บทที่ 213: คำขอเดียวเท่านั้น
ระหว่างที่โรเอลกำลังรับมือกับนอร่าที่ชั้นสูงสุดของหอคอยเซเยอร์ อีกด้านหนึ่ง ชาร์ล็อต โซโรฟยาก็กำลังนั่งอยู่ท่ามกลางสนามรบอีกแห่ง เผชิญหน้ากับสิ่งที่อาจจะเป็นความท้าทายที่ยากที่สุดในชีวิตของเธอ
ปัจจุบันชาร์ล็อตกำลังรับประทานอาหารเย็นในคฤหาสน์หลังที่สองของตระกูลโซโรฟยา คฤหาสน์ไครอส อย่างไรก็ตามนี่ไม่ใช่มื้ออาหารค่ำแบบสบาย ๆ เหมือนด้านของนอร่ากับโรเอล มันเคร่งเครียดกว่ามาก
คืนนี้มีแขกเพียงคนเดียวเท่านั้น นั่นก็คือผู้นำตระกูลแอสคาร์ด คาร์เตอร์ แอสคาร์ด ที่ถูกเชิญตัวมาโดยบรูซ โซโรฟยา แต่นี่ไม่ใช่เพียงแค่การนัดพบลับ ๆ ระหว่างพวกเขาสองคน เนื่องจากที่นี่มีบุคคลที่สามอยู่
ชาร์ล็อตรับประทานอาหารเย็นอย่างสง่างามพลางนั่งฟังเสียงพูดคุยเบา ๆ ระหว่างผู้นำตระกูลทั้งสอง พวกเขาได้คุยกันมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่พวกเขาจะสนิทกันมากขึ้นในวันนี้ ดังนั้นการสนทนาของทั้งคู่จึงมีน้ำเสียงที่เป็นกันเองมากกว่าก่อนหน้านี้มาก
“มาร์ควิสคาร์เตอร์ ดูเหมือนว่าอากาศทางฝั่ง ท่านจะดีกว่าเมื่อปีก่อน ๆ เยอะเลยนะ”
“ใช่แล้ว มันเป็นเรื่องน่ายินดีที่ฤดูหนาวในปีนี้ไม่หนาวเหมือนปีก่อน ๆ แต่ทางฝั่งเราก็ยังมีหิมะตกหนักเหมือนเดิม ถือเป็นเรื่องดีที่เมืองโรซ่ามีสภาพอากาศที่เสถียรกว่ามาก ปีนี้การเก็บเกี่ยวทางการเกษตรของท่านน่าจะดีพอสมควรเลยใช่ไหมล่ะ”
“ฮ่าฮ่า ใช่แล้ว แผนกเกษตรของเราประเมินว่าพวกเราจะเก็บเกี่ยวได้ดีในปีนี้”
บรูซจิบไวน์ในมือพร้อมตอบด้วยรอยยิ้ม เขาเหลือบไปมองด้านข้าง และสังเกตเห็นว่าชาร์ล็อตนั้นดูประหม่ามากกว่าปกติ ทำให้เขาถอนหายใจออกมาเบา ๆ ในใจ
ตั้งแต่เริ่มรับประทานอาหารเย็นกันจนถึงการเสิร์ฟของหวานในตอนนี้ พวกเขาทั้งสามคนแทบไม่ได้พูดคุยอะไรกันมากเท่าไหร่เลย แต่หลังจากที่ใช้เวลาไปมากมายในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดี บรูซก็เริ่มเคลื่อนไหวในที่สุด
“มาร์ควิสคาร์เตอร์ ข้าต้องขอโทษท่านจริง ๆ เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ชาร์ล็อตกังวลเรื่องโรเอลมากเกินไปจนทำให้เธอทำอะไรหุนหันพลันแล่น”
“ฮ่า ๆๆๆ! ท่านบรูซ ไม่จำเป็นต้องขอโทษหรอก ฝั่งอลิเซียเองก็มีความผิดเช่นกัน เธอทุ่มเทให้กับโรเอล มากเกินไปจนเกิดเป็นเหตุการณ์น่าขันเช่นนี้ ทางฝั่งเราต่างหากที่ควรเป็นฝ่ายขอโทษ”
“มาร์ควิสคาร์เตอร์ ท่านก็ถ่อมตัวเกินไป จะว่าไปแล้ว ต้องขอบคุณคุณอลิเซียจริง ๆ ที่ทำให้พวกเราสามารถรักษาอาการของโรเอลได้ โรเอลและชาร์ล็อตได้ไปเยี่ยมชมซากปรักหักพัง และได้เอามรดกจากอาณาจักรโซเฟีย บรรพบุรุษของพวกเราที่หายสาบสูญมานานกลับมาด้วย เขาถือเป็นผู้มีพระคุณของตระกูลโซโรฟยาอย่างแท้จริง พวกเราโล่งใจมากที่อาการป่วยของเขาได้รับการรักษาโดยไม่มีปัญหา”
บิดาทั้งสองสนทนากันท่ามกลางเสียงหัวเราะ ทว่าใบหน้าของชาร์ล็อตกลับซีดลงกว่าเดิม มาร์ควิสคาร์เตอร์ แสดงการสนับสนุนอลิเซียที่เป็นลูกสาวบุญธรรมของเขาอย่างชัดเจน ที่สำคัญที่สุด ตลอดการสนทนานี้ คาร์เตอร์ไม่เคยพูดถึงเรื่องสัญญาหมั้นเลยสักครั้ง
ภายใต้การแทรกแซงของนอร่า สัญญาหมั้นระหว่างทั้งสองตระกูลได้ถูกทำให้กลายเป็นสิ่งที่ไร้ความหมาย แม้ชาร์ล็อตจะยังคงรักษาตำแหน่งคู่หมั้นของโรเอลเอาไว้ได้ แต่มันก็เป็นเพียงแค่ข้อตกลงที่ว่างเปล่า และไม่มีอำนาจผูกพันอีกต่อไป หากเปรียบเทียบกับนอร่าและอลิเซียที่ได้รับการยอมรับจากคาร์เตอร์แล้ว เห็นได้ชัดว่าอีกสองคนนั้นอยู่ในตำแหน่งที่ได้เปรียบกว่ามาก
มันเป็นการต่อสู้ที่ยากลำบากสำหรับชาร์ล็อตไปเสียแล้ว
ชาร์ล็อตรู้ดีว่าโรเอลไม่ใช่คนประเภทที่จะมากังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ แม้เขามักจะกังวลเกี่ยวกับความรู้สึกของคนที่อยู่รอบตัวมากกว่าปกติ
อย่างไรก็ตามการพบปะท่องเที่ยวด้วยกันกับการแต่งงานนั้นแตกต่างกันคนละเรื่อง ถ้าชาร์ล็อตต้องการจะหารือเรื่องการแต่งงานกับโรเอล คาร์เตอร์นั้นถือเป็นภูเขาที่เธอไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
ด้วยเหตุนี้ชาร์ล็อตจึงไม่กล้าเคลื่อนไหวโดยประมาท เพราะกลัวว่าตัวเองจะทำพลาด เธอพยายามขอความช่วยเหลือจากบรูซตลอดเวลา แต่จนถึงตอนนี้ทัศนคติของคาร์เตอร์ก็ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลยสักนิด
“โรเอลช่วยให้พวกเราสามารถกู้คืนโบราณวัตถุที่สำคัญของตระกูลโซโรฟยา สิ่งที่เราค้นหามาหลายศตวรรษ ข้าเชื่อว่านี่เป็นสัญญาณแห่งโชคชะตา ที่มิตรภาพระหว่างตระกูลทั้งสองของพวกเรามาถึงช่วงเวลาที่ดีที่สุด มันคงถึงเวลาแล้วที่พวกเราจะดึงความสัมพันธ์ระหว่างสองตระกูลให้ใกล้ชิดกันมากขึ้นกว่าเดิม”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ท่านบรูซพูดชมเกินไปแล้ว โรเอลก็แค่ทำตามเสียงเรียกร้องจากพลังสายเลือดของเขา เป็นเรื่องบังเอิญเท่านั้นที่เขาได้พบกับโบราณวัตถุของตระกูลโซโรฟยา แต่ข้าเห็นด้วยว่าพวกเราควรจะดึงความสัมพันธ์ระหว่างสองตระกูลให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น เขตการปกครองแอสคาร์ดของเราต้องการความช่วยเหลือและการสนับสนุนอย่างมากจากเมืองโรซ่าในการพัฒนาเศรษฐกิจ”
เมื่อเห็นว่าคาร์เตอร์เบี่ยงประเด็นไปทางอื่นอย่างสุภาพ บรูซก็ยิ้มออกมา แต่ภายในใจนั้นเขารู้สึกหมดหวังจริง ๆ ขณะเดียวกัน ชาร์ล็อตเองก็กำลังสับสนว่าตนเองควรจะทำอย่างไรดีกับสถานการณ์นี้
จนถึงตอนนี้ ชาร์ล็อตก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมคาร์เตอร์ถึงไม่เห็นด้วยกับความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับโรเอล เธอเป็นถึงผู้สืบทอดของตระกูลโซโรฟยา และได้แสดงความสามารถอันยอดเยี่ยมในการบริหารจัดการ ตั้งแต่มีอายุเพียง 9 ขวบ แม้จะมีประวัติเพียงเล็กน้อย แต่เด็กสาวก็ได้รับความเคารพจากผู้นำของสมาคมพ่อค้าโรซ่า ไม่ว่าจะเป็นพรสวรรค์ สถานะ และความสามารถ ชาร์ล็อตแทบจะไม่มีข้อบกพร่องใด ๆ เลย ทว่าทั้งหมดนี้กลับไม่มีความหมายอะไรต่อคาร์เตอร์
เรายังดีไม่พออีกงั้นเหรอ? เราทำอะไรผิดไป ทำไมพ่อของโรเอลถึงได้เกลียดชังเรามากขนาดนี้กัน? เป็นเพราะเราบังคับให้โรเอลกลับมาด้วยงั้นเหรอ? ไม่ ไม่ใช่สิ การแทรกแซงขัดขวางของมาร์ควิสคาร์เตอร์เริ่มมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว…
ชาร์ล็อตกำหมัดแน่นและเริ่มกัดริมฝีปากของตน ในใจของเธอเต็มไปด้วยมีความสงสัยและความคับข้องใจมากมาย แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับบิดาของชายที่ตนรัก เธอกลับไม่กล้าที่จะพูดความรู้สึกของตัวเองออกมาดัง ๆ และถามเขา
เด็กสาวผู้ไม่เคยหลีกหนีจากสภาพแวดล้อมใด ๆ กลับหวาดกลัวถึงขนาดนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่ชาร์ล็อตต่อสู้ในสมรภูมิรบโดยไม่มีข้อมูลใด ๆ ให้ประเมินเลย ราวกับว่าเธอกำลังเดินอยู่ในความมืด ที่เลวร้ายไปกว่านั้นก็คือ นี่เป็นการต่อสู้ที่เธอจะแพ้ไม่ได้ ราคาของการสูญเสียความรักอันมีค่านี้สูงเกินกว่าที่ชาร์ล็อตจะรับไหว
“เอาล่ะ นี่มันก็ดึกมากแล้ว ท่านบรูซ และคุณหนูชาร์ล็อต ข้าคงต้องขอตัวกลับไปก่อน”
หลังจากการสนทนาแบบสบาย ๆ ไร้ที่ติในช่วงอาหารค่ำจบลง คาร์เตอร์ก็กล่าวอำลาด้วยรอยยิ้มที่สุภาพ บรูซเหลือบมองไปหาชาร์ล็อตที่เงียบมาตลอดมื้อค่ำนี้ และสังเกตเห็นว่าเธอตัวแข็งทื่อเมื่อได้ยินคำพูดของคาร์เตอร์ ทั้งสองคนก็รู้ได้ทันทีว่าการรับประทานอาหารเย็นร่วมกันครั้งนี้นั้นเปล่าประโยชน์
น่าเสียดายจริง ๆ ทั้ง ๆ ที่ นี่ควรเป็นโอกาสที่ดีสำหรับพวกเราที่จะสานต่อเรื่องนี้ แต่คาร์เตอร์กลับยืนกรานต่อจุดยืนของเขาอย่างหนักแน่น เกรงว่าการแต่งงานของชาร์ล็อตคงจะดำเนินได้ลำบากเสียแล้ว…
มันเป็นไปไม่ได้เลยที่บรูซจะไม่มองโลกในแง่ร้าย หลังจากที่คาร์เตอร์แสดงทัศนคติของเขาออกมาอย่างชัดเจน รวมถึงผลงานที่ย่ำแย่จนผิดปกติของชาร์ล็อตในคืนนี้เองก็ทำให้เขารู้สึกกังวลใจเป็นอย่างมาก หัวใจของชาร์ล็อตสั่นคลอนเนื่องจากความรักที่เธอมีต่อโรเอล ส่งผลให้เด็กสาวพลาดพลั้งต่อหน้าบิดาของคนรัก และความขลาดที่เธอแสดงออกมาต่อหน้าคาร์เตอร์ในวันนี้จะถูกมองว่าเป็นข้อบกพร่อง
สิ่งที่ชาร์ล็อตควรจะทำก็คือการแสดงตัวตนที่แท้จริงอันโดดเด่นของเธอออกมา เพื่อเอาชนะใจบิดาของโรเอล อย่างไรก็ตามตอนนี้มันสายเกินไปแล้ว
ด้วยความคิดนี้ บรูซจึงยืนขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ เพื่อไปส่งคาร์เตอร์กลับ
ขณะเดียวกัน ชาร์ล็อตเองก็ลุกขึ้นยืนอย่างแข็งขันเช่นกัน ความคิดในหัวของเธอคลุมเครือจนคิดอะไรไม่ออก เด็กสาวรู้ดีว่าการรับประทานอาหารค่ำส่วนตัวครั้งนี้เป็นโอกาสที่ดีที่สุดสำหรับตนในการเอาชนะใจมาร์ควิสคาร์เตอร์ ทว่าท่าทีที่เขาแสดงออกมากลับแย่กว่าที่เธอคาดไว้ ทว่าเมื่อมองไปยังคาร์เตอร์ที่กำลังจะเดินจากไป ชาร์ล็อตก็นึกขึ้นได้
ถ้าเราปล่อยให้เขากลับไปแบบนี้ละก็ สิ่งที่เราแสดงให้เขาเห็นจนถึงตอนนี้ก็จะกลายเป็นความทรงจำของมาร์ควิสคาร์เตอร์ที่มีต่อเรา เราต้องทำอะไรซักอย่าง! แต่… เราควรจะทำยังไงดีล่ะ?
จิตใจของชาร์ล็อตว่างเปล่า ลมหายใจของเธอสะท้อนความคิดอันไม่แน่นอนออกมา ความกังวลใจทำให้เธอเคลื่อนไหวได้ยาก เด็กสาวพยายามที่จะหาวิธีพลิกสถานการณ์นี้สุดความสามารถ แต่แล้วชาร์ล็อตก็นึกขึ้นได้ ถึงภาพของสัตว์ประหลาดสีดำอันน่าสะพรึงกลัวตรงหน้าเธอและโรเอลในมิติของสถานะผู้เฝ้ามอง นึกถึงตอนที่ตนเองเหนี่ยวไก และยิงคาถาเวทป้องกันสุดท้ายเข้าสู่ร่างของโรเอล
ตอนนั้นความรักของชาร์ล็อตอยู่เหนือความเป็นและความตาย มันเอาชนะความกลัวในสัญชาตญาณที่มีอยู่ในมนุษย์ทุกคน
ไม่มีอะไรเทียบได้กับสิ่งที่พวกเขาผ่านมาด้วยกันในตอนนั้น แม้แต่ความมืดของบิดาแห่งความมืดอันน่าสะพรึงกลัวก็ไม่อาจสามารถตัดความรู้สึกที่พวกเรามีให้กันได้! แล้วเราจะมายอมแพ้ตรงนี้ได้ยังไง?
“ล้อกันเล่นใช่ไหม…”
ชาร์ล็อตพึมพำเบา ๆ
เด็กสาวเงยหน้าขึ้น ดวงตาสีมรกตที่สะท้อนความกล้าหาญของทหารที่มุ่งมั่นพร้อมจะต่อสู้เพื่อชัยชนะโดยไม่สนวิธีการ
การป้องกันอันแข็งแกร่งของคาร์เตอร์นั้นสร้างขึ้นจากการละเลยคำใบ้ถึงประเด็นต่าง ๆ ที่ตกใส่เขาอย่างชำนาญ ในแวดวงขุนนางที่มีความเย่อหยิ่งและเกียรติยศมีความสำคัญสูงสุด มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเจาะทะลุผ่านการป้องกันของเขา
ชาร์ล็อตนั้นยังมีทางเลือกเหลืออยู่
ภายใต้ช่วงเวลาอันสิ้นหวังภายใต้การจ้องมองของบรูซ ชาร์ล็อตเดินขึ้นไปหามาร์ควิสคาร์เตอร์อย่างประหม่าและโค้งตัวลงต่อหน้าเขา
“ท่านลุงคาร์เตอร์คะ ดิฉันรู้ว่ามันอาจจะฟังดูกะทันหันไปหน่อย แต่ดิฉันหวังว่าท่านจะช่วยสละเวลามารับฟังสักครู่ ดิฉันมีบางอย่างที่อยากจะบอกท่าน”
“ดิฉันรักโรเอล และขอร้องให้ท่านอย่าได้มาขัดขวางความรักของพวกเราอีก นี่เป็นคำขอเพียงครั้งเดียวตลอดชีวิตของดิฉันค่ะ”