังจากที่จบออกมาจากสถาบันการศึกษา หรืออาจจะเป็นหลายทศวรรษต่อมาก็ได้ ซึ่งมาตรการเหล่านี้จะเป็นตัวช่วยลดโอกาสที่ตัวตนของสมาชิกจะถูกเปิดเผยต่อกัน”
“แบบนี้นี่เอง”
เมื่อได้ยินคำอธิบายของอิซาเบลลา ทั้งโรเอลและชาร์ล็อตก็พยักหน้าพร้อม ๆ กันด้วยความเข้าใจ มาตรการที่สมัชชานักปราชญ์พลบค่ำกำหนดขึ้นนั้นค่อนข้างสมเหตุสมผล และสามารถลดความขัดแย้งทางผลประโยชน์ระหว่างสมาชิกได้มากเลยทีเดียว
แต่ในขณะเดียวกัน โรเอลก็พูดไม่ออกกับคำตอบที่ถูกเปิดเผยออกมานี้ด้วยเช่นกัน
สุดท้ายก็เป็นที่สถาบันการศึกษาสินะ!
อย่างไรก็ตามมันก็ฟังดูสมเหตุสมผลแล้ว เนื่องจากสถาบันการศึกษาที่มีชื่อเสียง เป็นที่ที่ผู้มีพรสวรรค์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกมากมายจะมารวมตัวกัน จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่แมวมองจากองค์กรต่าง ๆ จะค้นหาสมาชิกใหม่ที่นั่น
แต่ถึงโรเอลจะได้รู้เกี่ยวกับขั้นตอนในการคัดเลือกสมาชิก มันก็ไม่ได้สร้างความแตกต่างหรือมีประโยชน์อะไรมากเท่าไหร่นัก เพราะว่า…
เดี๋ยวก่อนนะ!
จู่ ๆ คำถามก็ผุดขึ้นมาในหัวของโรเอล
จากหลักฐานมากมายที่เขารวบรวมมาจนถึงตอนนี้ เป็นไปได้สูงว่าสมัชชานักปราชญ์พลบค่ำน่าจะสลายตัวกันไปแล้วในยุคปัจุบัน แต่มันก็ยังมีโอกาสที่สมาชิกของสมัชชาบางคนจะยังอยู่ เพราะในท้ายที่สุด สมัชชานักปราชญ์พลบค่ำนั้นเป็นถึงองค์กรที่เต็มไปด้วยผู้มีพลังเหนือธรรมชาติระดับสูงจากทั่วทุกมุมโลก และแน่นอนว่าพวกเขาเหล่านั้นมีแนวโน้มที่จะมีอายุยืนยาว
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ…
หากโรเอลได้รับสัญลักษณ์แห่งการคัดสรรเหล่านั้น เขาก็อาจจะได้รับความสนใจจากสมาชิกสมัชชานักปราชญ์พลบค่ำคนใดคนหนึ่ง และเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับองค์กรนี้!
【เวลานับถอยหลังสู่จุดสิ้นสุดของสถานะผู้เฝ้ามอง : 44 วินาที】
ด้วยความคิดดังกล่าว โรเอลเหลือบมองไปยังเวลานาฬิกานับถอยหลังของระบบ ก่อนจะคว้าแขนเสื้อของอิซาเบลลา เพื่อถามคำถามต่อไป
“พี่สาวอิซาเบลลา พวกเรากำลังจะกลับไปแล้ว และผมก็คงจะต้องพักฟื้นไปอีกนานแน่ ผมคงไม่สามารถรับสัญลักษณ์แห่งการคัดสรรของสมัชชาได้ถึงแม้ว่าพวกเขาจะส่งมาให้ผม พี่สาวพอจะบอกได้ไหมว่าผมจะไปอ้างสิทธิ์ได้ที่ไหน?”
อิซาเบลลาประหลาดใจกับคำพูดของโรเอลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนนึกขึ้นได้ว่าทั้งโรเอลและชาร์ล็อต ต่างก็ถูกส่งมาที่นี่โดยสมาชิกของสมัชชานักปราชญ์พลบค่ำ และตอนนี้เมื่อภารกิจเสร็จสิ้นแล้ว มันก็เป็นธรรมดาที่พวกเขาจะต้องถูกเคลื่อนย้ายกลับไป
“ในกรณีนั้น เจ้าควรตามหาเทรนท์ขี้เมาในป่าเครอน แล้วอย่าลืมเอาไวน์ ไวน์แดงของจักรวรรดิออสทีนโบราณติดมือไปด้วยล่ะ ไม่งั้นเขาอาจจะไม่แสดงตัวให้เจ้าเห็น…”
“หา? เทรนท์ขี้เมา? หมายความว่ายังไง?…”
【สิ้นสุดการนับถอยหลัง เริ่มทำการส่งตัวกลับ】
ก่อนที่โรเอลจะพูดคำถามของเขาจนจบประโยค ความมืดก็เข้าปกคลุมร่างกายของเขา จากนั้นเด็ก ๆ ทั้งสองคนก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ต่อหน้าต่อตาของอิซาเบลลาผู้กำลังยิ้มแย้ม