บทที่ 203: นกของท่านพี่ตายแล้ว!
เมื่อเขาได้ยินอลิเซียประกาศอย่างมั่นใจว่าเธอจะจัดการกับโรคขาดแคลนพลังชีวิตของเขา โรเอลก็รู้สึกกังวลเล็กน้อย ในมุมมองของเขา อลิเซียคือคนที่ต้องการการปกป้องคุ้มครอง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ด้วยที่เด็กสาวนั้นไม่เคยแสดงพลังเหนือธรรมชาติให้เขาได้เห็นมาก่อน
แต่นั่นก็ไม่ถูกต้องเช่นกัน ในบางครั้งระหว่างที่พวกเขาใช้เวลาร่วมกัน อลิเซียก็มักจะร่ายคาถาเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อช่วยโรเอลรักษาสภาพของบันทึกโบราณและงานอื่น ๆ อย่างไรก็ตามคาถาเวทเหล่านั้นเป็นอะไรที่ใคร ๆ ก็สามารถร่ายได้ เพียงแค่ไปถึงระดับแก่นแท้ 6 ดังนั้นมันจึงไม่ได้แสดงขอบเขตความสามารถของเธอเลยแม้แต่น้อย
นี่ทำให้โรเอลคิดว่ามันไม่ปลอดภัยเท่าไหร่ที่จะฝากให้อลิเซียจัดการทุกอย่าง เขาจึงเรียกหาแอนดรูว์ และขอให้ชายชราช่วยตรวจสอบพลังทางสายเลือดของอลิเซีย เพื่อตรวจสอบว่ามันเป็นไปตามเกณฑ์ที่ต้องการหรือไม่
เมื่อแอนดรูว์มาถึงและเหลือบตามองไปที่อลิเซีย โรเอลก็รู้สึกว่าหัวใจของเขาเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะด้วยความกังวล จากนั้นรูม่านตาของแอนดรูว์ก็ขยายออกในทันที
นี่มันเกิดอะไรขึ้น? พวกเราเจอผู้มีพลังเหนือธรรมชาติที่มีพลังชีวิตไร้ขีดจำกัดจริง ๆ งั้นหรือ? น…นี่มัน… เป็นไปไม่ได้!
แม้ว่าจะมีชีวิตมานานกว่าร้อยปี แต่แอนดรูว์ก็ไม่เคยเห็นพลังทางสายเลือดที่มีเอกลักษณ์เช่นนี้มาก่อน เขาร่ายคาถาเวทออกมา เพื่อช่วยในการตรวจสอบดูสภาพของอลิเซียให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ทำให้สามารถยืนยันได้ว่าพลังชีวิตของเธอนั้นเหนือกว่ามนุษย์ธรรมดาไปมาก เมื่อเห็นเช่นนี้ ชายชราก็หายใจเข้าลึก ๆ ด้วยใบหน้าพึงพอใจ
หนทางรอดของโรเอล ถือเป็นทางรอดของทีมแพทย์ที่ดูแลเขาเช่นกัน พวกเขาทำงานอย่างหนักด้วยตารางเวลาอันวุ่นวาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีคนของตระกูลแอสคาร์ดอยู่ในเมืองโรซ่าคอยกดดันพวกเขา ความเครียดมหาศาลที่ถาโถมเข้ามาทำให้พวกเขาต้องปวดหัวกับปัญหานี้อย่างต่อเนื่อง จนสมาชิกในทีมบางคนถึงกับหัวล้านจากการเกาหนังศีรษะ
แอนดรูว์โชคดีกว่าคนอื่น ด้วยที่เขายังมีผมสีขาวอยู่ครบ เนื่องจากชายชราไม่ได้ทำงานเครียด ๆ เท่าไหร่นักในช่วงที่ยังหนุ่ม แต่เคราของเขาเป็นส่วนที่ต้องรับเคราะห์แทน จากนิสัยชอบดึงหนวดเคราระหว่างกำลังครุ่นคิดของแอนดรูว์ ความถี่ของเขาแปรผันตามความยากของโจทย์ที่เผชิญ ทำให้ชายชราเผลอถอนเคราไปแล้วอย่างน้อย ๆ ก็ยี่สิบเส้นในช่วงสองวันที่ผ่านมา จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่เขาจะตื่นเต้นที่ได้เจอกับอลิเซีย
“เจ้าหนู ข้าคิดว่าเจ้าเหมาะสมกับเกณฑ์ เจ้าสามารถเปล่งพลังชีวิตของตัวเองออกมาได้รึเปล่า?”
แอนดรูว์มองดูเด็กสาวผมสีเงินด้วยความคาดหวัง และอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับความสามารถในตำนานของเธอ อลิเซียครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าเป็นคำตอบ เด็กสาวยื่นมือออกมาแล้วหลับตา
ทันใดนั้นบรรยากาศรอบ ๆ ตัวอลิเซียก็เปลี่ยนไปในทันที แสงเล็ก ๆ เริ่มผุดขึ้นจากร่างกายของเธอ
ด้วยเหตุผลบางอย่าง โรเอลรู้สึกตื่นเต้นอย่างอธิบายไม่ถูก เมื่อได้เห็นปรากฏการณ์นี้ เด็กชายรู้สึกว่าอลิเซียเป็นเหมือนพระจันทร์เต็มดวงสีเงินที่ส่องประกายแวววาวมาทางเขา ทำให้เขารู้สึกราวกับว่ากำลังแช่ตัวในน้ำพุอันเย็นสดชื่น เติมพลังให้แก่เขาทั้งภายนอกและภายใน
ในที่สุดอลิเซียก็ลืมตาขึ้น เธอค่อย ๆ ยกมือขึ้นสูง เปล่าลำแสงสีขาวออกมากลายเป็นนกตัวเล็ก ๆ บินมาเกาะอยู่ที่มือ
แอนดรูว์รู้สึกทึ่งกับภาพที่ได้เห็นมาก จนแทบจะกระโดดยืนขึ้นเพื่อปรบมือให้กับเด็กสาว
“วิเศษที่สุด! ข้าไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่ามันเป็นไปได้ที่จะควบแน่นพลังชีวิตถึงระดับนี้!”
เมื่อได้เห็นสิ่งที่ไม่เคยได้เห็นมาก่อน ชายชราผู้ตื่นเต้นก็ก้าวออกมาข้างหน้าพร้อมหยิบแว่นขยายออกมา ตรวจสอบนกตัวเล็ก ๆ ในมือของอลิเซียในระยะใกล้ เมื่อเด็กสาวสามารถพิสูจน์ได้แล้วว่าตนมีประโยชน์ต่อพี่ชาย เธอก็ยิ้มกว้างด้วยความพึงพอใจ ส่วนโรเอลเองก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
“น่าทึ่งจริง ๆ! นี่เป็นพลังสายเลือดเฉพาะทางด้านพลังชีวิตงั้นเหรอ? มันมีพลังมากกว่าที่บันทึกไว้ในหนังสือเสียอีก!”
แอนดรูว์กล่าวอย่างตื่นเต้น
โรเอลส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้
ชายชราคงไม่รู้ว่าพลังความสามารถทางสายเลือดของอลิเซียนั้น จะทำงานเต็มที่ได้อย่างแท้จริงในตอนกลางคืนเท่านั้น ตอนนี้เป็นเวลากลางวัน ดังนั้นความสามารถของเธอในตอนนี้ถือว่าเป็นสภาพที่อ่อนแอที่สุดก็ว่าได้
“คุณแอนดรูว์ คุณคิดว่าอลิเซีย…”
“เพียงพอ! เพียงพอแน่นอน!”
“แล้วพวกเราจะทำยังไงกันต่อดี? เราต้องใช้อุปกรณ์เวทอะไรเป็นสื่อไหม?”
“ไม่ ไม่ พลังชีวิตเป็นพลังที่แยกออกมาจากพลังเวทอีกที อุปกรณ์เวทไม่สามารถควบคุมพลังนี้ได้ วิธีการรักษานั้นขึ้นอยู่กับขอบเขตของความแข็งแกร่งของพลังทางสายเลือด”
แอนดรูว์วางแว่นขยายลงพร้อมอธิบายสถานการณ์ให้โรเอลฟัง จากที่เขียนไว้ในบันทึกโบราณ น้ำค้างของต้นไม้แห่งชีวิตสามารถจำแนกออกเป็นระดับต่าง ๆ ได้เช่นกัน น้ำค้างระดับสูงสามารถแสดงผลจากภายนอกได้โดยที่ผู้ป่วยไม่จำเป็นต้องดื่มลงไปด้วยซ้ำ สำหรับน้ำค้างระดับล่าง พวกมันอาจจะต้องผสมกับยาอื่นเพื่อเพิ่มผลให้อยู่ในระดับที่น่าพอใจ
อย่างไรก็ตาม ยาทั้งหมดล้วนมีพิษในระดับหนึ่ง
“หืม? จะเกิดผลข้างเคียงอย่างไร หากปริมาณของพลังชีวิตมีสูงเกินไป”
“เรื่องนั้น…”
คำถามนั้นทำให้แอนดรูว์ต้องครุ่นคิดด้วยความไม่แน่ใจไปครู่ใหญ่ ๆ เขาเหลือบมองไปยังอลิเซียที่กำลังจ้องมองมาที่เขาด้วยความสงสัย หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่งชายชราก็รู้สึกว่า ตนควรจะอธิบายสิ่งต่าง ๆ ออกมาให้ชัดเจน
“พลังชีวิตเป็นพลังงานพื้นฐานของสิ่งมีชีวิตทั้งหมด ส่วนเกินของมันไม่มีผลข้างเคียงใด ๆ เพียงแต่ว่า… ผู้ที่มีมันมากไปจะพบว่าตัวเองเต็มไปด้วยพลังงานที่มากเกินไปก็เท่านั้น”
“… ประมาณว่ารู้สึกมีพลังงานมากเกินไปจนนอนไม่หลับในตอนกลางคืนงั้นเหรอ?”
โรเอลถาม
แอนดรูว์ดูอึดอัดมากเมื่อเผชิญคำถามนี้
ในทางเทคนิค ก็ใช่ แต่มันไม่ได้ไร้เดียงสาแบบที่เจ้าคิดนี่สิ…
“อะแฮ่ม เจ้าพอจะเข้าใจใช่ไหมว่าพลังงานที่มากเกินไป สามารถกระตุ้นฮอร์โมนในร่างกายได้ กระตุ้นให้เกิดการปฏิสัมพันธ์ ย้อนไปในยุคที่หนึ่ง มีสัตว์หลายชนิดอาศัยอยู่บริเวณรอบ ๆ ต้นไม้แห่งชีวิต ทำหน้าที่เป็นผู้พิทักษ์มัน เนื่องจากการมีอยู่ของมันเป็นประโยชน์สำหรับการสืบพันธุ์ ตรรกะเดียวกันนั้นก็น่าจะมีผลในกรณีนี้เช่นกัน”
คำพูดของชายชราดังก้องขึ้นในห้อง ทำให้โรเอลเริ่มกระวนกระวาย กลับกันแล้ว อลิเซียนั้นเบิกตากว้างขึ้นมาในทันที ดวงตาสีแดงเข้มของเด็กสาวเปล่งประกายเจิดจ้า ขณะที่เธอจ้องมองไปยังเด็กชายผมดำ ครู่ต่อมาเธอก็ก้มศีรษะลงเพื่อปกปิดความคิดในใจ แต่การกะพริบที่รูม่านตาก็ยังแสดงให้เห็นถึงความคิดบางอย่างที่กำลังแล่นเข้ามาในหัวของอลิเซีย
“คุณแอนดรูว์ มันน่าจะไม่มีปัญหาอะไร ตราบเท่าที่ไม่ได้รับมันมามากเกินไปสินะ”
“ใช่แล้ว สถานการณ์ที่ข้าพูดถึงจะเกิดขึ้น ต่อเมื่อเจ้าได้รับพลังชีวิตมากเกินไป ถ้าเราสามารถควบคุมปริมาณได้อย่างระมัดระวัง มันก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาอะไร”
“แล้วพวกเราควรจะทำอย่างไรดีล่ะ?”
“อ่า…ไม่มีวิธีระบุอยู่ในบันทึก แต่มันก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาอะไร มีไม่กี่วิธีนักหรอก เราลองใช้ทีละวิธีก็ได้”
แอนดรูว์ลูบเคราของเขาพร้อมอธิบายวิธีการต่าง ๆ ให้โรเอลฟัง วิธีที่ง่ายที่สุดคือการสัมผัสโดยตรงและการดูดซึมของเหลวในร่างกาย การติดต่อโดยตรงมีเงื่อนไขคืออลิเซียจะต้องกระตุ้นพลังทางสายเลือดของเธอขณะที่ทั้งสองคนสัมผัสกันอย่างใกล้ชิด ส่วนวิธีการดูดซึมของเหลวในร่างกาย ก็ตามชื่อวิธีการเลย โดยทั่วไปแล้วจะอ้างอิงถึงการโอนถ่ายพลังชีวิตผ่านทางน้ำลาย เลือด และน้ำตา
อลิเซียพยักหน้าอย่างพึงพอใจในสิ่งที่แอนดรูว์พูด เธอกำหมัดแน่น ตั้งตารอสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น ทว่าทันใดนั้น แอนดรูว์ก็นึกอะไรบางอย่างได้ แล้วจึงหันไปมองนกสีขาวที่เกาะอยู่บนมือของอลิเซีย
“อา แต่ถ้าผู้ครอบครองพลังสายเลือดสามารถแสดงพลังชีวิตออกมาได้โดยตรงแบบนั้น เราก็ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาวิธีการพวกนั้นหรอกนะ เราก็แค่…”
เจี๊ยบ
ไม่ทันที่แอนดรูว์จะพูดจบ ทันใดนั้นนกสีขาวในมือของอลิเซียก็ส่งเสียงร้องโหยหวน ก่อนจะทรุดตัวลงไปกับพื้นอย่างกะทันหัน แล้วหายใจเป็นครั้งสุดท้าย
???
หา? เกิดอะไรขึ้นกัน?
การตายของนกที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ทำให้ทั้งชายชราผมหงอกและเด็กชายผมดำต้องตกตะลึง ท่ามกลางความเงียบสงัดนี้ อลิเซียได้เงยหน้าขึ้นด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย
“ขอโทษด้วยค่ะ ท่านพี่ ดูเหมือนว่านกตัวนี้ได้ตายไปแล้ว”