บทที่ 28: มาดูกันดีกว่าว่าใครกันแน่ที่จะโดนหลอก
อาร์เว่น ดาร์นี่ เป็นผู้ที่รู้สึกว่าตนเองประสบความสำเร็จในชีวิต
เขามีอายุสี่สิบปี เป็นผู้ที่เกิดมาในพื้นที่ลุ่มแม่น้ำโรซ่า โดยมีผมสีแดงอันเป็นเอกลักษณ์ของชาวพื้นที่ลุ่มแม่น้ำโรซ่า
ในวัยหนุ่มเขาได้เดินทางไปตามอาณาจักรต่าง ๆ ร่วมกับสมาคมพ่อค้าโซโรฟยาร์จนถึงวัยสามสิบปี เขาก็ได้กลับมาที่เมืองโรซ่า เพื่อรับหน้าที่รับผิดชอบธุรกิจที่เพิ่มมากขึ้นภายในสมาคม ไต่เต้าตำแหน่งมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งตอนนี้อาร์เว่นก็ได้มาเป็นผู้จัดการสาขาเขตการปกครองแอสคาร์ด ของสมาคมพ่อค้าโซโรฟยาร์ในที่สุด
สถานะของผู้จัดการสาขาเพียงไม่กี่คนในสมาคมพ่อค้าโซโรฟยาร์ที่มีชื่อเสียง สำหรับจักรวรรดิเซนต์เมซิทแล้ว สถานะของอาร์เว่นนั้นเหนือกว่าขุนนางทั่ว ๆ ไปด้วยซ้ำ มีเพียงลูกค้าที่โดดเด่นที่สุดเท่านั้นที่จะควรค่าแก่การเจรจาธุรกิจกับอาร์เว่น
ซึ่งเด็กผู้ชายผมสีดำที่นั่งอยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้เองก็เป็นหนึ่งในนั้น
“นายน้อยโรเอล เสื้อผ้าสองชุดที่ท่านสั่งซื้อจะมาถึงภายในครึ่งเดือนต่อจากนี้ ทางเราจะให้พนักงานของพวกเราเดินทางเข้าไปที่คฤหาสน์ตระกูลแอสคาร์ด สำหรับดาบสั้นที่ท่านสั่งซื้อ เกรงว่าคงจะต้องใช้เวลานานกว่าเดิมเล็กน้อย ประมาณสามเดือนครับ”
ภายในห้องที่ประดับประดาอย่างวิจิตรหรูหรา อาร์เว่นในชุดสูทสีดำมองไปยังเด็กน้อยหน้าตาน่ารักผู้หล่อเหลาฝั่งตรงข้าม พร้อมอธิบายสถานการณ์ต่าง ๆ ด้วยรอยยิ้มอันเป็นมิตร บรรยากาศสบาย ๆ ของอาร์เว่นแสดงให้เห็นว่าเขาคู่ควรกับตำแหน่งผู้จัดการมากเพียงใด
กลิ่นหอมเล็กน้อยโชยมาจากชาแดงคุณภาพเยี่ยมที่เสิร์ฟรินลงในถ้วยชาที่ถูกออกแบบอย่างประณีตขึ้นโดยชาวพื้นที่ลุ่มแม่น้ำโรซ่า โรเอลเอนพิงอย่างสบาย ๆ บนโซฟานุ่มพลางจิบชาแล้วพูดอย่างสงบ
“เป็นชาที่ไม่เลวเลย”
“ฮ่า ฮ่า มันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วสำหรับพวกเราที่จะต้องให้บริการท่านด้วยชาที่ดีที่สุด ปกติแล้วผมไม่มีโอกาสได้ลิ้มลองชาอันล้ำค่าเช่นนี้หรอกครับ”
ชิ ชิ มีแต่เด็กเท่านั้นแหละที่จะเชื่อคำพูดของแก!
โรเอลยังคงยิ้มอย่างใจเย็นขณะที่ตอบโต้คำพูดของอาร์เว่นอย่างดูถูกเหยียดหยามในใจ
สมาคมพ่อค้าโซโรฟยาร์เป็นที่รู้จักกันในเรื่องความมั่งคั่ง ดังนั้นผู้จัดการสาขาผู้มีฐานะสูงมีหรือจะไม่สามารถซื้อชาระดับนี้ได้? มันไม่ต่างอะไรไปจากการบอกว่าปลากำลังจมน้ำเลย!
นี่เป็นกลวิธีทั่วไปของพ่อค้าที่ใช้ในการทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าตนเองพิเศษ ก่อนที่จะปอกลอกเงินมาจากพวกเขา และรับเงินทั้งหมดของพวกเขาไป มันได้ผลดีทีเดียวโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใช้กับเยาวชนผู้ไร้เดียงสา หรือขุนนางที่ทะนงตัวในความร่ำรวยที่พยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อรักษาศักดิ์ศรีหน้าตาของตัวเอง น่าเสียดายสำหรับอาร์เว่นที่โรเอลไม่ใช่คนทั้งสองประเภทนั้น
ช่างเป็นคนที่มีลิ้นกะล่อนจริง ๆ อยากพยายามต่อก็ทำไปเลย แต่มันคงสายไปร้อยปีที่จะมาเอาเปรียบฉันล่ะนะ!
โรเอลวางถ้วยน้ำชาลงอย่างใจเย็นแล้วเริ่มพูดโดยไม่สนใจคำเยินยอของอาร์เว่น
“ไม่มีปัญหา นานกว่าเดิมสามเดือนก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่ มันเป็นเพียงปัญหาเล็กน้อยเท่านั้น อย่างไรก็ตามข้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อพูดคุยเรื่องส่วนตัวหรือยืนยันเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ พวกนี้หรอกนะ”
“ผมเข้าใจดีครับ นายน้อยโรเอล ได้โปรดอย่าลังเลที่จะพูดความประสงค์ในใจของท่านออกมาเลยครับ พวกเราจะได้เตรียมสิ่งที่ท่านต้องการได้อย่างตรงจุด”
อาร์เว่นยังคงมีรอยยิ้มอันเป็นมิตรบนใบหน้า ทำให้ดูเหมือนว่าเขาเต็มใจที่จะจัดการทุกอย่างเพื่อช่วยเหลือ แต่ภายในใจของผู้จัดการสาขา เขาเริ่มที่จะรู้สึกดูถูกโรเอลเสียแล้ว
ธุรกิจสกปรกอีกแล้วสินะ ก็พอจะได้ยินมาบ้างแล้วล่ะ ว่าลูกชายของมาร์ควิสคาร์เตอร์เป็นคนขี้เกียจ แต่ไม่คิดเลยว่าเขาจะมีส่วนร่วมกับเรื่องแบบนั้นตั้งแต่อายุยังน้อยเท่านี้
ขอเดาเลยนะว่าคราวนี้เขาจะมาซื้ออะไร ไม่หญ้าลวงตาเริงรมย์ ก็คง เสียงแห่งความร่าเริงใช่ไหม? หรือที่เขาต้องการจะเป็นผู้หญิง?
อาร์เว่นครุ่นคิดพลางคิดหาข้ออ้างที่จะไล่โรเอลกลับไป
แม้ว่าสมาคมพ่อค้าโซโรฟยาร์จะทำการค้าเกี่ยวกับสินค้าและธุรกิจมากมาย แต่พวกเขาก็ยังมีกฎอันชัดเจนว่า ห้ามไม่ให้ขายสินค้าดังกล่าวภายในพื้นที่จักรวรรดิเซนต์เมซิท
อย่างไรก็ตามหากโรเอลเป็นถึงมาร์ควิส อาร์เว่นก็อาจจะยอมลำบากเพื่อหาทางขายพวกมันเพื่อหลอกเขา ทว่าเด็กชายนั้นยังเป็นเพียงแค่ผู้สืบทอดในขณะนี้
มาร์ควิสคาร์เตอร์นั้นเป็นแบบอย่างอันสูงส่งที่ขุนนางควรจะเป็น อีกทั้งยังเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติที่แข็งแกร่งและมีอิทธิพล มันไม่มีทางเลยที่เขาจะยอมให้ลูกชายของตัวเองเข้าไปพัวพันกับเรื่องแบบนั้น ถ้าคาร์เตอร์สืบเจอเรื่องนี้อาร์เว่นอาจจะต้องตกอยู่ในสถานะที่ลำบากพอสมควรเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตามสิ่งที่อาร์เว่นคิดนั้นไม่ได้เกิดขึ้นแต่อย่างใด
“ข้าต้องการจะขายสินค้าที่มีอยู่ในรายการคำขอของพวกท่าน” โรเอลบอกความต้องการของเขาออกไป
“รายการคำขอ งั้นเหรอครับ?”
อาร์เว่นกะพริบตาด้วยความประหลาดใจ ที่เด็กชายคนนี้มาที่นี่เพื่อขายของให้กับเขา อย่างไรก็ตามความประหลาดใจนั้นก็คงอยู่เพียงชั่วครู่ ก่อนที่รอยยิ้มในฐานะมืออาชีพจะกลับมาบนใบหน้าของเขาอีกครั้ง
“อ่า อย่างนั้นเองเหรอครับ ผมขอถามได้รึเปล่า ว่ารายการสินค้าที่ท่านสนใจจะขายมาจากรายการคำขอ รายการที่เท่าไหร่”
“มันคือรายการคำขอหมายเลขที่ 172 วัตถุที่มีผลในการทำให้วิญญาณสงบลง ระงับการแพร่กระจายของพลังเวทด้านลบ และป้องกันการคืนชีพของศพ”
โรเอลท่องข้อความที่จำมาจากรายการสินค้าอย่างใจเย็น ทำให้อาร์เว่นที่กำลังจะพลิกดูรายการสินค้าด้วยตัวเองถึงกับชะงัก ดวงตาของเขาหรี่ลงภายในเสี้ยววินาที
“…ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ความทรงจำของนายน้อยโรเอลช่างยอดเยี่ยมจริง ๆ! ใช่แล้ว มันเป็นรายการคำขอที่พวกเรากำลังพยายามจัดหาอย่างเร่งด่วนในขณะนี้”
อาร์เว่นพลิกดูรายการสินค้าไปอย่างช้า ๆ แต่ในความเป็นจริงแล้ว หัวใจของเขากำลังเต้นระรัวด้วยความตื่นเต้นหลังจากที่ได้ยินคำพูดของโรเอล
แม้ว่าจะไม่มีใครคนอื่นทราบว่าใครคือผู้ซื้อ แต่อาร์เว่นในฐานะผู้จัดการสาขา ย่อมรู้ข้อมูลบางส่วนของผู้ซื้อ มันเป็นคำร้องขอที่ออกมาจากสำนักงานใหญ่ในพื้นที่ลุ่มแม่น้ำโรซ่าโดยตรง ซึ่งหมายความว่าผู้ซื้อที่อยู่เบื้องหลังรายการคำขอหมายเลข 172 นั้นมีแนวโน้มที่จะเป็นหนึ่งในสมาชิกระดับสูงของสมาคมพ่อค้าโซโรฟยาร์
ทันใดนั้นการทำธุรกรรมที่ดูเหมือนจะไม่สำคัญครั้งนี้ ก็ได้กลายเป็นธุรกรรมครั้งสำคัญที่อาจส่งผลต่ออาชีพการงานในอนาคตของอาร์เว่นในสมาคมพ่อค้าโซโรฟยาร์
ถึงใบหน้าของอาร์เว่นดูผิวเผินแล้วเหมือนจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่แววตาอันเฉียบคมในดวงตาของเขาก็แสดงให้เห็นว่าอาร์เว่นได้เริ่มที่จะทำธุรกิจจริง ๆ จัง ๆ แล้ว
“นายน้อยโรเอล ผมขอถามจะได้รึเปล่าว่าสินค้าที่ว่านั้นอยู่ที่ไหน?”
“ตอนนี้มันอยู่ที่คฤหาสน์ของข้า หากการเจรจาเป็นไปด้วยดี วันพรุ่งนี้ข้าจะแวะมาที่นี่เพื่อส่งสินค้ากับมือของท่าน” เด็กชายส่งยิ้มที่ดูเจ้าเล่ห์เกินวัย
“เข้าใจแล้วครับ ขออภัยด้วยที่ผมต้องถามคำถามนี้ แต่สินค้าของท่านมีคุณสมบัติตรงตามเกณฑ์ที่ระบุไว้มากน้อยเพียงใด”
“ข้าสามารถรับประกันได้ว่ามันเป็นไปตามเกณฑ์ที่ระบุเอาไว้ในรายการคำขอ มันสามารถทำให้วิญญาณสงบลงได้ ป้องกันการคืนชีพของศพ รวมถึงยังสามารถระงับพลังเวทด้านลบบางอย่างได้อีกด้วย”
โรเอลอธิบายอย่างรวดเร็วถึงผลของตะเกียงสงบวิญญาณของซาโครม โดยให้ความสนใจอย่างใกล้ชิดกับการผันผวนทางอารมณ์ของอาร์เว่น
แม้ว่าอีกฝ่ายจะยังมีใบหน้าที่ดูสุขุมและยอดเยี่ยม แต่เขาก็ไม่สามารถปกปิดสายตาอันเฉียบคมหลังจากที่ได้ยินคำอธิบายของโรเอลได้
“มันเป็นสมบัติที่ข้าพบในคลังของตระกูลแอสคาร์ด แม้ว่าท่านพ่อดูจะไม่เห็นด้วยกับการขายมันเท่าไหร่ แต่ท่านเองก็น่าจะเคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องที่ข้าขาดความสามารถในฐานะผู้มีพลังเหนือธรรมชาติใช่ไหมล่ะ สมบัติแปลก ๆ เหล่านั้นในคลังของพวกเรา มันไม่มีประโยชน์สำหรับข้าเลย ดังนั้นข้าจึงอยากจะแลกเปลี่ยนมันกับสิ่งที่ใช้งานได้มากกว่า ท่านเห็นด้วยรึเปล่า?”
โรเอลแสดงสีหน้าอันดูถูกเหยียดหยาม แสดงให้อีกฝ่ายเห็นว่าเขาเป็นเพียงผู้สืบทอดที่ไม่ได้ความและไร้ซึ่งความสามารถคนหนึ่ง
อาร์เว่นอดไม่ได้ที่จะเยาะเย้ยเด็กชายอยู่ในใจ เมื่อเห็นท่าทีของโรเอล แต่ภายนอกเขากลับพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
“สิ่งที่ท่านพูดช่างสมเหตุสมผลยิ่งนัก สิ่งของที่ไร้ประโยชน์เก็บไว้ก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรมากไปกว่าเป็นที่ให้ฝุ่นเกาะ มันเป็นความคิดที่ดีที่จะแลกเปลี่ยนพวกมันเป็นเหรียญทอง และใช้มันซื้อในสิ่งที่ท่านต้องการจริง ๆ แล้วถ้าอยากได้คืนท่านก็แค่ซื้อมันกลับมาตอนไหนก็ได้”
อาร์เว่นเล่นไปตามบทของโรเอล อีกทั้งยังเสริมให้ในประเด็นของเขา และเลือกที่จะละเลยไม่อธิบายให้ ‘เด็กน้อยไร้เดียงสา’ ฟังว่าสมบัติที่มีพลังเหนือธรรมชาตินั้นหายากมากเพียงใดในตลาด
โรเอลพยักหน้าอย่างฉุนเฉียวเมื่อได้ยินคำพูดของอาร์เว่น ทำทีเป็นเหมือนเห็นด้วยอย่างยิ่งกับอีกฝ่าย
“ข้าคิดอยู่แล้วว่าท่านอาร์เว่นต้องเข้าใจข้าแน่ ท่านพ่อน่ะดื้อรั้นเกินไป จะเก็บของพวกนั้นไว้ในคฤหาสน์ทำไมกัน เก็บไว้ก็ไม่ได้เอาไปใช้ประโยชน์อะไร ถ้าเป็นข้าล่ะก็คงจะขายพวกมันทั้งหมดไปแล้ว!”
โรเอลโบกมืออย่างยิ่งใหญ่ ราวกับว่าเขาแทบรอไม่ไหวที่จะได้ขายสมบัติมากมายของตระกูลแอสคาร์ดที่สะสมมาตลอดหลายปี
คำพูดเหล่านั้นจุดประกายไฟในใจของอาร์เว่น
สมบัติของตระกูลจอมเวทที่มีประวัติมาอย่างยาวนานเช่นตระกูลแอสคาร์ด เป็นอะไรที่ไม่ควรมองข้ามเลย
พวกเขาคงจะมีวัตถุโบราณหายากมากมายเป็นแน่ สมบัติเหล่านั้นไม่ใช่อะไรที่ใครจะหาซื้อได้ง่าย ๆ แม้ว่าจะมีเงินมากมหาศาล! หากเขาสามารถเจรจาข้อตกลงทางธุรกิจนี้ได้สำเร็จล่ะก็ มันจะต้องคุ้มค่ามากแน่ ๆ ต่อให้เขาจะต้องใช้เงินมากมหาศาลเท่าไหร่ก็ตาม!
นอกจากนี้สมาคมพ่อค้าโซโรฟยาร์จะไปมีปัญหาเรื่องการเงินได้ยังไง ? มันเป็นความมั่นใจของพวกเขาเลยทีเดียวว่าพวกเขาจะต้องมีเงินเหลือกินเหลือใช้อยู่เสมอ ๆ !
อันที่จริงแล้วสมาคมพ่อค้าโซโรฟยาร์นั้นมีภารกิจพิเศษสำหรับผู้จัดการสาขาทุกคน นั่นก็คือการรวบรวมสมบัติลึกลับทุกประเภทจากทั่วทุกมุมโลก ว่ากันว่าผู้จัดการสาขาบางคนยอมใช้เวลาหลายปีไปกับการพยายามเข้าใกล้ขุนนางที่กำลังตกต่ำ เพื่อหวังจะครอบครองสมบัติที่พวกเขามีด้วยซ้ำ
อาร์เว่นรู้ดีว่าตราบใดที่เขาสามารถเจรจาข้อตกลงนี้ให้สำเร็จได้ เขาก็จะได้หลักประกันการเลื่อนตำแหน่งของตัวเองในทันที
ไม่ว่าจะเป็นการบรรลุรายการคำขอหมายเลขที่ 172 หรือการได้ครอบครองสมบัติของตระกูลแอสคาร์ด ต่างก็เป็นโอกาสอันล้ำค่าสำหรับอาร์เว่น ซึ่งทำให้เขาประสบปัญหาในการพยายามปั้นหน้านิ่งสุขุมของตนเองเอาไว้ ผู้จัดการสาขากลืนน้ำลายลงคอพลางถามด้วยความกระวนกระวายใจ
“นายน้อยโรเอล ท่านคิดว่าราคาที่เหมาะสม สำหรับสินค้าที่ท่านต้องการขายคือเท่าไหร่ ?”
“นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเราได้ทำธุรกิจด้วยกัน ดังนั้นข้าต้องหาเงินจำนวนหนึ่งไปเป็นหลักฐานให้กับท่านพ่อ”
ดวงตาของโรเอลลุกวาวขึ้น เขาครุ่นคิดสักครู่ ก่อนที่เขาจะมอบข้อเสนอให้พร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า
“ท่านคิดว่าราคา 50,000 เหรียญทองเป็นอย่างไรบ้างล่ะ?”