บนหน้าผากของเฉียนเป่าพลันมีเหงื่อกาฬแตกพลั่ก ผู้ฝึกตนระดับห้าขั้นราชันยุทธการสามคนถึงกับโดนกดให้ลงไปนอนที่พื้นด้วยมือเดียว… สาวงามตรงหน้าเขานี้แข็งแกร่งถึงเพียงไหนกันนะ
ผู้ฝึกตนทั้งสามคนนี้เป็นผู้คุ้มกันที่แข็งแกร่งที่สุดในร้านปักษาเพลิงนิรันดร์แล้ว หุ้นส่วนที่หนุนร้านอยู่เป็นผู้สรรหาคนทั้งสามมาให้ เผื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาทั้งสามคนก็ทำหน้าที่ของตนเองได้เป็นอย่างดี แต่วันนี้คือวันที่ทั้งสามเจอสถานการณ์ที่ไม่อาจควบคุมได้
ถังอิ่นที่ยืนอยู่เบื้องหลังหนี่หยัน มองผู้ฝึกตนขั้นราชันยุทธการทั้งสามที่นอนพังพาบอยู่บนพื้นด้วยสายตาเวทนา ขั้นราชันยุทธการนั้นไม่ต่างอะไรกับมดปลวกเมื่ออยู่เบื้องหน้าขั้นนักพรตยุทธการสักนิด
หนี่หยันถอนมือออก รอยยิ้มพลันปรากฏขึ้นบนใบหน้า “เถ้าแก่เฉียน เจ้าอนุญาตให้พวกเราขึ้นไปที่ชั้นสามแล้วใช่หรือไม่”
เฉียนเป่าอยากปฏิเสธ แต่ความแข็งแกร่งของสตรีตรงหน้าเขานั้นน่ากลัวเกินไป เขารู้สึกได้ว่าหากปฏิเสธ ร้านของเขาคงได้กลายเป็นซากจริงๆ แน่
เจ้าของร้านทำได้เพียงสงสัยว่าเหตุใดช่วงนี้จึงดวงตกได้ถึงเพียงนี้ กฎของชั้นสามถูกแหกสองครั้งติด ถือเป็นการหลู่เกียรติของร้านปักษาเพลิงนิรันดร์เป็นอันมาก
“ได้ขอรับ…” เฉียนเป่าตอบอย่างเจ็บใจขณะเดินนำหน้าลูกค้าทั้งสามขึ้นไปยังชั้นสุดท้าย
หนี่หยันหัวเราะหึๆ ออกมาทันที นางเลิกคิ้วสวยขึ้นแล้วเดินตามเฉียนเป่าไป
ทันทีที่ก้าวเข้าชั้นสามซึ่งมีบรรยากาศการตกแต่งแบบโบราณ กลิ่นหอมของไม้จันทน์ที่ลอยล่องอยู่ในอากาศก็ทำให้รู้สึกผ่อนคลายขึ้น ชั้นสามนั้นตกแต่งด้วยเครื่องเรือนสวยงามมากมาย จัดเป็นห้องที่น่าพิศมัยเลยทีเดียว
“ตกแต่งสวยใช้ได้ ผิดคาด” หนี่หยันพยักหน้าขณะมองไปรอบๆ ทันใดนั้นสายตาของนางก็มองไปเห็นสิ่งหนึ่งที่อยู่ระยะไกล ซึ่งก็คือดอกไม้เต้าหู้สีขาวในถ้วยผลึกล้ำค่า ที่กำลังเบ่งบานด้วยกลีบบางละเอียดเหมือนขนสัตว์อยู่ข้างๆ โต๊ะอาหาร
“นี่… นี่คือผลงานของพ่อครัวร้านปักษาเพลิงนิรันดร์รึ” หนี่หยันเดินเข้าไปดูดอกไม้เต้าหู้ใกล้ๆ ด้วยสายตาพินิจพิเคราะห์ ยิ่งดูนานเท่าไหร่ก็ยิ่งอึ้งมากขึ้นเท่านั้น นางเห็นแล้วว่าดอกไม้นี้ไม่ได้มีเพียงสองหรือสามชั้นเท่านั้น หากแต่เป็นกลีบดอกพันชั้นซ้อนทับกัน…
แน่นอนว่ากลีบนั้นไม่ได้มีพันชั้นจริงๆ แต่ความหนาของมันก็ยังทำให้หนี่หยันถึงกับต้องสูดลมเย็นเข้าปอด
ทักษะการใช้มีดที่ใช้ในการสร้างสรรค์ผลงานชิ้นนี้จัดได้ว่าสูงเสียดฟ้าจนน่าอัศจรรย์ใจ หรืออย่างน้อยตัวหนี่หยันเองก็รู้ว่าทักษะการใช้มีดของนางไม่ดีพอที่จะทำอะไรเช่นนี้ได้แน่นอน
“ไม่ใช่ขอรับ นี่เป็นผลงานของเถ้าแก่ปู้” เฉียนเป่าตอบด้วยแววตามากด้วยความรู้สึก ขณะมองเต้าหู้บุปผาพันชั้น เขานำงานชิ้นนี้กลับมาด้วยหลังจากที่การประลองกับปู้ฟางจบลง และรักษาดอกไม้เต้าหู้นี้เอาไว้ในถ้วยผลึกล้ำค่า ทำให้เต้าหู้กลับกลายเป็นของตกแต่งงามวิจิตรทันที นี่เป็นสิ่งที่เฉียนเป่าคิดขึ้นมาได้ ณ เวลานั้น
“เถ้าแก่ปู้รึ” หนี่หยันหันไปมองเฉียนเป่าด้วยสายตางุนงง
เฉียนเป่าพลันเลิกคิ้วขึ้น สตรีผู้นี้คลั่งไคล้อาหารยิ่งกว่าอะไรดี แต่กลับ… ไม่รู้จักเถ้าแก่ปู้เช่นนั้นรึ พวกนี้มาจากนอกเมืองจริงๆ หรือนี่
“เถ้าแก่ปู้เป็นเจ้าของร้านเล็กๆ ของฟางฟางขอรับ” เฉียนเป่าอธิบายอย่างตั้งใจ
ถังอิ่นรู้อยู่แล้วว่าปู้ฟางเป็นใคร เขาพลันรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา เป็นเช่นนี้จริงๆ เสียด้วย… ไม่มีทางที่ศิษย์พี่จะไม่เป็นที่รู้จักในนครหลวงไปได้
ร้านเล็กๆ ของฟางฟาง… หนี่หยันหรี่ตา หากดูจากความแม่นยำในการใช้มีดแล้ว นางบอกได้ทันทีว่าพ่อครัวร้านเล็กๆ ของฟางฟางนั้นไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน นางรู้สึกสนใจร้านเล็กๆ ของฟางฟางมากขึ้นกว่าเดิมโดยไม่รู้ตัว
แม้แต่ปู้ฟางเองยังหาข้อติที่ชั้นสามยาก และหลังจากที่อาหารเหล่านี้ได้รับการปรับปรุงตามคำแนะนำของปู้ฟางด้วยแล้ว รสชาติก็คืบเข้าใกล้ความสมบูรณ์แบบขึ้นไปอีกขั้น ด้วยเหตุนี้หนี่หยันจึงกินอาหารแสนอร่อยทั้งสามจานหมดด้วยอารมณ์ที่ดีขึ้นทันตา
“อร่อยมาก สมแล้วที่เป็นชั้นสาม พ่อครัวของเจ้ามีความสามารถพอตัวจริงๆ” หนี่หยันสวมผ้าคลุมหน้ากลับไปตามเดิม ความงดงามของนางถูกบดบังอยู่ภายใต้ผืนผ้าอีกครั้ง นางโบกมือหยิบเหรียญทองออกมาส่งให้เฉียนเป่า
เฉียนเป่าประหลาดใจที่ตนเองยังได้รับเงินค่าอาหารอยู่… ด้วยความแข็งแกร่งของแม่นางผู้นี้ ต่อให้นางพยายามกินแล้วชักดาบ ตัวเขาเองก็คงไม่อาจทำสิ่งใดได้…
“ให้คนพาข้าไปที่ร้านเล็กๆ ของฟางฟางหน่อย ข้าสงสัยนักว่าร้านของพ่อครัวที่มีทักษะการใช้มีดยอดเยี่ยมถึงเพียงนี้ จะขายอาหารแบบใดกัน” หนี่หยันเอ่ย
“อาหารของเถ้าแก่ปู้อร่อยแน่นอนขอรับ ติดแค่ว่าราคาแพงเอาเรื่องอยู่เท่านั้น…”
“ราคาสูงรึ เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา แค่นำทางพวกข้าไปก็พอ” ลู่เซียวเซียวที่เงียบมาตลอดพูดขึ้นในที่สุด พวกเขามีเงินเป็นถุงเป็นถังเลยทีเดียว
ในเมื่ออีกฝ่ายไม่สนใจใยดีเรื่องเงินแม้แต่น้อย เฉียนเป่าจึงอาสาพาพวกเขาไปที่ร้านอาหารในตรอกห่างไกลด้วยตัวเอง
…
หิมะขาวพัดพาหมุนวนอยู่บนท้องฟ้า ส่งเกล็ดน้ำแข็งกระจัดกระจายไปทุกแห่งหน ปกคลุมทั่วทั้งนครหลวงด้วยชั้นปุยนุ่นเย็นหนาสีเงิน
ทันทีที่ปู้ฟางเปิดไม้กระดาน อากาศหนาวพร้อมเกล็ดหิมะก็พัดเข้ามาในร้าน ทำให้ตัวเขาสั่นอยู่ชั่วขณะหนึ่ง
หลังจากที่ทำซี่โครงเปรี้ยวหวานให้เจ้าดำเสร็จ ชายหนุ่มก็เดินกลับเข้าครัวอีกครั้ง คราวนี้เขาเข้ามาเพื่อทำภารกิจสำคัญให้เสร็จลุล่วงในเช้าวันนี้
ปู้ฟางมีสีหน้าจริงจังมากขณะไปหยุดอยู่ตรงหน้าตู้ที่กำลังตากแห้งไส้กรอกวัวมังกรพเนจรอยู่ ทันทีที่เขาเปิดประตูตู้ กลิ่นเนื้อก็พุ่งออกมาพร้อมด้วยกลิ่นสมุนไพรที่เหมือนยา
ปู้ฟางยื่นมือออกไปกดไส้กรอกดูหนึ่งชิ้น รู้สึกได้ถึงแรงต้านที่ไส้กรอกผลักมาที่นิ้ว ซึ่งเป็นสัญญาณว่าไส้กรอกถูกตากแห้งถึงจุดที่เขาพอใจแล้ว ผิวของไส้กรอกค่อนข้างตึง ทั้งยังมีแรงผลักกลับเมื่อกดดู ทำให้รู้ว่ากระบวนการตากแห้งสำเร็จเสร็จสิ้นไปได้ด้วยดี
ชายหนุ่มสะกดความตื่นเต้นเอาไว้ในใจ ก่อนหยิบไส้กรอกยี่สิบชิ้นออกจากตู้ เขาตัดออกมาชิ้นหนึ่ง แล้วนำที่เหลือไปแช่ตู้เย็นเอาไว้
ปู้ฟางแทบทนรอทอดไส้กรอกชิ้นนี้ไม่ไหวแล้ว แต่เขาต้องเตรียมการอีกอย่างก่อนจึงจะทำได้
ชายหนุ่มเทน้ำมันจำนวนหนึ่งลงในกระทะ รอให้ไอร้อนขึ้นมาจากผิวน้ำมันก่อนใส่ไส้กรอกลงไป
ทันทีที่ไส้กรอกจุ่มลงไปในน้ำมัน เสียงฉ่าก็ดังขึ้นจากกระทะ ระลอกน้ำมันพุ่งเข้าห้อมล้อมไส้กรอกและเดือดเป็นฟองไม่หยุด ดูแล้วเหมือนก้อนหิมะหนาไม่มีผิด
กลิ่นของน้ำมันและกลิ่นหอมของเนื้อพวยพุ่งออกจากกระทะเข้าปกคลุมห้องครัวเอาไว้ทันที ทั้งยังเจือกลิ่นของสมุนไพรไว้ด้วย ทำให้เกิดเป็นกลิ่นที่ใครก็ตามซึ่งได้สูดดมเข้าไปจะต้องควบคุมตนเองไม่อยู่
ไส้กรอกนี้หอมเกินไปจริงๆ จนปู้ฟางเองยังอดไม่ได้ที่จะน้ำลายสอ
เขาไม่ได้มีพิธีรีตองมากมายกับการทอดไส้กรอกนัก เนื่องจากไม่มีความจำเป็นต้องทำอะไรขนาดนั้น ชายหนุ่มได้ทำทุกอย่างครบถ้วน ตอนนี้เหลือเพียงรอให้ไส้กรอกสุกถ้วนทั่วเท่านั้น
เนื่องจากผิวของไส้กรอกทำมาจากลำไส้เล็กของวัวมังกรพเนจร อสูรเวทระดับเจ็ด จึงทำให้น้ำมันธรรมดาร้อนไม่พอทอดให้มันสุกกรอบ ด้วยเหตุนี้ระหว่างการทอด ปู้ฟางจึงต้องค่อยๆ ส่งพลังปราณเที่ยงแท้เข้าไปในน้ำมัน เพื่อกระจายความร้อนเข้าสู่ตัวไส้กรอก
เมื่อกลิ่นหอมของไส้กรอกในอากาศรุนแรงถึงระดับหนึ่ง ปู้ฟางก็รีบใช้ตะเกียบคีบไส้กรอกออกจากกระทะน้ำมันท่วม หลังจากที่ปล่อยให้ไส้กรอกสะเด็ดน้ำมันเรียบร้อย ชายหนุ่มก็ยืนมองไส้กรอกสีชมพูเข้มสวยเงาวับตรงหน้า
กลิ่นเนื้อควบคู่กับกลิ่นสมุนไพรที่มีฤทธิ์เป็นยาลอยออกจากไส้กรอก เข้าไปยังโพรงจมูกของปู้ฟางอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ชายหนุ่มรู้สึกได้ถึงกลิ่นที่เข้าเกาะกุมต่อมรับรสก่อนที่เขาจะได้กินมันด้วยซ้ำไป
ไอสีเขียวปรากฏขึ้น ตามมาด้วยมีดทำครัวกระดูกมังกรทองในมือ ปู้ฟางหั่นไส้กรอกออกเป็นสามชิ้นอย่างระมัดระวัง ทันทีที่เปลือกไส้กรอกถูกตัด กลิ่นเนื้อที่อัดแน่นอยู่ภายในไส้กรอกก็ระเบิดออกมา กลิ่นนั้นรุนแรงยิ่งกว่าเดิม พุ่งเข้าปกคลุมทุกซอกทุกมุมในร้าน
เจ้าดำที่กำลังสวาปามซี่โครงเปรี้ยวหวานพร้อมกระดิกหางอยู่หน้าร้านพลันหยุดกิน ดวงตาของมันกะพริบปริบ มันเงยหน้าขึ้นแล้วเริ่มทำจมูกฟุดฟิดในอากาศ… นี่มันกลิ่นอะไรกัน หอมเหลือเกิน!
เฉียนเป่าเดินนำหนี่หยันและศิษย์ทั้งสองของนางมาหยุดอยู่หน้าร้านพอดิบพอดี แต่ก่อนที่จะได้เข้าไปในร้าน กลิ่นหอมของเนื้อก็พุ่งเข้าเกาะกุมประสาทรับกลิ่นของพวกเขาเสียก่อน ทำให้ทั้งสี่รู้สึกเหมือนสติถูกควบคุมเอาไว้ด้วยกลิ่นหอมนี้
ไม่ว่าจะเป็นเฉียนเป่าที่มีพลังปราณต่ำที่สุด หรือหนี่หยันที่อยู่ในระดับเจ็ดขั้นนักพรตยุทธการ ทุกคนต่างถูกควบคุมด้วยกลิ่นหอมของไส้กรอก
เพียงแค่หั่นไส้กรอกชิ้นใหญ่ชิ้นเดียว ถนนสายหลักทั้งสายก็หอมฟุ้งไปด้วยกลิ่นชวนน้ำลายสอแล้ว
……………………