บทที่ 61: เผาความอัปยศนี้!
แสงจันทร์สีเงินสาดส่องลงมาที่โรเอลที่ตอนนี้กำลังนั่งงุนงงอยู่ข้างหน้าต่าง เหวี่ยงขาไปมาอย่างไร้จุดหมาย พลางมองไปยังนาฬิกาจับเวลาแล้วถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
เฮ้อ นอนไม่หลับเลย เป็นเพราะวันนี้เรานอนกลางวันนานไปหน่อยสินะ
โรเอลใช้เวลากว่าสองชั่วโมงในการรับประทานอาหารและพูดคุยกับนอร่า ก่อนที่อีกฝ่ายจะแยกไปที่ห้องรับรองแขกเพื่อนอนพักผ่อน นอร่ามีธุระยุ่งมาตลอดทั้งวัน จึงไม่แปลกที่เธอจะรู้สึกเหนื่อยล้า กลับกันแล้วโรเอลยังคงมีพลังงานเหลือเฟือ เด็กชายจึงไปที่ห้องสมุดเพื่อหาหนังสือมาอ่าน
กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็เป็นเวลาเที่ยงคืนเข้าไปแล้ว ถึงอย่างนั้นโรเอลก็ยังไม่รู้สึกง่วงเสียที เด็กชายจึงตัดสินใจออกมาเดินเล่นรับลมข้างนอก เขาใส่เสื้อโค้ทก่อนจะเดินออกมาจากห้อง
สาวใช้ที่เฝ้ายามอยู่ในกะกลางคืนถามโรเอลทันทีว่ามีอะไรที่เขาต้องการรึเปล่า ซึ่งเด็กชายก็ส่ายหน้าตอบกลับไป
“ฉันแค่อยากจะออกมาเดินเล่นน่ะ ไม่จำเป็นต้องตามฉันมาก็ได้”
“รับทราบค่ะ นายน้อยโรเอล”
สาวใช้กลับไปยังตำแหน่งเดิมของเธอพร้อมโค้งทำความเคารพ ปล่อยให้โรเอลเดินเล่นรอบ ๆ คฤหาสน์ตามลำพัง
เป็นคฤหาสน์ที่ใหญ่จริง ๆ
โรเอลคิดขณะเดินไปรอบ ๆ คฤหาสน์ที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่าศตวรรษหลังนี้ ในฐานะเจ้าบ้าน ตามหลักแล้วเขาจะต้องพานอร่าเดินชมรอบ ๆ คฤหาสน์ แต่ด้วยความที่แสงสว่างไม่เพียงพอในช่วงกลางคืนเรื่องนี้จึงถูกเลื่อนออกไปในวันพรุ่งนี้แทน
ทว่าดูเหมือนว่านอร่าจะพาผู้ติดตามมากับเธอด้วยเป็นจำนวนมาก ทั้งคนรับใช้ พ่อครัวและองครักษ์ทั้งหมด รวมกันแล้วน่าจะมีไม่ต่ำกว่าร้อยคนเลยทีเดียว
มีคนรับใช้กว่ายี่สิบคนเข้าเวรในตอนกลางคืน นี่ยังไม่ได้นับรวมกองอัศวินที่ประจำการอยู่รอบห้องของนอร่าเลยด้วยซ้ำ
“นายน้อยโรเอล มีอะไรให้ดิฉันช่วยรึเปล่าคะ?” สาวใช้คนสนิทของนอร่าเอ่ยขึ้น
“ไม่เป็นไร ฉันแค่นอนไม่หลับเท่านั้นแหละ เลยออกมาเดินเล่นรอบ ๆ ฝ่าบาทหลับไปแล้วใช่ไหม?”
“ค่ะ ฝ่าบาทหลับไปแล้วเมื่อสองชั่วโมงก่อน”
“อย่างนั้นเองสินะ”
โรเอลมองไปทางห้องพักของนอร่าด้วยความอิจฉา แต่ก่อนที่เด็กชายกำลังจะเดินจากไป เขาก็นึกอะไรบางอย่างได้
“จะว่าไปแล้ว วันนี้เธอชนะการแข่งขันร้องประสานเสียงไหม?”
“ค่ะ ฝ่าบาททรงมีพระสุรเสียงราวกับบทเพลงจากสรวงสวรรค์ ทำให้คณะผู้ตัดสินซึ่งมาจากประเทศต่าง ๆ รู้สึกประทับใจเป็นอย่างมาก”
สาวใช้มีอา ตอบอย่างภาคภูมิใจ
โรเอลพยักหน้าตอบรับ ขณะที่นึกหวนกลับไปได้ว่านอร่าไม่พอใจที่เขาไม่ได้ไปดูการแข่งขันของเธอ เด็กชายครุ่นคิดพักหนึ่งก่อนจะถาม
“มีอะไรบันทึกเสียงหรือการแสดงของเธอในระหว่างการแข่งขันไว้รึเปล่า?” โรเอลฉุกคิดขึ้นได้และเอ่ยถามก่อนที่เขาจะเดินไป
“ท่านกำลังหมายถึงศิลาบันทึกงั้นเหรอคะ? แน่นอนค่ะว่าทางเราได้จัดเตรียมมันเอาไว้ ทางโบสถ์แห่งเทพีผู้สร้างมักจะบันทึกเหตุการณ์เทศกาลปีใหม่ในทุก ๆ ปีเสมอ เพื่อที่จะขายบันทึกแผ่นเสียงจำนวนมากนั้นให้กับประเทศอื่น ๆ เพื่อให้พวกเขาได้มีโอกาสชื่นชมความรุ่งเรืองของโบสถ์แห่งเทพีเซียด้วยเช่นกัน”
คำพูดของมีอา ทำให้โรเอลประหลาดใจ
เมื่อเด็กชายลองหวนนึกดูดี ๆ มันก็มีอะไรแบบนั้นอยู่จริง ๆ เพียงแต่ว่าตระกูลแอสคาร์ดไม่เคยซื้อพวกมันมาก่อน
ทว่ามันไม่ใช่เพราะศิลาบันทึกมีราคาแพง แต่เป็นเพราะงานเปิดของโบสถ์เทพีเซียนั้นมันน่าเบื่อเกินไปต่างหาก การสวดมนต์ทั้งคืนนั่น หากไม่ใช่ผู้ที่ศรัทธาในเทพีเซียสุด ๆ คงไม่มีทางนั่งทนดูผู้คนสวดภาวนาได้นานถึงหกชั่วโมงแน่!
“การแข่งขันร้องเพลงประสานเสียงเองก็รวมอยู่ในนั้นด้วยใช่ไหม?” โรเอลถามสาวใช้
“ใช่แล้วค่ะ มันถูกบันทึกเอาไว้ในนั้น”
“พรุ่งนี้เธอช่วยเอาศิลาบันทึกที่ว่านั่นมาให้ฉันหน่อยได้ไหม? ฉันอยากจะดูการแสดงขององค์หญิงนอร่า”
มิฉะนั้นนอร่าคงจะใช้มันเป็นข้ออ้างไปตลอดชีวิตแน่
โรเอลนึกประโยคครึ่งหลังเสริมไปในใจ ทำให้สาวใช้ที่ได้ยินเพียงแค่ครึ่งแรกของประโยคกลับตีความเจตนาของเด็กชายแตกต่างไปจากเดิมมาก
ดวงตาของมีอาเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ ก่อนที่เหนือศีรษะของเธอจะปรากฏแสงสีเขียว พร้อมกับรอยยิ้มแห่งความโล่งใจของผู้ใหญ่ที่ผุดขึ้นมาบนใบหน้าของเธอ
(แต้มความสนใจ +200 !)
ห๊ะ เกิดอะไรขึ้น ทำไมเธอถึงมีแสงสีเขียวปรากฏขึ้นบนศีรษะล่ะ? เราทำอะไรไปงั้นเหรอ?
แต้มความสนใจที่ปรากฏขึ้นมาอย่างกะทันหันทำให้โรเอลพูดไม่ออก ดูเหมือนว่าเขาจะมีความสามารถบางอย่างที่อธิบายไม่ได้ในการทำให้สาวใช้เปล่งแสงสีเขียวออกมาเหนือศีรษะ เหมือนกับคนรับใช้ในคฤหาสน์ของเขาที่มักจะมีแสงสีเขียวของแต้มความสนใจปรากฏขึ้นบนศีรษะโดยที่เด็กชายไม่ทันได้ตั้งตัว
“นายน้อยโรเอลช่างมีน้ำใจยิ่งนัก ดิฉันเชื่อว่าฝ่าบาทนอร่าจะต้องพอพระทัยเป็นอย่างมากเมื่อท่านได้รู้ถึงเรื่องนี้” มีอาเอ่ยกับเขาพร้อมทำหน้าซาบซึ้งสุดหัวใจ
“ไม่ ฉัน…” เด็กชายพยายามจะอธิบายแก้ไขความเข้าใจของหญิงสาวเสียใหม่
แต่ไม่ทันที่เขาจะได้พูดให้จบ ก็โดนสาวใช้ตัดบทเสียก่อน
“โปรดวางใจได้ค่ะ ดิฉันจะเตรียมศิลาบันทึกมาให้พรุ่งนี้ อย่างช้าที่สุดก็ภายในวันมะรืนนี้ค่ะ”
มีอารู้สึกตื่นเต้นมาก ในใจเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น หลังจากได้คอยรับใช้นอร่ามานานหลายปี สาวใช้รู้ดีว่าวัยเยาว์ขององค์หญิงนั้นเดียวดายมากเพียงใด ซึ่งโรเอลเองก็ดูเหมือนจะเป็นผู้ชายที่ดีสำหรับเธอ เด็กชายเดินมาถึงที่นี่ในตอนดึก เพื่อมาดูว่าองค์หญิงนอนหลับรึเปล่า อีกทั้งยังมาขอรับหินบันทึกจากทางโบสถ์เสียด้วย
นายน้อยโรเอลคนนี้คงกำลังตั้งตารอที่จะได้ชมความงดงามขององค์หญิงเป็นแน่!
เด็ก ๆ ทั้งสองคนต่างก็มีภูมิหลังที่เหมือนกัน อีกทั้งพวกเขายังมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันด้วย จะมีใครเหมาะสมที่จะเป็นคู่ครองของนอร่าได้มากกว่าเขาคนนี้อีก?
ด้วยเหตุนี้มีอาจึงตัดสินใจที่จะทุ่มเทแรงกายแรงใจทั้งหมดที่มี เพื่อช่วยเหลือเด็กชายคนนี้ ผู้พยายามจะยื่นมือเข้ามาปลดปล่อยองค์หญิงจากความโดดเดี่ยว
เมื่อเห็นใบหน้าอันมั่นใจของสาวใช้ที่ทุบอกตัวเองราวกับกำลังจะบอกว่า ‘ไม่ต้องกังวลฉันเข้าใจ’
เด็กชายก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อ ถึงแม้เขาจะยังกังวลอยู่เล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ที่เขาทำได้ก็มีเพียงอำลามีอาแล้วเดินต่อไป
…
วันต่อมา โรเอลตื่นขึ้นมาตั้งแต่เช้า และได้เริ่มทำงานเป็นคนนำเที่ยวสำรวจรอบคฤหาสน์เขาวงกต แม้ว่าที่นี่จะมีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่าร้อยปี แต่มันก็ไม่ได้มีอะไรน่าตื่นเต้นเป็นพิเศษสำหรับราชวงศ์เลย เพราะพระราชวังเองก็มีประวัติศาสตร์ยาวนานมาหลายศตวรรษเช่นกัน !
ทว่าคฤหาสน์เขาวงกตนั้นมีข้อได้เปรียบพิเศษอยู่อย่างหนึ่งที่เหนือกว่าพระราชวัง นั่นคือประวัติศาสตร์อันมีชื่อเสียงจากบุคคลชื่อดังในอดีต!
“เห็นเก้าอี้ตรงนั้นไหม? ฝ่าบาทวิกตอเรียเคยประทับที่นั่นในอดีต!”
“ตรงนี้เองก็เช่นกัน ดูโคมไฟตรงนี้สิ ฝ่าบาทวิกตอเรียเคยใช้มันมาก่อน!”
โรเอลเพียงแค่พูดบรรยายตามแบบเดียวกับมาร์ควิสคาร์เตอร์ผู้ตื่นเต้นเคยพูด ในตอนที่เขาพาโรเอลเที่ยวไปรอบ ๆ คฤหาสน์ก่อนหน้านี้
อันที่จริงแล้วงานของคนรับใช้ที่ประจำอยู่ในคฤหาสน์เขาวงกตนั้นไม่ใช่การดูแลสมาชิกในครอบครัวตระกูลแอสคาร์ดแต่อย่างใด
เนื่องจากตระกูลแอสคาร์ดมีลูกหลานเพียงไม่กี่คน และนาน ๆ ทีพวกเขาถึงจะกลับมาที่เมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ ทำให้มันไม่ได้จำเป็นเลยที่จะต้องจ้างคนรับใช้จำนวนมากมารอรับใช้พวกเขา
ฉะนั้นแล้ว หน้าที่ที่แท้จริงของคนรับใช้ในคฤหาสน์เขาวงกต ก็คือการดูแลรักษาสิ่งของทางประวัติศาสตร์เหล่านี้ ตระกูลขุนนางที่ยิ่งใหญ่ย่อมจำเป็นจะต้องมีวัตถุโบราณอันมีค่าในครอบครอง เพื่อเอาไว้อวดประวัติอันยิ่งใหญ่ในอดีตของพวกเขาด้วยเช่นกัน! หรือก็คือมันเป็นเรื่องของศักดิ์ศรีนั่นเอง!
โดยจุดที่น่าทึ่งที่สุดของคฤหาสน์เขาวงกตนั้นน่าจะเป็นห้องสมุด เนื่องจากที่นี่มีหนังสือโบราณอยู่มากมาย เมื่อตระหนักได้ถึงเรื่องนี้ โรเอลจึงพานอร่าตรงมาที่ห้องสมุดพร้อมผายมือไปทางชุดหนังสือต่าง ๆ บนชั้นหนังสือ
“หนังสือที่เธอกำลังเห็นอยู่ตอนนี้ คือสมุดบันทึกที่พอนเต้ แอสคาร์ด บรรพบุรุษของฉันทิ้งเอาไว้ เธอสามารถลองเปิดอ่านพวกมันดูได้ตามสบาย แต่ช่วยระมัดระวังด้วย เพราะกระดาษมันค่อนข้างเปราะบางเล็กน้อย”
นอร่าพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง ในฐานะผู้สืบทอดหญิงของตระกูลเซไซต์ในอนาคต เธอจึงให้ความเคารพต่อจักรพรรดินีวิกตอเรียเป็นอย่างมาก ด้วยเหตุนี้เด็กสาวจึงประทับใจในตัวพอนเต้ แอสคาร์ด ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีถึงวีรกรรมของเขาที่เคยได้ช่วยจักรพรรดินีวิกตอเรียให้ผ่านพ้นวิกฤตในอดีตมาได้
โอกาสในการอ่านไดอารี่ของพอนเต้ แอสคาร์ดเป็นอะไรที่หาได้ยาก สีหน้าอันตื่นเต้นเคร่งขรึมจึงปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนอร่า
โรเอลโล่งใจที่ได้เห็นสิ่งนี้ เพราะมันช่วยให้เขาได้มีอะไรพอจะอวดอีกฝ่ายกลับได้บ้าง ในขณะเดียวกันเด็กชายก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยเกี่ยวกับเนื้อหาในสมุดบันทึก
แม้ว่าเขาจะมาถึงคฤหาสน์เขาวงกตเป็นเวลานานแล้ว แต่โรเอลก็ยังไม่ได้ใช้เวลาอ่านหนังสือเหล่านี้จริง ๆ จัง ๆ นั่นก็เพราะเด็กชายสันนิษฐานว่าสมุดบันทึกเหล่านี้น่าจะเต็มไปด้วยเรื่องราวเกี่ยวกับงานอันน่าเบื่อของพอนเต้ แอสคาร์ด เพราะพอนเต้นั้นเป็นข้าราชการที่มีฐานะสูง ดังนั้นเขาจึงไม่น่าจะเอาเวลามาใส่ใจกับเรื่องราวของตัวเองเท่าไหร่
ด้วยความคิดเช่นนี้ในใจ โรเอลจึงหยิบไดอารี่เล่มหนึ่งออกมาแล้วเริ่มเปิดพลิกดู
「13 มิถุนายน วันนี้สภาพอากาศมีแดดจัด
โอ้ว กระโปรงสั้นของวิกตอเรียดูน่ารักมาก! ดูเหมือนว่านี่จะเป็นการแต่งตัวในกระแสนิยมใหม่ล่าสุดของเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ ทำให้ช่วงนี้มีสตรีสูงศักดิ์หลายคนเริ่มใส่กระโปรงแบบนี้ แต่ในความคิดของข้า ยังไง ๆวิกตอเรียก็ยังสวยที่สุดในบรรดาพวกเธอทั้งหมด! 」
「14 มิถุนายน วันนี้สภาพอากาศมีแดดจัด
วันนี้วิกตอเรียดูจะไม่ค่อยกระตือรือร้นเท่าไหร่ ดูเหมือนว่าเธอกำลังเคร่งเครียดเกี่ยวกับอะไรบางอย่าง แน่นอนว่าข้าควรจะดุเธอแรง ๆ สักครั้ง แต่ข้าทำแบบนั้นไม่ลงนี่สิ โอ้ว ใบหน้าของวิกตอเรียที่กำลังครุ่นคิดอยู่ก็ดูน่ารักมากเช่นกัน! 」
“…”
เกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย? นี่มันแปลก ๆ นะ!
โรเอลถึงกับผงะ แม้ว่าตอนนี้เขาจะอ่านไปเพียงแค่สองรายการ แต่มันก็มีรูปแบบที่คล้ายคลึงกันกับบันทึกของพวกโอตาคุหมกมุ่นในเว็บไซต์บางแห่งที่เขาเคยเห็นผ่านตามาในชาติก่อน
ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ ไม่จริงน่า มันเป็นแบบนี้ไปได้ยังไงกัน? พอนเต้ แอสคาร์ด บรรพบุรุษของเราเป็นวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ไม่ใช่เหรอ?! ม…ไม่สิ ร …เราควรจะอ่านเพิ่มเติมก่อนอีกสักหน่อย …
「 24 สิงหาคม วันนี้มีฝนตก
เนื่องจากมีฝนตกในวันนี้ วิกตอเรียจึงเปียกโชกไปทั้งตัว ส่งผลให้เสื้อผ้าของเธอแนบติดกับตัวเธอ อ… โอ้ เทพีเซียผู้ยิ่งใหญ่!
ร่างกายของเธอยังคงเล็กน่ารักเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน ไม่มีไขมันสะสมที่หน้าอกโดยไม่จำเป็น โครงหน้าเรียวนั้น ช่างเป็นงานศิลปะโดยแท้จริง! และ โอ๊ะโอ เธอจับได้แล้วว่าข้ามองไปที่หน้าอกของเธอ เลยจ้องมาที่ข้า ในอนาคตข้าจะต้องรอบคอบให้มากขึ้นกว่านี้เสียแล้ว…」
ปึง!
เสียงปิดหนังสือดังก้องไปทั่วห้องทำให้นอร่าที่กำลังจะเอื้อมมือไปคว้าสมุดบันทึกต้องตกใจ
“เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอโรเอล? เจ้าบอกให้ข้าระวังเวลาจับต้องหนังสือเหล่านี้ไม่ใช่เหรอ?”
นอร่าเอียงศีรษะด้วยความสับสนกับการกระทำของโรเอล แก้มของเด็กชายกระตุกเล็กน้อย เขาใช้เวลาครู่ใหญ่ ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นอีกครั้งพร้อมกับรอยยิ้มบนริมฝีปาก พูดด้วยน้ำเสียงอันอ่อนโยน …
“หืม มีอะไรผิดปกติที่นี่งั้นเหรอ? พวกเราเองก็เดินสำรวจรอบคฤหาสน์เขาวงกตกันมานานพอสมควรแล้ว ไปดื่มชากันก่อนดีไหม?”
“พวกเราจะไม่อ่านสมุดบันทึกกันก่อนเหรอ…” นอร่าถามขึ้นด้วยความสงสัยที่จู่ ๆ เขาก็มีท่าทีแปลกไป
“มันเป็นบันทึกเกี่ยวกับงานทั้งหมด ไม่มีอะไรน่าสนใจให้อ่านหรอกน่า ที่นี่เรามีชุดน้ำชาที่องค์จักรพรรดินีวิกตอเรียชื่นชอบมากเป็นพิเศษ เธอไม่สนใจงั้นหรือ?”
ด้วยการพยายามเกลี้ยกล่อมของโรเอลอยู่นาน ความสนใจของนอร่าจึงถูกเบี่ยงเบนไปที่อาหารว่างแทน จากนั้นทั้งสองคนก็เดินออกไปจากห้องสมุดพร้อม ๆ กัน โดยก่อนที่โรเอลจะเดินออกไป เขาก็จ้องเขม็งอย่างอาฆาตไปที่ชั้นหนังสือ
พรุ่งนี้แหละ ฉันจะเผามันให้ราบเลย!