บทที่ 184: ผู้ป้อนเป็นอาชีพยอดนิยม
โรเอล แอสคาร์ด รู้สึกว่าช่วงนี้เขานอนหลับมากเกินไป
นี่ก็ผ่านไปราว ๆ สองสามวันแล้ว ตั้งแต่ที่เด็กชายได้สติกลับมา แต่ผลข้างเคียงจากสภาพร่างกายที่บาดเจ็บทรุดโทรมก็ยังคงมีอยู่ ที่หนักที่สุดก็คือความอ่อนล้าที่ถาโถมเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทำให้เขารู้สึกไม่ต่างไปจากนางเอกสาวผู้อ่อนแอในละครหลังข่าว โชคดีที่มันไม่ใช่ปัญหาเท่าไหร่ เพราะโรเอลนั้นมีฮีโร่คอยปกป้องอยู่เสมอ นั่นก็คือชาร์ล็อต
ใครจะกล้ารังแกคนที่นายหญิงแห่งตระกูลโซโรฟยาโปรดปรานกัน?
โรเอลใช้นิ้วแตะที่ริมฝีปากของตนเบา ๆ พลางหวนนึกถึงความรู้สึกอันน่าพึงพอใจที่ได้ประสบก่อนหน้านี้ในตอนที่เขายังไม่ได้สติ
ดูเหมือนว่าชาร์ล็อตจะวัดอุณหภูมิเราอีกแล้วสินะ เธอคงลำบากมากในช่วงสองสามวันที่ผ่านมานี้
อันที่จริงแล้ว โรเอลค่อนข้างประทับใจความเสียสละของชาร์ล็อตที่คอยดูแลเขามากเลยทีเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เห็นได้ชัดเลยว่าเด็กสาวช่วยเขาด้วยความปรารถนาดีปราศจากผลประโยชน์แอบแฝง เป็นการลงทุนที่ไม่มีผลตอบแทน แต่เธอก็ยังยืนกรานที่จะทำมันแม้ว่าจะลำบาก
หลังจากถอนหายใจยาว ๆ เด็กชายก็เบนความสนใจกลับไปที่สถานการณ์ทางการเงินในปัจจุบันของตัวเอง
ช่วงเช้าก่อนหน้านี้ โรเอลได้ขอค่าชดเชยจากชาร์ล็อต ก่อนที่อีกฝ่ายจะอ้างว่าทรัพย์สินของเธอถือเป็นทรัพย์สินร่วมกันกับเขา ซึ่งเป็นการบอกอ้อม ๆ ว่า ‘ถ้าเจ้าต้องการเงิน เจ้าก็ต้องยอมรับว่าพวกเราเป็นคู่หมั้นกัน!’ นี่ถือเป็นภัยคุกคามอันน่าสะพรึงกลัว แต่เขาก็ไม่ใช่คนที่จะยอมแพ้ง่าย ๆ เมื่อเผชิญปัญหา
คิดว่ากลอุบายเล็ก ๆ น้อย ๆ แค่นี้ จะทำให้เจตจำนงในการหาเงินของเราสั่นคลอนงั้นเหรอ? คิดง่ายเกินไปแล้ว!
การเงินของโรเอลนั้นย่ำแย่เกินกว่าที่เขาจะยอมถอยได้ การซื้อสัมผัสแห่งธารน้ำแข็ง ทำให้เขาต้องกู้เงินที่มีดอกเบี้ยสูงกว่า 10% ต่อเดือน!
ต้องจ่าย 30,000 เหรียญทองทุก ๆ เดือนเพื่อชดเชยดอกเบี้ยงั้นเหรอ? บ้าไปแล้ว! นอกจากตระกูลโซโรฟยาที่มีเงินเป็นกองภูเขา ใครจะไปจ่ายไหว?
สัมผัสแห่งธารน้ำแข็ง ไม่เพียงแต่ให้ประโยชน์แก่โรเอลเท่านั้น แต่รวมถึงชาร์ล็อตด้วยเช่นกัน ในสถานการณ์อันเลวร้ายที่พวกเขาเผชิญ การดูดซับพลังเวทรอบ ๆ ไข่ของผู้สร้างธารน้ำแข็ง ช่วยแก้ปัญหาหลักของกองเรือทองคำ พร้อมมอบไพ่ตายอันทรงพลังให้กับพวกเขาในวิกฤตที่ตามมา มิฉะนั้นเขาคงไม่มีทางคิดที่จะดึงพลังมาจากตัวตนระดับหกภัยพิบัติแน่
พลังเหนือธรรมชาติย่อมมีราคาที่จำเป็นต้องจ่าย นี่เป็นสิ่งที่ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติทุกคนต้องตัดสินใจอย่างระมัดระวัง
ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติส่วนใหญ่มักจะกระตือรือร้นเกินไปในการแสวงหาอำนาจและละเลยราคาที่ต้องจ่าย แต่สำหรับตระกูลแอสคาร์ดที่มีภูมิปัญญาสืบทอดมาจากรุ่นสู่รุ่นแล้ว พวกเขาให้ความสำคัญกับความมั่นคงมากกว่าผลกำไรเสมอ ซึ่งโรเอลก็ใช้หลักการนี้เช่นกัน เขาพร้อมจะละทิ้งผลประโยชน์และโอกาสไป หากสิ่งนั้นมีความเสี่ยงที่จะทำให้ตัวเองและคนรอบข้างตกอยู่ในอันตราย
อย่างไรก็ตามนี่เป็นโอกาสอันหายาก ระดับที่ทำให้โรเอลต้องตัดสินใจเลือกเส้นทางที่มีความเสี่ยง ซึ่งการตัดสินใจของเขาก็ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าคุ้มค่า มีเพียงสัมผัสแห่งธารน้ำแข็งเท่านั้นจะสามารถเอาชนะผู้ใช้วิชาหุ่นเชิดอย่างดอยล์และช่วยชีวิตชาร์ล็อตเอาไว้ได้
หากพิจารณาถึงมูลค่าสุทธิของชาร์ล็อตแล้ว 300,000 เหรียญทองแลกกับชีวิตของเธอ ถือเป็นข้อเสนอที่ดีทีเดียว ในเมืองโรซ่าเงินจำนวนนั้นไม่เพียงพอที่จะซื้อผมของเธอสักสองสามเส้นเลยด้วยซ้ำ!
แม้ว่าโรเอลยอมที่จะละทิ้งความภาคภูมิใจของเขาเพื่อชำระหนี้ และชาร์ล็อตเองก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรในเรื่องนี้ หากโรเอลยอมรับในสถานะการหมั้นหมาย เธอก็พร้อมจะมอบเงินของตนให้กับเขาได้ใช้ตามสมควร
แน่นอนว่าโรเอลไม่ได้เชื่อในสิ่งที่ชาร์ล็อตพูดอย่างจริงจัง เด็กสาวนั้นเป็นทายาทของตระกูลโซโรฟยา จำนวนทรัพย์สินภายใต้ชื่อของเธอนั้นมากเกินกว่าจินตนาการ ชาร์ล็อตจะมอบทรัพย์สินทั้งหมดของเธอให้กับเขาได้จริง ๆ งั้นเหรอ?
อย่างไรก็ตามในเมื่อชาร์ล็อตบอกว่าตนเต็มใจที่จะจ่าย โรเอลก็ไม่ควรจะใส่ใจอะไรมากกับคำพูดของเธอ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะไม่พูดถึงประเด็นนี้อีก
“ที่รัก ตื่นแล้วเหรอ?”
ชาร์ล็อตรีบเข้ามาที่ห้องนอนทันทีที่ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวของโรเอล เด็กสาวพยุงร่างของเด็กชายย้ายจากเตียงนุ่ม ๆ ลงไปยังรถเข็น
อาการของโรเอลนั้นย่ำแย่มาก พลังชีวิตที่ลดลงและผลจากสภาพการฟื้นฟูอันเดธระดับสูงทำให้ร่างกายของเขาเปราะบาง จนแม้แต่การเดินก็ยังยากเกินไปสำหรับเขา หากประมาทเพียงเล็กน้อยก็อาจทำให้กระดูกหักได้ง่าย ๆ ในเมื่อไม่มีทางเลือกอื่น เขาจึงต้องนั่งบนรถเข็น
ชาร์ล็อตพาโรเอลไปที่ห้องเรือนกระจกภายในสายธารแห่งอัญมณี สถานที่สำหรับการดื่มชา ที่นี่มีกระถางต้นไม้นานาชนิดถูกจัดวางอย่างสวยงามรอบห้อง เพดานโปร่งแสงทำให้แสงแดดธรรมชาติส่องเข้ามาได้ อากาศบริสุทธิ์ภายในห้องได้คลายความเครียดของโรเอลลงเล็กน้อย
ภายใต้แสงแดดที่สาดส่องลงมา ความสวยงามของชาร์ล็อตได้ถูกขับเน้นขึ้นไปอีกขั้น ทำให้เธอดูมีเสน่ห์มากกว่าที่เคย จากนั้นเธอเข้ามาใกล้ ๆ โรเอลและเริ่มป้อนขนมให้กับเขา
“พวกเรายังไม่ถึงที่หมายอีกเหรอ? ฉันคิดว่าฉันน่าจะนอนมากเกินไปจนลืมเวลาไปแล้ว แต่นี่พวกเราก็เดินทางออกมาราว ๆ สามสี่วันแล้วไม่ใช่เหรอ?”
“เจ้าต้องใช้ความอดทนนะ ถึงจะสามารถเพลิดเพลินกับสถานที่ท่องเที่ยวอันสวยงามได้ นี่ อ้าปากสิ”
“…”
โรเอลจ้องไปที่ส้อมตรงหน้าเขาเงียบ ๆ ก่อนหน้านี้เด็กชายมักจะเป็นฝ่ายป้อนอาหารให้คนอื่นมาตลอด เนื่องจากอลิเซียเคยมีอาการกลัวของมีคมในตอนนั้น มันจึงค่อนข้างแปลกที่เขาจะต้องเป็นฝ่ายถูกป้อนแทน
ช่วงแรก ๆ ที่กลับมาสถานะผู้เฝ้ามอง ร่างกายของโรเอลนั้นอ่อนแอมาก เด็กชายแทบจะไม่สามารถเรียกกำลังใด ๆ ขึ้นมาได้เลย ขนาดที่ว่าแม้แต่การถือช้อนซุปให้มั่นคงก็ยังเป็นไปไม่ได้สำหรับเขา ทำให้เขาอยู่ในตำแหน่งที่น่าอึดอัดใจเช่นนี้
ชาร์ล็อตไม่ได้พูดหรือวิพากษ์วิจารณ์โรเอลเกี่ยวกับสภาพของเขาแต่อย่างใด เด็กสาวเพียงแต่ขยับชามไปข้าง ๆ อย่างเงียบ ๆ และตักซุปหนึ่งช้อนขึ้นมาป้อนให้กับโรเอลผู้กำลังประหลาดใจกับท่าทีของเธอ
ความอ่อนโยนที่ชาร์ล็อตแสดงออกมาได้สร้างความประทับใจให้กับโรเอล ด้วยบรรยากาศชวนให้เขาเอนตัวไปข้างหน้าเพื่อดื่มซุป ชั่วพริบตานั้นเอง รอยยิ้มอันเจิดจ้าดั่งดอกไม้ที่กำลังผลิบานก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเด็กสาว ทำให้หัวใจของเขาเต้นระรัว
แต่นั่นคือสถานการณ์เมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้
ตอนนี้โรเอลดีขึ้นมากแล้ว อย่างน้อย ๆ เขาก็น่าจะสามารถจับช้อนส้อมด้วยตัวเองได้อย่างมั่นคง ดังนั้นเขาจึงพยายามต่อสู้ เพื่อควบคุมสถานการณ์กลับคืนมา
“ให้ฉันจัดการเองเถอะ”
“ไม่ได้หรอกนะ”
“หืม?”
การปฏิเสธของชาร์ล็อตเป็นธรรมชาติมากเสียจนทำให้โรเอลต้องตกตะลึงไปครู่หนึ่ง เขากะพริบตาก่อนจะรู้ตัวในที่สุดว่าความต้องการทางอิสรภาพของตนเพิ่งถูกปฏิเสธไป
???
เกิดอะไรขึ้น? เธอชอบการป้อนอาหารให้คนอื่นรึไง?
โรเอลงุนงงกับความพากเพียรของชาร์ล็อต แต่เด็กชายก็รู้สึกว่าตนเองไม่ควรปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินต่อไปในทิศทางนี้ เขาจึงพยายามโต้แย้ง
“เธอเป็นถึงผู้สืบทอดของตระกูลโซโรฟยา ในแง่ของสถานะ เธอเปรียบได้กับองค์ชายหรือองค์หญิงของอาณาจักรอื่น มันไม่สมเกียรติเท่าไหร่ที่เธอจะมาทำอะไรแบบนี้ เธอควรจะทิ้งงานพวกนี้ให้เป็นหน้าที่ของคนรับใช้มากกว่านะ…”
“ที่รัก เจ้ากำลังพูดถึงเรื่องอะไร?”
ชาร์ล็อตเอียงศีรษะด้วยความสับสนขณะที่สอดแทรกคำพูดของโรเอล ผมสีน้ำตาลแดงของเธอพลิ้วไหวเบา ๆ ตามการเคลื่อนไหวเหมือนเปลวไฟอันริบหรี่ภายใต้แสงอาทิตย์อันเจิดจ้า
“ข้าไม่คิดว่าการดูแลคู่หมั้นของตัวเองเป็นเรื่องน่าอายหรอก ข้าภาคภูมิใจกับสิ่งนี้ด้วยซ้ำ”
“นี่เธอ…”
“ที่รัก อา~”
“…”
ต่อหน้าแววตาที่ไม่คิดจะยอมแพ้ของชาร์ล็อต โรเอลจึงทำได้เพียงถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ก่อนที่จะอ้าปากกว้างให้ความร่วมมือ ส่งผลให้รอยยิ้มกลับมายังใบหน้าของชาร์ล็อต
“ข้าสั่งพ่อครัวไม่ให้ทำขนมพวกนี้หวานจนเกินไป เจ้าน่าจะชอบมันใช่ไหม อร่อยรึเปล่า?”
“อืม มันรสชาติดีมาก ฉันชอบมัน”
นักชิมโรเอลพูดรับรองพร้อมดวงตาที่เป็นประกายด้วยความสุข เด็กชายรู้ดีว่าตนเองไม่ควรแสดงด้านนี้ให้ชาร์ล็อตเห็น ทว่าร่างกายของเขาซื่อตรงต่อความอร่อยของอาหารรสเลิศเกินกว่าจะต้านได้
หวาน นี่สินะคือรสชาติของความสุข~
ตอนนั้นเองเกรซก็ได้เดินเข้ามาหาชาร์ล็อตกระซิบคำบางคำข้าง ๆ หูของเธอ ที่ทำให้รูม่านตาของชาร์ล็อตขยายออกเล็กน้อย แต่ไม่นานนักเด็กสาวก็สงบลง เธอหันไปมองโรเอลที่กำลังเพลิดเพลินกับของหวานตรงหน้า ก่อนจะเอ่ยคำถามขึ้นมา
“ที่รัก เจ้าชอบหิมะไหม?”