บทที่ 7: โปรดมอบสิ่งที่ดีให้แก่ฉัน
โรเอลเชื่ออย่างสุดใจว่าหากนำแต้มความสนใจไปแลกเปลี่ยน เขาจะต้องได้สิ่งที่คุ้มค่ากลับมาแน่
หลังจากได้รับแต้มมามหาศาล โรเอลก็ใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมงอ่านดูรายละเอียดของต่าง ๆ ในร้านแลกเปลี่ยนแต้มความสนใจ ซึ่งในไม่ช้าเขาก็สังเกตเห็นบางอย่าง
ดังที่เคล็ดลับจากระบบได้กล่าวไว้ สินค้าในร้านค้าเหรียญทองส่วนใหญ่คือ สินค้าที่จะปรับปรุงลักษณะเฉพาะของเขา ขณะที่สินค้าในร้านแลกเปลี่ยนแต้มความสนใจ ดูเหมือนจะแปลกกว่าเล็กน้อย
ยกตัวอย่างเช่น:
【 ร่มแห่งวิญญาณร้าย
มันจะกรีดร้องออกมาเมื่อเกิดฝนตกหนัก
ราคา: 500 แต้มความสนใจ】
“ …”
ล้อเล่นกันรึเปล่า? ของพรรค์นี้มันจะไปมีประโยชน์อะไร?
ส่งเสียงกรีดร้องออกมาตอนที่ฝนตกหนักเนี่ยนะ? เพื่ออะไร? ฝนจะหายไปเพียงเพราะเสียงกรีดร้องของร่มรึไง? ไม่ว่าจะคิดยังไง มันก็แค่ร่มธรรมดา ๆ ที่ส่งเสียงออกมาได้ในตอนที่ฝนตกไม่ใช่เหรอ?
สินค้าราคาถูกที่สุดที่เด็กชายพบในรายการนั้นมีราคาอยู่ที่ 500 แต้มความสนใจ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้ประโยชน์อะไรจากของราคาถูกชิ้นนี้ ของที่ถูกที่สุดนั้นแปลกประหลาดเกินกว่าที่เขาจะเอามันไปใช้ทำประโยชน์อะไรได้
แม้ว่าเป้าหมายหลักของโรเอลจะเป็นการทดสอบการทำงานของร้านค้าแลกเปลี่ยนแต้มความสนใจ แต่เขาก็ไม่ต้องการซื้อสินค้าที่ไร้ประโยชน์ เพราะแต้มความสนใจเหล่านี้เป็นสมบัติอันล้ำค่าที่ได้รับมาจากการสละลูกอมรสนมและช็อคโกแลตอันเป็นที่รักของเขา!
หลังจากใช้เวลานานไปกับการตรวจสอบรายการสินค้า ในที่สุด โรเอล ก็พบสินค้าที่น่าสนใจบางอย่าง
【กองทัพโครงกระดูกผู้หาบหีบศพ
สิ่งมีชีวิตที่ถูกอัญเชิญมาจากลัทธิแห่งนักล่าสมบัติสุสาน เกิดมาจากความตาย เพื่อนำความสุขมาสู่คนเป็น
ราคา: 2500 แต้มความสนใจ】
หืม…ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ แต่นี่มันน่าสนใจมาก ฟังดูน่าทึ่งมากเลยทีเดียว มันน่าจะเป็นไอเทมสำหรับใช้ในการต่อสู้สินะ? นอกจากนี้ภาพประกอบเองก็ยังดูน่าเกรงขามด้วย โครงกระดูกรูปร่างสูงโปร่งพวกนี้ดูพึ่งพาได้มากเลย
เจ้านี่เป็นตัวเลือกที่ดีใช้ได้เลย!
ตัดสินใจได้แล้ว โรเอลก็กระโดดลงจากเก้าอี้ที่เขานั่งอยู่
“แอนนา ช่วงบ่ายฉันอยากจะใช้งานลานฝึกซ้อมหลังคฤหาสน์ จัดการให้หน่อยสิ”
“รับทราบค่ะ ดิฉันจะเตรียมการให้ในทันที” เเอนนารับคำสั่ง
เมื่อแอนนาเดินออกจากห้องไปแล้ว โรเอลก็กลับไปยังห้องนอนของตนพร้อมกับคนรับใช้คนอื่น ๆ เพื่องีบหลับ ตอนนี้เขามีอายุเพียง 9 ขวบ เด็กชายจึงจำเป็นจะต้องนอนหลับช่วงกลางวันให้เพียงพอสำหรับการเติบโต
หลังจากคิดเรื่องต่าง ๆ เกี่ยวกับตัวเองมาทั้งวัน และทานอาหารจนอิ่ม อาการง่วงนอนก็เริ่มรุดเข้ามาหาโรเอลทำให้สติของเขาค่อย ๆ ล่องลอยไปด้วยความง่วงงุน นี่ทำให้เขารับรู้ได้อย่างลึกซึ้งถึงความเป็นจริงที่ว่าร่างกายของเขานั้นยังคงเป็นเด็กตัวเล็ก ๆ
ครั้งหนึ่งโรเอลเคยได้ยินใครบางคนพูดว่า มนุษย์นั้นเป็นทาสของฮอร์โมนในร่างกาย ไม่ก็ ร่างกายของคนเรานั้นมีอิทธิพลต่อระบบความคิดในระดับหนึ่ง
ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้เชื่อทฤษฎีนั้นเท่าไหร่ ทว่าด้วยสภาพในปัจจุบันของตัวเอง ตอนนี้เขาเห็นด้วยอย่างยิ่งกับคำพูดเหล่านั้น
ยกตัวอย่างเช่นการหลั่งน้ำตา หากเป็นโรเอลจากโลกก่อนหน้านี้ เขาคงไม่สามารถสั่งให้มันไหลออกมาได้ตามคำสั่งเช่นนี้ ตั้งแต่เขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่อายุมากกว่า 20 ปี มันก็กลายเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะร้องไห้ออกมา
อีกสิ่งหนึ่งที่โรเอลรู้สึกตัวได้เลยก็คือ ตัวเขานั้นไม่มีความคิดลามกผุดขึ้นมาในใจเลย เช่นก่อนหน้านี้ที่เขากระโดดเข้าไปในอ้อมกอดของแอนนาสาวใช้ผู้งดงาม เขาก็ยังมีเพียงปฏิกิริยาของเด็ก 9 ขวบทั่ว ๆ ไป
“ดูเหมือนความใคร่เองก็เกิดจากผลของฮอร์โมนสินะ”
ขณะที่พึมพำอยู่กับตัวเอง โรเอลก็ได้หลับใหลเข้าสู่ห้วงนิทรา เพื่อสั่งสมพลังงานสำหรับกิจกรรมในยามบ่ายที่กำลังจะมาถึง
————————————–
ในมุมมองของโรเอลแล้ว สวนหลังคฤหาสน์ตระกูลแอสคาร์ดนั้นถือว่ามีขนาดใหญ่มาก
สำหรับแวดวงของชนชั้นสูง สวนหน้าคฤหาสน์นั้นถือเป็นหน้าเป็นตาของตระกูลขุนนาง ในขณะที่สวนหลังบ้านนั้นเป็นตัวตนที่บ่งบอกถึงความสง่างามของพวกเขา
ว่ากันว่าหนึ่งในวิธีที่เหล่าขุนนางใช้พิจารณาว่าตระกูลไหนกำลังตกต่ำ คือการตรวจดูว่าสวนหลังบ้านของพวกเขาเป็นอย่างไร
แน่นอนว่านั่นไม่ใช่เรื่องเกินจริง แต่อย่างใด
ที่นี่การจัดสวนถือเป็นศิลปะรูปแบบหนึ่งสำหรับแวดวงขุนนาง โดยเฉพาะเหล่าขุนนางที่ไม่ค่อยมีส่วนร่วมในการออกกำลังกายมักจะเลือกมุ่งเน้นไปที่การตกแต่งสวนให้เป็นดั่งงานศิลปะอันสวยงามแทน
บางกรณีเช่นขุนนางผู้ร่ำรวย พวกเขาจะทำการปรับปรุงสวนของตนเองในทุก ๆ ฤดูกาลเพื่อรักษาภาพลักษณ์อันโดดเด่นของพวกเขาไว้
แน่นอนว่าแม้ตระกูลแอสคาร์ดจะร่ำรวย แต่ก็ไม่ได้ฟุ่มเฟือยเหมือนขุนนางเหล่านั้น ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะมาร์ควิสคาร์เตอร์นั้นเป็นจอมเวท เขาจึงไม่ได้ใส่ใจกับสุนทรียภาพเท่าไหร่นัก
ถึงอย่างนั้นตระกูลแอสคาร์ดก็ยังมีการจ้างวานคนสวนสองคนมาเพื่อดูแลรักษามัน
โดยข้าง ๆ สวนอันสวยงามที่ถูกดูแลโดยชาวสวนทั้งสองคนนั้น ก็คือลานฝึกซ้อมประจำตระกูลแอสคาร์ด
ลานฝึกซ้อมนี้ถูกสงวนเอาไว้ให้โรเอลโดยเฉพาะ สำหรับการฝึกฝนคาถาเวทของเขา ตามหลักแล้วคฤหาสน์ขุนนางส่วนใหญ่จะไม่มีสถานที่อำนวยความสะดวกเช่นนี้อยู่
ทว่าตระกูลแอสคาร์ดนั้นเป็นข้อยกเว้น เนื่องจากพวกเขามีเชื้อสายของจอมเวทผู้มีชื่อเสียง มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่คฤหาสน์ตระกูลแอสคาร์ดจะมีลานฝึกซ้อม
นอกจากนี้ผู้คนของตระกูลแอสคาร์ดเองก็มักจะร่วมรบไปพร้อม ๆ กับพวกนักรบบ้ากล้ามในสนามรบ การที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกเช่นนี้อยู่จึงเป็นเรื่องจำเป็นเข้าไปใหญ่
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมาร์ควิสคาร์เตอร์นั้นแข็งแกร่งมาก นับตั้งแต่เข้าสู่วัยบรรลุนิติภาวะเขาก็แทบไม่ได้แวะเวียนไปยังลานฝึกซ้อมดังกล่าวอีกเลย จนกระทั่งโรเอลได้ถือกำเนิดขึ้นมา ลานฝึกซ้อมถึงได้ถูกเปิดขึ้นอีกครั้ง
“แอนนา ฉันอยากให้เธอกับคนอื่น ๆ ออกไปก่อน ฉันต้องการเวลาครุ่นคิดอยู่กับตัวเองสักพักน่ะ ” โรเอลบอกกับบรรดาสาวใช้ เขาไม่ต้องการให้ใครมาเห็นสิ่งที่เขากำลังจะทำในตอนนี้
“แต่นายน้อยคะ ท่านควรมีใครสักคนอยู่เคียงข้างในเวลาฝึกซ้อมนะคะ” แอนนาทัดทานด้วยความเป็นห่วงกลัวว่าจะมีอันตรายเกิดขึ้นกับนายน้อยของเธอ
“ที่นี่ไม่มีอาวุธ นอกจากนี้เธอเองก็น่าจะรู้ดีว่าฉันใช้คาถาเวทได้แค่ไหนไม่ใช่เหรอ ไม่มีอะไรต้องกังวลหรอก” เด็กชายพูดเพื่อให้แอนนาคลายกังวล
“แต่…” ถึงกระนั้น แอนนาก็ยังอดที่จะห่วงไม่ได้
โรเอลต้องใช้เวลานานพอสมควรกว่าจะสามารถเกลี้ยกล่อมให้สาวใช้ส่วนตัวของเขาออกไปเฝ้าประตูทางเข้าลานฝึกซ้อมแทนได้สำเร็จ ซึ่งเมื่อเขาแยกตัวออกมาแล้ว ในที่สุดก็ถึงเวลาที่เขาจะได้ลองใช้ของจากร้านค้าแลกเปลี่ยนแต้มความสนใจซะที
“ระบบ ฉันต้องการซื้อกองทัพโครงกระดูกผู้หาบหีบศพจากร้านแลกเปลี่ยนแต้มความสนใจ!”
【ได้รับคำขอแล้ว】
【คุณแน่ใจหรือว่าต้องการใช้ 2500 แต้มความสนใจ เพื่อซื้อกองทัพโครงกระดูกผู้หาบหีบศพ? 】
【ใช่ / ไม่】
“ใช่!”
【ได้รับกองทัพโครงกระดูกผู้หาบหีบศพ คุณสามารถเลือกตำแหน่งที่จะวางได้】
เมื่อสิ้นเสียงของระบบ ทันใดนั้นเงาที่มีความสูง 2 เมตรก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าโรเอล คล้ายกับเกมในโลกก่อนของเขา ที่หลังจากผู้เล่นเลือกสิ่งปลูกสร้างที่จะสร้างแล้ว ผู้เล่นก็จะต้องเลือกสถานที่สำหรับวางมันลง ซึ่งโรเอลก็ได้เลือกวางมันลงพื้นราบที่ห่างจากเขาไปสามเมตร
พลังเวทแห่งความมืดมิดได้มารวมตัวกันภายในพื้นที่ที่โรเอลเลือก จากนั้นโลงศพสีดำอันน่าสะพรึงกลัวก็ปรากฏขึ้น เปลี่ยนบรรยากาศโดยรอบให้เต็มไปด้วยความหนาวเย็นจนน่าขนลุก
ต่อมาข้างโลงศพ กองทหารโครงกระดูกหกตัวก็เดินออกมา พวกมันยืนเรียงแถวข้างซ้ายและขวาอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย พวกมันโค้งศีรษะลงพร้อมคุกเข่าลงบนพื้นแสดงความเคารพต่อโลงศพสีดำ
โรเอลรู้สึกประหลาดใจกับฉากอันอลังการนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้สัมผัสกับพลังเหนือธรรมชาติบนโลกใบนี้ นับตั้งแต่ที่ฟื้นความทรงจำในชาติก่อนกลับมาได้ ดังนั้นเด็กชายจึงตกตะลึงกับมันมาก อย่างไรก็ตามโรเอลก็ตั้งสติกลับมาได้อย่างรวดเร็วพร้อมกระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุข
“โอ้พระเจ้า พวกมันเป็นกองทหารโครงกระดูกจริง ๆ ด้วย! เราได้มันมาตั้งหกตัว จากแต้มความสนใจเพียงแค่ 2,500 แต้มเท่านั้นเอง!”
แม้ว่าทหารโครงกระดูกเหล่านี้จะเป็นทหารระดับล่าง แต่พวกมันก็มีมูลค่ามหาศาลสูงกว่าที่โรเอลคิดไว้มาก หากเทียบกับแต้มความสนใจที่เขาจ่ายไป ด้วยอัตราแลกเปลี่ยนเพียงเท่านี้ ภายในเวลาไม่กี่ปีเขาอาจจะสร้างกองทัพโครงกระดูกขึ้นมาได้ทั้งกองทัพเลยด้วยซ้ำไป นี่จะทำให้เขาไร้เทียมทาน !
โรเอลตื่นเต้นมากจนกลิ้งไปมาบนพื้น เด็กชายต้องใช้เวลาครู่ใหญ่ ๆ จึงจะสงบสติอารมณ์กลับมาได้
“แค่ก ตอนนี้เราต้องสงบสติอารมณ์ก่อน มันยังเร็วเกินไปที่จะดีใจ เรายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทหารโครงกระดูกพวกนี้ทรงพลังแค่ไหน ใช่แล้ว ควรลองทดสอบความสามารถพวกมันดูก่อน”
ด้วยความคิดนี้โรเอลจึงหันไปทางเสาไม้ด้านข้างแล้วออกคำสั่ง “โจมตี! หักเสานั่นลงซะ!”
เบ้าตาอันว่างเปล่าของทหารโครงกระดูกทั้งหกสว่างขึ้นเล็กน้อย พวกมันหันหัวอย่างพร้อมเพรียงไปทางเสาไม้ จากนั้นจึงก้าวเดินด้วยเสียงเอี๊ยดอ๊าด ยืนยืดอกราวกับนักรบผู้กำลังเตรียมเข้าทำสงคราม
แต่แล้วพวกมันก็ย่อลงเพื่อยกโลงศพขึ้นมาวางไว้บนไหล่
???
เดี๋ยวนะ พวกมันกำลังจะทำอะไรน่ะ? โลงศพนั่นคืออาวุธงั้นเหรอ?
ไม่ ๆ เดี๋ยวก่อน ๆ ทำไมเราถึงรู้สึกคุ้นเคยกับฉากนี้แปลก ๆ?
ขณะที่โรเอลกำลังครุ่นคิด จู่ ๆ ทหารโครงกระดูกทั้งหกก็เริ่มเต้นรำอย่างสม่ำเสมอเป็นระเบียบ พวกมันเดินไปข้างหน้าในรูปแบบอันเรียบร้อย การเคลื่อนไหวของพวกมันราบรื่นจนยากที่จะเชื่อว่าพวกมันทั้ง 6 เป็นเพียงโครงกระดูก
ทันใดนั้นโลกทั้งใบก็ดูเหมือนจะเงียบสงบลงไปสำหรับโรเอล สายลมในฤดูใบไม้ผลิพัดใบไม้ที่ร่วงหล่นผ่านใบหน้าอันเย็นชาของเด็กชาย ผลักเขาเข้าหาความเป็นจริงอันยิ่งใหญ่
แน่นอนว่าตอนนี้ โรเอล ไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะคิดถึงสิ่งอื่น เมื่อมองไปยังกองทัพโครงกระดูกที่กำลังร่ายรำอยู่ มีเพียงความคิดเดียวที่ผุดขึ้นมาในใจของเขา
พวกมันเป็นทีมงานนักเต้นแบกหีบศพมืออาชีพสินะ [1] …
—
[1] ผู้หาบหีบศพ คือผู้ที่ทำหน้าที่หามโลงศพในระหว่างขบวนแห่ศพ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้นักเต้นระบำหาบหีบศพนั้นได้รับความสนใจไม่น้อย โดยวัฒนธรรมนี้มีจุดเริ่มต้นมาจากกลุ่มนักเต้นในประเทศกานา (**ประเทศในแถบแอฟริกาใต้)
พวกเขามีวัฒนธรรมส่งผู้เสียชีวิตออกไปด้วยการเต้นรำอันมีชีวิตชีวา เพื่อสร้างความสบายใจให้กับผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่