บทที่ 186: ขอให้การล่าของพวกเขาเป็นไปด้วยดี
เบื้องหน้าขบวนรถม้าสายธารแห่งอัญมณี นอร่ามองดูเหล่าคนรับใช้ของตระกูลโซโรฟยาซึ่งกำลังยืนเข้าแถวตามคำขอของเธอ ขณะที่เธอรออย่างประหม่าเพื่อให้อัศวินเสร็จสิ้นการสืบสวนของพวกเขา
นอร่าพยายามสอบปากคำเกรซหลายต่อหลายครั้ง นับตั้งแต่ที่เธอหยุดขบวนรถลงได้สำเร็จ แต่อีกฝ่ายก็สามารถตอบคำถามของเด็กสาวได้อย่างใจเย็น โดยไม่เปิดเผยข้อมูลสำคัญใด ๆ ออกมา ราวกับว่าชาร์ล็อตได้ทำนายการเคลื่อนไหวของนอร่าเอาไว้แล้ว
ในฐานะคนที่ได้รับความไว้วางใจให้จัดการธุรกิจหลัก ๆ หลายอย่างของตระกูลโซโรฟยาตั้งแต่อายุยังน้อย ชาร์ล็อต โซโรฟยา ผู้เปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์จึงฉลาดพอ ๆ กันกับนอร่า เรียกได้ว่าเหตุการณ์นี้ถือเป็นตัวอย่างที่ดีในการแสดงศักยภาพความสามารถการมองการณ์ไกลอันเฉียบแหลมของเธอ
แม้ว่าชาร์ล็อตอาจจะดูเหมือนตกอยู่ในสถานการณ์อันยากลำบาก แต่เด็กสาวก็ได้เปรียบในฐานะผู้หลบหนี นอร่าและตระกูลแอสคาร์ด ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องไล่ตามเส้นทางที่เธอทิ้งเอาไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ด้วยความที่พวกเขาช้ากว่าชาร์ล็อตถึงสามวัน นอร่าจึงเหลือทางเลือกไม่มาก
ไม่ใช่ว่านอร่าไม่เคยคิดถึงความเป็นไปได้ว่าสายธารแห่งอัญมณีจะเป็นเพียงแค่เหยื่อล่อ แต่เธอก็ไม่สามารถทำอะไรกับมันได้ เด็กสาวไม่ได้มีเวลามากเพียงพอที่จะตรวจสอบพื้นที่ทั่วทั้งเขตการปกครองแอสคาร์ด และต่อให้เธอทำเช่นนั้น สายธารแห่งอัญมณีก็คงจะเดินทางมุ่งหน้ายิงยาวไปจนถึงชายแดน ทำให้ไม่สามารถตามพวกเขาทันได้อีก
“ฝ่าบาท พวกเราตรวจค้นขบวนรถแล้วขอรับ นายน้อยโรเอลไม่ได้อยู่ข้างในจริง ๆ”
“…”
อย่างที่นอร่าคิดไว้ ทั้งโรเอลและชาร์ล็อตไม่ได้อยู่ที่สายธารแห่งอัญมณีอีกต่อไปแล้ว เด็กสาวนิ่งอยู่นานก่อนจะออกคำสั่ง
“กระจายคำสั่งของข้าออกไปยังกองหนุนและกองทหารอาสาสมัครในเขตการปกครองแอสคาร์ดทั้งหมด ให้สอบสวนบุคคลภายนอกทุกคนที่เข้าไปในเขตของตนภายในสามวันที่ผ่านมา และบุคคลต้องสงสัยทั้งหมดจะต้องถูกควบคุมตัวในทันที นอกจากนี้ทุกคนจะต้องเริ่มรวบรวมเบาะแสจากพลเรือนในภูมิภาคทั้งหมด ใครก็ตามที่หาข้อมูลเบาะแสเกี่ยวกับเรื่องนี้มาได้ ข้าจะตบรางวัลอย่างงามให้!”
หลังจากออกคำสั่งแล้ว นอร่าก็หันไปหาหนึ่งในราชองครักษ์ของตระกูลแอสคาร์ดพร้อมถามอย่างจริงจัง
“ใกล้ ๆ นี้ มีหมู่บ้านกี่แห่งที่ใช้ระยะเวลาเดินทางเพียง 1 วัน”
“เอ่อ… มีทั้งหมดสามหมู่บ้านขอรับฝ่าบาท”
“ดีมาก พวกเราจะแบ่งออกเป็นสี่กลุ่ม สามกลุ่มแรกจะมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านที่ใกล้เคียงสามแห่งนั้น เพื่อตรวจค้นพื้นที่ หากพบอะไรให้ส่งคนมาแจ้งให้ข้าทราบในทันที สำหรับกลุ่มสุดท้ายพวกเจ้าจะต้องคอยกักตัวคนรับใช้ของตระกูลโซโรฟยาเอาไว้จนกว่าเรื่องนี้จะจบลง ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้ออกไปจากเขตนี้ได้!”
อัศวินและราชองครักษ์เริ่มเคลื่อนไหวตามคำสั่งอย่างรวดเร็ว ผู้บัญชาการหน่วยองครักษ์ทั้งสองได้นำคนของพวกเขาไปยังหมู่บ้านที่ห่างไกลที่สุดสองแห่งอย่างรวดเร็ว ขณะที่นอร่ามุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านที่ใกล้ที่สุด ซึ่งชาร์ล็อตและโรเอลมีโอกาสผ่านไปได้มากที่สุด ตามคำบอกขององครักษ์จากตระกูลแอสคาร์ด มันเป็นหมู่บ้านที่ยังไม่ได้รับการพัฒนามากนัก แต่มีไวน์ที่ถูกกลั่นออกมาอย่างดีเป็นเอกลักษณ์
นอร่าและกลุ่มของเธอควบม้าออกไปอย่างเร่งรีบ พวกเขาใช้เวลาไม่นานก็มาถึงบริเวณหมู่บ้านดังกล่าว ทันทีที่เด็กสาวมองสำรวจลงมาที่หมู่บ้านจากที่สูง ดวงตาของเธอก็หรี่ลงทันที นอร่าสังเกตเห็นบางสิ่งที่แปลกประหลาดเกี่ยวกับหมู่บ้านนี้
ถนนทางเข้าหมู่บ้านที่ควรจะเต็มไปด้วยหิมะถูกกวาดล้างให้สะอาด ทำให้เกิดทางเดินที่กว้างเพียงพอสำหรับรถม้าสองคันที่จะแล่นไปเคียงข้างกัน โดยทั่วไปแล้วหมู่บ้านเล็ก ๆ แบบนี้ไม่น่าจะมีกิจกรรมสำคัญใด ๆ ในช่วงกลางฤดูหนาว ต่อให้มีคนเดินทางออกจากหมู่บ้าน พวกเขาก็มักจะเดินเท้าออกไป เพราะหิมะที่ทับถมจะขัดขวางการเคลื่อนที่ของรถม้า อีกทั้งพวกเขาจะต้องคอยจัดหาอาหารให้ม้าด้วย มันจึงไม่ใช่ทางเลือกที่ดีเท่าไหร่
ฤดูหนาวเป็นช่วงเวลาแห่งการกักตุนเสบียง นอกจากกิจกรรมในยามค่ำคืนแล้ว คนส่วนใหญ่มักจะไม่ทำกิจกรรมอะไรในช่วงหน้าหนาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ไม่มีกิจกรรมทางการค้ามากนัก ทว่าหมู่บ้านนี้กลับกวาดถนนสายหลักจนสะอาดหมดจด เปิดทางเดินให้กว้างพอที่รถม้าสองคันจะผ่านไปได้
มีบางอย่างผิดปกติอย่างเห็นได้ชัด!
หัวใจของนอร่าเต้นเร็วขึ้น เด็กสาวไม่คิดเลยว่าการไล่ตามอย่างสิ้นหวังของตนจะสำเร็จผล เธอนำกองกำลังของตนเข้าไปในหมู่บ้านอย่างรวดเร็ว ก่อนจะพบกับหญิงชราที่กำลังเดินกะโผลกกะเผลกออกจากบ้านพร้อมกับฟืน
เมื่อเห็นชาวบ้านในท้องที่ นอร่าก็กระโดดลงจากหลังม้าบินลงมาด้วยปีกแห่งแสงอย่างช้า ๆ เบื้องหน้าหญิงชรา ทำให้ฟืนในมือของเธอร่วงหล่นลงมากระจัดกระจายไปทั่วพื้นดิน
“ได้โปรดใจเย็น ๆ ก่อน ข้าเป็นทหารจากเขตการปกครองแอสคาร์ด มีคำถามสองสามข้อที่ข้าอยากจะถามเจ้า”
เมื่อมองไปยังหญิงชราที่กำลังหวาดกลัว นอร่าจึงรีบอธิบายสถานการณ์ของเธอ ผู้เฒ่าคนแก่ในหมู่บ้านเหล่านี้ส่วนใหญ่ไม่เคยได้ออกไปข้างนอกหมู่บ้าน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่น่าจะรู้จักทูตสวรรค์หรือตระกูลเซไซต์ เด็กสาวเลยแทนตัวเองว่าเป็นส่วนหนึ่งในกองทัพของเขตการปกครองแอสคาร์ด
หญิงชรายังคงกระวนกระวายเล็กน้อย แม้ว่านอร่าจะพยายามทำให้เธอสงบลงแล้วก็ตาม หญิงชรารู้ว่าตนเองกำลังยืนอยู่ต่อหน้าบุคคลสำคัญคนหนึ่ง เธอจึงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะให้ความร่วมมือ ทว่าหญิงชราก็ยังคงพูดติดอ่าง และไม่กล้าเงยหน้าขึ้นเลย ทำให้นอร่ารู้สึกหมดหนทาง แต่ด้วยที่ว่านี่เป็นเรื่องเร่งด่วน เด็กสาวจึงต้องถามต่อ
“ในช่วงสองวันที่ผ่านมามีบุคคลภายนอกเข้ามาในหมู่บ้านนี้หรือไม่? ข้าขอรบกวนเจ้า ให้ช่วยบอกข้าได้ไหมว่าพวกเขามีลักษณะอย่างไรและอยู่ที่ไหนกัน?”
คำพูดอันอ่อนโยนของนอร่า ทำให้หญิงชราตะลึงไปครู่หนึ่งก่อนจะเริ่มพยักหน้า
“ใช่แล้ว คนนอก! ข …มีขุนนางผู้มั่งคั่งคนหนึ่ง มากับรถม้าขนาดใหญ่ ใช่ ใช่ มากับคนเยอะด้วย!”
หญิงชราใช้มือของเธอบรรยายถึงขนาดอันใหญ่โตของรถม้า ดูเหมือนว่ามันจะสร้างความประทับใจให้กับเธอเป็นอย่างมาก นอร่ารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ยินคำพูดเหล่านั้น เด็กสาวรีบถามต่ออย่างรวดเร็วเกี่ยวกับข้อมูลเบื้องลึก
“หัวหน้ากลุ่มเป็นเด็กผู้หญิงที่มีผมสีน้ำตาลแดง โดยมีเด็กผู้ชายผมสีดำมากับพวกเขาด้วยใช่รึเปล่า?”
“ใช่ เด็กชายคนนั้นนั่งบนรถเข็น ข..ข้าคิดว่าขาของเขาคงจะไม่ดี ใช่แล้ว! พวกเขาซื้อไวน์ไปด้วย ซื้อไปเยอะมาก ๆ!”
เมื่อได้ยินว่าโรเอลได้รับบาดเจ็บ ร่างกายของนอร่าก็สั่นเล็กน้อย ความโกรธพวยพุ่งขึ้นในหัวใจของเธออย่างควบคุมไม่ได้ เด็กสาวกำหมัดแน่นขณะพยายามถามอย่างใจเย็น
“เข้าใจแล้ว พวกเขากำลังมุ่งหน้าไปไหนกัน?”
“ท..ทางนั้น! พวกเขามุ่งหน้าไปทางตะวันออกเพื่อชมทิวทัศน์หิมะ ข้าบอกพวกเขาว่าที่นั่นมีหมาป่าเยอะมาก ไปทางภูเขาทิศตะวันตกน่าจะดีกว่า แต่พวกเขากลับไม่ฟังข้าเลย…”
หญิงชราบ่นไปเรื่อย ราวกับพยายามปัดความรับผิดชอบ เห็นได้ชัดว่าเธอคิดว่านอร่าเป็นกลุ่มเดียวกับชาร์ล็อตและโรเอล เธอจึงกลัวว่านอร่าจะให้ตนเองรับผิดชอบต่ออุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับอีกสองคน
นอร่าไม่ได้พยายามอธิบายสถานการณ์ให้หญิงชราฟัง เด็กสาวกลับขึ้นบนหลังม้าอย่างรวดเร็ว แล้วจึงมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออก ซึ่งพวกเขาก็พบเข้ากับร่องรอยของคนกลุ่มใหญ่ที่ผ่านไปทางนั้นพอดิบพอดี
ณ ทางเข้าหมู่บ้าน หญิงชราผมขาวมองอย่างเงียบ ๆ ขณะที่นอร่าและกลุ่มอัศวินของเธอวิ่งไปทางทิศตะวันออก ไม่นานนักเธอก็ส่ายหัวและกลับเข้าไปในบ้าน ปิดประตูข้างหลังอย่างเงียบ ๆ ร่างกายของเธอเริ่มส่องแสงเป็นประกาย ผมสีขาวเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลแดงอย่างรวดเร็ว ภาพเงาอันโค้งมนเปลี่ยนเป็นร่างของหญิงสาวที่มีรูปร่างผอมเพรียว
เมื่อหวนคืนร่างเดิมแล้ว ชาร์ล็อตก็เปิดทางเข้าสู่ห้องเก็บของใต้ดินอย่างใจเย็น ในไม่ช้าภายใต้การสนับสนุนของคนรับใช้สองสามคน โรเอลก็เดินออกมา
“ชาร์ล็อต เธอเองก็ควรจะลงไปดูด้านล่างนะ ที่นั่นมีไวน์ชั้นดีมากมายเลย แถมยังมีผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงด้วย”
“อืม ไว้ข้าจะลงไปดูทีหลัง”
ชาร์ล็อตเอาผมของเธอทัดไว้ข้างหลังใบหูพร้อมตอบด้วยรอยยิ้ม ดูเหมือนว่าเด็กสาวนั้นจะอารมณ์ดีมาก ทำให้โรเอลกะพริบตาด้วยความสนใจ เด็กชายหันไปมองออกไปนอกหน้าต่าง ก่อนจะสังเกตเห็นว่ามีกลุ่มคนกำลังขี่ม้ามุ่งไปตามเส้นทางบนภูเขาทางทิศตะวันออก
“หืม? ทำไมคนพวกนั้นถึงใช้เส้นทางนั้นในช่วงกลางฤดูหนาวกัน?”
“พวกเขาเป็นนักล่าน่ะ”
“อย่างนี้นี่เอง…”
โรเอลพยักหน้าก่อนที่จะพึมพำคำอธิษฐานให้พวกเขาเหล่านั้นด้วยรอยยิ้มอันนุ่มนวล
“พวกเขาจะต้องลำบากมากแน่ ๆ ขอให้การล่าของพวกเขาเป็นไปได้ด้วยดีเถอะ”