บทที่ 220: การเอาเปรียบ
“นายน้อยโรเอล? เจ้ากำลังพูดถึงนายน้อยของตระกูลแอสคาร์ดที่เราเคยคุ้มกันก่อนหน้านี้งั้นเหรอ?”
“ใช่แล้ว เขานั่นแหละ”
ในคลังอาวุธของกลุ่มทหารรับจ้างกำแพงเหล็ก หัวหน้าของกลุ่ม หญิงสาวผมยาวตัวสูงที่มีชื่อว่า ซินเทีย จ้องไปที่เลขาชราด้วยใบหน้าขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ
“พวกเขากำลังจะบอกให้เราไปประจำการภายใต้คำสั่งของเขตการปกครองแอสคาร์ดงั้นเหรอ? ล้อเล่นกันใช่ไหม?”
“นั่นคือประกาศที่เราได้รับจากทางเจ้าหน้าที่ของเมืองโรซ่าครับ พวกเขาบอกว่ามีการปรับเปลี่ยนสัญญาและพวกเราจะต้องไปอยู่ภายใต้สังกัดของเขตการปกครองแอสคาร์ด พวกเขาต้องการให้เรารับคำสั่งจากนายน้อยโรเอลตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป ส่วนเรื่องเงินเดือน…”
“นี่พวกเรากำลังพูดถึงเขตการปกครองภายใต้จักรวรรดิเซนต์เมซิทกันอยู่นะ!”
“…”
ซินเทียขัดจังหวะเลขาชราด้วยความโกรธ ตะโกนความกังวลที่สมาชิกคนอื่น ๆ ในกลุ่มทหารรับจ้างมีร่วมกันออกมา
จักรวรรดิเซนต์เมซิทเป็นที่ตั้งของโบสถ์แห่งเทพีเซีย และเป็นที่รู้จักกันในด้านความสงบและความมั่นคง มันเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์สำหรับผู้นับถือเทพีเซียโดยแท้จริง ทว่ามันแตกต่างกันออกไปมากในมุมมองของเหล่าผู้นับถือลัทธินอกรีต
นับตั้งแต่เหตุการณ์ การเดินขบวนแห่งความวุ่นวาย เมื่อประมาณสองร้อยปีที่แล้ว กลุ่มผู้นับถือลัทธินอกรีตจำนวนมากได้อพยพออกจากจักรวรรดิเซนต์เมซิทอย่างต่อเนื่อง ทำให้จำนวนผู้นับถือลัทธินอกรีตในจักรวรรดิเซนต์เมซิทลดลงจนถึงทุกวันนี้ นี่เป็นผลลัพธ์ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้จากความเกลียดชังที่มีต่อคนนอกรีตของผู้คนและกฎหมายที่นั่น
กลับกันแล้ว ผู้คนและกฎหมายของเมืองโรซ่าให้การยอมรับพวกเขากว่ามาก
หลายปีที่ผ่านมานับตั้งแต่การก่อตั้งกลุ่มทหารรับจ้างกำแพงเหล็ก พวกเขาไม่เคยรับงานใด ๆ ใน จักรวรรดิเซนต์เมซิทมาก่อน จนกระทั่งชาร์ล็อตได้เสนอเงินจำนวนมหาศาลอย่างผิดปกติให้ พวกเขาจึงรับงานนั้นมาเป็นข้อยกเว้นและพาเธอไปที่เขตการปกครองแอสคาร์ด ถึงกระนั้นพวกเขาก็ยังถูกควบคุมตัวโดยคนของจักรวรรดิเซนต์เมซิท จนเมื่อไม่กี่วันมานี้ในที่สุดพวกเขาก็ได้รับการปล่อยตัว
“เราขอปฏิเสธข้อเสนอนี้ได้ไหม?”
“ไม่ได้ ทางโรซ่าไม่ยอมแน่”
“แล้วถ้าจ่ายเงินให้พวกนั้นล่ะ”
“นั่นก็คงไม่ได้ นี่เป็นการตัดสินใจจากเบื้องบน”
เลขาชราลูบเคราของเขาอย่างครุ่นคิดก่อนจะถอนหายใจ พร้อมหันไปหาซินเทียและให้คำแนะนำ
“มีโอกาสเพียงครั้งเดียวถ้าเราต้องการปฏิเสธข้อเสนอ จะมีการเจรจาเกี่ยวกับเรื่องนี้ในไม่ช้านี้ และคุณสามารถถ่ายทอดความคิดของคุณไปยังนายน้อยโรเอลได้ด้วยตนเอง”
“เฮ้! เจ้ากำลังบอกให้ผู้นำของพวกเราไปหาขุนนางของจักรวรรดิเซนต์เมซิทงั้นเหรอ?”
“ไม่มีทาง มันอันตรายเกินไป!”
คำพูดของเลขาชราทำให้เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่ในกลุ่ม สมาชิกของกลุ่มทหารรับจ้างหลายคนต่างคัดค้านความคิดของเขาในทันที เนื่องจากซินเทียนั้นมีหน้าตาที่งดงามเกินไป ทำให้เธอแทบไม่ได้เข้าร่วมการประชุมอย่างเป็นทางการใด ๆ เลย โดยเฉพาะกับพวกขุนนาง เพราะมันมักจะก่อให้เกิดปัญหาตามมาในภายหลัง
รูปลักษณ์ที่สวยงามและตัวตนในฐานะผู้นับถือลัทธินอกรีตทำให้ซินเทียเคยถูกขุนนางที่น่ารังเกียจจำนวนไม่น้อยไล่ล่า พวกเขาบางคนถึงกับยื่นข้อ ‘เสนอ’ อย่างเย่อหยิ่งว่าจะรับเธอเป็นเมียน้อยของพวกเขา ราวกับว่ามันเป็นบุญคุญสำหรับเธอ แค่คิดถึงเรื่องนี้ก็ทำให้สมาชิกคนอื่น ๆ ในกลุ่มทหารรับจ้างโกรธเคืองได้แล้ว
แม้ว่าซินเทียจะมีอายุได้ 30 ปีแล้วในปีนี้ แต่อายุของผู้มีพลังเหนือธรรมชาติจะดำเนินไปอย่างช้า ๆ ทำให้รูปลักษณ์ของเธอยังคงอยู่ในวัยอ่อนเยาว์ราว ๆ 18 ปี ซินเทียได้ออกปฏิบัติการร่วมกับกลุ่มทหารรับจ้างนี้ตั้งแต่อายุยังน้อย ทำให้เธอได้มีประสบการณ์โชกโชน แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือความสามารถของเธอที่ก้าวขึ้นสู่ระดับแก่นแท้ 3 ได้ตั้งแต่อายุยังน้อย
หากซินเทียใช้คุณสมบัติแก่นแท้ต้นกำเนิดหลักสามประการล่ะก็ แม้แต่ขุนนางที่ทรงอิทธิพลที่สุดก็คงไม่กล้าพูดกับเธอในลักษณะนั้นแน่ อย่างไรก็ตามเนื่องจากหญิงสาวนั้นเป็นเพียงผู้นับถือลัทธินอกรีต เธอจึงถูกเลือกปฏิบัติและเหยียดหยามตามบรรทัดฐานของเหล่าขุนนางในโลกนี้
“ไม่มีคนดีในแวดวงชนชั้นสูงของจักรวรรดิเซนต์เมซิทหรอก! เจ้ายังจำกลุ่มทหารรับจ้างเลย์ตันได้รึเปล่า? พวกเขาผ่านความยากลำบากมากมายเพื่อทำภารกิจให้สำเร็จ แต่กลับได้รับเงินน้อยกว่าครึ่งหนึ่งที่ตกลงกันไว้ เพียงเพราะพวกเขาเป็นคนนอกรีต!”
“ลืมไปแล้วรึไงว่าไม่นานมานี้ คนของเรายังถูกจับเป็นตัวประกันโดยทหารของจักรวรรดิเซนต์เมซิท? จนในท้ายที่สุด สำนักงานใหญ่ของพวกเราต้องระดมเงินมาเพื่อจ่ายค่าไถ่ตัวพวกเขา!”
เสียงอันโกรธจัดของเหล่าสมาชิกพูดถึงวีรกรรมมากมายของจักรวรรดิเซนต์เมซิท ที่กดขี่ผู้นับถือลัทธินอกรีตอย่างไม่เป็นธรรม ทำให้ใบหน้าของซินเทียเคร่งขรึมขึ้น
หญิงสาวลูบคางของตนพลางชั่งน้ำหนักข้อดีและข้อเสียเกี่ยวกับเรื่องนี้ อย่างไรก็ตามเธอก็น่าจะต้องไปแก้ไขเรื่องนี้เป็นการส่วนตัว ไม่ต้องสงสัยเลยว่ากลุ่มทหารรับจ้างกำแพงเหล็กอยู่ในบริบทที่เสียเปรียบ เพราะพวกเขาไม่สามารถต่อสู้กับเมืองโรซ่า หรือ เขตการปกครองแอสคาร์ดได้เลย
หลังจากเงียบอยู่ครู่หนึ่ง ซินเทียก็เปิดเผยการตัดสินใจของเธอ
“… ข้าจะไปพูดกับเขาเป็นการส่วนตัว”
…
ในรถม้าสุดหรู ซินเทียที่สวมชุดเกราะเต็มตัวสูดหายใจเข้าลึก ๆ พยายามอย่างสุดความสามารถที่จะสงบสติอารมณ์
มันไม่ใช่เรื่องผิดพลาดเลยที่ซินเทียจะตัดสินใจเผชิญหน้ากับตัวแทนผู้ปกครองเขตการปกครองแอสคาร์ด เพื่อพูดคุยถึงเรื่องนี้ เธอได้พิจารณาอย่างรอบคอบ พร้อมประเมินโอกาสของความสำเร็จไว้แล้ว จากความประทับใจของเธอที่มีต่อโรเอล แอสคาร์ด เมื่อตอนที่เธอได้ไปประจำการอยู่ที่คฤหาสน์ตระกูลแอสคาร์ด
โรเอล แอสคาร์ด น่าจะอายุสิบสามในปีนี้ ทำให้เขาอายุน้อยกว่าเธอมาก ชื่อเสียงของเขาค่อนข้างดี และเธอเองก็เห็นเขาทำตัวสนิทสนมกับชาร์ล็อต โซโรฟยาอยู่หลายครั้ง มีข่าวลือว่าทั้งสองเป็นคู่หมั้นกัน ซึ่งก็ฟังดูน่าเชื่อถือ หากพิจารณาจากการที่โรเอลได้มาพักอาศัยอยู่ที่สวนร้อยปักษาจนถึงปัจจุบัน
ไม่ว่าจะมองมุมไหน มันก็ไม่มีทางที่โรเอลจะสนใจซินเทียได้เลย และถ้าหากเขาทำแบบนั้น มันก็จะถือว่าเป็นการทำความผิดต่อสัญญาหมั้นกับตระกูลโซโรฟยา นอกจากนี้ต่อให้อีกฝ่ายจะพยายามใช้กำลังหรือร่ายคาถาเวทอะไร เธอก็ไม่จำเป็นจะต้องเกรงกลัวเลย เพราะซินเทียนั้นเป็นถึงผู้มีพลังเหนือธรรมชาติระดับแก่นแท้ 3
ถึงโรเอลจะมีอิทธิพลและอำนาจมาก แต่เด็กอย่างเขาจะแข็งแกร่งได้สักแค่ไหนเชียว? นอกจากนี้ถ้าจำไม่ผิด ดูเหมือนว่าเขากำลังป่วยหนักซะด้วย
ความคิดเหล่านี้ทำให้จิตใจของซินเทียสงบลงเล็กน้อย
เมื่อรถม้าแล่นมาถึงที่หมาย หญิงสาวก็เปิดประตูรถม้าและเดินออกไป ซินเทียถูกขอให้เก็บอาวุธ ก่อนที่จะถูกนำเข้าสู่การทดสอบผลคาถาต่าง ๆ หลังจากนั้น คนรับใช้ก็นำทางเธอข้ามทางเดินและขึ้นบันไดไปยังห้องสมุดที่โรเอลนั่งอยู่ในปัจจุบัน
องครักษ์ในสวนร้อยปักษา ถูกแทนที่ด้วยองครักษ์ส่วนตัวของตระกูลโซโรฟยา ซึ่งทำให้ซินเทีย รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย อย่างไรก็ตามเมื่อหญิงสาวได้เปิดประตูห้องสมุดเข้าไป ความกังวลทั้งหมดของเธอก็หายไปพร้อมกับสายลม
กลางห้องสมุดที่มีกลิ่นไม้และกระดาษจาง ๆ เด็กชายผมดำผู้อ่อนโยนกำลังนั่งบนเก้าอี้อย่างสบาย ๆ พลิกอ่านหนังสือ เขามีบรรยากาศอันอ่อนโยนและสงบ ซึ่งทำให้ผู้คนรู้สึกสบายใจ เขาดูมีสุขภาพดีขึ้นมาก เมื่อเทียบกับครั้งสุดท้ายที่ซินเทียได้เจอเขา ลมพัดเล็กน้อยพัดเข้ามาทางหน้าต่าง ทำให้เส้นผมของเด็กชายพันเป็นลอนเล็กน้อย
ชั่วขณะหนึ่งที่นั่น ซินเทียก็รู้สึกงุนงงกับรูปลักษณ์ของเด็กชายผมสีดำที่ถือหนังสืออยู่ในมือ
หล่อเหลาจริง ๆ … ไม่สิ นั่นไม่ใช่ประเด็นหลัก ทำไมถึงไม่มีองครักษ์อยู่ในห้องกันล่ะ!
ซินเทียรวบรวมความมั่นใจและเดินเข้าไปในห้อง เริ่มด้วยการโค้งคำนับให้โรเอลเล็กน้อย ถอดหมวกออกอย่างสุภาพตามมารยาทที่จำเป็น เผยรูปลักษณ์อันงดงามออกมา ทำให้รูม่านตาของโรเอลขยายตัวเล็กน้อย
“เธอเป็นผู้นำของกลุ่มทหารรับจ้างกำแพงเหล็กงั้นเหรอ?”
“ใช่ ข้ามีชื่อว่า ซินเทีย อัลเกิร์ต ข้าเขียนนามสกุลของตัวเองลงในบันทึกการลงทะเบียน เพื่อหลีกเลี่ยงความยุ่งยากแล้ว”
“เข้าใจแล้ว”
โรเอลพยักหน้าเล็กน้อยเพื่อแสดงความเข้าใจ ก่อนจะเริ่มบทสนทนาโดยถามซินเทียถึงความคิดเห็นของเธอ เกี่ยวกับการให้กลุ่มทหารรับจ้างกำแพงเหล็กมาอยู่ภายใต้สังกัดของเขตการปกครองแอสคาร์ด
เมื่อเผชิญกับคำถามอันสงบนี้ ซินเทียก็กัดฟันแล้วพูดถึงสิ่งที่ตนได้พูดคุยกับคนอื่น ๆ ก่อนหน้านี้
“ท่านตัวแทนผู้ปกครองเขตการปกครองแอสคาร์ด ข้าขอขอบคุณสำหรับการประเมินอันสูงส่งที่ท่านมีต่อพวกเรา แต่ข้าต้องขออภัยด้วย ที่พวกเราไม่อาจจะสามารถทำตามคำขอของท่านได้ ในฐานะกลุ่มทหารรับจ้างที่นับถือลัทธินอกรีต พวกเราไม่สามารถตั้งฐานปฏิบัติการของเราในพื้นที่จักรวรรดิเซนต์เมซิท หากให้พูดตามตรงแล้ว พวกเราไม่เคยรับภารกิจใด ๆ ใน จักรวรรดิเซนต์เมซิทมาก่อนเลยด้วยซ้ำ…”
ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใด ๆ เป็นพิเศษจากโรเอล เขานั่งฟังซินเทียอย่างใจเย็นถึงเหตุผลในการปฏิเสธของเธอ แต่ในความเป็นจริง หัวใจของเขากำลังจมดิ่งจนถึงขีดสุด
มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะให้พวกนับถือลัทธินอกรีตย้ายไปยังเขตการปกครองแอสคาร์ด
โรเอลได้คาดการเกี่ยวกับประเด็นนี้ไว้ล่วงหน้าแล้ว และเขาก็ได้เตรียมมาตรการรับมือเอาไว้แล้วด้วยเช่นกัน
“เธอไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของพวกเธอในเขตการปกครองแอสคาร์ด เขตการปกครองแอสคาร์ดของเรามีความเป็นอิสระ และมีกฎหมายท้องถิ่นที่แยกจากจักรวรรดิเซนต์เมซิท ฉันจะคอยดูแลให้ผลประโยชน์ของพวกเธอเป็นไปอย่างยุติธรรมอย่างสุดความสามารถ นอกจากนี้ ชนชั้นสูงของจักรวรรดิเซนต์เมซิทเองก็กำลังเปลี่ยนมุมมองของพวกเขาต่อผู้นับถือลัทธินอกรีต ด้วยเหตุความโกลาหลที่เกิดขึ้นที่ชายแดนตะวันออก ไม่นานนี้จักรวรรดิเซนต์เมซิทจึงได้มีการทบทวนนโยบายเกี่ยวกับผู้นับถือลัทธินอกรีต ข้าขอสัญญาในเรื่องนี้”
โรเอลพูดด้วยความมั่นใจ พลางนึกถึงเด็กสาวผมทองที่ผ่านเหตุการณ์การเดินขบวนแห่งความวุ่นวายไปพร้อมกับเขา
อย่างไรก็ตาม ถ้อยคำเหล่านี้บรรเทาความกังวลของซินเทียได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เธอคิดว่าเขากำลังหลอกลวงเธออยู่ ไม่ว่าจะเป็นความคิดของชนชั้นขุนนางหรือนโยบายในอนาคตของจักรวรรดิเซนต์เมซิท สิ่งเหล่านี้เป็นข้อมูลสำคัญที่เด็กชายซึ่งเป็นเพียงผู้สืบทอด ไม่น่าจะล่วงรู้ได้
แต่ที่ซินเทียลืมไปก็คือ แม้ว่าโรเอลจะไม่มีตำแหน่งอันสูงส่งอย่างเป็นทางการ แต่ความสัมพันธ์ของเขากับตระกูลเซไซต์นั้นเหนือกว่าผู้นำตระกูลเสียอีก ไม่ว่าจะเป็นพระสังฆราชจอห์นหรือองค์หญิงนอร่าผู้สูงส่ง พวกเขาต่างก็ปฏิบัติต่อโรเอลในฐานะหนึ่งในสมาชิกของราชวงศ์ และไม่เคยปกปิดความลับใด ๆ กับเขา เรียกได้ว่าแท้จริงแล้ว เขานี่แหละคือคนที่ได้ทราบข้อมูลลับทั้งหมดก่อนใคร ๆ
แต่แน่นอนว่ามันไม่มีทางเลยที่ซินเทียจะรู้เรื่องนี้ เนื่องจากกลุ่มทหารรับจ้างกำแพงเหล็ก ไม่ได้ทำงานอยู่ภายในจักรวรรดิเซนต์เมซิท ความเคลือบแคลงใจของเธอ ทำให้หญิงสาวประเมินว่าข้อตกลงนี้มีความเสี่ยงยิ่งกว่าเก่า กระตุ้นให้เธอปฏิเสธเขาอีกครั้ง
“ท่านตัวแทนผู้ปกครอง ข้าดีใจ หากการเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้นของจักรวรรดิเซนต์เมซิท เป็นไปตามที่ท่านกำลังพูดถึง แต่การเลือกปฏิบัติของจักรวรรดิเซนต์เมซิทต่อผู้นับถือลัทธินอกรีตนั้นหยั่งรากลึกลงไปสุดจะเอื้อม แม้ว่ากฎหมายจะเปลี่ยนไป แต่อคติของเหล่าขุนนางก็ไม่ใช่อะไรที่จะเปลี่ยนกันง่าย ๆ พวกเรามีแต่จะทำให้เกียรติยศของท่านด่างพร้อยก็เท่านั้น”
“…”
เมื่อมองไปที่หญิงสาวที่กำลังก้มศีรษะลงอย่างเคารพ โรเอลก็ขมวดคิ้ว เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถามอย่างใจเย็น
“เหล่าขุนนางที่เธอพูดถึง นั่นเป็นคำที่กว้างมาก เธอคิดว่าฉันจะเลือกปฏิบัติกับพวกเธอด้วยงั้นเหรอ?”
“… ข้าคงไม่กล้า ขออภัยด้วยสำหรับคำดูหมิ่นของข้า”
‘คงไม่กล้า’ แทนที่จะเป็น ‘ไม่ได้คิด’ งั้นเหรอ?
เมื่อสังเกตเห็นคำใบ้ที่ซ่อนอยู่ในคำพูดของซินเทีย โรเอลก็เข้าใจได้ในทันทีถึงอคติที่เธอมีต่อบรรดาขุนนางของจักรวรรดิเซนต์เมซิท
ดูเหมือนว่าเราจะต้องเผยไพ่ทั้งหมดที่มีซะแล้วสิ
โรเอลเอื้อมมือไปหยิบไม้เท้าอสรพิษเก้าหัวที่วางอยู่ข้าง ๆ ตน แล้วลูบที่ด้ามของมันเบา ๆ เขาเริ่มประเมินซินเทียอย่างตั้งใจ การจ้องเขม็งของเขาก็ดึงดูดความสนใจของหญิงสาวในทันที
ใบหน้าของซินเทียเริ่มแข็งทื่อ หญิงสาวถูกจ้องมองมามากเกินไป จนไม่แน่ใจเกี่ยวกับจุดประสงค์เบื้องหลังสายตาเหล่านั้น นี่คือสิ่งที่ทำให้เธอกลัวที่จะติดต่อกับเหล่าขุนนาง เธอกำหมัดแน่นและพูดด้วยเสียงแหบแห้ง
“นายน้อย ข้ามีอายุได้สามสิบปีแล้ว นอกจากนี้ข้ายังได้รับมอบหมายให้เป็นองครักษ์ส่วนตัวของนายหญิงชาร์ล็อตมานานหลายปีแล้วด้วย…”
“เข้าใจแล้ว”
ซินเทียพูดถึงอายุพร้อมกล่าวชื่อของชาร์ล็อต ด้วยความหวังว่ามันจะระงับ ‘ความปรารถนา’ ของโรเอลได้ แต่หญิงสาวก็ต้องหมดหวัง เมื่อมันดูจะไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง เด็กชายไม่มีทีท่าว่าจะถอยหลังกลับเลยหลังจากที่ได้ยินเรื่องทั้งหมดนั้น แต่เขากลับลุกขึ้นยืนและเดินไปหาเธอเสียอย่างนั้น
“คุกเข่าลง”
“หา?”
“ฉันพูดว่าให้คุกเข่าลง เธอสูงเกินไป”
“…”
จิตใจของซินเทียว่างเปล่าไปครู่หนึ่งเมื่อได้ยินคำขอของโรเอล ก่อนจะกำหมัดแน่นด้วยความโกรธ
ผู้ชายทุกคนรู้ดีว่าการที่มีผู้หญิงมานั่งคุกเข่าต่อหน้าพวกเขา เป็นเรื่องน่ายินดีเพียงใด แต่ปัญหาก็คือคำสั่งนี้ไม่มีหลักฐานใด ๆ ว่าเขาเจตนาไม่ดี ทั้งหมดที่โรเอลทำคือการขอให้ซินเทียคุกเข่าลง ซึ่งมันก็ถือเป็นเรื่องธรรมดามากสำหรับสามัญชนที่จะต้องคุกเข่าต่อหน้าขุนนาง
ซินเทียเตือนตัวเองว่าตระกูลแอสคาร์ดนั้นมีอิทธิพลมากเกินกว่าที่พวกเขาจะตั้งตนเป็นศัตรูด้วย หญิงสาวพยายามควบคุมความหยิ่งในศักดิ์ศรีของตัวเอง และค่อย ๆ ย่อตัวลงอย่างช้า ๆ ได้แต่หวังว่าโรเอลจะไม่สั่งให้เธอทำอะไรที่เป็นการล่วงเกิน
ถ้าเขาตั้งใจจะให้ซินเทียทำเรื่องแบบนั้นจริง ๆ เธอจะรีบเดินออกจากห้องนี้และสวนร้อยปักษาในทันที ทว่าทันใดนั้น โรเอลก็ยกมือขึ้นวางลงบนศีรษะของเธอ ปล่อยแรงกดดันอันหนักหน่วงเข้าบดขยี้ร่างกายของเธอ
เดี๋ยวก่อน นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ทำไมเราถึงขยับตัวไม่ได้เลย!
ซินเทียตกใจมาก เมื่อรู้สึกตัวว่าตนเองได้สูญเสียการควบคุมร่างกายไป สถานการณ์นี้ทำให้หญิงสาวรู้ตัวในทันทีว่าตัวเองนั้นประเมินความแข็งแกร่งของโรเอลผิดไป เขาเป็นสัตว์ประหลาดที่มีพลังเกินกว่าจินตนาการของเธอไปมาก!
วินาทีต่อมา พลังเวทก็หลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายของซินเทีย