บทที่ 43: บางสิ่งที่ฉันต้องทำ
“พี่ใหญ่โรเอล!”
“ตายไปซะ แกต้องตาย! ฉันจะส่งแกไปลงนรกเอง!”
ภัยร้ายที่คืบคลานมาจากทางด้านหลังของโรเอลก็คือบรอนที่กำลังโกรธจัดนั่นเอง ใบหน้าที่อ่อนเยาว์พังยับเยินจากการถูกทุบลงบนโต๊ะซ้ำไปซ้ำมาจนเศษไม้ฝังอยู่ในใบหน้าของเขา ดั้งจมูกอันคมสวยซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นความภาคภูมิใจของเด็กชายได้ยุบลงไป ดวงตาอันแดงก่ำของเขาสะท้อนให้เห็นสภาพจิตใจที่ตอนนี้กำลังบ้าคลั่ง
ไอ้ลิงกังนี่! โดนเราทุบหัวเข้ากับโต๊ะไปตั้งหลายรอบแล้วแท้ ๆ ยังจะลุกขึ้นยืนกลับมาได้อีกอย่างนั้นเหรอ?
โรเอลประเมินความแข็งแกร่งของพลังระดับแก่นแท้ 6 ต่ำเกินไป เขาไม่คิดเลยว่าบรอนจะฟื้นตัวกลับมาจากอาการมึนงงที่หัวถูกกระแทกได้เร็วขนาดนี้ อีกทั้งยังลุกขึ้นมาแทงข้างหลังอย่างเงียบ ๆ ได้อีก
ความเจ็บปวดแล่นไปทั่วร่างกายของโรเอลตอนที่บรอนเสียบมีดของเขา ซึ่งยาวประมาณหนึ่งนิ้วแทงเข้าไปในท้องของโรเอล ในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้โรเอลจึงใช้คาถาเวท ระเบิดพลัง กระชับกล้ามเนื้อหน้าท้องของตนเองอย่างรวดเร็วแล้วเอื้อมมือไปจับใบมีดให้เข้าที่
“สกปรกนักนะ ถึงกับใช้มีดทำร้ายฉันเลยอย่างนั้นเหรอ? เบื่อที่จะมีชีวิตอยู่แล้วรึไง?”
“ฉันกำลังคิดหาวิธีหลอกล่อแกออกมาเพื่อจะจัดการกับแกอยู่พอดี ไม่คิดเลยจริง ๆ ว่าแกจะมาที่นี่ด้วยตัวเอง แถมยังปกป้องยัยเด็กผู้หญิงน่าเกลียดคนนี้เนี่ยนะ? แกทำให้เรื่องมันง่ายขึ้นเยอะสำหรับฉันเลย โรเอล แอสคาร์ด!”
“มีคนเยอะแยะที่สู้กับแกในห้องนี้ แกคงรู้ใช่ไหมว่าฉันกำลังหมายถึงอะไร? นี่หมายความว่าต่อให้ใช้คาถาเวทก็ไม่มีทางที่จะสามารถระบุได้ว่าฉันเป็นผู้ร้ายที่ฆ่าแก! ต่อให้ฉันลงมือฆ่าแกที่นี่! ฉันก็จะไม่ตกเป็นผู้ต้องหา! แกเป็นบุตรชายผู้สืบทอดคนเดียวของตระกูลแอสคาร์ด ถ้าฉันสามารถยุติเชื้อสายของพวกแกลงได้ที่นี่ ฉันก็จะถูกเชิดชูให้เป็นวีรบุรุษของตระกูลเอลริก!”
บรอนคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยวขณะกำลังพยายามดันมีดแทงเข้าไปอย่างสุดกำลัง
อีกด้านหนึ่งโรเอลเองก็พยายามอย่างเต็มที่เพื่อหยุดมีดในมืออีกฝ่ายไม่ให้แทงลึกลงไปมากกว่านี้ แม้ว่าเขาจะใช้พลังเวทจนเกือบหมดถึงขนาดไม่สามารถคงสภาพคาถาถุงมือเวทต่อไปได้ แต่เด็กชายก็จับมีดเอาไว้แน่นด้วยความดื้อรั้น
ดวงตาสีทองได้สบเข้ากับดวงตาสีเขียว ตาคู่หนึ่งเย็นชาไร้ความปรานี ส่วนอีกคู่ก็เปี่ยมไปด้วยจิตสังหารอันดุร้าย เช่นเดียวกับสภาพของทั้งสองคนที่กำลังต่อสู้อยู่บนเส้นด้ายยื้อยุดระหว่างชีวิตและความตาย
ทว่า เมื่อเวลาผ่านไปมือของโรเอลก็เริ่มสั่น
การต่อสู้ก่อนหน้านี้ทำให้มือซ้ายของเขาถูกเผาจนไม่สามารถใช้งานได้อีก ส่วนมือขวาก็มีเลือดไหลออกมาเรื่อย ๆ จากการจับใบมีดอันแหลมคม ทำให้โรเอลไม่สามารถรักษาคาถาเวทควบคุมลมปราณไว้ได้อีกต่อไป และพลังเวทของเขาเองก็เริ่มลดลงไปเรื่อย ๆ หากเปรียบเทียบกับบรอนแล้ว แม้ว่าบรอนจะอยู่ในสภาพที่บาดเจ็บสาหัส แต่เขาก็ยังสภาพดีกว่าโรเอล
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า หมดแรงแล้วรึไง? รู้สึกว่าแรงจับของแกมันอ่อนลงไปกว่าเมื่อกี้มากเลยนะ!”
บรอนหัวเราะเยาะเย้ยอย่างเย็นชาพลางดันมีดให้แทงลึกลงไปเรื่อย ๆ ทีละนิดเข้าไปในท้องของโรเอล เมื่อแผลเปิดกว้างมากขึ้นทำให้เลือดไหลออกมาอีกครั้ง
รอยยิ้มแห่งชัยชนะปรากฏขึ้นบนใบหน้าของบรอน เขามั่นใจเหลือเกินว่าชัยชนะนั้นห่างเพียงแค่เอื้อมมือแล้ว
—————————————–
ปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว เราต้องช่วยพี่ใหญ่โรเอล!
อลิเซียคิดอย่างลนลานด้วยร่างกายที่สั่นเทา
การต่อสู้นั้นได้ดำเนินมาถึงจุดตัดสิน ทั้งโรเอลและบรอนต่างก็กำลังยื้อดึงมีดกันไปมา สิ่งที่อลิเซียเห็นก็คือ บรอน เอลริกนั้นได้เสียสติไปแล้ว และตั้งใจที่จะฆ่าโรเอลและเธอจริง ๆ
เด็กสาวรู้ดีว่าตนเองต้องช่วยพี่ชาย แต่ก็ไม่รู้ว่าเธอควรจะทำอย่างไรในสถานการณ์แบบนี้
แม้ว่าอลิเซียจะมีระดับสายเลือดอันทรงพลัง แต่เธอก็ยังเด็กเกินไป ตอนนี้เธอยังอยู่ที่ระดับแก่นแท้ 7 ซึ่งช่องว่างระหว่างระดับแก่นแท้ 7 และระดับแก่นแท้ 6 นั้นห่างกันเกินไป ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของพลัง ความเร็ว หรือความแข็งแกร่งทางร่างกาย
แบบนี้สิ้นหวังแล้วจริง ๆ อย่างนั้นเหรอ? เธอมืดมนไปหมด…. ไม่สิเธอต้องตั้งสติ ต้องมีสมาธิ ไม่ตื่นกลัว
ไม่ มันยังมีทางออก ฉับพลันสมองอันชาญฉลาดของเธอก็เริ่มทำหน้าที่
มนุษย์ในอดีตกาลได้คิดค้นวิธีที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งและสามารถในการต่อสู้ของพวกเขาเพื่อที่จะจัดการกับศัตรูที่เกินกว่ากำลังของตัวเอง นั่นก็คืออาวุธ
เด็กสาวผมสีเงินมองไปยังมีดเปื้อนเลือดบนโต๊ะทำให้ร่างกายของเธอสั่นสะท้านอย่างรุนแรงด้วยสัญชาตญาณแห่งความกลัว
มันคือมีดที่บรอนใช้ขู่เธอก่อนหน้านี้
สำหรับอลิเซียแล้วนี่เป็นวัตถุที่น่ากลัวกว่าสิ่งใดในโลก หากเป็นตัวเธอในอดีต เธอคงจะไม่กล้าแม้แต่จะเหลือบมองมันด้วยซ้ำ
ทว่าตอนนี้สายตาของเด็กสาวจับจ้องไปที่มัน แม้ว่าความกลัวภายในจิตใจจะทำให้น้ำตาไหลพรากออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ แต่เธอก็พยายามบังคับตัวเองไม่ให้ละสายตาไปจากมัน
อลิเซียคิดมาโดยตลอดว่าโลกใบนี้ช่างแปลกประหลาด ทั้ง ๆ ที่มันมีสิ่งที่น่ากลัวอยู่มากมาย แต่กลับมีสิ่งมหัศจรรย์เพียงไม่กี่อย่างเท่านั้นที่ล้ำค่าน่าปกป้อง ในวันที่โรเอลป้อนอาหารให้อลิเซียเป็นครั้งแรก นั่นคือครั้งแรกที่เธอได้สัมผัสกับรสชาติของความสุข
แม้มีดตรงหน้าของอลิเซียในตอนนี้จะน่ากลัวมากแค่ไหนมันก็ยังเทียบไม่ได้เลยกับความกลัวที่เธอจะต้องสูญเสียโรเอล สูญเสียความสุขอันล้ำค่าที่เธอเพิ่งได้รับมานี้ไป
ขยับสิ ร่างกายของเรา! ขยับสิ!
เด็กสาวตัวเล็ก ๆ กรีดร้องในใจ พยายามบังคับตัวเองให้หยิบมีดที่เปื้อนเลือดเล่มนั้นขึ้นมา แม้ว่ามันจะเป็นวัตถุที่เบามาก แต่สำหรับอลิเซียแล้วมันคือวัตถุที่หนักมากที่สุดในชีวิต
ความแข็งแกร่งเบื้องลึกในจิตใจของอลิเซียปะทุเอ่อล้นขึ้นมา รวบรวมความกล้าให้กับเธอเพื่อที่จะยกมันขึ้นมาถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ในอดีต
เราจะต้องปกป้องพี่ใหญ่โรเอล!
ขณะที่ดวงตาของเด็กสาวเอ่อล้นไปด้วยน้ำตา อลิเซียก็กัดริมฝีปากพุ่งเข้าสู่ฝันร้ายที่เคยขู่ว่าจะพรากทุกสิ่งของเธอไป
——————————————-
ฉึก
เสียงมีดแทงเข้าไปในร่างกายของคน ๆ หนึ่งดังขึ้นเป็นครั้งที่สอง ร่างของบรอน เอลริกสั่นสะท้านขณะที่เขาหันกลับไปมองข้างหลังด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง
ด้านหลังของเด็กชายผมทอง อลิเซียผู้กำลังยืนตัวสั่นได้แทงมีดเข้าไปที่หลังของบรอน เลือดกระเด็นเปรอะเปื้อนไปทั่วร่างของเด็กสาว มือของเธอสั่นไม่หยุดด้วยความตื่นกลัว ถึงกระนั้นเธอก็กัดฟันแน่นทุ่มแรงทั้งหมดที่มีเพื่อดันมีดเข้าไปให้ลึกขึ้น
“อ๊ากกกกกกกกก”
เสียงกรีดร้องราวกับหมูที่กำลังจะถูกเชือดดังขึ้นมาจากปากของบรอน ความเจ็บปวดจากแผลสาหัสที่หลัง ทำให้เขาต้องปล่อยมีดในมือไป บรอนเหวี่ยงแขนไปรอบ ๆ กระแทกใบหน้าเด็กสาวผมสีเงินที่อยู่ข้างหลังกระเด็นด้วยโทสะ จากนั้นเขาก็รีบใช้มือปิดที่บาดแผลของตัวเอง
อลิเซียกระแทกเข้ากับกำแพง ส่งเสียงร้องอันเจ็บปวดออกมาก่อนจะทรุดตัวลงกับพื้นแล้วกระอักเลือด
ฉากตรงหน้านี้ทำให้โรเอลตาแดงก่ำด้วยความโกรธ เขารวบรวมพละกำลังทั้งหมดในร่างกายเหวี่ยงหมัดไปที่บรอนพร้อมกับเสียงคำรามดังสนั่น
“ตายซะ ไอ้สารเลว!”
ปึง! กรึก!
กำปั้นอันทรงพลังที่เปี่ยมไปด้วยความโกรธทั้งหมดของโรเอลพุ่งเข้าใส่คางของบรอนทำให้เกิดเสียงแตกร้าวดังขึ้นมา แรงของเขาส่งร่างของบรอนกระเด็นขึ้นไปในแนวโค้ง ก่อนจะกระแทกลงไปบนโต๊ะด้านหลังอย่างแรง
ปึง!
การโจมตีดังกล่าวทำให้ดวงตาของเด็กชายผมสีทองเหลือกขึ้นไปด้านบน น้ำลายฟูมปาก ร่างของเขากระตุกไปมาเหมือนปลาที่ถูกจับขึ้นมาวางบนฝั่ง
โรเอลดึงมีดออกมาจากท้องของตน ถือมันไว้ด้วยมือทั้งสองข้างแล้วแทงลงไปบนตัวบรอน ตรึงเขาเอาไว้กับโต๊ะให้แน่น
“อ๊ากกกกกก แก… แกก …”
ความเจ็บปวดที่แล่นไปทั่วร่างทำให้บรอนได้สติกลับมาชั่วคราว พร้อมคร่ำครวญอย่างอ่อนแรง แต่ในไม่ช้าเขาก็ต้องสลบไปอีกครั้งเนื่องจากการกระทบกระเทือนจากการโจมตีครั้งก่อน
โรเอลจ้องเขม็งไปที่เขาเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนกุมบาดแผลที่ท้องเอาไว้แล้วเดินไปหาอลิเซียที่สลบอยู่
“อลิเซีย?”
โรเอลรีบเข้าไปดูอาการของอลิเซีย ซึ่งก็ทำให้เขารู้สึกโล่งใจ เพราะเลือดที่เธอพ่นออกมาก่อนหน้านี้มาจากบาดแผลในปาก ไม่ได้มาจากบาดแผลที่รุนแรงไปกว่านั้น เด็กชายถอนหายใจอย่างโล่งอก แล้วจึงนั่งลงคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวด
ชิ บาดแผลที่ท้องสาหัสมาก แถมดูเหมือนว่ากระดูกซี่โครงของเราเองก็จะร้าวด้วย
โรเอลที่สติสัมปชัญญะเริ่มจะเลือนลางรีบส่ายหัวเพื่อให้ตัวเองตื่น จังหวะนั้นเองเสียงฝีเท้าอันลนลานก็ดังมาจากทางเดิน
ปัง
เสียงประตูถูกเปิดออก จากนั้นเด็กอีกกลุ่มก็วิ่งเข้า เมื่อพวกเขาได้เห็นภาพอันน่าสลดใจในห้อง พวกเขาก็ร้องอุทานด้วยความตกใจ
“ท่านพี่บรอน!”
“ใครกัน? นี่เป็นฝีมือของใครกัน?”
“มันเป็นฝีมือของเขา! เขาไม่ใช่พวกของเรา!”
เมื่อได้เห็นสภาพของผองเพื่อนนอนหมดสติอยู่รอบ ๆ กลุ่มเด็กที่น่าจะเป็นพันธมิตรของบรอนก็สังเกตเห็นโรเอล จากนั้นพวกเขาก็พุ่งเข้าใส่เด็กชายผมดำด้วยเสียงคำรามอันโกรธเกรี้ยว
ใบหน้าของโรเอลมืดมนลง เขาพยายามดันตัวเองขึ้นจากพื้นเพื่อหนี แต่ก็ไม่สำเร็จเพราะตอนนี้เขาไม่มีแรงเหลืออยู่แล้ว
ทันใดนั้นเองร่างเล็ก ๆ ร่างหนึ่งก็เข้ามายืนขวางกั้นระหว่างกลุ่มเด็ก ๆ กับโรเอล
นอร่า เซไซต์ได้ปรากฏตัวขึ้นพร้อมออกคำสั่งกับกลุ่มเด็ก ๆ ตรงหน้าของเธอในทันทีด้วยน้ำเสียงอันเย็นชา
“หยุดเดี๋ยวนี้”