ทะลุมิติทั้งครอบครัว – ตอนที่ 41 ไม่หยุดปลดล็อคความสามารถพิเศษ

คนที่หลับต่างก็ตื่นกันหมดแล้ว  

 

 

ท่านย่าหม่าคิดในใจ  หากซ่งฝูหลิงเป็นเด็กผู้ชายก็คงจะดี หากเป็นเช่นนั้นนางก็คงทะนุถนอมดั่งของล้ำค่า  

 

 

เพราะหลานสาวคนเล็กนี้ช่างน่าทะนุถนอมจริง  

 

 

ดูสิ มันช่างแตกต่างกัน  

 

 

ต้ายา เอ้อร์ยา ยามเห็นนางก็เหมือนหนูเห็นแมว ไม่เคยแม้แต่จะเหลียวแลนาง พอตื่นขึ้นมาก็วิ่งออกไป  

 

 

จินเป่าตื่นขึ้นมา “ท่านย่า ข้าหิวแล้ว”  

 

 

หลานสาวเถาฮวานั้นยิ่งไม่ต้องคาดหวัง ก่อนที่นางจะเข้านอน นางก็ดึงท่านย่าแท้ๆ ของนางมาและคอยปูที่นอนให้ท่านยายเถียน เหมือนสุนัขบ้านท่านยายที่กินเสร็จแล้วก็ไป ยายอย่างนาง ในเวลาสําคัญกลับไม่มีค่าอะไรในสายตาของหลานสาว  

 

 

ในช่วงเวลาสำคัญ ยังดีที่มีหลานสาวคนเล็ก  

 

 

ประโยคแรกที่ซ่งฝูหลิงพูดออกมายามเห็นท่านย่าหม่า “ท่านย่า ท่านยังไม่นอนอีกหรือ เสื่อของข้าที่ปูไว้ยังไม่ได้พับเก็บ ท่านไปงีบสักพักเถอะ ไม่หลับไม่นอนแบบนี้ไม่ได้นะ”  

 

 

ท่านย่าหม่ารู้สึกอบอุ่นในหัวใจ แต่ปากก็เอ่ยว่า “อย่าดึงข้า ข้ายังมีงานต้องทำอีกมาก เนื้อก็ต้องตากให้แห้ง ไม่งั้นเก็บไว้นานไม่ได้ ข้าจะนอนได้อย่างไร เจ้าหลีกไปเถอะ”  

 

 

……  

 

 

บนต้นไม้ ซ่งฝูเซิงกวักมือเรียกซ่งฝูหลิง “ลูกสาว เจ้าตื่นแล้วหรือ?”  

 

 

ใต้ต้นไม้ เฉียนเพ่ยอิงที่กําลังยื่นสิ่งของส่งขึ้นไปข้างบน โบกมือเรียก “ไปล้างหน้าก่อน ล้างเสร็จค่อยมาดูผลงานของข้ากับพ่อของเจ้า”  

 

 

ยังจะล้างหน้าอะไรกันอีก ซ่งฝูหลิงตื่นตะลึง ตกใจตาเบิกกว้าง รีบวิ่งมา  

 

 

นางมองดูบ้านและมองซ่งฝูเซิงที่ตากแดดหลายชั่วโมงจนดำคล้ำ ใบหน้าเปื้อนดินโคลนกำลังยิ้มสบตากับเฉียนเพ่ยอิง  

 

 

ซ่งฝูหลิงใช้หลังมือปาดเช็ดน้ำตา ยิ่งเช็ดน้ำตาก็ยิ่งไหลพราก ความรู้สึกหลายอย่างประเดประดังเข้ามาในใจ พวกเขาข้ามผ่านมิติเวลามาอย่างน่าอนาถ แต่พ่อแม่ก็พยายามทำทุกวิธีทางเพื่อปกป้องนาง นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงสะอื้น “ท่านพ่อ ท่านแม่”  

 

 

“โอ้ย ทําไมยังร้องไห้อยู่อีก”  

 

 

ซ่งฝูเซิงอยู่บนต้นไม้ก็กังวลใจ “เจ้าเป็นอะไรไป?”  

 

 

ซ่งฝูหลิงเงยหน้าขึ้นทั้งน้ำตา “ไม่มีอะไร ข้าแค่ซาบซึ้งใจ” พูดจบก็หัวเราะออกมา “แหะๆ เหอะๆ ฮ่าๆ”  

 

 

เฉียนเพ่ยอิงถอนหายใจอย่างโล่งอก นางตบหลังซ่งฝูหลิงเบาๆ “เจ้าเด็กคนนี้ ใครไม่รู้คงคิดว่าเจ้าเป็นบ้า เดี๋ยวร้องไห้เดี๋ยวหัวเราะ”  

 

 

ซ่งฝูเซิงนั่งยิ้มบนต้นไม้ รู้สึกสิ่งที่ทำไปนั้นคุ้มค่า  

 

 

พอดีกับที่เฉียนหมี่โซ่ววิ่งมาหา ซ่งฝูหลิงยกตัวเขาให้ปีนขึ้นต้นไม้ ทั้งสามคนเห็นท่าทางอันงุ่มง่ามของเฉียนหมี่โซ่วก็หัวเราะออกมาอีกครั้ง  

 

 

เมื่อมีคนเดินผ่านไปมา ทุกคนต่างก็ส่ายหน้าไปอมยิ้มไป ไม่หยุดทำงานที่อยู่ในมือ  

 

 

ถึงแม้จะมีคนที่ไม่เข้าพวกมาปรากฏให้เห็นอยู่เสมอ แต่เวลาแบบนี้ก็ยังสามารถหัวเราะออกมาได้ ครอบครัวของซ่งฝูเซิงมีจิตใจที่ยังแข็งแกร่งหนักแน่น แต่ต้องยอมรับว่าน้ำเสียงหัวเราะก็พลอยทําให้ทุกคนรับรู้อารมณ์ความรู้สึกไปด้วย ขอเพียงพยายามต่อไป สิ่งที่คาดหวังไว้จะต้องปรากฏ  

 

 

……  

 

 

เบื้องหน้าซ่งฝูหลิงมีเด็กๆ จากเจ็ดครอบครัวยืนเรียงรายกันอยู่ นางตะโกนบอกพวกเขาให้ยืนตัวตรง  

 

 

นางตัดสินใจใช้สิ่งที่มีมาทำให้เกิดประโยชน์ โดยพาเด็กที่ซุกซนเหล่านี้ตลอดจนพี่สาวทั้งหลายที่มีเรี่ยวแรงไม่มากมาทำงานใหญ่  

 

 

“เจ้าเป็นหัวหน้า นําทีมที่รับผิดชอบไปเก็บหินแบบนี้มา ข้าต้องการก้อนใหญ่และก้อนเล็กแบบนี้นะ” พูดจบ ซ่งฝูหลิงก็ยกตัวอย่างหินที่อยู่ในมือ เพื่อให้ทุกคนมองหาหินลักษณะแบบนี้  

 

 

“ทีมสอง เห็นลําธารสายเล็กนั่นไหม? ม้วนขากางเกงขึ้นแล้วลงไปนำทรายขึ้นมาจากลำธาร เมื่อนำทรายมาและกรองทรายจนได้ทรายละเอียด ให้นำมาใส่ไว้ที่นี่ พี่ต้ายา ท่านรับผิดชอบดูแลความปลอดภัยของพวกเขา อย่าปล่อยให้พวกเขาลื่นล้ม”  

 

 

“ทีมสาม พี่เอ้อร์ยา ซ่งจินเป่า พวกเจ้าพาทุกคนไปขุดหลุม หาหินแข็งๆ หรือไม้มาเป็นเครื่องมือช่วยในการขุด ขุดตามที่ข้าวาดไว้ ขุดเป็นสี่เหลี่ยม ขุดให้เท่าๆ กัน อย่าลึกหรือตื้นเกินไป”  

 

 

สุดท้ายซ่งฝูหลิงก็หยิบเหรียญหนึ่งเหมาและหนังยางรัดผมสีดําขึ้นมา พร้อมกับกล่าวกับทุกคน พวกผู้ชายต่างก็อยากได้เหรียญหนึ่งเหมานี้ เห็นว่าเป็นของสิ่งหายากใช่ไหม? ส่วนผู้หญิงก็ต้องการยางรัดผมไว้มัดผมใช่หรือไม่? ถ้าเช่นนั้นทุกคนจะต้องทํางานให้เสร็จภายในหนึ่งชั่วยาม  

 

 

ถ้าไม่เสร็จ ทุกคนก็จะไม่ได้รับรางวัล หากเสร็จเรียบร้อย นางก็จะให้รางวัลกับทุกคน เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ทุกคนต้องตั้งใจทำให้เต็มที่ และคอยดูแลสอดส่องซึ่งกันและกัน  

 

 

ซ่งฝูหลิงคิดว่าทุกคนยังฟังไม่เข้าใจ นางกำลังคิดว่าจะพูดซ้ำอีกรอบ ไม่คาดคิดว่าพอตะโกนเสร็จ ทุกกลุ่มก็แยกย้ายกันไป พวกเด็กๆ ก็เริ่มลงมือทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย  

 

 

เด็กโบราณช่างล่อลวงได้ง่ายกว่าเด็กสมัยปัจจุบันมาก  

 

 

ซ่งฝูหลิงมองหาซื่อจ้วงที่แขนได้รับบาดเจ็บไม่สามารถทํางานหนักได้ และดึงพี่เถาฮวาไปหาเกาเถี่ยโถว นางกับซื่อจ้วงไม่จำเป็นต้องอธิบายมาก นางกำลังจะเริ่มอธิบายให้เกาเถี่ยโถวฟัง เกาเถี่ยโถวก็เหลือบมองเถาฮวาด้วยใบหน้าแดงระเรื่อพร้อมกับโบกมือพูดกับซ่งฝูหลิง “ไม่ต้องหรอก เจ้าบอกมาเถอะ ว่าต้องทําอะไรบ้าง”  

 

 

ซ่งฝูหลิงก็เรียกลูกพี่ลูกน้องพี่ชายสองคนของลุงใหญ่มาปรึกษาหารือกัน  

 

 

“พวกพี่ไปตัดไม้ไผ่ เมื่อตัดเสร็จให้ผ่ากลางแบ่งครึ่ง ข้าต้องใช้พวกมันต่อกันทำเป็นท่อและใช้เชือกมัดเชื่อมต่อกัน เพื่อลำเลียงน้ำในลำธารให้ไหลตรงมาทางนี้ พวกพี่กะดูว่าระยะเท่านี้จำเป็นต้องตัดไผ่มากน้อยแค่ไหน นอกจากนี้ข้ายังต้องการไม้ไผ่สูงประมาณหนึ่งเมตร ผ่ามันออกและทำเป็นรั้วสี่ด้าน ขนาดกว้างหนึ่งเมตร ยาวหนึ่งเมตร เพื่อล้อมสระเก็บน้ำ”  

 

 

ซ่งฝูหลิงกับเถาฮวาเป็นอีกกลุ่มหนึ่ง สองสาวตัดไม้ไผ่อย่างงุ่มง่าม เดี๋ยวเดียวก็เปลี่ยนมือไปมา มือสั่นจนรู้สึกเจ็บ  

 

 

พวกชายหนุ่มทำงานได้อย่างเร็ว ใช้ขวานฟันไม้ ถ้าใครไม่มีขวานก็ใช้หินแข็งๆ ที่มีปลายแหลมตัดไผ่ ฟันไปไม่กี่สิบครั้งก็ได้มาท่อนหนึ่ง  

 

 

ซ่งหลี่เจิ้งที่มีไปป์จีนคาปากแต่ด้วยความเสียดายจึงไม่ยอมสูบ เพียงแต่คาบไว้เฉยๆ เขานั่งอยู่ข้างซ่งฝูเซิง “เด็กๆ กำลังยุ่งวุ่นวายทำอะไรกันอยู่น่ะ”  

 

 

ซ่งฝูเซิงหันมาสบตา “ไม่เป็นไรหรอก ไม่วิ่งเล่นไปไกลๆ ก็ดีแล้ว” พูดจบ เขาก็หันไปง่วงอยู่กับงานในมือต่อ  

 

 

ซ่งหลี่เจิ้งมองมา “นี่คือ?”  

 

 

ซ่งฝูเซิงยิ้ม เขาได้ปลดล็อคความสามารถใหม่อีกแล้ว คือการหาพวกกิ่งไม้หนา ยาวเกือบสองเมตรและผ่าหัวกิ่งไม้ตรงกลางให้แยกจากกัน นำมีดปอกเปลือกหรือมีดหั่นกระดูกเสียบไว้บนหัวกิ่งไม้แล้วผูกด้วยเชือกให้แน่น  

 

 

หากลูกสาวของเขานอนอยู่บนต้นไม้ ถ้าเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินขึ้น เช่น มีคนหรือสัตว์เข้ามาจู่โจมทําร้ายนาง ลูกสาวก็ไม่จําเป็นต้องรีบลงจากต้นไม้ เพียงถือไม้กระบองยาวนี้และใช้แรงทิ่มแทงลงไป ก็สามารถแทงสิ่งที่จะขึ้นมาบนต้นไม้ให้ตายได้ในคมมีดเดียว  

 

 

ซ่งหลี่เจิ้งวางไปป์จีนไว้ด้านข้าง หรี่ตา หยิบมีดหั่นกระดูกขึ้นมาดู “โอ้ ของสิ่งนี้ช่างสุดยอดมาก นี่มันใช้อะไรทำ ร้านตีเหล็กยังทําออกมาไม่ได้ดีขนาดนี้ มันมีราคามากเลยใช่ไหม?”  

 

 

ซ่งฝูเซิงคิดในใจ  ตาเฒ่าคนนี้สายตาเฉียบคม ดูสิ่งของเป็น พวกเจ้าอย่าหวังอะไรกับร้านตีเหล็กเลย นี่เป็นของจากประเทศเยอรมัน ในหนึ่งชุด มีแม้กระทั่งแท่งลับคมมีด ตอนนี้ทั้งอาณาจักรโบราณมีเพียงครอบครัวของข้าเท่านั้นที่มีไว้ครอบครอง  

 

 

“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน เป็นมรดกของท่านพ่อตาที่ตกทอดมาให้”  

 

 

ซ่งหลี่เจิ้งได้ยินว่าเป็นของท่านเฉียน เขาก็ส่ายหน้าพลางถอนหายใจ  ท่านเฉียนเป็นคนเดินทางขึ้นเหนือล่องใต้ หากสถานการณ์ไม่วุ่นวาย ซ่งฝูเซิงคงได้ใช้ชีวิตที่ดีแน่นอน สอบผ่านไม่ผ่านนั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แค่มีพ่อตาดี ก็ทำให้เจ้าหนุ่มนี่มีชีวิตสุขสบาย  

 

 

“มีดยาว” ของซ่งฝูเซิงทำเสร็จแล้วก็มีคนมามุงดู  

 

 

ด้านหนึ่ง ทุกคนไม่เคยเห็นมีดที่ทํามาจากสแตนเลส สถานที่นี้ไม่มีสแตนเลส เสมือนเป็นการเปิดโลกให้พวกเขา มีดยาวส่องแสงแวววับ  

 

 

ด้านหนึ่ง ได้รับแรงบันดาลใจให้ริเริ่ม พวกเขาจึงวางแผนที่จะทำแบบนี้บ้าง  

 

 

ไม่มีมีดหรือ? ไม่มีมีดก็มองหาก้อนหินแข็งๆ สิ เพียงแค่ใช้กระบองยาวยื่นออกไป โดยด้านบนมีของมีคมแข็งๆ ติดไว้ ก็สามารถโจมตีฝ่ายตรงข้ามได้แล้ว  

Related

ทะลุมิติทั้งครอบครัว

ทะลุมิติทั้งครอบครัว

Status: Ongoing
อ่านนิยาย ทะลุมิติทั้งครอบครัวเมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งกลับพบว่าตนเองอยู่ในยุคสมัยที่ไม่เคยคุ้น สิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง กระทั่งอายุของร่างที่อาศัยอยู่ยังอ่อนเยาว์กว่าตัวจริงหลายปี ยังไม่ทันได้เตรียมใจไฟสงครามก็ลุกโหม สิ่งแรกที่ต้องทำเมื่อมาถึงยุคโบราณที่ไม่มีจริงในประวัติศาสตร์โลกก็คือ…การลี้ภัย! แต่ไม่เป็นไร ไม่ว่ามีปัญหาจะยิ่งใหญ่แค่ไหนก็ไม่หวั่น เพราะคนอื่นทะลุมิติมาแค่คนเดียว แต่เราทะลุมากันทั้งครอบครัว!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset