บทที่ 224: ความสุขของการลอบกัด
ที่ด้านข้างของกองไฟ ซินเทียเริ่มขัดดาบในมือพลางจับจ้องเฝ้ามองรถม้าของโรเอลในสายตาตลอดเวลา โดยมีทหารรับจ้างอีกห้าคนที่ปฏิบัติหน้าที่องครักษ์กะกลางคืน กระจัดกระจายออกไปในทิศทางต่าง ๆ วางและเปิดใช้งานอุปกรณ์เวทสำหรับตรวจจับศัตรู
แน่นอน เพื่อหลีกเลี่ยงการรบกวนเวลานอนของบุตรศักดิ์สิทธิ์ ซินเทียจึงไม่ได้วางอุปกรณ์เวทไว้ใกล้ ๆ รถม้าของโรเอล แต่เธอก็เชื่อว่าการป้องกันเพียงเท่านี้ก็พอแล้ว
ตามทฤษฎีแล้ว คาถาเวททั้งหมดในทวีปเซียต้องใช้สื่อกลาง ไม่ว่าจะเป็นน้ำ ไฟ หรือดิน แม้แต่คาถาเวทที่เข้าใจได้ยากที่สุดก็ยังเกี่ยวข้องกับการส่งถ่ายพลังเวท คาถาเวทเพียงประเภทเดียวที่สามารถหลีกเลี่ยงทฤษฎีนี้ได้ก็คือคาถาเวทห้วงมิติอันหายาก แต่ถึงกระนั้นมันก็ยังถูกจำกัดด้วยระยะทางที่สั้นมาก
ยิ่งไปกว่านั้น รถม้าที่โรเอลพักอยู่นั้นไม่สามารถถูกบุกรุกเข้าไปด้วยคาถาเวทห้วงมิติได้เลย ในฐานะผู้สร้างขบวนรถม้าสายธารแห่งอัญมณี ตระกูลโซโรฟยาคุ้นเคยกับคาถาเวทห้วงมิติมากพอที่จะรู้วิธีจัดการกับพวกมัน รถม้าของเด็กชายจึงถูกปกคลุมด้วยเกราะป้องกันคาถาเวทห้วงมิติ ที่แม้แต่กระสุนเคลื่อนย้ายมวลสารของชาร์ล็อตก็ยังลอดผ่านเข้าไปไม่ได้
ด้วยเหตุนี้ซินเทียจึงมั่นใจว่า โรเอลจะไม่ตกอยู่ในอันตรายใด ๆ ตราบใดที่เธอปกป้องทางเข้านี้เอาไว้ น่าเสียดายที่เธอไม่รู้ว่าเลยว่า การมีอยู่ของพลังสายเลือดที่หาได้ยากนั้นมีผู้มีพลังเหนือธรรมชาติที่ใช้สื่อเฉพาะตัวในการส่งถ่ายพลังเวทของพวกเขา เช่นแสงจันทร์
ภายในรถม้า อลิเซียยกมือของเธอขึ้น และร่ายคาถาเวทที่ทำให้โรเอลหลับลึกใส่เขา เปล่งแสงสลัวออกมาเล็กน้อย หลังจากมั่นใจว่าทุกอย่างเป็นไปตามที่ต้องการ เด็กสาวก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
อลิเซียรู้ดีว่าเธอไม่สามารถแสดงตัวออกมาได้ในตอนนี้ เนื่องจากพวกเขายังออกไปห่างจากเขตการปกครองแอสคาร์ดไม่พอ หากโรเอลรู้ว่าเธอแอบตามมาด้วยล่ะก็ คงจะส่งเธอกลับไปด้วยความโกรธ
หากพูดกันตามตรงแล้ว แม้แต่โรเอลก็ไม่สามารถให้อลิเซียกลับไปได้ หากเธอยืนกรานว่าจะอยู่ต่อไป แต่เด็กสาวลังเลที่จะทำให้พี่ชายของตนโกรธนับตั้งแต่ที่เขาไอเป็นเลือด หลังจากเห็นการต่อสู้ของพวกเธอ ดังนั้นถ้าเป็นไปได้เธอก็ไม่อยากทำให้เขาโมโห
เนื่องจากเติบโตมาด้วยกัน อลิเซียจึงคุ้นเคยกับนิสัยของโรเอลเป็นอย่างดี ฉะนั้นตราบใดที่พวกเขาอยู่ห่างจากเขตการปกครองแอสคาร์ดมากพอ แม้ว่าพี่ชายของเธอจะโกรธอยู่พักหนึ่ง แต่เขาก็น่าจะกังวลเกินกว่าจะส่งเธอกลับไปที่นั่นเองคนเดียว และเลือกที่จะพาเธอไปด้วยแทน
อลิเซียถอดรองเท้าและปีนขึ้นไปบนเตียงของโรเอล เช่นเดียวกับเด็กที่ได้แกล้งคนอื่น เธอรู้สึกตื่นเต้นที่ได้แอบย่องขึ้นบนเตียงของพี่ชายโดยที่เขาไม่ทันสังเกตเห็น เธอขยับเข้าไปใกล้เขาอย่างเงียบ ๆ ก่อนจะจ้องมองไปที่เขา
ใบหน้าตอนหลับของพี่ใหญ่ช่างน่ารักจริง ๆ
ภาพดังกล่าวทำให้ใบหน้าของอลิเซียเริ่มแดงระเรื่อ ในฐานะตัวแทนผู้ปกครองเขตการปกครอง โรเอลรู้ว่าตนเองเสียเปรียบเรื่องอายุที่ยังน้อย เขาตรวจสอบให้แน่ใจอยู่เสมอว่าตนเองมีรูปลักษณ์น่าเกรงขามเพียงพอหรือไม่ เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกคนอื่นตีตราว่าเป็นเพียงแค่เด็กน้อย แต่ทันทีที่เขาหลับ เด็กชายก็ลดความเคร่งเครียดลง ปล่อยให้ใบหน้าของเขาผ่อนคลายอย่างเต็มที่ นี่เป็นหนึ่งในเหตุผลที่อลิเซียตัดสินใจแอบดูใบหน้าของเขาตอนหลับ
เมื่อรู้สึกถึงลมหายใจอันอบอุ่นของโรเอล อลิเซียก็รู้สึกว่าอารมณ์ของตนค่อย ๆ พุ่งพล่าน ภายใต้แสงจันทร์ เธอโน้มตัวเข้าไปใกล้ ๆ อีกเล็กน้อยเพื่อจูบเบา ๆ ลงบนปากของเด็กชายที่กำลังหลับใหล แต่ในไม่ช้าเธอก็ตระหนักว่าแค่นี้ยังไม่ทำให้เธอรู้สึกพอใจ
แม้ว่าคาถาเวทของอลิเซียจะทำให้โรเอลอยู่ในสภาพหลับลึก แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่มีทางตื่นขึ้นมา มีความเป็นไปได้ที่เขาอาจจะตื่นขึ้นมากลางคัน หากเธอเข้าไปใกล้เกินไป ดังนั้นสิ่งที่เด็กสาวทำได้มากที่สุดก็คือการจูบที่ริมฝีปากพี่ชายของเธอ
แม้จะรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย แต่อลิเซียก็ค่อย ๆ เลื่อนลงมาจูบที่คอของเขา ทว่า แทนที่มันบรรเทาความร้อนรุ่มของเธอ การกระทำนี้กลับยิ่งทำให้เด็กสาวกระวนกระวายมากขึ้น เธอคร่ำครวญเบา ๆ ด้วยความหงุดหงิด ขณะไตร่ตรองอย่างจริงจังว่าควรลงมือเลยหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาที่สำคัญนี้ เสียงพึมพำในจิตใต้สำนึกของโรเอลก็ทำให้เธอตกใจ
“อืม…”
“!”
ร่างกายของอลิเซียแข็งทื่อไปในทันที แต่เด็กชายผมดำนั้นเพียงแค่ปรับท่าทางการนอนของเขาเพียงเล็กน้อยก่อนจะเงียบลง เด็กสาวถอนหายใจด้วยความโล่งอกหลังจากที่รู้ว่าเธอแค่กังวลมากไปเอง อย่างไรก็ตาม มันได้ดึงเอาเหตุและผลกลับมาสู่อลิเซีย เธอสูดหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อสงบสติอารมณ์และลูบไล้ท้องของตน หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งเธอก็ส่ายหัว
“ไม่ได้ ๆ มันยังเร็วเกินไป เรายังไม่สามารถมีลูกที่แข็งแรงได้”
อลิเซียพึมพำขณะกัดริมฝีปากของตัวเองด้วยความขุ่นเคือง
ในทวีปเซีย เด็ก ๆ ในตระกูลชนชั้นสูงได้รับการศึกษาด้านสุขศึกษาอย่างครอบคลุม เพื่อที่พวกเขาจะได้ไม่ต้องวุ่นวายกับความสงสัยในผลลัพธ์ สตรีชั้นสูงทุกคนจะต้องผ่านบทเรียนวิชาสุขศึกษาภาคบังคับ โดยพวกเธอทุกคนจะได้รับคำเตือนถึงผลที่อาจจะเกิดขึ้นจากการ ‘ชิมผลไม้ต้องห้าม’ เร็วเกินไปเป็นบทเรียนแรก
ตามคำบอกเล่าของแอนนา หากอลิเซียตั้งครรภ์ก่อนที่กระดูกเชิงกรานของเธอจะพัฒนาอย่างสมบูรณ์ เธอก็จะไม่สามารถคลอดบุตรได้อย่างปลอดภัย ซึ่งจะเป็นอันตรายต่อทั้งเธอและลูก นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เด็กสาวต้องข่มใจตัวเองมาโดยตลอด
แอนนาสอนบทเรียนต่าง ๆ อย่างละเอียดถี่ถ้วน เนื่องจากเธอรู้ถึงอันตรายหากข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ผิดพลาดไป สาเหตุการตายที่น่ากลัวที่สุดในยุคนี้คือการคลอดบุตร มันเป็นปัญหาที่แม้แต่ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติระดับต่ำก็ยังต้องทนทุกข์ทรมาน
แน่นอนว่าอลิเซียไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับประเด็นนี้เลย เด็กสาวเต็มไปด้วยพลังชีวิตมากมายที่แม้แต่การผ่าตัดทำคลอดก็ไม่อาจทำร้ายเธอได้ เพียงแต่ว่าขั้นตอนระหว่างนั้นอาจนำไปสู่ปัญหาอื่นได้ ว่ากันว่าเด็กที่ไม่ได้เกิดด้วยวิธีตามธรรมชาติ จะไม่สามารถรับพรจากเทพีเซียได้ และนั่นถือเป็นข้อเสียอย่างใหญ่หลวงสำหรับขุนนางของจักรวรรดิเซนต์เมซิท
อลิเซียไม่ต้องการให้การตกผลึกแห่งความรักของโรเอลกับเธอ ต้องทนทุกข์ในเรื่องนี้ ดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงแค่กัดฟัน และรอคอยวันที่จะเติบโตเต็มวัย ด้วยความคิดนั้น ในที่สุดเธอก็สงบลง
เด็กสาวมองไปรอบ ๆ ก่อนจะส่ายหน้าอย่างไม่พอใจ มันคงจะน่าตื่นเต้น ถ้าเธอได้ทำมันในรถม้าที่ถูกจัดเตรียมโดยตระกูลโซโรฟยา แต่อลิเซียไม่ชอบความเป็นทางการของมัน มันทำให้เธอรู้สึกราวกับว่าตัวเองเป็นบุคคลที่สามที่เข้ามารบกวนพื้นที่ส่วนตัวของโรเอล
หากเธอต้องการร่วมรักกับพี่ชายของตนจริง ๆ อลิเซียอยากจะทำมันที่คฤหาสน์ตระกูลแอสคาร์ดที่เป็นรังแห่งความรักของพวกเขามากกว่าในถิ่นทุรกันดารเช่นนี้
หลังจากกำจัดความคิดนั้นไปแล้ว อลิเซียก็นอนลงเงียบ ๆ ข้าง ๆ โรเอลและหลับตาลง
ตอนนี้ปล่อยให้เป็นแบบนี้ไปก่อนดีกว่า
…
ขบวนรถเก็บสัมภาระต่าง ๆ และออกเดินทางอย่างรวดเร็วในยามรุ่งสาง โรเอลคิดว่าเขาน่าจะรู้สึกสะลึมสะลือ เพราะตัวเองไม่ได้ตื่นเช้ามาสักระยะหนึ่งแล้ว ทว่าเขากลับตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกสดชื่นจนน่าประหลาด ราวกับว่าเมื่อคืนเขานอนหลับฝันดี
โรเอลเคยได้ยินมาว่าการถูกห้อมล้อมด้วยธรรมชาตินั้น ช่วยส่งเสริมคุณภาพในการนอนหลับให้สูงขึ้น ดังนั้นนี่อาจเป็นเหตุผล แต่ที่น่าสงสัยก็คือทำไมเขาถึงได้รู้สึกแปลก ๆ เล็กน้อยที่ริมฝีปาก
เกิดอะไรขึ้น? เราเผลอกัดปากตัวเองตอนนอนงั้นเหรอ?
โรเอลรู้สึกประหลาดใจกับความรู้สึกแปลก ๆ ที่ค้างอยู่ตรงปาก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรมาก นี่เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย ซึ่งอาจจะเป็นเพราะเขาไปตบมันขณะที่นอนคว่ำหรือพลิกตัว
มันจะเป็นอะไรไปได้อีกล่ะ? จะมีใครแอบเข้ามาในรถม้าของเราตอนกลางดึก เพื่อทำแบบนี้รึไง? เป็นไปไม่ได้หรอก!
โรเอลโยนความคิดเหล่านั้นทิ้งไป รับประทานอาหาร แล้วจึงออกเดินทางต่อไปยังจักรวรรดิออสทีน
ระหว่างทาง เด็กชายเห็นป้ายบอกทางที่ชี้ไปยังจักรวรรดิออสทีน ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะนึกถึงเรื่องที่ตัวเองรู้เกี่ยวกับสถานที่นั้นผ่านรายงาน
จักรวรรดิออสทีน เป็นดั่งสรวงสรรค์ของเหล่าผู้เคร่งครัดในสายเลือด นับตั้งแต่ที่พวกเขาประสบความสำเร็จในการระดมพลช่วงเริ่มต้นของยุคที่สาม พวกเขาก็สามารถยืนหยัดอย่างมั่นคงได้ในทวีปเซีย และขยายอาณาเขตของตนออกไปอย่างรวดเร็วภายใต้แนวคิด ‘การฟื้นฟูความเจริญรุ่งเรืองของจักรวรรดิออสทีนโบราณ’ ซึ่งเป็นการผนวกอาณาจักรเล็ก ๆ ที่อยู่ใกล้เคียงทั้งหมดเข้ามา ส่งผลให้อาณาจักรโดยรอบต่างตกอยู่ในความโกลาหล
การเจรจาหรือการรบกับต่างอาณาจักรอาจถือเป็นเรื่องใหญ่ แต่พวกเขาก็สามารถทำมันได้ด้วยการปลูกฝังความคิดเรื่อง ‘ความเหนือกว่าทางสายเลือด’ ทำให้พวกเขาสามารถส่งเสริมความจงรักภักดีให้กับผู้คนของพวกเขาได้ แม้ว่าจะล้มเหลวในการยึดอาณาจักรอื่น ๆ เช่นเมืองโรซ่า แต่โดยรวมแล้วพวกเขายังคงแข็งแกร่งเป็นปึกแผ่น
ทว่าปัญหาก็คือ จักรวรรดิออสทีนได้ตกที่นั่งลำบาก เนื่องจาก ‘ความไม่สมดุลของหยินและหยาง’
จักรพรรดิผู้ดำรงตำแหน่งสูงสุดของจักรวรรดิออสทีน ลูคัส แอคเคอร์มันน์ เป็นทั้งจักรพรรดิที่ยอดเยี่ยม และขาดคุณสมบัติพร้อม ๆ กัน เขาได้บรรลุผลงานที่สำคัญมากมาย เช่นการเสริมความมั่นคงของจักรวรรดิ การยุติสงครามอันยาวนานหลายทศวรรษกับเมืองโรซ่า การฟื้นฟูพัฒนาเศรษฐกิจ และยกระดับมาตรฐานความเป็นอยู่โดยเฉลี่ยของประชาชนทั่วไป ส่วนความล้มเหลวของเขาก็คือ… เขาเป็นคนบ้างานมากเกินไป จนปฏิเสธที่จะเข้าใกล้ผู้หญิง
ใช่ การมีจักรพรรดิที่ไม่ชอบผู้หญิงเป็นปัจจัยที่ทำให้เขาขาดคุณสมบัติอย่างมาก ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดวิกฤตระดับชาติได้อย่างง่ายดาย!
ขุนนางที่ทำงานภายใต้องค์จักรพรรดิ ล้วนหวังจะให้เขาถ่ายทอดมรดกของตนไปยังคนรุ่นต่อไปเพื่อที่สิ่งต่าง ๆ ที่เขาสร้างขึ้นมาจนถึงตอนนี้จะสามารถคงอยู่ต่อไปได้ ปัญหาของการสืบทอดราชบัลลังก์นั้นถือเป็นปัญหาของทุกคน
เจ้าหน้าที่ทุกคนต่างประท้วงกันมาเป็นเวลานานเกี่ยวกับความล้มเหลวของลูคัสในการปฏิบัติหน้าที่สืบทอดสายเลือดอันแสนสำคัญในฐานะจักรพรรดิ แต่ความกังวลของพวกเขากลับถูกคนบ้างานมองข้ามไป จนกระทั่งช่วงยี่สิบปีที่ผ่านมานี้ อิทธิพลของลูคัสเริ่มลดลงเนื่องจากอายุที่มากขึ้น ทำให้ในที่สุดเขาก็ยอมจำนนต่อเจตจำนงของผู้ใต้บังคับบัญชา และถอดกางเกงออกอย่างไม่เต็มใจเพื่ออาณาจักร
น่าแปลกที่ปัญหาสำคัญอีกประการหนึ่งได้เกิดขึ้นจากประเด็นนี้
ลูคัสสามารถให้กำเนิดบุตรชายได้ถึงสองคน ทว่าน่าเสียดายที่พวกเขาล้วนขาดพรสวรรค์ในฐานะผู้มีพลังเหนือธรรมชาติ พวกเขาจึงแทบไม่มีคุณสมบัติในฐานะองค์ชาย ความแตกต่างอย่างชัดเจนระหว่างพวกเขากับบิดานั้นถือเป็นเรื่องน่าผิดหวังครั้งใหญ่จริง ๆ… จนกระทั่งลูกคนที่สามของเขานั้นเกิดเป็นลูกสาว
ลิเลียน แอคเคอร์มันน์ คือชื่อของเธอ ต่างจากพี่ชายทั้งสอง เธอได้รับพรสวรรค์อันยอดเยี่ยมในฐานะผู้มีพลังเหนือธรรมชาติ การเกิดของเธอทำให้ลูคัสถึงกับต้องดึงกางเกงขึ้น เพราะลิเลียนคือว่าที่จักรพรรดินีโดยแท้จริง
ด้วยเชื้อสายอันยอดเยี่ยมนี้ ทำให้ลิเลียนได้รับทรัพยากรทางการเมืองมหาศาลมาอยู่ใต้อาณัติ และตัวเธอเองก็ไม่ได้ขาดเงื่อนไขอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน นี่เป็นผลให้แม้ว่าเธอจะไม่มีสิทธิในการสืบทอดบัลลังก์เนื่องจากเพศสภาพ แต่การปรากฏตัวของเด็กสาวก็ยังคงคุกคามตำแหน่งขององค์ชายทั้งสอง
กฎของจักรวรรดิออสทีนระบุไว้ว่า ผู้สืบทอดบัลลังก์จะต้องเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติระดับสูง เว้นแต่ในช่วงเวลาอันวุ่นวาย ซึ่งองค์ชายทั้งสองต่างก็ได้หยุดนิ่งอยู่ที่ระดับแก่นแท้ 4 มานานกว่าทศวรรษแล้ว
การที่ผู้ที่มีสิทธิ์สืบทอดบัลลังก์ไม่มีคุณสมบัติ นำมาซึ่งความขัดแย้งครั้งใหญ่ในจักรวรรดิออสทีน ที่จนถึงตอนนี้สถานการณ์ก็ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไป แต่ถึงอย่างนั้นทุกคนก็ยังสัมผัสได้ว่าพายุนั้นกำลังค่อย ๆ ก่อตัวแล้ว
“ไม่ว่าจะเป็นจักรวรรดิออสทีนโบราณหรือจักรวรรดิออสทีนในปัจจุบัน มันก็ยังเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยปัญหาสินะ”
โรเอลพึมพำเบา ๆ ขณะเดินทางไปตามเส้นทางที่กำหนดไว้