บทที่ 185: มันเป็นของฉันแล้ว!
เขตการปกครองแอสคาร์ด มีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติอะไรบ้างที่น่าตื่นตาตื่นใจ?
แม้ว่าจะเป็นตัวแทนผู้ปกครองเขตการปกครองมาหลายปีแล้วก็ตาม แต่โรเอลก็ยังไม่สามารถให้คำตอบต่อคำถามนี้อย่างมั่นใจได้
การคมนาคมและการขนส่งในทวีปเซียนั้นยังไม่ได้รับการพัฒนามากเท่าไหร่นัก และเขตการปกครองแอสคาร์ดเองก็มีพื้นที่ค่อนข้างใหญ่ แม้แต่ม้าที่เร็วที่สุดที่มีก็ยังต้องใช้เวลากว่าสิบวันในการเดินทางจากพรมแดนทางเหนือไปยังพรมแดนทางใต้ และนั่นคือเวลาที่ประมาณหลังจากถนนสายใหม่ของโรเอลถูกสร้างขึ้นมาแล้ว ก่อนที่จะมีการสร้างถนน เขตการปกครองแอสคาร์ดมีทางอ้อมนับไม่ถ้วนจนขยายการเดินทางออกไปได้นานกว่าหนึ่งเดือน
เนื่องจากการเดินทางในโลกนี้ถูกจำกัดขอบเขต ขุนนางในเขตการปกครองส่วนใหญ่จึงเลือกที่อยู่แค่ในเมืองที่เป็นศูนย์กลางทางการเงินและการปกครองในอาณาเขตของตน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารของตนให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด การที่ขุนนางผู้ปกครองเขตการปกครองจะเดินทางสำรวจเขตการปกครองของตนแล้วอ้างว่าเป็นเรื่องงาน… คงเป็นเพียงความฟุ่มเฟือย หรือไม่ก็ข้ออ้างสำหรับการอู้งาน
แม้แต่ตัวแทนผู้ปกครองเขตการปกครองแอสคาร์ดอย่างโรเอลก็ยังไม่เคยได้เพลิดเพลินกับทิวทัศน์อันสวยงาม และอาหารต่าง ๆ ในท้องถิ่น เพราะแค่งานธุรการจำนวนมหาศาลในแต่ล่ะวันที่เขาต้องลุยเกี่ยวกับโครงการพัฒนาต่าง ๆ ก็มากเกินพอแล้ว
โรเอลมักจะบอกตัวเองว่าจะเดินทางสำรวจรอบ ๆ เขตการปกครองแอสคาร์ดเมื่องานทุกอย่างสงบลง เป็นปัจจัยขับเคลื่อนมาตลอด โดยหวังว่าในตอนที่เขาเริ่มออกท่องเที่ยวไปในเขตการปกครอง แทนที่จะได้เห็นภาพของประชาชนที่ทุกข์ทรมาน เขาจะได้เห็นพลเรือนที่มีสุขภาพดี มีแรงผลักดันทำงาน และเต็มไปด้วยความฝันของอนาคตอันสดใส
ทว่า ‘การเดินทางพักฟื้น’ ของชาร์ล็อต ทำให้โรเอลได้เห็นผลลัพธ์ความพยายามของตนล่วงหน้า
“โอ้? นี่คือเอกลักษณ์ของหมู่บ้านทางใต้ ไวน์อัลมอนด์ใช่ไหม? อย่างที่ได้ยินมาเลยแฮะ มันมีกลิ่นแปลก ๆ”
ทันทีที่โรเอลจิบไวน์ในถ้วยเขาก็ขมวดคิ้วขึ้น ทำให้ชาร์ล็อตที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เข้ามาสูดกลิ่นหอมของไวน์ด้วย แต่เธอก็ต้องประหลาดใจกับกลิ่นอัลมอนด์อันเข้มข้นของมัน
“มันมีกลิ่นเฉพาะตัว ไวน์นี่ใส่อะไรไปบ้างเนี่ย?”
“ถ้าฉันจำไม่ผิด มันเป็นอัลมอนด์พันธุ์พิเศษที่มีชื่อว่า พาเมล่า ซึ่งหมายความว่า ‘กัดไม่ได้’ ในภาษาถิ่น”
“กัดไม่ได้เหรอ?”
“ใช่ มันเป็นผลไม้ที่มีลักษณะภายนอกแข็งและยาว เลยมักจะกลายเป็นอาวุธของลิง ฉันได้ยินมาว่าลิงในภูมิภาคนี้เป็นนักสู้ที่น่าทึ่งมากเลยทีเดียว”
“นั่นมันเกี่ยวอะไรด้วยเหรอ ”
ข้อมูลเพิ่มเติมของโรเอล ทำให้ชาร์ล็อตหัวเราะออกมา เธอจิบไวน์จากนั้นก็เบิกตากว้างด้วยความตกใจ
“หวาน!”
“ใช่ไหมล่ะ? ฉันว่าแล้วว่าเธอต้องชอบมัน”
โรเอลเอนหลังพิงเก้าอี้รถเข็น มองเด็กสาวผู้ชื่นชอบของหวานด้วยรอยยิ้ม ส่วนทางชาร์ล็อตเธออดไม่ได้ที่จะจิบไวน์เข้าไปอีกจิบ
“หวานจริง ๆ ทำยังไงมันถึงเป็นแบบนี้ได้เนี่ย?”
“อัลมอนด์ชนิดนี้มีลักษณะภายนอกที่แข็งมาก และมีปริมาณน้ำตาลที่สูงมาก ถ้าไม่ใช่เพราะเปลือกภายนอกที่แข็งสุด ๆ ล่ะก็ มันคงถูกสัตว์ป่ากินไปจนหมด นอกจากนี้ไวน์ที่เธอกำลังดื่มเองก็เป็นไวน์ที่ถูกปรับปรุงมาแล้วด้วย”
“รุ่นปรับปรุงงั้นเหรอ?”
“ใช่ อัลมอนด์พาเมล่าจะทำให้มีกลิ่นคาวค้างอยู่ในคอ เพื่อเป็นการปกปิดจุดนั้น รุ่นปรับปรุงจึงได้เติม องุ่นลงไปในกระบวนการหมัก ซึ่งช่วยเพิ่มความหวานเข้าไปอีก”
โรเอลหมุนถ้วยแอลกอฮอล์สีเหลืองอ่อนในมือพร้อมอธิบาย ชาร์ล็อตจิบไวน์ลงคอไปอีกอึก ปล่อยให้ความหวานอันกลมกล่อมเข้มข้นไหลผ่านลิ้น สร้างรอยยิ้มอันพึงพอใจให้กับเด็กสาว
“จะว่าไปแล้วทำไมเจ้าถึงรู้รายละเอียดพวกนี้ได้กัน?”
“ฉันต้องรู้อยู่แล้วสิ นี่เป็นหนึ่งในธุรกิจที่เข้าร่วมโครงการ ‘สนับสนุนคนจน’ ฉันเป็นคนตรวจสอบข้อเสนออย่างละเอียดทุกอย่างเอง ก่อนที่จะประทับตราอนุมัติ”
“เจ้าเป็นคนคิดโครงการ ‘สนับสนุนคนจน’ งั้นเหรอ?”
“เอ่อ จะพูดอ้างแบบนั้นก็คงจะไม่ได้ ฉันพบมันจากบันทึกทางประวัติศาสตร์ของอาณาจักรโบราณเมื่อ 5 พันปีก่อนน่ะ”
“อย่างนี้นี่เอง ช่างเป็นนโยบายที่น่าสนใจจริง ๆ”
ชาร์ล็อตนึกถึงคลังบันทึกขนาดใหญ่ในคฤหาสน์ตระกูลแอสคาร์ดพร้อมพยักหน้า เธอครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตั้งคำถาม
“ข้าค่อนข้างสงสัยเกี่ยวกับแนวคิด ระบบการทำงานของโครงการ ‘สนับสนุนคนจน’ เจ้าแค่บริจาคเงินให้คนยากจนเท่านั้นเหรอ?”
“บริจาคเงินให้คนยากจน? นั่นก็เป็นหนึ่งในวิธีแก้ปัญหาที่ทำได้ง่าย แต่การบริจาคให้กับคนยากจนตรง ๆ ได้ผลลัพธ์ที่ไม่ดีเท่าไหร่หรอกนะ”
‘หากให้ปลาแก่ชายคนหนึ่ง เขาจะได้อาหารสำหรับหนึ่งวัน แต่ถ้าสอนเขาตกปลา แล้วคุณจะเลี้ยงเขาได้ไปตลอดชีวิต’ นี่เป็นประโยคที่โรเอลเคยได้ยินมาในอดีตชาติ ซึ่งเขาก็เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งกับมัน
“โครงการ ‘สนับสนุนคนจน’ ของเขตการปกครองแอสคาร์ด มุ่งเน้นไปที่การพัฒนาเรียนรู้วิชาชีพความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านของแต่ละภูมิภาค เพื่อบรรลุความสมมาตรของข้อมูล”
“ความสมมาตรของข้อมูล?”
ชาร์ล็อตกะพริบตาอย่างสับสน โรเอลจึงเคลื่อนรถเข็นของเขาไปหาเธอ เด็กชายเหลือบมองไปยังเหล่าประชากรในหมู่บ้านที่กำลังรู้สึกตื่นเต้นกับการมาถึงของพวกเขา และเริ่มอธิบาย
“เธอคิดว่ามีคนพวกนี้กี่คนที่เคยได้ออกไปเห็นโลกกว้าง”
“หืม? ข้าคิดว่า… คงมีไม่มากเท่าไหร่ คนที่ออกไปจากหมู่บ้าน ส่วนมากมักจะไม่กลับมาอีก”
“ใช่! คนส่วนใหญ่ที่ออกไปแล้ว ไม่เคยหวนกลับมา เป็นผลให้หมู่บ้านส่วนใหญ่ มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่มีความเข้าใจเกี่ยวกับธุรกิจและโลกภายนอก โดยพวกเขามักจะเป็นหัวหน้าหมู่บ้านในภายหลัง แต่ถึงกระนั้นประสบการณ์ของพวกเขาในการเยี่ยมชมเมืองต่าง ๆ ก็มีเพียงแค่เมืองใกล้เคียงสองสามแห่ง ทำให้เมื่อใดก็ตามที่พ่อค้าเร่ผ่านมายังหมู่บ้าน สิ่งที่พวกเขานำออกมาขายแลกเปลี่ยนจึงไม่ใช่ไวน์อัลมอนด์ที่ดื่มอยู่ในขณะนี้ แต่เป็นของทั่ว ๆ ไปเช่น หนังสัตว์ ที่หาได้ทั่วตลาด”
“พวกเขาไม่รู้จักโลกภายนอก นั่นจึงเป็นสาเหตุให้พวกเขาไม่รู้ว่า ไวน์ที่กลั่นจากอัลมอนด์พาเมล่านั้นเป็นสินค้าพิเศษที่ไม่สามารถหาได้จากที่อื่น พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจุดขายทางธุรกิจของพวกเขาคืออะไร”
“ดังนั้น โครงการ ‘สนับสนุนคนจน’ จึงมีรากฐานจากการส่งผู้เชี่ยวชาญ มาวิเคราะห์พิจารณาความได้เปรียบทางการตลาด เพื่อปรับผลิตภัณฑ์ในท้องถิ่น เพิ่มจุดแข็งของมันให้ตอบสนองกับความต้องการของตลาด”
โรเอลมองถ้วยไม้ในมือพลางนึกถึงกลยุทธ์ทางการตลาดทั้งหมดที่เขาเคยอ่านมาในอดีตชาติ
“ที่นี่เราได้เริ่มสร้างโรงงานสำหรับผลิตไวน์พาเมล่าจำนวนมากขึ้นมาแล้ว โดยตระกูลแอสคาร์ดของเราทำหน้าที่รับประกันคุณภาพผลิตภัณฑ์ โดยเน้นที่การค้าขายในตลาดท้องถิ่นก่อน หลังจากนั้นพวกเราก็จะเดินหน้าผลักดันให้เหล่าขุนนางของจักรวรรดิเซนต์เมซิทสนใจ”
“เข้าใจแล้ว ถ้าเจ้าเสนอมันในฐานะของขวัญแก่ขุนนางคนอื่น ๆ ในนามของตระกูลแอสคาร์ด พวกเจ้าก็จะสามารถวางขายมันเป็นผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงในตลาด และสร้างความสนใจให้กระจายออกไปได้”
“ใช่ นั่นแหละคือจุดมุ่งหมายของโครงการนี้ พวกเราจะเริ่มต้นจากภายในเขตการปกครองแอสคาร์ดก่อน จากนั้นจึงขยายออกไปยังเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์… เมื่อถึงตอนนั้น ฉันจะขอความช่วยเหลือจากนอร่า การมีชื่อขององค์หญิงแห่งจักรวรรดิเซนต์เมซิทสนับสนุนไวน์นี้ ไม่แน่เราอาจจะสามารถเปิดตลาดออกไปถึงอาณาจักรอื่นได้เลยด้วยซ้ำ โอ้ย! ชาร์ล็อต?”
ระหว่างที่โรเอลบรรยายแบ่งปันความคิดของตน จู่ ๆ มือของชาร์ล็อตก็พุ่งเข้ามาดึงแก้มของเขา ทำให้เด็กชายต้องหันกลับไปด้วยความงุนงง ก่อนจะเห็นสีหน้าที่ไม่พอใจของเด็กสาว
“โรเอล ถ้าจำไม่ผิด ข้าเป็นคนแรกที่ได้ชิมไวน์พาเมล่านี้กับเจ้า แล้วเหตุใดเจ้าถึงได้คิดจะอนุญาตให้ผู้หญิงอื่นเป็นคนมามีส่วนร่วมกับไวน์ที่เราได้แบ่งปันความทรงจำร่วมกันล่ะ?”
“อา? คือ ว่า…”
“ข้ายอมรับว่าองค์หญิงของจักรวรรดิเซนต์เมซิท มีอิทธิพลในจักรวรรดิเซนต์เมซิท แต่ถ้าหากพูดถึงการค้าขายแล้วล่ะก็ ทางเลือกที่ดีที่สุดก็ควรเป็นสมาคมพ่อค้าโซโรฟยาของพวกเราไม่ใช่เหรอ? นอกจากนี้ ไวน์นี้ยังมีรสชาติเหมาะกับรสนิยมของชาวโรซ่าอีกด้วย ถ้าข้าจำไม่ผิด คนส่วนใหญ่ในจักรวรรดิเซนต์เมซิท ชอบรสเค็ม เผ็ด มากกว่าไม่ใช่รึ?”
“ที่เธอพูดมามันก็ถูก”
โรเอลพยักหน้าเห็นด้วยกับความเห็นของเด็กสาว สมาคมพ่อค้าโซโรฟยา มีเส้นสายทั่วทวีปเซีย ไม่มีใครสามารถแข่งขันอำนาจทางการตลาดกับพวกเขาได้ ยิ่งไปกว่านั้น อาจจะเป็นเพราะความขมขื่นของสงครามที่พวกเขาได้รับมาตลอดหลายปี ผู้คนในโรซ่าจึงชื่นชอบรสชาติหวานเป็นอย่างมาก
“ปล่อยให้หน้าที่การโปรโมตไวน์นี้เป็นของข้าเถอะ พวกเราจะผลักดันมันพร้อมกับผลิตภัณฑ์สำหรับฤดูร้อนที่กำลังจะมาถึง ไวน์รสหวานที่กลั่นขึ้นเป็นพิเศษสำหรับผู้หญิงชั้นสูง ฟังดูดีไปเลยใช่ไหมล่ะ นี่ข้าคิดโฆษณาเอาไว้ให้แล้วด้วยนะ”
ชาร์ล็อตมองดูเด็กชายผมดำ พลางนึกถึงความหอมหวานที่เพิ่งได้ลิ้มลอง
“เรียกมันว่ารสชาติแห่งความรัก”
“…”
โรเอลกลืนน้ำลายเมื่อได้ยินคำพูดของชาร์ล็อต แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะขัดอะไร นั่นก็เพราะเด็กชายไม่มั่นใจเท่าไหร่ว่าชาร์ล็อตนั้นต้องการจะสื่ออะไร
“เอ่อ ข้าดื่มส่วนของข้าหมดแล้ว”
“เร็วแฮะ ดูเหมือนว่าเธอจะชอบไวน์นี้มากเลยนะ ทำไมพวกเราไม่ไปดื่มกันต่อบนรถม้าล่ะ?”
“ไม่เป็นไร ทิวทัศน์ฤดูหนาวเองก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่หรอก เจ้าไม่คิดแบบนั้นเหรอ?”
“แต่ที่นี่ไม่มีเกรซกับคนอื่น ๆ … เอ๋? ด…เดี๋ยวก่อน นั่นมันของฉัน ฉันใช้ถ้วยนั้นไปแล้วนะ”
โรเอลรีบพยายามห้ามชาร์ล็อตไม่ให้คว้าถ้วยของเขาอย่างพะว้าพะวง ทว่าดูเหมือนเด็กสาวนั้นจะไม่ได้สนใจเรื่องจูบทางอ้อมสักเท่าไหร่ เธอเพียงแต่เหลือบมองไปที่ขอบถ้วยก่อนจะจิบเบา ๆ
“มันเป็นของข้าแล้ว”
ดวงตาของชาร์ล็อตจับจ้องไปยังโรเอลขณะพูดด้วยรอยยิ้ม
…
กองทัพอัศวินและราชองครักษ์ต่างควบม้าอย่างรวดเร็วไปตามถนนสายหลักที่ปกคลุมไปด้วยหิมะของเขตการปกครองแอสคาร์ด โดยด้านหน้าขบวนมีเด็กสาวในชุดกระโปรงอันสง่างามนำทัพอยู่ ท่ามกลางอากาศอันหนาวเย็นนี้
นอร่า เซไซต์ กำลังจับสายรัดของเธอไว้แน่น จ้องมองไปที่เส้นทางภูเขาที่อยู่ข้างหน้า ขณะที่ความกังวลกำลังรุมเร้าหัวใจของเธอ
เนื่องจากการเดินทางอันเร่งรีบในช่วงสามวันที่ผ่านมานี้ ทำให้นอร่าแทบจะไม่ได้พักผ่อนเลย เธอรู้ดีว่าตนเองไม่สามารถหยุดพักผ่อนได้ ด้วยที่ทุกเบาะแสข้อมูลที่เธอได้รับล้วนบ่งบอกถึงเจตนาร้ายที่ตระกูลโซโรฟยามีต่อโรเอล
ประการแรก สายธารแห่งอัญมณีของชาร์ล็อต ไม่ได้หยุดพักที่หมู่บ้านหรือเมืองไหนเลย เห็นได้ชัดว่านี่ถือเป็นพฤติกรรมที่ผิดธรรมชาติอย่างชัดเจน สำหรับการเดินทางชมทิวทัศน์รอบ ๆ เขตการปกครองแอสคาร์ด แม้ว่าสายธารแห่งอัญมณีจะไม่จำเป็นต้องพักเติมเสบียง และปลอดภัยกว่าการพักที่หมู่บ้านในถิ่นทุรกันดาร อย่างไรก็ตามทิศทางและความเร็วของสายธารแห่งอัญมณีก็ยังผิดปกติไปอยู่ดี
หลังจากไล่ตามอย่างไม่หยุดยั้งมาเป็นเวลาสามวัน วันนี้นอร่าเริ่มจะมองเห็นเขตพรมแดนของเขตการปกครองแล้ว ต่อให้ชาร์ล็อตอ้างว่าอยากมาดูทิวทัศน์บริเวณชายแดน แต่ความเร็วในการเดินทางนั้นแสดงท่าทีของการหลบหนีอย่างชัดเจน!
เมื่อสามารถยืนยันข้อสงสัยของตนเองได้ นอร่าก็หรี่ตาลงอย่างเย็นชา ตอนนี้เธอพอจะเข้าใจจุดมุ่งหมายของอีกฝ่ายแล้ว
ชาร์ล็อตตั้งใจจะลักพาตัวโรเอลกลับไปด้วยกันที่เมืองโรซ่าจริง ๆ!
การประเมินเกี่ยวกับชาร์ล็อตก่อนหน้านี้ของนอร่าผิดพลาดอย่างไม่ต้องสงสัย แม้ว่าหญิงสาวจากตระกูลโซโรฟยาจะรักนวลสงวนตัวแค่ไหน แต่ทันทีที่พวกเธอตกหลุมรักใครซักคน ความดื้อรั้นของพวกเธอก็จะพัฒนาเกินกว่าที่ใครจะจินตนาการได้ ซึ่งน่าจะเป็นสถานการณ์ปัจจุบันของชาร์ล็อตในตอนนี้
คุณสมบัติแก่นแท้ต้นกำเนิดความภักดีเป็นปัญหาใหญ่จริง ๆ!
นอร่ากัดฟันแน่นด้วยความหงุดหงิด ทันใดนั้นเองก็มีรายงานมาจากทหารองครักษ์ของเธอ
“ข้างหน้าขอรับองค์หญิง! ขบวนรถม้าของตระกูลโซโรฟยา!”
เหล่าอัศวินต่างดีใจกันมากที่ในที่สุดพวกเขาก็พบเป้าหมายที่ตามหา ขณะที่นอร่าตั้งท่านั่งบนอานให้ตรง มองไปยังตู้รถม้าโดยสารหลายสิบตู้ที่มีเครื่องหมายดอกกุหลาบสีทองของตระกูลโซโรฟยาวิ่งไปข้างหน้า
ในที่สุดข้าก็ตามพวกเขาทันแล้ว!
นอร่าโล่งใจมากที่ตนเองตามขบวนรถของชาร์ล็อตได้ทัน ก่อนที่พวกเขาจะสามารถหลบหนีผ่านชายแดนได้สำเร็จ เหล่าอัศวินรีบเร่งฝีเท้าเข้าล้อมขบวนรถในทันที แสดงหมายค้นอย่างเป็นทางการที่ส่งตรงมาจากนอร่า ส่งผลให้สายธารแห่งอัญมณีค่อย ๆ หยุดรถลง
นอร่าลงจากรถม้าและรีบตรงไปที่รถม้าในทันที
“โรเอล! โรเอลอยู่ที่ไหน”
เด็กสาวถามด้วยความกังวล
ทว่าคนที่ลงจากสายธารแห่งอัญมณีเพื่อทักทายนอร่ากลับไม่ใช่เด็กผู้ชายผมดำที่เธอกำลังมองหาหรือเด็กผู้หญิงผมสีน้ำตาลแดงที่เธอพยายามจะตามล่า แต่เป็นสาวใช้ผมดำคนหนึ่ง
“ดิฉันรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้พบท่านอีกครั้ง องค์หญิงนอร่าแห่งจักรวรรดิเซนต์เมซิท ก่อนหน้านี้พวกเราเคยพบกันที่คฤหาสน์ของตระกูลแอสคาร์ด”
ทันทีที่ได้เผชิญหน้ากับองค์หญิงที่เคยหลอกลวงเธอ เกรซก็ยกชายกระโปรงขึ้นเล็กน้อยพร้อมพูดทักทายอย่างสุภาพด้วยรอยยิ้มอันสดใสบนใบหน้า
“ท่านกำลังมองหานายน้อยโรเอลอยู่ใช่รึเปล่าคะ? ขออภัยเป็นอย่างยิ่ง แต่เขาได้ลงจากขบวนรถของพวกเราไปแล้ว… ตอนนี้นายน้อยโรเอลกำลังทำธุระร่วมกับนายหญิงของพวกเราอยู่ค่ะ”