ทันทีที่ขนมไหว้พระจันทร์ผ้าไหมพันชั้นเข้าปาก เซียวเยียนอวี่ก็รู้สึกราวกับว่านางกำลังกัดลงไปบนฟองน้ำ ทุกชั้นของฟองน้ำนั้นอ่อนนุ่มจนแทบไม่อยากเชื่อ รสสัมผัสเหมือนผ้าไหมกำลังแตะฟันสีขาวเหมือนไข่มุกและริมฝีบางสีแดงเรื่อของนาง ทำให้นางรู้สึกราวกับว่าลมอ่อนโยนกำลังพัดเข้าปลอบประโลมจนร่างสั่นสะท้าน
รสชาติหวานหอมกระจายไปทั่วปากของเซียวเยียนอวี่ ขนมไหว้พระจันทร์คลี่ออกเหมือนกลุ่มด้าย กระเด้งกระดอนอยู่ในปาก ทำให้นางรู้สึกผ่อนคลายมีความสุขเหมือนได้รับการปรนนิบัติอย่างดี
รสหวานเข้าห้อมล้อมต่อมรับรสของนาง และค่อยๆ แทรกซึมเข้าไปในปากทีละคืบ แม้จะไม่เร็วมาก แต่ก็ทำให้เซียวเยียนอวี่รู้สึกราวกับโลกทั้งใบกลายเป็นขนมหวาน
ตอนนั้นเองใบหน้าของเซียวเยียนอวี่ก็เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ หญิงสาวมีท่าทางกระสับกระส่ายอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวอยู่สักพัก นางดูไม่เป็นตัวของตัวเองแม้แต่น้อย หลังจากที่ขนมไหว้พระจันทร์ผ้าไหมพันชั้นเข้าปาก นางก็รู้สึกราวกับว่าเสื้อผ้าอาภรณ์ของตนได้หลุดออกจากร่างเหมือนก้อนขนมไหว้พระจันทร์ที่คลายตัวในปากนาง…
ช่างน่าอายอะไรเช่นนี้!
เซียวเสี่ยวหลงเองก็ได้ประสบการณ์เดียวกันกับเซียวเยียนอวี่ ปู้ฟางเหลือบมองหน้าชายหนุ่มแล้วก็เห็นว่าอีกฝ่ายหน้าแดงเช่นกัน… จนเขางงงวยว่าอายอะไรกัน
“อร่อยมาก!”
โอวหยางเสี่ยวอี้เป็นคนแรกที่เอ่ยปากชมด้วยสีหน้ามีความสุขล้น “การได้กินอาหารจานใหม่ๆ ของนายท่านตัวเหม็นนี่ถือเป็นความสุขที่แท้จริง แถมขนมจานนี้ยังอร่อยมากอีกด้วย…”
“อย่าเพิ่งรีบด่วนสรุปไป ลองชิมต่อ พวกเจ้ายังไม่ได้รับรู้ถึงรสชาติที่แท้จริงของมัน” ปู้ฟางพูดพลางกัดขนมเข้าไปคำหนึ่ง
ทั้งสามพลันประหลาดใจกับสิ่งที่ได้ยิน หรือว่าความจริงแล้วขนมไหว้พระจันทร์ผ้าไหมพันชั้นมีความลับอื่นซ่อนอยู่อีก
พวกเขากัดขนมอีกครั้งด้วยความสงสัยใคร่รู้ จากนั้นก็ต้องรู้สึกตกใจกับความหวานที่นุ่มนวล
ปู้ฟางค่อยๆ ละเลียดเคี้ยวขนมในปาก สีหน้าดูว่างเปล่าขณะทอดสายตาออกไปไกล…
เส้นด้ายสีขาวในขนมไหว้พระจันทร์ผ้าไหมพันชั้นนั้นไม่ได้เหมือนแค่เส้นไหม แต่สะท้อนอารมณ์ความรู้สึกของเขาเช่นกัน นั่นคือความหมายที่แฝงอยู่ในอาหารจานนี้ของปู้ฟาง ขนมวันปีใหม่นี้ทำมาจากหมัดของปู้ฟางที่เต็มไปด้วยอารมณ์ของเขา
มันคือขนมที่เปี่ยมไปด้วยความรู้สึกอย่างแท้จริง
โอวหยางเสี่ยวอี้ยังคงตั้งหน้าตั้งตากินต่อไป ดวงตาของนางเริ่มรื้นน้ำตา นางไม่รู้ว่าเหตุใดตนเองถึงเริ่มร้องไห้ออกมา ความเศร้าที่หาที่มาที่ไปไม่ได้แน่นอยู่ในอกของเด็กหญิง
ความรู้สึกนี้ประหลาดยิ่ง มันคือความรู้สึกโหยหาปะปนกับความเหงา…
เซียวเยียนอวี่และเซียวเสี่ยวหลงต่างกินขนมของตนโดยไม่พูดอะไร สีหน้าแสดงออกว่าได้รับผลกระทบจากความรู้สึกในขนมไหว้พระจันทร์เช่นกัน
พวกเขาทั้งสี่ต่างนั่งกินกันเงียบๆ โดยไม่พูดอะไร ไม่นานนักขนมก็หมดจาน
รสชาติอร่อยยังคงตราตรึงอยู่ในความทรงจำของพวกเขาทั้งสี่ กระแสความรู้สึกจากขนมทำให้ดวงตาของพวกเขารื้นไปด้วยน้ำ
“พี่หญิง… พอกินขนมนี้เข้าไปแล้ว เหตุใดข้าจึงนึกไปถึงสามปีที่ท่านแม่นอนเป็นเจ้าหญิงนิทราอยู่บนเตียงกันนะ ข้ารู้สึกเศร้าเหลือเกิน” เซียวเสี่ยวหลงเอ่ย
เซียวเยียนอวี่หลับตาลงแล้วสูดหายใจเข้าลึก จากนั้นนางก็ลืมตาขึ้นพร้อมด้วยรอยยิ้มเจิดจ้า “น้องชายสุดบ้องตื้นของข้า ท่านแม่ก็ตื่นขึ้นมาแล้วอย่างไรเล่า”
เซียวเยียนอวี่เองก็ได้ลิ้มรสอารมณ์ในขนมไหว้พระจันทร์ผ้าไหมพันชั้นเข้าไปเช่นกัน แต่นางรู้ดีว่านี่ไม่ใช่ความรู้สึกที่ปู้ฟางอยากจะสื่อ อาจจะมีแค่ชายหนุ่มคนเดียวที่ได้สัมผัสรสชาติที่แท้จริงของขนมนี้ก็เป็นได้
“กลับไปบ้านแล้วฝากขอบคุณมารดาของเจ้าด้วย ขนมชิ้นนั้นอร่อยจริงๆ” ปู้ฟางพูดขณะยืนคาอยู่ที่ปากประตู หลังจากกินขนมไหว้พระจันทร์ผ้าไหมพันชั้นหมดก็ถึงเวลาที่ทั้งสามต้องกลับบ้าน
เซียวเยียนอวี่ประหลาดใจพอตัว นางตอบกลับด้วยรอยยิ้มสวย “เถ้าแก่ปู้นี่รู้จักขอบคุณคนอื่นเป็นเหมือนกันหรือ ประหลาดนัก”
“อืม แน่นอน ข้าจะบอกท่านแม่ให้ การที่เถ้าแก่ปู้ชมความสามารถในการทำอาหารของคนอื่นนั้นเป็นเรื่องหายากยิ่งนัก” เซียวเยียนอวี่เอ่ย
ปู้ฟางยิ้มกว้าง จากนั้นเขาก็มองทั้งสามเดินจากไปแล้วพึมพำเบาๆ คนเดียว “ใช่แล้ว แต่ถ้านางนวดแป้งได้ชำนาญกว่านี้และควบคุมความร้อนได้ดีกว่านี้ รสชาติย่อมดีขึ้นอีกแน่นอน”
ปู้ฟางไม่ได้พูดดัง แต่กลับฟังชัดในตรอกที่เงียบกริบเป็นป่าช้า
เซียวเยียนอวี่ที่กำลังเดินอยู่ในความมืดชะงักไปชั่วครู่… “เข้าใจแล้ว เถ้าแก่ปู้เป็นคนที่รู้จักรักษาน้ำใจคนอื่นสินะ” นางคิด
ตรอกกลับมาเงียบสงบอีกครั้ง ปู้ฟางเงยหน้าขึ้นมองดวงจันทร์กลมสีเงินสองดวงบนท้องฟ้าที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาทองแสงสีเงินเย็น จากนั้นมุมปากของเขาก็ยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม ชายหนุ่มเดินกลับเข้าร้านพร้อมวางไม้กระดานปิดประตูกลับเข้าที่
…
“นายท่าน ระบบมอบรางวัลให้เรียบร้อยแล้ว นายท่านสามารถตรวจสอบรางวัลได้แล้วในตอนนี้” เสียงจริงจังของระบบดังขึ้น
ปู้ฟางเช็ดหยดน้ำบนมือ รู้สึกประหลาดใจกับสิ่งที่ได้ยินไปชั่วขณะ เขาลืมเรื่องรางวัลไปสนิทเนื่องจากถูกครอบครัวโอวหยางเสี่ยวอี้ถล่มเมื่อเช้านี้
เขากลับมามีสมาธิอีกครั้งแล้วเริ่มตรวจดูรางวัลที่ตนเองได้รับ
นายท่าน: ปู้ฟาง
เพศ: ชาย
ระดับพลังปราณเที่ยงแท้: ระดับห้า (นายท่านสามารถกระตุ้นวัตถุให้ทำงานโดยใช้พลังงานเที่ยงแท้ได้แล้ว ในฐานะพ่อครัวเทพในโลกแห่งจินตนาการ นายท่านสามารถทดลองใช้พลังปราณเที่ยงแท้กระตุ้นการทำงานของเครื่องครัวได้ เพื่อจะได้ทำอาหารให้อร่อยมากยิ่งขึ้นไปอีก ฝึกให้หนักเข้าล่ะ พ่อหนุ่ม)
พรสวรรค์การทำอาหาร: หนึ่งดาว
ทักษะ: ทักษะการใช้มีดฝนดาวตกระดับสอง (10/100) ทักษะการแกะสลักกลุ่มดาวกระบวยใหญ่ระดับหนึ่ง (30/100)
อุปกรณ์: มีดทำครัวกระดูกมังกรทอง (ชุดอุปกรณ์พ่อครัวเทพ)
คะแนนรวมการเป็นพ่อครัวเทพ: ระดับรอง (ค้นพบพรสวรรค์การทำอาหารของตนเองเรียบร้อยแล้ว และสามารถศึกษาและทำอาหารจานใหม่ๆ ด้วยตนเองได้ รวมถึงใช้พลังปราณเที่ยงแท้ในการทำอาหารและเตรียมวัตถุดิบได้ ทักษะการใช้มีดและการแกะสลักของนายท่านก้าวเข้าใกล้การเป็นพ่อครัวเทพมากขึ้นแล้ว)
ระดับของระบบ: ห้าดาว (ระดับการแปลงหน่วยอยู่ที่ร้อยละเจ็ดสิบ นายท่านสามารถออกเก็บเกี่ยววัตถุดิบด้วยตนเองได้)
รางวัลจากระบบ: วิธีการทำเกี๊ยวสีรุ้งในน้ำซุป และเสี้ยวหนึ่งของชุดอุปกรณ์พ่อครัวเทพ (1/3)
หลังจากที่อ่านดูคร่าวๆ สายตาของปู้ฟางก็จับจ้องไปที่รางวัลซึ่งระบบมอบให้ เขาอยากรู้ว่าตนเองจะได้อะไรมาเพิ่มในคราวนี้
“เกี๊ยวสีรุ้งในน้ำซุปรึ” ปู้ฟางพึมพำออกมาด้วยความฉงนสนเท่ห์
ปู้ฟางรู้ดีว่าเกี๊ยวน้ำนั้นเป็นเกี๊ยวที่มีวิธีการทำไม่เหมือนเกี๊ยวทั่วไป เกี๊ยวทั่วไปจะใช้วิธีนึ่ง ส่วนเกี๊ยวน้ำต้องนำไปต้ม แต่เกี๊ยวสีรุ้งในน้ำซุปนั้น… ปู้ฟางพลันรู้สึกสงสัยขึ้นมา
แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้ประหลาดใจกับรายการอาหารจานนี้นัก เนื่องจากเขาเชื่อมั่นว่าอะไรที่ระบบมอบให้ย่อมไม่ทำให้ผิดหวัง เกี๊ยวสีรุ้งในน้ำซุปน่าจะมีความพิเศษในตัวของมันเองแน่นอน
ปู้ฟางรู้สึกอยากจะเดินเข้าครัวไปทำเกี๊ยวสีรุ้งในน้ำซุปเพื่อชิมเสียเดี๋ยวนี้ แต่หลังจากที่คิดอีกรอบ เขาก็ตัดสินใจว่าเอาไว้ก่อนดีกว่า เนื่องจากใช้พลังปราณไปพอสมควรแล้วในการทำขนมไหว้พระจันทร์ผ้าไหมพันชั้น และรู้สึกอ่อนเพลียพอตัว การที่ร่างกายของเขาไม่สมบูรณ์เต็มที่ในตอนนี้ อาจทำให้ระดับของอาหารได้รับผลกระทบไปด้วย ด้วยเหตุนี้ชายหนุ่มจึงตัดสินใจเดินกลับห้องไปนอน
การนอนให้พอเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับปู้ฟาง แม้เขาจะมีปราณขั้นราชันยุทธการแล้วก็ตามที
ภายนอกร้าน ดอกไม้ไฟยังคงสว่างไสวอยู่บนท้องฟ้าเหนือตรอก ส่องแสงเจิดจ้าหลากสีสวยงาม
บนถนนสายหลักของนครหลวง เด็กๆ พากันตะโกนเจื้อยแจ้วสนุกสนาน บรรยากาศรื่นเริงของงานเทศกาลฤดูใบไม้ผลิทวีความเข้มข้นขึ้นอีก
คืนนี้นครหลวงครึกครื้นเป็นพิเศษ เนื่องจากทุกคนกำลังรอเวลาปีใหม่อย่างใจจดใจจ่อ
บนท้องฟ้าสีดำสนิท ดวงจันทร์สองดวงเคลื่อนที่เข้ามาใกล้กันเรื่อยๆ เมื่อดวงจันทร์ทั้งสองซ้อนกันสนิท ก็ถือเป็นสัญญาณการเริ่มต้นปีใหม่และการเริ่มต้นเทศกาลฤดูใบไม้ผลิ
ปู้ฟางนอนอยู่บนเตียง สายตามองไปที่ดวงจันทร์ซึ่งส่องสว่างอยู่นอกหน้าต่าง พลางรู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก
ท่ามกลางเสียงเจื้อยแจ้วของบรรดาประชาชนทั่วทั้งจักรวรรดิวายุแผ่ว ดวงจันทร์ทั้งสองก็เคลื่อนมาทับกันในที่สุด
ดวงจันทร์เดี่ยวบนฟากฟ้าส่องแสงสว่างเจิดจ้า
เทศกาลฤดูใบไม้ผลิมาถึงแล้ว พร้อมพลุหลากสีสันข้างดวงจันทร์อร่าม
ปู้ฟางนอนบนเตียงมองภาพดวงจันทร์ทั้งสองที่ซ้อนทับกัน จากนั้นก็ผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆ แล้วหลับตาลงช้าๆ
………………..