บทที่ 200: คืนสุดท้าย
การที่โรเอลได้รับบาดเจ็บสาหัสหรือไม่นั้น เป็นประเด็นสำคัญสำหรับพวกเธอทั้งสามคน คำตอบนี้อาจส่งผลต่อสถานการณ์ในปัจจุบันอย่างมีนัยยะสำคัญ นี่คือจุดอ่อนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของชาร์ล็อต
สภาพปัจจุบันของโรเอล ไม่สามารถอธิบายได้ด้วยเพียงคำว่า ‘บาดเจ็บ’ อีกต่อไปแล้ว มันควรจะเรียกว่า ‘พิการ’ เลยด้วยซ้ำ และนี่คือจุดอ่อนของเธอ
แผนแรกของชาร์ล็อตคือการนำตัวโรเอลมารักษาที่โรซ่า เมื่อตระกูลแอสคาร์ดและตระกูลเซไซต์มาถึง เธอก็จะปรากฏตัวพร้อม ๆ กับโรเอลที่มีสุขภาพแข็งแรงดีอยู่เคียงข้าง ให้บรูซสามารถไกล่เกลี่ยความขัดแย้งระหว่างสองอาณาจักร นำความสัมพันธ์ฉันมิตรระหว่างพวกเขากลับมา
อย่างไรก็ตาม ชาร์ล็อตไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าอาการของโรเอลจะหนักกว่าที่เธอคิดไว้ในตอนแรกมาก ระดับที่ผู้มีประสบการณ์และความเข้าใจอย่างถ่องแท้ เช่นแอนดรูว์ก็ไม่อาจทำอะไรเพื่อรักษาเขาได้
นอกจากนี้ ตั้งแต่ที่แอนดรูว์แบ่งปันการวิเคราะห์ของเขากับทั้งสอง โรเอลก็ดูจะไม่วิตกกังวลอีกต่อไป เขาดื่มชายามบ่ายอย่างสบาย ๆ เดินเล่นไปมาในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา พร้อมให้ความมั่นใจกับเธอว่าเขารู้วิธีรักษาสภาพของตนแล้ว
ชาร์ล็อตรู้สึกประทับใจที่โรเอลกังวลเกี่ยวกับความรู้สึกของเธอทั้ง ๆ ที่ตัวเองตกอยู่ในสภาพพิกลพิการ แต่เธอรู้ดีว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นมันเป็นไปไม่ได้
ดังที่แอนดรูว์กล่าว ต้นไม้แห่งชีวิตได้หายสาบสูญไปจากโลกนี้แล้วตั้งแต่ในยุคที่สอง ส่วนค้นหาตัวผู้ครอบครองพลังสายเลือดที่มีพลังชีวิตไม่จำกัด นั้นเป็นไปได้ยากเสียยิ่งกว่า โรเอลอยู่กับชาร์ล็อตทั้งวัน โดยที่ไม่เคยคิดริเริ่มที่จะติดต่อกับใครเลย หากไม่มีผู้ครอบครองสายเลือดที่หายากดังกล่าวมาเคาะประตูคฤหาสน์โดยบังเอิญล่ะก็ มันยากที่จะจินตนาการว่าเขามีแผนการใด ๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้
ที่รักคงเป็นห่วงเรา เขาจึงพูดออกมาแบบนั้น
เมื่อต้องได้รับความห่วงใยจากโรเอล ชาร์ล็อตก็ปฏิบัติต่อเขาดีขึ้นมากในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา อีกทั้งยังจัดลำดับความสำคัญในการจัดซื้อสิ่งของที่เกี่ยวข้องกับต้นไม้แห่งชีวิต ลงในรายการคำร้องขอของ สมาคมพ่อค้าโซโรฟยา น่าเสียดายที่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีความคืบหน้าใดเลย ๆ
…
“โรเอลหายจากอาการบาดเจ็บแล้ว แต่ผลข้างเคียงจากคาถาเวทของเขายังคงมีผลอยู่”
กลับมาที่ห้องจัดเลี้ยง ชาร์ล็อตครุ่นคิดอยู่นานก่อนจะตอบด้วยคำพูดที่คลุมเครือ นอร่าขมวดคิ้วทันทีที่ได้ยินคำพูดนั้น เธอหวนคิดถึงคาถาของกรันด้าขึ้นมา
หากเป็นคาถาฟื้นคืนชีพอันเดธของกรันด้า มันก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องใหญ่สิ
อลิเซียเองก็ตกใจเช่นกัน แต่เมื่อเธอได้ยินคำพูดนั้น เด็กสาวก็สรุปออกมาแบบเดียวกันกับนอร่า พร้อมถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
เมื่อสามารถยืนยันความปลอดภัยของโรเอลได้ เด็กสาวทั้งสามก็เริ่มทำสงครามกันอีกครั้ง
“ชาร์ล็อต ต้องบอกว่าข้ารู้สึกทึ่งกับการสนทนาก่อนหน้านี้ที่พวกเจ้าทั้งสองคนคุยกันมาก ราวกับว่าเจ้าเชื่อว่าตนเองมีสายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับโรเอลยังไงอย่างนั้น?”
“มันไม่ใช่ความเชื่อส่วนตัวของดิฉันเท่านั้น แต่มันเป็นเรื่องจริง ฝ่าบาท”
ประสบการณ์ทั้งหมดที่พวกเขาได้รับในสถานะผู้เฝ้ามอง ทำให้ใบหน้าของชาร์ล็อตปรากฏรอยยิ้มอันพึงพอใจออกมา
“ดิฉันกับโรเอลผ่านความเป็นความตายในสภาพแวดล้อมอันทรหดมาด้วยกัน หากไม่ใช่เพราะการสนับสนุนซึ่งกันและกันระหว่างเรา พวกเราคงจะไม่สามารถฟันฝ่าวิกฤตมาได้ หลังจากทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเราผ่านมาด้วยกัน ความสัมพันธ์ของพวกเราก็แข็งแกร่งยิ่งขึ้นกว่าเดิม”
“อย่างนั้นหรอกหรือ? แต่ข้าค่อนข้างสับสนที่เจ้าต้องใช้วิธีลักพาตัวเพื่อพาเขามาที่นี่ โรเอลไม่อยากให้เจ้าพากลับบ้านเกิดทั้ง ๆ ที่พวกเจ้าสองคนมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกันงั้นเหรอ?”
“มีผู้ที่ต้องการจะขัดขวางความสัมพันธ์ของพวกเรามากมาย ที่รักกลัวว่าคนอื่นจะเข้าใจดิฉันผิดจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ดังนั้นเขาจึงเลือกพาดิฉันกลับมาที่เมืองโรซ่าเพื่อปกป้องดิฉัน”
ชาร์ล็อตจ้องไปที่นอร่าอย่างใจจดใจจ่อ กล่าวคำโกหกอย่างใจเย็น ด้วยริมฝีปากที่ขดเป็นรอยยิ้ม
“ทุกวันนี้ ดิฉันต้องขอบคุณเหล่าคนที่พยายามสร้างความเข้าใจผิดระหว่างพวกเราในการพบกันครั้งแรก ทำให้ดิฉันต้องใช้คำทำนายถึงสามครั้ง เหตุการณ์นั้นเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ของเรา กลายเป็นรากฐานของความรู้สึกระหว่างกัน พอมองย้อนกลับไป มันราวกับว่าความสัมพันธ์ของพวกเรานั้นได้รับพรจากโชคชะตา ทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทางอย่างที่มันควรจะเป็นทีละนิด”
“คุณชาร์ล็อต ดูเหมือนว่าคุณจะเข้าใจผิด ดิฉันควรจะอธิบายยังไงดี ชะตากรรมที่คุณพูดถึงมันเกี่ยวข้องกับธุรกรรมทางการเงินด้วยงั้นหรือ?”
อลิเซียแหย่คำพูดเยาะเย้ยชาร์ล็อตอย่างไม่ลังเล
สำหรับนอร่า เธอจ้องมองไปที่สาวงามผมสีน้ำตาลแดงด้วยแววตาอันเย็นชา แทนที่จะโต้เถียงกันเรื่องนี้ เด็กสาวเลือกที่จะประกาศอย่างนุ่มนวลแต่ทรงพลังแทน
“ชาร์ล็อต เท่านี้ก็มีข้อพิสูจน์เพียงพอแล้ว ข้าเข้าใจสิ่งที่เจ้าพยายามจะทำดี แต่ข้าจะไม่หลงกลคำพูดโกหกของเจ้า ข้าจะพาโรเอลกลับไปด้วย”
“เจ้าบอกว่ามันเป็นโชคชะตาใช่ไหม? หึ ข้ารู้จักกับโรเอลตั้งแต่ตอนที่พวกเราอายุได้เก้าขวบ ราว ๆ สองสามปีก่อน เรื่องราวของพวกเราแพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ ข้าเชื่อว่าเจ้ายังไม่เคยได้ยินชื่อเขาด้วยซ้ำ ในตอนที่พวกเราสองคนกำลังฝ่าฟันอันตรายไปด้วยกัน”
“เขาเป็นของข้า มันเป็นแบบนั้นทั้งในอดีต และจะเป็นแบบนั้นในอนาคตด้วยเช่นกัน”
พลังเวทของนอร่าเพิ่มขึ้นในทุก ๆ คำที่เธอพูดออกมา คำพูดของชาร์ล็อตได้กระตุ้นให้ทูตสวรรค์ปลดปล่อยความโกรธที่ตนเก็บกดไว้ในหัวใจมาโดยตลอดให้ลอยขึ้นสู่ผิวน้ำ ราวกับเป็นช่วงเวลาสุดท้ายของความสงบก่อนพายุเข้า
“แล้วถ้าดิฉันปฏิเสธล่ะ?”
ชาร์ล็อตปฏิเสธที่จะโอนอ่อนต่อคำประกาศของทูตสวรรค์ ร่างกายของเธอยืดขึ้นอย่างภาคภูมิใจ ก้าวออกไปข้างหน้าเพื่อเผชิญหน้าตรง ๆ กับนอร่า พลังเวทของชาร์ล็อตสนองต่ออารมณ์ของเธอวิ่งผ่านขึ้นมาตามเส้นเลือด
ในอดีต ชาร์ล็อตอาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนอร่า แต่รางวัลที่เธอได้รับมาจากการย้อนเวลาไปในอดีตนั้นยิ่งใหญ่กว่าที่โรเอลได้รับมาก ชาร์ล็อตสามารถเอาชนะกำแพงของตน และก้าวขึ้นสู่ระดับแก่นแท้ 4 ได้ นอกจากนั้น หลังจากที่กลับมายังโรซ่าด้วยกันกับโรเอล เธอก็ฝึกฝนอย่างหนักมาโดยตลอด ด้วยที่ไม่อยากจะแพ้ศัตรูด้านความรัก เพียงเพราะเธอไม่มีพลัง
ความแข็งแกร่งที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ของชาร์ล็อต ทำให้ดวงตาของนอร่าเปล่งประกายด้วยความตกใจ
“ฝ่าบาทนอร่า เคยมีใครบอกท่าน ว่าท่านเป็นคนพิเศษไหม?”
“ว่ายังไงนะ?”
“คำพูดของท่านพูดราวกับว่า โรเอลเป็นของท่านเพียงคนเดียว ดิฉันเข้าใจดีว่า ผู้ปกครองที่ดี ย่อมต้องคอยดูแลลูกน้องของพวกเขา แต่ท่านคงจะไม่ได้ตั้งใจจะทำแบบเดียวกันในบริบทของความรักใช่ไหม?”
ชาร์ล็อตหรี่ตาสีมรกตของเธอลง พร้อมกล่าวอย่างใจเย็น
“… ข้าไม่เข้าใจสิ่งที่เจ้ากำลังจะสื่อ ”
“ดิฉันแค่คิดว่าท่านเป็นบุคคลที่อันตรายเป็นอย่างยิ่ง”
“อันตราย? ข้าไม่เคยบังคับให้โรเอลทำอะไรเพื่อข้า น่าขันนักที่ต้องได้ยินคำพูดดังกล่าวออกมาจากปากผู้ที่ลักพาตัวเขา”
“ดิฉันไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าการพาที่รักมาเที่ยวบ้านเกิดของตัวเอง ดิฉันเคารพความคิดเห็นของเขาตลอดกระบวนการนี้ อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าฝ่าบาทนอร่าจะไม่ได้ทำแบบเดียวกัน ที่ผ่านมาท่านก็แค่บังคับให้โรเอลยอมรับทุกอย่างที่เป็นตัวท่านไม่ใช่เหรอ?”
“!”
แม้ว่านี่จะเป็นเพียงแค่การคาดเดา ชาร์ล็อตเดาจากอุปลักษณ์นิสัยของนอร่าและโรเอล แต่มันกลับกระแทกหนามในหัวใจของนอร่าเข้าอย่างจัง ความมืดหม่นปกคลุมใบหน้าอันวิจิตรของเด็กสาว ความกระวนกระวายในใจของนอร่าเริ่มแผ่ขยายขึ้นออกมาด้วยข้อกล่าวหาของชาร์ล็อต
ในฐานะที่นอร่าเกิดมาเป็นคนที่มีรสนิยมผิดปกติ เธอรู้ดีว่าตนเองแตกต่างจากคนอื่น ๆ อย่างไร ความผูกพันระหว่างเธอกับโรเอลสร้างขึ้นจากการที่เขาเข้าใจความต้องการและตัวตนของเธอ อย่างไรก็ตาม มันไม่ได้หมายความว่าเด็กชายยอมรับที่จะทำตามมัน ตลอดหลายปีที่ผ่านมา โรเอลแทบไม่เคยแสดงความเต็มใจว่าจะเล่นตามความสนใจของเธอเลยสักครั้ง
แน่นอน เหตุผลส่วนหนึ่งเป็นเพราะทั้งสองคนแทบจะไม่มีเวลาให้กัน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่านอร่าเป็นฝ่ายที่มีผู้อิทธิพลสูงกว่าในความสัมพันธ์ของพวกเขา และนี่ไม่ใช่สิ่งที่เธอจะเปลี่ยนได้ทันทีทันใด
ในฐานะที่เป็นคนที่พยายามกดดันอีกฝ่ายมาตลอด นอร่าอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าโรเอลมองเธออย่างไรกันแน่ เธอรู้ดีว่าบุคลิกของตนไม่เหมือนกับภาพลักษณ์ที่เหล่าขุนนางจินตนาการไว้ ดังนั้นเธอจึงมองว่าความได้เปรียบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของตัวเอง คือตัวตนและจุดยืน อย่างไรก็ตามเมื่อชาร์ล็อตแสดงจุดยืนอันสูงส่งเหมือน ๆ กันกับเธอออกมา นอร่าก็เริ่มรู้ตัวแล้วว่า ข้อได้เปรียบของตนในการแข่งขันครั้งนี้ ไม่ใช่เรื่องพิเศษอีกต่อไป
“ชาร์ล็อต เก็บการคาดเดาอันไร้สาระของเจ้าไว้กับตัวเองเถอะ เจ้าจะไปเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับโรเอลได้อย่างไรกัน ความสัมพันธ์ของพวกเราสร้างขึ้นจากการยอมรับซึ่งกันและกัน”
“การยอมรับซึ่งกันและกัน? ฝ่าบาท ต่อให้ท่านไม่ได้พูดหรือทำอะไร ความไม่เท่าเทียมกันในสถานะของท่านก็จะสร้างแรงกดดันให้กับเขา ท่านแน่ใจงั้นหรือว่า โรเอล มีความสุขกับท่านจริง ๆ? ท่านเชื่อโดยสุจริตงั้นเหรอ ว่าเขาจะไม่รู้สึกว่าตำแหน่งของท่านคือภาระ?”
“เจ้าพูดว่ายังไงนะ?”
คำพูดของชาร์ล็อตได้จุดประกายความโกรธของนอร่า บรรยากาศระหว่างทั้งสองคนเริ่มตึงเครียดขึ้นมาในทันที กลับกันแล้ว อลิเซียเพียงแค่จิบเครื่องดื่มอยู่ข้าง ๆ ด้วยรอยยิ้มสบาย ๆ ดูการทะเลาะวิวาทของเด็กสาวอีกสองคน
ไม่ว่าจะเป็นนอร่าหรือชาร์ล็อต พวกเธอต่างก็เป็นศัตรูของอลิเซีย ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นระหว่างพวกเธอจึงถือเป็นเรื่องดีสำหรับเธอ และมันคงจะดียิ่งขึ้นไปอีก หากพวกเขาริเริ่มที่จะต่อสู้กันที่นี่ ยิ่งพวกเขาสามารถทำให้อีกฝ่ายตกอยู่ในภาวะความจำเสื่อมและลืมโรเอลไปได้ด้วยยิ่งดี นั่นคงจะเป็นสถานการณ์ในอุดมคติของอลิเซียโดยแท้จริง
อลิเซียรอคอยอย่างมีความหวังเพื่อให้เกิดการปะทะกันขึ้น ฝูงชนรอบ ๆ เองก็เริ่มตื่นเต้น เมื่อตระหนักได้ถึงบรรยากาศที่ผิดธรรมชาติ เมื่อมองไปยังเด็กสาวสามคนที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ กัน จินตนาการอันสดใสของพวกเขากลับสร้างเป็นเรื่องราวที่แตกต่างไปจากความจริงโดยสิ้นเชิงขึ้นมา แต่มันก็เข้มข้นไม่แพ้กัน
ภายใต้สายตาที่จับจ้องมาของฝูงชน ทั้งชาร์ล็อตและนอร่าต่างก็สงบสติอารมณ์ลงได้ในที่สุด
“… ดูเหมือนว่าพวกเราคงจะเป็นมิตรกันไม่ได้จริง ๆ”
“ดิฉันเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง เว้นแต่ ฝ่าบาทจะยอมสละโรเอลล่ะก็…”
“ข้าไม่สนใจที่จะแลกเปลี่ยนบทสนทนาใด ๆ กับเจ้า เจ้าควรกลับไปที่ห้องของตัวเองเสีย ถ้าเจ้าเหนื่อย”
“…”
“ยังไงซะ ข้าก็จะพาเขากลับไปกับข้าเร็ว ๆ นี้แน่”
“ถ้าท่านทำได้ก็ลองดู”
หลังจากการดูหมิ่นเหยียดหยามจบลง ในที่สุดเด็กสาวทั้งสองคนก็กล่าวสรุปการต่อสู้ และแยกทางกัน ชาร์ล็อตมุ่งหน้าไปหาเหล่าผู้บริหารตระกูลโซโรฟยา เพื่อรับการสนับสนุน ขณะที่นอร่าเดินไปที่ระเบียงจ้องมองไปยังเมืองที่อยู่เบื้องล่าง
แม้จะเป็นเวลากลางดึกแล้ว แต่เมืองโรซ่าก็ยังคงคึกคักเช่นเคย ภายใต้บรรยากาศของงานเฉลิมฉลอง ชาวโรซ่าไม่มีความตั้งใจที่จะหยุดพักในคืนนี้เลยแม้แต่คนเดียว ถนนเต็มไปด้วยแสงสว่าง และกองไฟเทศกาลลุกโชนไปทั่วจัตุรัสหลักทุกแห่ง เสียงหัวเราะและดนตรีดังอย่างไม่ขาดสาย ประสานกันเบื้องหลัง สะท้อนดังก้องไปทั่วกำแพงเมืองอันสูงตระหง่าน
วันนี้เป็นวันเฉลิมฉลองแห่งความสุขของชาวโรซ่า ไม่เพียงแต่เป็นวันประกาศอิสรภาพเท่านั้น แต่ยังเป็นการพบปะอย่างเป็นทางการครั้งแรกระหว่างตระกูลแอสคาร์ดและตระกูลโซโรฟยาในรอบหลายปีอีกด้วย เหตุผลนี้เองที่คาร์เตอร์ อลิเซีย และแม้แต่นอร่าก็เลือกที่จะไม่พูดถึงโรเอลในที่สาธารณะ อย่างไรก็ตามนี่คือขีดสุดความอดทนของพวกเขาแล้ว
ไม่นานนักนอร่าจะนำหน่วยของเธอเข้ามาที่เมืองโรซ่า เพื่อเริ่มการสอบสวนเกี่ยวกับการหายตัวไปของโรเอลอย่างเป็นทางการ เธอจะไม่ใช่องค์หญิงผู้มาเยือนของอาณาจักรเพื่อนบ้านอีกต่อไป แต่เป็นผู้พิทักษ์ของโรเอล สำหรับคาร์เตอร์ เขาไม่ได้เดินทางมาไกลเพียงเพื่อจะเฉลิมฉลองให้กับวันประกาศอิสรภาพของเมืองโรซ่าเท่านั้น
พรุ่งนี้… ทุกอย่างจะเริ่มต้นขึ้นในวันพรุ่งนี้
“นี่จะเป็นคืนสุดท้ายของเจ้า จงสนุกกับมันในขณะที่ยังมีเวลาเสียเถอะ”
นอร่าเหลือบมองดูใบหน้าของชาร์ล็อต พึมพำเบา ๆ ก่อนจะดื่มไวน์ลงไปในอึกเดียว