คำพูดของปู้ฟางทำให้ดวงตาของหนี่หยันเป็นประกายขึ้นมาทันที นางยิ้มจนตาหยีแทบกลายเป็นจันทร์เสี้ยว ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “รักษาคำพูดด้วยเล่า! ข้าขอยืมครัวเจ้าก่อนแล้วกัน!”
แน่นอนว่าการขอยืมครัวของนางนั้นถูกปู้ฟางปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใยอีกครั้ง
“ไปยืมครัวร้านปักษาเพลิงนิรันดร์ไป ครัวข้าไม่เปิดให้ใครมาใช้สุ่มสี่สุ่มห้า” ชายหนุ่มพูด รู้สึกพึงพอใจในไหวพริบของตนเอง
หนี่หยันมองปู้ฟางอย่างเคลือบแคลง ก่อนพ่นลมแล้วยอมจากไปในที่สุด ในเมื่อเขาไม่ยอมให้นางใช้ครัว นางก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องไปร้านปักษาเพลิงนิรันดร์ซึ่งเป็นทางเลือกเดียวที่เหลืออยู่ ส่วนร้านปักษาเพลิงนิรันดร์จะยอมหรือไม่นั้น… ก็ต้องถามว่าพวกเขามีทางเลือกอื่นด้วยหรือ
เมื่อหนี่หยันเดินจากไป ปู้ฟางก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก แม่นางผู้นี้เดินตามเขาเหมือนเงาตั้งแต่เช้า ทำให้กิจการซื้อขายไม่คล่องตัวอย่างมาก
ในตรอกนั้นเต็มไปด้วยหิมะที่หมุนวนตามแรงลมในอากาศและสายลมหนาวเหน็บหวีดหวิว ส่วนภายในร้านกลับอบอุ่นสบายเป็นพิเศษ
จีเฉิงเสวี่ยในชุดกันหนาวขนสัตว์พ่นควันขาวออกมาเป็นทางขณะเดินเข้าตรอก ทันทีที่ก้าวเข้ามาในร้าน ความอบอุ่นที่สัมผัสกายก็ทำให้เขารู้สึกมีความสุขขึ้นมา เขาถอดเสื้อกันหนาวตัวหนาออกแล้วทักทายปู้ฟาง จากนั้นก็หันไปมองรายการอาหารด้านหลัง ระหว่างที่เขาจากไปทำภารกิจทางทหารกับสำนักน้อยใหญ่ น่าจะมีอาหารจานใหม่ๆ เพิ่มขึ้นมามากอยู่ องค์ชายสามเอ่ย “ไหนดูซิว่ามีอาหารจานใหม่อะไรบ้าง”
“เถ้าแก่ปู้ ข้าขอเนื้อตุ๋นตำรับจีนกับสุราหัวใจหยกเยือกแข็งหนึ่งเหยือก”
“อ้าว เสี่ยวอี้ ไม่ได้เจอกันสักพักเลยนะ เจ้าสูงแถมยังสวยขึ้นด้วย” จีเฉิงเสวี่ยหัวเราะแล้วลูบศีรษะเด็กหญิง
ปู้ฟางพยักหน้ารับ “รอสักครู่” เขาหันหน้าเดินมุ่งเข้าครัวไป
จีเฉิงเสวี่ยยิ้มบางขณะดมกลิ่นหอมภายในร้าน เขาสามารถทำตัวตามสบายได้จริงๆ ก็เฉพาะตอนอยู่ในร้านนี้เท่านั้น ตอนที่อยู่ในร้านของปู้ฟาง เขาไม่ต้องคิดอะไรและไม่จำเป็นต้องห่วงหรือระวังตัวเรื่องความปลอดภัยของตนเองอีกด้วย ทั้งยังรู้สึกหลงรักบรรยากาศอบอุ่นของร้านอีก
ขณะที่จีเฉิงเสวี่ยกำลังรอให้ปู้ฟางทำเนื้อตุ๋นตำรับจีนนั้น เสียงหัวเราะแหลมสูงก็ดังมาจากทางเข้าตรอก เสียงนั้นฟังดูยั่วยวนมากทั้งยังมีเสียงกระพรวนคลอมาด้วย
“พี่หญิง ท่านคิดว่าเป็นร้านนี้ใช่หรือไม่ ร้านใจไม้ไส้ระกำสุดลึกลับในข่าวลือนั่นน่ะ” เสียงเฉื่อยๆ ของผู้หญิงถามด้วยความงุนงงสงสัย
“ร้านนี้อยู่ในตรอกไกลปืนเที่ยง จากที่ตาแก่หุนเชียนอวิ่นบอก ข้าว่าน่าจะเป็นที่นี่ละ เข้าไปดูกันเถอะพี่หญิงน้องหญิง จะได้รู้กันไปว่าร้านเล็กๆ นี่มีเวทมนต์อะไร ขนาดตาแก่หุนเชียนอวิ่นยังพ่ายแพ้กลับไปได้”
จากนั้นเสียงหัวเราะแหลมรื่นเริงก็ดังเป็นลูกคู่ ตามมาด้วยเสียงกระพรวน และร่างสวยยั่วยวนใจของหญิงสาวหลายคนที่เดินเข้ามาในร้าน
ทันทีที่เท้าบอบบางเหยียบเข้ามาในบรรยากาศอบอุ่นสบายของร้าน ดวงตาสวยเหมือนนกปักษาเพลิงของเหวยเซียงซื่อก็เบิกกว้างขึ้น ด้านนอกร้านนั้นเป็นโลกแห่งน้ำแข็งและหิมะ แต่ภายในร้านกลับอบอุ่นเหมือนฤดูใบไม้แรกแย้ม นางประหลาดใจกับบรรยากาศที่เปลี่ยนเป็นอีกโลกหนึ่งของที่นี่มาก
ยิ่งไปกว่านั้น กลิ่นหอมที่ลอยอยู่ในร้านยังทำให้นางถึงกับเคลิ้มเช่นกัน เป็นกลิ่นที่หอมมากจริงๆ
“เสี่ยวอี้ เอาอาหารไปให้ลูกค้า” ปู้ฟางตะโกนพร้อมวางเนื้อตุ๋นตำรับจีนไว้ที่หน้าต่าง เสี่ยวอี้รีบวิ่งไปหยิบจานมาวางไว้บนโต๊ะจีเฉิงเสวี่ยทันที
ปู้ฟางเดินออกจากครัวมาพร้อมเหยือกสุราในมือ แล้ววางลงตรงหน้าองค์ชายสามเช่นกัน
“เชิญกินให้อร่อย” ชายหนุ่มเอ่ย พอพูดเสร็จเขาก็เหลือบไปเห็นผู้มาเยือนหน้าใหม่สามคนที่เพิ่งก้าวเท้าเข้าร้านมา
สตรีทั้งสามนางนั้นสวมชุดนุ่งน้อยห่มน้อย ทุกคนสวยหยาดเยิ้มและดูยั่วยวนใจเป็นอันมาก จัดเป็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์ของสตรีอย่างเพียบพร้อม
“ตายๆ เถ้าแก่ร้านเป็นหนุ่มน้อยหน้าตาหล่อเหลาเสียด้วย มานี่เร็ว พี่หญิงคนนี้อยากสั่งอาหาร” เมื่อเหวยเซียงซื่อเห็นปู้ฟาง นางก็ปิดปากหัวเราะคิกคัก
จีเฉิงเสวี่ยยิ้มมุมปากพลางส่ายศีรษะ จากนั้นเขาก็หันไปสนใจจานเนื้อตุ๋นตำรับจีนแทน สตรีจากสำนักสุขสามัคคีเหล่านี้คงไม่เป็นอะไรหากมาเพื่อกินอย่างเดียว แต่หากมาเพื่อลองดีละก็… น่าจะสนุกไม่น้อย
เมื่อจีเฉิงเสวี่ยมองไปที่เนื้อตุ๋นตำรับจีนที่เป็นประกายสีเรื่อพร้อมด้วยกลิ่นหอมเกินต้าน เขาก็อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย ชายหนุ่มหยิบตะเกียบขึ้นมาคีบเนื้อเข้าปากทันที
รสชาติเนื้อในปากนั้นเหมือนระเบิดที่ปะทุออกมาพุ่งเข้าโอบล้อมต่อมรับรสของเขา ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนได้ขึ้นสวรรค์
“จะสั่งอะไรก็ดูรายการอาหารข้างหลังเอาแล้วกัน” ปู้ฟางพูดหน้าตาย เขาเหลือบมองหญิงสาวทั้งสามในชุดนุ่งน้อยห่มน้อยอีกครั้งก่อนเดินไปทางครัว
เหวยเซียงซื่อไม่ได้คิดว่าปู้ฟางจะเมินนางเช่นนี้ จึงรู้สึกโกรธขึ้นมาเล็กน้อย
“พี่หญิงคนนี้สวยขนาดนี้ ช่วยหันกลับมามองอีกสักหน่อยเถอะ”
กรุ๊งกริ๊ง กรุ๊งกริ๊ง กรุ๊งกริ๊ง…เหวยเซียงซื่อปรากฏตัวขึ้นเบื้องหลังปู้ฟางพร้อมเสียงกระพรวน มือขาวเรียวยาวของนางคว้าไหล่ของเขาเอาไว้ ริมฝีปากสีแดงยั่วยวนเผยอขึ้น พร้อมกระซิบเสียงแผ่ว “อย่าเพิ่งไปเลย อยู่กับพี่หญิงคนนี้ก่อน บอกพี่หญิงหน่อยสิว่าอาหารในร้านนี้จานไหนอร่อย”
โอวหยางเสี่ยวอี้ได้กลิ่นหอมพุ่งผ่านหน้าตัวเองไป ดวงตาของนางเบิกกว้างเมื่อเห็นหญิงสาวพุ่งเข้าไปเกาะนายท่านตัวเหม็นเอาไว้ ราวกับกำลังพยายามเกาะติดเขาเหมือนปลิงดูดเลือด
“มีสตรีหน้าไม่อายขนาดนี้อยู่บนโลกด้วยรึ!” โอวหยางเสี่ยวอี้คิดอย่างฉุนเฉียว “นี่นางพยายามจะยั่วนายท่านตัวเหม็นหรืออย่างไร”
ปู้ฟางขมวดคิ้วแล้วหันไปมองหญิงสาว ก่อนเอ่ยด้วยท่าทางไร้อารมณ์ “อย่าจับตัวข้า ออกไปให้ไกลๆ ด้วย กลิ่นจากตัวเจ้าแรงเกินไป”
“ตายแล้ว พ่อหนุ่มน้อยอายหรือจ๊ะ” เหวยเซียงซื่อประหลาดใจไปชั่วขณะก่อนจะหัวเราะขบขัน นางยื่นมือขาวสวยเรียวยาวออกไปหมายจะจับคางปู้ฟาง
“เพี้ยะ” ปู้ฟางยกมือขึ้นด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึกแล้วปัดมือเหวยเซียงซื่อทิ้งไปทันที
เหวยเซียงซื่อชะงักไปชั่วครู่ จากนั้นสีหน้านางก็เปลี่ยนเป็นเย็นชา กระแสพลังปราณเริ่มก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างรอบกาย
“เจ้าไม่คิดจะไว้หน้าพี่หญิงคนนี้เลยสินะ” เหวยเซียงซื่อเย้ย ตั้งแต่นางมาที่นครหลวง นางก็ได้ยินกิตติศัพท์ของเจ้าของร้านใจไม้ไส้ระกำอยู่ตลอดว่ายโสเป็นอย่างยิ่ง อาหารร้านนี้ราคาแพงแสนแพง ส่วนเถ้าแก่ก็นิสัยเสียไม่น่าคบ เมื่อได้มาเจอตัวจริง นางก็เชื่อแล้วว่าเป็นจริงดังคำเล่าลือ
“จะก่อเรื่องในร้านข้ารึ” ปู้ฟางเหลือบตามองแล้วเอ่ยด้วยด้วยท่าทางงุนงง
“ป่านนี้ยังมีคนที่โง่พอจะมาก่อเรื่องที่ร้านข้าอีกรึ แม่นางสามคนนี้หากไม่ปัญญาทึบก็เพิ่งเข้าเมืองมาสินะ…” ชายหนุ่มคิด
จีเฉิงเสวี่ยที่นั่งอยู่ใกล้ๆ นั้นกำลังส่งเนื้อตุ๋นตำรับจีนเข้าปาก จากนั้นก็ดื่มสุราหัวใจหยกเยือกแข็งไปด้วย นอกจากนี้ยังคอยดูเหตุการณ์ที่ปู้ฟางโดนแหย่ไปพลางๆ ในตอนนี้เขารู้สึกผ่อนคลายเป็นอันมากเนื่องจากได้ใช้ชีวิตอย่างสบายๆ
โอวหยางเสี่ยวอี้กำลังเดือดดาลขณะมองเหวยเซียงซื่อแล้วคิด “นางหน้าไม่อายนี่…”
เมื่อปู้ฟางเห็นหญิงสาวไม่ได้ตอบโต้อะไร เขาก็ไม่ใส่ใจนางอีก ชายหนุ่มเดินไปที่ครัวต่อ แต่ทันทีที่ก้าวเท้า เหยวเซียงซื่อที่เพิ่งตื่นจากภวังค์ก็ขยับตัวเข้าใกล้เขาอีกครั้ง
ครืด…
แสงสีแดงสว่างวาบ ตามมาด้วยร่างของเจ้าขาวที่ปรากฏตัวขึ้นข้างหน้าเหวยเซียงซื่อ ดวงตาจักรกลของมันหันมาจ้องนาง ตามมาด้วยเสียงจักรกล “พวกที่เข้ามาก่อความไม่สงบจะต้องโดนจับแก้ผ้าประจานต่อหน้าประชาชี”
“ตายๆ เจ้าเด็กตัวแสบ อยากจะจับพี่หญิงคนนี้แก้ผ้ารึ! น่ารำคาญเสียจริง! แต่พี่หญิงคนนี้ก็ชอบหนุ่มๆ แบบนี้แหละนะ” มุมปากของเหวยเซียงซื่อยิ้มเยาะ ดวงตาเย็นชา พลังปราณเที่ยงแท้หมุนวนรอบร่างกายของนาง ขณะที่มือเรียวสวยยื่นออกไปหาปู้ฟางอีกครั้ง
ปัง!!
แต่ในอึดใจต่อมา เสียงทึบก็ดังขึ้น ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องของเหวยเซียงซื่อขณะร่างของนางเซถลาไปข้างหลัง หญิงสาวมองเจ้าขาวที่ผลักตนเองออกไปด้วยสายตาประหลาดใจ
“เจ้าหุ่นเชิดนี่น่าสนใจดี หรือว่านี่จะเป็นไพ่ตายของร้านเจ้าที่หุนเชียนอวิ่นบอกกันนะ พี่สาวน้องสาวข้า… เรามาโจมตีไอ้เศษเหล็กบ้านี่พร้อมกันเถิด! จากนั้นก็ลากซากมันกลับไปให้ไอ้หุนเชียนอวิ่นดู จะเอาไปเป็นของขวัญให้อวี่อ๋องก็ยังได้” เหวยเซียงซื่อพูดกลั้วหัวเราะ
ในเมื่อพวกนางกำลังร่วมมือกับอวี่อ๋องอยู่ ก็ต้องนำของกำนัลไปให้เสียหน่อย หรืออย่างน้อยก็ต้องทำให้อีกฝ่ายมองเห็นความสำคัญของสำนักสุขสามัคคีให้ได้ และนี่ก็เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะแสดงให้เห็นว่าสำนักของพวกนางเกรียงไกรเพียงใด แม้ในตอนนี้หุนเชียนอวิ่นจะจัดเป็นคนที่อวี่อ๋องให้ความสำคัญมาก แต่หากพวกนางจัดการกับร้านที่ทำให้ตาแก่นั่นพ่ายแพ้ไม่เป็นท่าได้สำเร็จ ก็จะเป็นการพิสูจน์ความสามารถที่เหนือกว่าของพวกนางได้เป็นอย่างดี
……………..