ทันทีที่นอร่าจูบแก้มของโรเอล ทุก ๆ อย่างในสนามหญ้าก็หยุดลงทันที กลายเป็นความเงียบโดยสมบูรณ์
จิตใจของโรเอลว่างเปล่าจากความรู้สึกอบอุ่นที่แก้ม พร้อมกับเลือดที่เริ่มพุ่งขึ้นไปที่ศีรษะ ทำให้ใบหน้าของเขาร้อนฉ่า เด็กหนุ่มไม่คาดคิดมาก่อนว่านอร่าจะกล้าทำเรื่องแบบนี้ต่อหน้าฝูงชนในที่สาธารณะ
แม้ว่านอร่าจะเปิดใจกับโรเอล แต่เธอก็ประพฤติตนอย่างมีสติในที่สาธารณะเสมอ ในช่วงห้าปีที่พวกเขาได้รู้จักกัน นอร่าไม่เคยทำอะไรอุกอาจแบบนี้ในที่สาธารณะมาก่อน
ในฐานะที่เด็กสาวเป็นผู้สืบทอดของอาณาจักรอันทรงอำนาจ นอร่าจึงไม่ควรจะเปิดเผยความสนใจในเชิงชู้สาวของตน เนื่องจากศัตรูของเธออาจจะนำมันมาใช้เป็นจุดอ่อนได้ อย่างไรก็ตามในวันนี้ ด้วยภัยคุกคามที่นอร่ารู้สึกจากสภาพแวดล้อมรอบตัว เธอจึงยกระดับความใกล้ชิดขึ้นไปสูงกว่าเมื่อก่อนมาก
ทว่าโรเอลไม่ได้รู้เลยว่า นี่ยังไม่ใช่จุดจบสำหรับ ‘รางวัล’ ของนอร่า
ขณะที่โรเอลกำลังรู้สึกประหม่าจากสายตาของฝูงชนโดยรอบที่จ้องมองมายังพวกเขาด้วยความตกตะลึง ดวงตาสีไพลินของนอร่าก็หรี่ลงเล็กน้อยก่อนจะลงมือต่อ เด็กหนุ่มสัมผัสได้ถึงความรู้สึกเปียกที่แก้มทันที ทำให้ร่างกายสั่นเทา
นอร่าก้าวถอยหลังออกมา เพื่อดื่มด่ำไปกับปฏิกิริยาของโรเอล
“นอร่า นี่เธอ…”
ใบหน้าของโรเอลเปลี่ยนเป็นสีแดงเหมือนแอปเปิ้ลด้วยความเขินอาย
ความเงียบภายในฝูงชนได้สิ้นสุดลง การพูดคุยอย่างเดือดดาลเกิดขึ้นท่ามกลางพวกเขา เหล่านักเรียนชายที่ผ่านวงจรการตกหลุมรักจนหมดรัก ภายในเวลาเพียงนาทีสั้น ๆ ก็ถูกกระแทกหน้าอกของพวกเขาด้วยความหงุดหงิด ในขณะที่เหล่านักเรียนหญิงจ้องไปที่โรเอลอย่างเจ็บใจ
โรเอลทั้งมึนงงและสับสน เขาใช้มือเช็ดน้ำลายของนอร่าออกไป ก่อนจะอ้าปากเตรียมประท้วงการแกล้งของเธอตามสัญชาตญาณ ทว่าเมื่อตระหนักได้ว่าพวกเขากำลังอยู่ในที่สาธารณะ คำพูดของเด็กหนุ่มก็เงียบไป ได้แต่หุบปากลงด้วยริมฝีปากที่สั่นเทา
อะดรีนาลีนที่หลั่งออกมาจากการกระทำใกล้ชิดต่อหน้าฝูงชนทำให้หัวใจทั้งสองเต้นระรัว ใบหน้าอันแดงก่ำของโรเอล ทำให้นอร่ารู้สึกราวกับว่าความปรารถนาทั้งหมดของเธอเพิ่งได้รับการเติมเต็ม
“ท่าทางแบบนี้… อ่า ดูเหมือนข้าจะเป็นฝ่ายที่ได้รับรางวัลเองเสียแล้วสิ”
“แค่นี้ยังไม่พออีกเหรอ? ถ้าคนอื่นรู้ล่ะก็…”
การสนทนาพวกเขาเบาบางเหมือนการกระซิบที่ไม่มีความสลักสำคัญอะไร แม้ว่าเนื้อหานั้นจะเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อเกินบรรยายก็ตาม ทว่าเวลาส่วนตัวของพวกเขาในที่สาธารณะก็ได้ถูกคนอื่นรบกวนลงในที่สุด
“พวกเจ้าสองคนกำลังทำอะไรกัน?”
ฝูงชนที่กำลังส่งเสียงอึกทึกแยกย้ายออกจากกันอีกครั้ง พร้อมกับชาร์ล็อตที่รีบวิ่งเข้ามาจากปลายสนามหญ้าอีกด้านหนึ่ง เธอสังเกตเห็นว่าบรรยากาศผิดปกติไป ทว่าทันทีที่มาถึงที่เกิดเหตุ เด็กสาวก็ได้ยินเสียงพึมพำจากฝูงชนเกี่ยวกับสิ่งที่นอร่าเพิ่งทำลงไป ทำให้ใบหน้าของเธอก็มืดมนลง
“ฝ่าบาทนอร่า ท่านกำลังทำอะไรกับคู่หมั้นของฉันกันคะ?”
“ไม่ได้เจอกันนานเลยชาร์ล็อต ขอโทษนะ เจ้าพูดว่ายังไงนะ คู่หมั้นของเจ้า? นั่นหมายถึงใครกัน?”
“แน่นอนว่า ดิฉันต้องหมายถึงโรเอลอยู่แล้ว อย่ามาถามคำถามไร้สาระสิคะ”
“ชาร์ล็อต เจ้าเข้าใจอะไรผิดไปรึเปล่า? ข้าจำไม่ได้เลยนะว่าโรเอลมีคู่หมั้นแล้ว… อา ใช่แล้ว คู่หมั้นที่เจ้าพูดถึง หมายถึงการหมั้น 100 ปีระหว่างตระกูลโซโรฟยา และตระกูลแอสคาร์ด ที่ไม่สามารถใช้ได้กับเจ้าใช่ไหม?”
เด็กสาวทั้งสองคนเริ่มทะเลาะกันในที่สาธารณะ ห้าเดือนที่โรเอลถูกขโมย ไปทำให้ชาร์ล็อตโกรธแค้นอีกฝ่ายเป็นอย่างมาก และนอร่าเองก็ไม่พอใจที่ช่วงเวลาระหว่างเธอกับโรเอลถูกขัดจังหวะอย่างหยาบคายโดยชาร์ล็อตเช่นกัน ความรู้สึกที่คร่ำครวญอยู่ในใจนี้ส่งผลให้ลิ้นของพวกเธอพูดคำอันเฉียบแหลมกว่าที่เคยใส่กัน ปล่อยให้ฝูงชนต่างสับสนงุนงง แต่ก็ตื่นเต้นไปตาม ๆ กัน
ขณะเดียวกัน ด้านบนระเบียงที่อยู่ห่างไกลออกไป ชายชราคนหนึ่งที่ถือไม้เท้าอยู่ในมือ กำลังเฝ้ามองภาพดังกล่าวพลางหัวเราะเบา ๆ
“ช่างเป็นกลุ่มเด็กที่มีพลังเหลือล้นจริง ๆ ”
อาจารย์ใหญ่แอนโตนิโอลูบเคราของตนขณะพูด ด้านหลังมีกลุ่มอาจารย์ในชุดเครื่องแบบยืนอยู่ ทว่า ตรงกันข้ามกับท่าทางที่ดูดีใจของแอนโตนิโอ พวกเขาเต็มไปด้วยสีหน้าอันเคร่งเครียด
พวกเขาทุกคนล้วนได้เห็นความโกลาหลก่อนหน้านี้ แต่ไม่มีอาจารย์คนใดจะสามารถเข้าไปมีส่วนร่วมได้ เนื่องจากสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่ามีระบบการปกครองที่ให้นักเรียนบริหารได้อย่างอิสระ พวกเขาจึงไม่มีสิทธิ์เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกิจการของนักเรียน เว้นแต่ว่าจะเป็นในยามฉุกเฉินเท่านั้น ซึ่งเห็นได้ชัดว่านั่นยังไม่ใช่เรื่องฉุกเฉินอะไร โดยเฉพาะเมื่อลิเลียนเองก็อยู่ที่นั่นด้วย
มีผู้มีพลังเหนือธรรมชาติระดับแก่นแท้ 3 อยู่ไม่มากในหมู่อาจารย์ และ ‘ระดับแก่นแท้ 3’ ของลิเลียน ก็แตกต่างเหนือกว่าคนอื่น ๆ
“ความรู้สึกนั้นก่อนหน้านี้… ดูเหมือนว่า ‘องค์หญิง’ จะก้าวข้ามแนวคิดดั้งเดิมของ ‘ระดับแก่นแท้ 3’ ไปแล้วสินะ”
“แน่นอน แต่นั่นก็ถือเป็นสิ่งที่ผู้ถือแหวนของสถาบันการศึกษาควรจะเป็นไม่ใช่หรือ?”
“จะว่างั้นก็ได้ แต่หากมองจากอีกมุมหนึ่งแล้ว นี่หมายความว่านักเรียนที่เธอกดดันก่อนหน้านี้เองก็ไม่ใช่คนธรรมดาเช่นกัน เขาถึงสามารถทนต่อแรงกดดันของเธอได้…”
อาจารย์ที่อยู่ด้านหลังแอนโตนิโอ เริ่มพูดคุยถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ บางคนมองไปยังไม้เท้าอสรพิษเก้าหัวในมือของโรเอลและตั้งข้อสงสัยกับอาจารย์ใหญ่
“อาจารย์ใหญ่แอนโตนิโอ อุปกรณ์เวทของนักเรียนคนนั้นอันตรายเกินไปรึเปล่า? ถ้ามันสูญเสียการควบคุมขึ้นมาล่ะก็…”
“ถ้าจำไม่ผิด นั่นน่าจะเป็นอุปกรณ์เวทจากยุคโบราณ และอุปกรณ์เวทที่มีความเก่าแก่ดังกล่าวมักจะควบคุมได้ยาก…”
เหล่าอาจารย์เริ่มพูดถึงไม้เท้าของโรเอลอย่างกระตือรือร้น แสดงความกังวลว่ามันอาจจะอาละวาดได้ในสักวันหนึ่ง อย่างไรก็ตาม แอนโตนิโอกลับไม่ได้สะทกสะท้านกับความกังวลของพวกเขาเลย
“สูญเสียการควบคุม? ไม่หรอก อสรพิษเก้าเศียรตัวนั้นอาจจะดูก้าวร้าว แต่ทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา ข้อเท็จจริงก็คือการที่ไม่มีนักเรียนโดยรอบคนไหนได้รับบาดเจ็บเลย แม้จะเกิดความโกลาหลขึ้นเช่นนี้”
ชายชรายิ้มให้เด็กหนุ่มผมดำในทุ่งหญ้าก่อนจะหันกลับมาเผชิญหน้าเหล่าคณาจารย์ข้างหลังเขา
“เมื่อพูดถึงอันตรายแล้ว มีการทดลองมากมายของอาจารย์ในสถาบันที่อันตรายกว่านี้มาก แทนที่พวกเราจะกังวลเกี่ยวกับอุปกรณ์เวทของนักเรียน ทำไมพวกเจ้าไม่ไปทำให้แน่ใจล่ะ ว่าไม่มีอะไรผิดพลาดเกี่ยวกับการทดลองเหล่านั้น มิฉะนั้น ถ้าหากผู้ถือแหวนกุหลาบม่วงของเราจัดประชุม เพื่อลงคะแนนให้ขับไล่อาจารย์เหล่านั้นออกไป ข้าก็คงจะช่วยอะไรไม่ได้”
คำเตือนของแอนโตนิโอ ทำให้เกิดการสั่นไหวเล็กน้อยในสายตาของเหล่าอาจารย์ ควบคุมความคิดของพวกเขาที่จะริบไม้เท้าอสรพิษเก้าหัวไปทำการวิจัย หลังจากพูดจบ แอนโตนิโอก็หันกลับมามองที่สนามหญ้า
“ข้าคิดว่านักเรียนรุ่นนี้จะแตกต่างออกไปจากรุ่นก่อน ๆ องค์หญิงแห่งจักรวรรดิเซนต์เมซิท ลูกสาวของหัวหน้าผู้บริหารสมาคมพ่อค้าโรซ่า และผู้สืบทอดจากตระกูลแอสคาร์ด ช่างวุ่นวายจริง ๆ!”
“…”
คำพูดของแอนโตนิโอ ทำให้เหล่าอาจารย์ยิ้มออกมาอย่างเจื่อน ๆ ยิ่งนักเรียนมีความโดดเด่นมากเท่าใด ความกดดันที่ถาโถมใส่อาจารย์ก็จะมากยิ่งขึ้นเท่านั้น และนี่ไม่ใช่สิ่งที่ดีสำหรับพวกเขาเท่าไหร่
“หืม? พวกเจ้าดูค่อนข้างกังวลนะ ไม่จำเป็นต้องเครียดไปหรอก นอกจากองค์หญิงของจักรวรรดิเซนต์เมซิทและลูกสาวของหัวหน้าผู้บริหารของสมาคมพ่อค้าโรซ่า มีคนจองตำแหน่งเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของผู้สืบทอดจากตระกูลแอสคาร์ดเอาไว้แล้ว”
ชายชรากล่าวพร้อมกับหัวเราะคิกคัก
เขาจ้องมองไปยังเด็กหนุ่มผมดำด้วยดวงตาอันลึกล้ำขณะกล่าวให้พรอย่างจริงใจ
“หวังว่าเขาจะสามารถผ่านพ้นมันไปได้นะ”
…
ท้ายที่สุดการโต้แย้งของนอร่าและชาร์ล็อตก็ถูกหยุดลง ด้วยเสียงเปิดประตูของหอประชุม ทำให้โรเอลก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
ทั้ง ๆ ที่มันควรจะเป็นเพียงแค่การกำจัดเดธแฟล็กธรรมดา ๆ ทว่านี่กลับทำให้โรเอลกลายเป็นจุดสนใจของลิเลียน นอร่า และชาร์ล็อต เด็กชายรู้สึกว่าการต่อสู้ยังเหนื่อยน้อยกว่าการจัดการกับสิ่งเหล่านี้เสียอีก ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมบางคนถึงชอบแก้ปัญหาด้วยความรุนแรง
โรเอลและคนอื่น ๆ เริ่มเดินเข้าไปในหอประชุมพร้อมกับฝูงชน ภายใต้สายตาที่จับจ้องของเหล่าสมาชิกหน่วยรักษาความปลอดภัย
หอประชุมของสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่านั้นใหญ่โตโอ่อ่าน่าประทับใจ เช่นเดียวกับสนามหญ้า มันถูกออกแบบมาให้รองรับนักเรียนมากกว่าหมื่นคนในคราวเดียว
โดยปกติแล้วที่แห่งนี้จะปิดอยู่ตลอดทั้งปี ยกเว้นในพิธีรับน้องใหม่และพิธีรับปริญญา เนื่องจากงานส่วนใหญ่ไม่ต้องการพื้นที่ขนาดใหญ่เช่นนี้ เรียกได้ว่าแม้แต่งานเฉลิมฉลองวันสถาปนาสถาบันทั่ว ๆ ไปก็ยังถูกจัดขึ้นในห้องโถงขนาดเล็กอื่น ๆ แทน
แน่นอนว่ามีกิจกรรมพิเศษบางอย่างที่อาจจะต้องเปิดใช้หอประชุมนี้ เช่น งานวันครบรอบการก่อตั้งสถาบัน หรือพิธีมอบรางวัลใหญ่เพื่อเป็นเกียรติแก่นักเรียนที่ได้บรรลุผลงานสำคัญ ๆ ยกตัวอย่างเช่น ‘เหตุการณ์ผู้สังหารมังกร’ เมื่อหลายศตวรรษก่อน ที่สถาบันการศึกษาได้เปิดหอประชุมนี้ขึ้นเป็นพิเศษ
คงจะเป็นความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวง หากจะคิดว่าภายในหอประชุมนี้จะดูหยาบเพราะขนาดที่ใหญ่โตของมัน กลับกันแล้ว มันถูกสร้างขึ้นด้วยวัสดุที่ดีที่สุดและได้รับการออกแบบอย่างวิจิตรบรรจงจนถึงรายละเอียดปลีกย่อย
สถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่าไม่ได้ขาดแคลนเงินใด ๆ ดังนั้นพวกเขาจึงเต็มใจที่จะใช้จ่ายเพื่อการประชาสัมพันธ์ และหอประชุมอันโอ่อ่าแห่งนี้ถือเป็นหนึ่งในการลงทุนหลักที่มีประสิทธิภาพมากเพียงพอจะทำให้เหล่านักเรียนต้องทึ่งไปตาม ๆ กัน
แค่ทางเดินที่นำไปสู่หอประชุมก็มีภาพงานศิลปะอันสวยงามให้เห็นแล้ว นักศึกษาใหม่นับพันคนได้รับการต้อนรับด้วยพรมแดงและไฟที่แขวนอยู่บนเพดานอย่างวิจิตรบรรจง ข้างทางเดินมีประติมากรรมลอยน้ำและรูปบุคคลที่มีชื่อเสียงซึ่งได้รับรางวัลในหอประชุม
ทีแรกโรเอลเองก็รู้สึกทึ่งกับความยิ่งใหญ่นี้เช่นกัน แต่เด็กหนุ่มนั้นค่อนข้างจะเริ่มชินชากับความฟุ่มเฟือยแล้ว ด้วยเวลาที่เขาใช้ร่วมกับชาร์ล็อตในเมืองโรซ่าได้เปิดตาของเขาอย่างถี่ถ้วน ดังนั้นเขาจึงไม่ได้รับผลกระทบจากหอประชุมแห่งนี้มากเท่าไหร่นัก
ถัดจากทางเดินสีขาวเป็นห้องประชุมที่มีธีมสีแดงและสีทอง มันมีเพดานสูงมากจนแสงจากโคมไฟที่แขวนอยู่ด้านบนส่องแสงเป็นสีรุ้งเล็กน้อย
ด้วยเหตุนี้ สถาบันการศึกษาจึงวางอุปกรณ์ส่องสว่างแบบลอยตัวไว้รอบสถานที่ โดยอุปกรณ์เวทที่คอยส่องแสงสว่างเหล่านี้จะแตกต่างกันทั้งรูปทรงและขนาด ทำให้แสงที่ส่องออกมาแตกต่างกันไปด้วย ซึ่งบางอันก็มีโฆษณาเขียนอยู่
ยกตัวอย่างเช่น มือโครงกระดูกที่กำลังสร้างเป็นทรงหัวใจขนาดเล็กด้วยนิ้วกระดูกของมันและเปล่งแสงสีเขียวอันน่าขนลุก แวบวาบและก่อตัวเป็นชุดคำ:
【ภาคีแห่งปัญญา ศาสตร์แห่งการคืนชีพ ยินดีต้อนรับการมาถึงของน้องใหม่อย่างอบอุ่น】
มีอุปกรณ์ส่องสว่างเช่นนี้ลอยอยู่อย่างน้อย ๆ หลายร้อยชนิด โดยแต่ละแบบน่าจะมาจากภาคีแห่งปัญญาที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งจัดแสดงให้นักศึกษาใหม่ได้เชยชม เพราะภาพอันแปลกประหลาดเช่นนี้ย่อมกระตุ้นความอยากรู้ของนักเรียนโดยธรรมชาติ
นี่ทำให้แม้แต่โรเอลก็ยังพูดไม่ออก
เด็กหนุ่มเดินสบาย ๆ เข้าไปในห้องโถงพร้อมกับฝูงชน โดยที่ไม่รู้เลยว่าในมุมมืดอันห่างไกลเหนือหอประชุม ผู้หญิงผมสีแดงเลือดนกคนหนึ่งกำลังกัดบุหรี่พลางมองมาที่เขาด้วยรอยยิ้มอันขุ่นเคืองแขวนบนริมฝีปากของเธอ
“ในที่สุดก็มาถึงแล้วสินะ เจ้าหนูจากตระกูลแอสคาร์ด”