บทที่ 238: ข้อสงสัยของลิเลียน
ลิเลียน แอคเคอร์มันน์ เป็นผู้หญิงที่มีความซับซ้อนและมีความขัดแย้งในตัวเอง ซึ่งคุณลักษณะนี้มีรากฐานมาจากครอบครัว
เด็กส่วนใหญ่มองว่าครอบครัวของตนเป็นสถานที่อันปลอดภัย พวกเขาสามารถถอยกลับไปหาครอบครัวเมื่อไหร่ก็ได้ที่ประสบปัญหา ทว่าสำหรับลิเลียนผู้เกิดในราชวงศ์แอคเคอร์มันน์แล้ว ครอบครัวนั้นคือที่มาของความทุกข์ยาก
สถานการณ์ปัจจุบันของจักรวรรดิออสทีนนั้นไม่ได้เป็นความลับแต่อย่างใด
ผ่านมาเป็นเวลากว่าทศวรรษแล้วที่พี่ชายทั้งสองของลิเลียน จบการศึกษาจากสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่า แต่พวกเขาก็ยังไม่ประสบความสำเร็จในการไปถึงคุณสมบัติแก่นแท้ต้นกำเนิด ส่งผลให้เกิดความตึงเครียดปกคลุมไปทั่วทั้งจักรวรรดิ เมื่อไม่เห็นผู้สืบทอดที่ชัดเจน ความขัดแย้งภายในเพื่อแย่งชิงอำนาจก็ยังคงดำเนินต่อไป อันที่จริงมันยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ในตอนที่ลิเลียนบรรลุนิติภาวะ
‘ความเป็นเครือญาติไม่มีอยู่ในราชวงศ์’ วลีดังกล่าวสามารถอธิบายสถานะของราชวงศ์จักรวรรดิออสทีนได้เป็นอย่างดี อุบายอันน่ารังเกียจและกับดักที่เลวทรามมากมายเป็นของขวัญที่ลิเลียนได้รับจากพี่ชายทั้งสอง ส่วนพ่อแม่ของเธอเองก็ไม่ได้ให้ความสำคัญอะไรเธอ มากไปกว่าเครื่องมือ คนหนึ่งมองว่าลิเลียนเป็นเพียงเครื่องมือในการสืบทอดอำนาจ ส่วนอีกคนก็มองว่าเธอเป็นเครื่องมือในการรักษาความรุ่งโรจน์ เหตุผลเดียวที่ลิเลียนยังไม่ถูกเปลี่ยนออกจากตำแหน่งนี้ ก็เพราะเธอเป็นคนที่เยี่ยมยอดที่สุดในหมู่ผู้สืบทอดทั้งหมด
ลิเลียนเคยได้สัมผัสกับความอัปลักษณ์ของมนุษย์มามากมายตั้งแต่อายุยังน้อย เด็กสาวได้ละทิ้งความคิดที่จะพึ่งพาครอบครัวไปนานแล้ว ทว่านี่เองก็เป็นหนึ่งในรากเหง้าของความขัดแย้งในตัวเธอเช่นกัน
ยิ่งถูกกีดกันจากบางสิ่งมากเท่าไร ก็ยิ่งต้องการมันมากขึ้นเท่านั้น สิ่งหนึ่งที่ลิเลียน แอคเคอร์มันน์ต้องการมากที่สุด ก็คือครอบครัวที่แท้จริง
ความผูกพันอันลึกซึ้ง ยั่งยืน ระหว่างผู้ที่ห่วงใยและรักกัน นี่คือสิ่งที่ลิเลียนมองว่าเป็นบริบทของครอบครัวที่แท้จริง นี่เป็นความฝันของเธอมาโดยตลอด เป็นสิ่งที่เด็กสาวไม่มีวันเอื้อมถึงได้ แต่ในวันนี้ โอกาสนั้นได้มาถึงตรงหน้าเธอแล้ว
ทว่าไม่ใช่สมาชิกในครอบครัวที่เกี่ยวข้องกันทางสายเลือด แต่เป็นพลังสายเลือด
ความสัมพันธ์ทางสายเลือดและพลังทางสายเลือด ทั้งสองอย่างเป็นแนวคิดที่แตกต่างกันอย่างยิ่งในทวีปเซีย ความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดเป็นสิ่งที่กำหนดโดยการกำเนิดจากบิดามารดา ในขณะที่พลังทางสายเลือดเป็นสิ่งที่ต้องปลุกให้ตื่นขึ้น แม้ว่าคำเหล่านี้จะดูคล้ายคลึงกัน แต่ความหมายจริง ๆ กลับต่างกันมาก
ยกตัวอย่างโรเอล ญาติที่ใกล้ชิดทางสายเลือดมากที่สุดของเขาคือบิดา หรือก็คือคาร์เตอร์ ทว่าหากเป็นเรื่องของพลังทางสายเลือดแล้วล่ะก็ มีเพียงแค่ผู้ที่ปลุกพลังสายเลือดดั้งเดิมของตระกูลแอสคาร์ดขึ้นมาได้อย่าง โร แอสคาร์ด และวินสเตอร์ แอสคาร์ดเท่านั้น
ด้วยที่พวกเขาเกิดห่างกันถึงแปดร้อยปี ทำให้แม้ว่าโรเอลและวินสเตอร์จะมาจากตระกูลแอสคาร์ดเหมือนกัน แต่ระยะเวลาตามยุคสมัย ได้ทำให้พวกเขาถือเป็นคนแปลกหน้าอย่างสมบูรณ์ในแง่ของลำดับสายเลือด อย่างไรก็ตาม หากทั้งสองได้พบกัน มันก็มีแนวโน้มว่าวินสเตอร์จะยอมรับโรเอล เนื่องจากพลังทางสายเลือดของพวกเขามีต้นกำเนิดมาจากแหล่งเดียวกัน นี่คือข้อเท็จจริงที่เป็นรูปธรรม
ความสัมพันธ์อันลึกลับระหว่างผู้ครอบครองพลังทางสายเลือด ถือว่าเป็นสายสัมพันธ์อันสูงส่งระหว่างผู้มีพลังเหนือธรรมชาติ ซึ่งมักจะเกิดขึ้นภายในตระกูลผู้มีพลังเหนือธรรมชาติที่มีคุณสมบัติแก่นแท้ต้นกำเนิดเป็นเอกลักษณ์ แต่ในบางครั้ง บางโอกาสที่หาได้ยากมาก มันก็เป็นไปได้ที่คนแปลกหน้าสองคนจะพบกันด้วยพลังทางสายเลือดของพวกเขา โดยปรากฏการณ์นี้ถูกเรียกว่า ‘การสั่นพ้องของสายเลือด’
การสั่นพ้องที่ลิเลียนเพิ่งประสบมาก่อนหน้านี้ หมายความว่ามีโอกาสสูงที่เธอจะได้พบคนที่มีพลังทางสายเลือดเกี่ยวข้องกันในสถาบันแห่งนี้
เด็กสาวกุมหน้าอกแน่น พยายามทำให้หัวใจที่เต้นแรงของตนสงบลง
แม้ว่าคุณสมบัติแก่นแท้ต้นกำเนิด อาณาจักร เป็นคุณสมบัติที่ตระกูลแอคเคอร์มันน์ครอบครองแต่เพียงผู้เดียว อย่างไรก็ตาม มันไม่ได้เป็นพลังทางสายเลือดที่เป็นเอกลักษณ์แต่อย่างใด มันคือคุณสมบัติแก่นแท้ต้นกำเนิด ที่ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติส่วนใหญ่สามารถนำไปใช้ได้เช่นเดียวกับคุณสมบัติแก่นแท้ต้นกำเนิดอื่น ๆ เพียงแค่ว่ามันถูกผูกขาดโดยราชวงศ์ของจักรวรรดิออสทีนมาตั้งแต่สมัยโบราณ และตระกูลแอคเคอร์มันน์ก็เป็นผู้ที่เข้ากันได้กับคุณสมบัติแก่นแท้ต้นกำเนิดอาณาจักรมากกว่าผู้อื่น
ด้วยเหตุนี้พลังทางสายเลือดของผู้คนในตระกูลแอคเคอร์มันน์จึงไม่มีการสั่นพ้องกัน แม้ว่าพวกเขาจะใช้ คุณสมบัติแก่นแท้ต้นกำเนิดอาณาจักรเหมือน ๆ กัน อันที่จริงแล้ว เหตุผลที่ทำให้ลิเลียนแข็งแกร่งกว่าคนอื่น ๆ มาก เป็นเพราะพลังทางสายเลือดอีกอย่างที่เธอปลุกขึ้นมานั้นแข็งแกร่งมาก ทำให้เธอก้าวข้ามคนอื่น ๆ ในรุ่นได้
ลิเลียน รู้สึกตัวอยู่ตลอดเวลาว่าเธอมีคุณสมบัติแก่นแท้ต้นกำเนิดที่มาจากพลังทางสายเลือดอันเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง แต่ในฐานะสมาชิกหลักของราชวงศ์จักรวรรดิออสทีน เด็กสาวไม่มีทางเลือกอื่นนอกเสียจากต้องยอมรับ คุณสมบัติแก่นแท้ต้นกำเนิดอาณาจักรมาใช้ ไม่เช่นนั้นมันอาจจะกลายเป็นจุดอ่อนให้ศัตรูทางการเมืองของเธอนำมาใช้ได้
ด้านการใช้งานแล้ว คุณสมบัติแก่นแท้ต้นกำเนิดอาณาจักร เป็นหนึ่งในคุณสมบัติแก่นแท้ต้นกำเนิดที่แข็งแกร่งเเป็นอันดับต้น ๆ ในทวีปเซีย แม้ว่าคุณสมบัติแก่นแท้ต้นกำเนิดที่ได้มาจากพลังทางสายเลือดของลิเลียนจะเข้ากันได้กับเธอมากกว่า แต่มันก็อาจจะไม่ได้มีพลังมากไปกว่าคุณสมบัติแก่นแท้ต้นกำเนิดอาณาจักร นอกจากนี้ตลอดประวัติศาสตร์อันยาวนาน สมาชิกของตระกูลแอคเคอร์มันน์ ที่เลือกใช้คุณสมบัติแก่นแท้ต้นกำเนิดที่มาจากพลังทางสายเลือดของพวกเขาเองก็มักจะมีจุดจบที่ไม่ดีสักเท่าไหร่
พลังทางสายเลือดของลิเลียน และคุณสมบัติแก่นแท้ต้นกำเนิดของเธอ ยังไม่ได้เข้ากันอย่างสมบูรณ์ ทำให้มีความเป็นไปได้อยู่สองกรณี
“การสั่นพ้องกันทางสายเลือดที่เรารู้สึกนั้นมาจากหน้าประตูโรงเรียน ก็ควรจะปลอดภัยที่จะสันนิษฐานว่าบุคคลนั้นเป็นน้องใหม่… หากเป็นเสียงสั่นพ้องของคุณสมบัติแก่นแท้ต้นกำเนิด ก็ควรเป็นพอล แอคเคอร์มันน์”
ลิเลียนพึมพำกับตัวเอง
หากคำนึงถึงแง่ความสัมพันธ์ทางสายเลือด พอล แอคเคอร์มันน์นั้นเป็นน้องชายของเธอ และการที่เขาได้นำเอาคุณสมบัติแก่นแท้ต้นกำเนิดอาณาจักรมาใช้ ย่อมหมายความว่าเขาน่าจะเป็นคนที่มีโอกาสสั่นพ้องกับเธอได้มากที่สุด เพียงแต่ว่าตัวตนของพอลนั้นค่อนข้างอ่อนไหว
สำหรับคนที่ถูกเลี้ยงดูมาในแวดวงขุนนางตั้งแต่เกิด การถูกตราหน้าว่า ‘ลูกนอกสมรส’ ถือเป็นเรื่องที่หนักหนาสาหัสมาก ลิเลียนจึงมองว่าพอล แอคเคอร์มันน์ ถือเป็นเรื่องอื้อฉาวของจักรวรรดิออสทีน หากเป็นไปได้เธอก็ไม่อยากเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับเขา ยิ่งถ้าคนที่สั่นพ้องกันกับเธอคือเขาล่ะก็ ลิเลียนจะต้องลำบากแน่
แม้ว่ามันจะมีความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่งว่าการสั่นพ้องนั้นไม่ได้มาจากคุณสมบัติต้นกำเนิด แต่มาจากสายเลือด อย่างไรก็ตามความเป็นไปได้นั้นมีโอกาสเพียงเล็กน้อยที่จะเกิดขึ้น ทำให้แววตาของลิเลียนจางลง
ผู้ครอบครองพลังทางสายเลือดนั้นเป็นอะไรที่หาได้ยากมาก ยิ่งความเป็นไปได้ที่จะมีใครบางคนครอบครองพลังทางสายเลือดแบบเดียวกันกับที่ลิเลียนมี ภายในยุคเดียวกัน และเข้ามาในสถานศึกษา ทำให้เกิดการสั่นพ้อง ยิ่งเป็นไปไม่ได้เข้าไปใหญ่
“เรื่องแบบนั้นมันจะเป็นไปได้ยังไง…”
หลังจากที่สงบสติลงได้ เด็กสาวผมดำก็ถอนหายใจออกมาเบา ๆ ให้กับความหวังที่เป็นไปไม่ได้ของตน ก่อนจะค่อย ๆ เดินไปที่โต๊ะด้วยใบหน้าอันเคร่งขรึม
บนโต๊ะนั้นมีซองจดหมายอันวิจิตรบรรจงวางอยู่ตรงกลาง ประทับด้วยตราสัญลักษณ์ ‘อินทรีคู่’ ของราชวงศ์จักรวรรดิออสทีน อย่างไรก็ตาม สิ่งที่แตกต่างไปจากปกติ ก็คือจดหมายฉบับนี้ไม่ได้เขียนโดยอาลักษณ์สืบสาร แต่เป็นลายมือที่เขียนด้วยตัวเอง ขององค์จักรพรรดิแห่งจักรวรรดิออสทีน ลูคัส แอคเคอร์มันน์
ความสำคัญของมันจึงเหนือกว่าจดหมายทั่ว ๆ ไปจากราชสำนักมาก ซึ่งลิเลียนก็เข้าใจถึงเรื่องนี้ดี ดังนั้นเธอจึงเปิดจดหมายและอ่านเนื้อหาอย่างระมัดระวังไปทีละคำ ทว่าเนื้อหาภายในจดหมายนั้นกลับทำให้เด็กสาวต้องสับสน
จดหมายนี้มีด้วยกัน 2 ประเด็นหลัก
ประเด็นแรก เขาขอให้ลิเลียนไม่ลงมืออะไรกับพอล แอคเคอร์มันน์ ภายในสถานศึกษา ซึ่งก็เป็นสิ่งที่เด็กสาวคาดเดาเอาไว้อยู่แล้ว เนื่องจากพอลนั้นกำลังใช้นามสกุล ‘แอคเคอร์มันน์’ อยู่ในขณะนี้ แต่สิ่งที่ทำให้เธอต้องตกใจก็คือประเด็นที่สอง
【อย่าได้เข้าใกล้ ตระกูลแอสคาร์ด】
นี่คือประเด็นที่สองในจดหมายที่ลูคัสได้ถ่ายทอดมาให้ลิเลียน ซึ่งเธอก็สัมผัสได้ว่านี่อาจเป็นจุดประสงค์หลักที่ทำให้ลูคัสเขียนจดหมายนี้มา
ตระกูลแอสคาร์ด เป็นตระกูลชนชั้นสูงที่ทรงอิทธิพลในจักรวรรดิเซนต์เมซิท ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่องค์หญิงแห่งจักรวรรดิออสทีนเช่นลิเลียน จะทราบถึงการมีอยู่ของมัน อย่างไรก็ตามสิ่งที่เธอไม่เข้าใจก็คือทำไมองค์จักรพรรดิถึงต้องเขียนจดหมายเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยตัวเอง
ด้วยที่ไม่สามารถเข้าใจถึงเหตุผลได้ เด็กสาวจึงหยิบเอกสารรายละเอียดนักเรียนข้าง ๆ ขึ้นมาตรวจดู
“โรเอล แอสคาร์ด…”
ลิเลียนครุ่นคิดพลางมองไปยังชื่อดังกล่าวในเอกสาร