ความจริงแล้วเกี๊ยวสีรุ้งในน้ำซุปเป็นรางวัลที่ได้มาจากระบบจึงเป็นไปไม่ได้เลยหากจะทำสูตรนี้ขายด้วยการใช้วัตถุดิบธรรมดาปู้ฟางเพียงแต่เลือกใช้ผักผลไม้ปกติในงานสมโภชร้อยครอบครัวเพื่อให้แขกที่มาร่วมงานทุกคนกินได้เท่านั้นแต่ในเมื่อตอนนี้เขากำลังจะขายอาหารจานนี้ในร้านแน่นอนว่าย่อมต้องใช้วัตถุดิบมีค่าในการทำ
ตอนที่ชายหนุ่มเดินถือชามเกี๊ยวสีรุ้งในน้ำซุปควันขาวออกมาจากครัวนั้นกลิ่นที่ตลบอบอวลอยู่ในอากาศก็บ่งบอกได้ว่าแตกต่างจากกลิ่นของเกี๊ยวในงานสมโภชอย่างสิ้นเชิงกลิ่นของเกี๊ยวสีรุ้งในน้ำซุปที่ใช้วัตถุดิบซึ่งเต็มไปด้วยพลังปราณเที่ยงแท้กระจายตัวไปทั่วห้องอาหาร
“เอื๊อก!”เจ้าอ้วนจินแทบน้ำลายไหลออกจากปากดวงตาจ้องไปที่ชามเกี๊ยวในมือปู้ฟางเขม็งกลิ่นที่โชยออกจากชามนั้นน่ากินเกินไป
“นี่เกี๊ยวสีรุ้งในน้ำซุปที่สั่งกินให้อร่อย”ชายหนุ่มวางชามลงตรงหน้าเจ้าอ้วนจิน
ดวงตาของชายอ้วนจ้องไปที่เกี๊ยวสีรุ้งในน้ำซุปไม่วางตาหน้าตาของมันแตกต่างจากเกี๊ยวจันทร์เสี้ยวสีรุ้งเมื่อวานโดยสิ้นเชิงเกี๊ยวสีรุ้งสูตรจริงนี้เหนือชั้นกว่าสิ่งที่เขาเห็นเมื่อวานทั้งด้านสีสันกลิ่นหอมและความสวยงามวิจิตร
เกี๊ยวสีขาวนั้นทอแสงระยิบระยับที่เปลี่ยนเฉดสีไปมาอย่างต่อเนื่องบางทีก็เป็นสีแดงสว่างเจิดจ้าบางทีก็เป็นสีเขียวมรกตสดสวย…สีสันของสายรุ้งที่สลับสับเปลี่ยนไปมาสวยงามจนละสายตาไปไม่ได้
ไอจากกลิ่นอาหารลอยหนาอยู่เหนือน้ำซุปน้ำซุปนั้นต้มด้วยเนื้อของอสูรเวทและเต็มไปด้วยพลังปราณปริมาณมากแค่สูดเข้าไปครั้งเดียวเจ้าอ้วนจินก็รู้สึกกระปรี้กระเปร่าไปทั้งร่างทำให้เขาสบายตัวสบายใจเป็นอันมาก
“เกี๊ยวจันทร์เสี้ยวสีรุ้งที่งานสมโภชนั้นไม่สามารถทอแสงสีรุ้งได้ในตัวเองเนื่องจากวัตถุดิบที่ใช้คุณภาพธรรมดาเกินไปตอนนั้นข้าต้องใช้เคล็ดลับในการกักเก็บกลิ่นเอาไว้ภายในเพื่อให้สีสันของส่วนผสมกระจายตัวออกมายามกินโดยใช้พลังปราณเที่ยงแท้เข้าช่วยแต่เกี๊ยวสูตรจริงนี้ไม่จำเป็นต้องใช้วิธีการพิเศษเช่นนั้นเนื่องจากแค่คุณภาพของวัตถุดิบก็สามารถทำให้มันเรืองแสงสีรุ้งออกมาได้ด้วยตัวเองแล้ว”ปู้ฟางอธิบาย
เจ้าอ้วนจินรีบใช้ตะเกียบคีบเกี๊ยวสีรุ้งในน้ำซุปขึ้นมาแล้วกัดลงไปเต็มคำจากนั้นก็รู้สึกราวกับตนเองกำลังยืนอยู่ใต้น้ำตกร่างทั้งร่างผ่อนคลายในทุกอณูเหมือนมีกระแสน้ำตกลงมาจากเบื้องบนเข้าปะทะร่างกาย
เขาอยากเปิดปากแล้วตะโกนร้องออกมาดังๆแต่ทันทีที่อ้าปากดวงตาก็ต้องเบิกกว้างเนื่องจากปากของเขาถูกอุดไว้สนิทด้วยกลิ่นหอมเข้มข้นของอาหาร
เนื้อบนใบหน้าของเจ้าอ้วนจินกระเพื่อมทุกจุดดวงตาของเขาหรี่เล็กใบหน้าเต็มไปด้วยความสุขอร่อย…อาหารจานนี้ช่างอร่อยเหลือเกิน
ปู้ฟางยิ้มบางขณะมองเจ้าอ้วนจินที่กำลังกินเกี๊ยวสีรุ้งในน้ำซุปด้วยสีหน้าเอร็ดอร่อยเกินบรรยายจากนั้นเขาก็ลากเก้าอี้มานั่ง
ชายหนุ่มหันศีรษะไปมองกระถางต้นไม้ดินเผาที่วางอยู่ตรงมุมห้องอดสงสัยไม่ได้ว่าเมล็ดพืชที่ปลูกไปเมื่อวานจะเป็นตายร้ายดีอย่างไรบ้าง
ทันใดนั้นดวงตาของเขาก็เบิกกว้างราวกับได้เดินเรือสำเภาไปค้นพบทวีปใหม่ต้นอ่อนเต้นตุบไปมาด้วยพลังแห่งชีวิตและกำลังแทงหน่อออกจากดินที่เย็นเยือกเหมือนน้ำแข็ง
“มัน…งอกแล้วรึ”ใบหน้าของปู้ฟางเต็มไปด้วยความประหลาดใจเหลือล้นอัตราการเติบโตของมันรวดเร็วเกินไปจริงๆ…นี่ยังผ่านไปไม่ถึงครึ่งวันเลยตั้งแต่ตอนที่เขาเอาเมล็ดพืชลงดิน
แต่ปู้ฟางก็รีบสงบจิตสงบใจลงโดยเร็วแล้วเดินไปดูที่กระถางต้นไม้ด้วยตัวเองชายหนุ่มนั่งยองๆข้างกระถางพินิจพิจารณาต้นกล้าที่แทงหน่อออกจากดินอย่างถี่ถ้วน
ต้นกล้านั้นมีสีเขียวสดพื้นผิวของมันปกคลุมด้วยลายเส้นเลือดซับซ้อนพันเกี่ยวไปมาแม้เขาจะไม่เข้าใจว่ามันคืออะไรแต่ก็ยังอดตื่นตาตื่นใจไม่ได้อยู่ดี
ชายหนุ่มโน้มตัวเข้าไปใกล้พยายามดมกลิ่นต้นกล้าดูแต่ก็ไม่ได้กลิ่นอะไรแม้แต่น้อยปู้ฟางลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้างุนงงเขาขี้เกียจจะมานั่งถอดรหัสว่าต้นกล้านี้เป็นต้นอะไรกันแน่ด้วยพลังพิเศษของกระถางต้นไม้นี้อีกไม่นานเขาก็จะได้รู้เองเมื่อต้นกล้าต้นนี้เติบโตเป็นต้นไม้ใหญ่
โอวหยางเสี่ยวอี้กระโดดโลดเต้นเข้ามาในร้านแล้วเอ่ยทักปู้ฟางอย่างร่าเริงอีกฝ่ายพยักหน้าตอบรับขณะที่จับจ้องไปยังเกล็ดหิมะที่ร่วงลงจากฟากฟ้าขณะขดตัวอยู่บนเก้าอี้
เสียงสตรีหัวเราะดังสะท้อนมาแต่ไกลจากทางเข้าตรอกจากนั้นร่างบางหลายร่างก็ค่อยๆปรากฏให้เห็น
ปู้ฟางมองไปยังต้นตอของเสียงด้วยสีหน้างุนงงชายหนุ่มเห็นร่างบางสง่าของเหล่าสตรีกำลังเดินมาทางร้านแถมยังมีคนที่เขารู้จักอยู่ในนั้นด้วย
“เจวี้ยนเอ๋อร์ข้าได้ยินมาว่าเถ้าแก่ปู้ได้รางวัลที่หนึ่งในงานสมโภชปีนี้วันนี้ข้าจะเลี้ยงอาหารอร่อยเจ้าเองไม่ต้องกลัวไป”หลัวซานเหนียนพูดด้วยท่าทางโอ่อ่ายิ่งใหญ่นางสวมชุดคลุมรัดติ้วผ่าข้างเผยให้เห็นขาเรียวยาวขาวเนียนแม้อากาศจะหนาวเหน็บแต่นางดูไม่ได้รับผลกระทบเลยแม้แต่น้อย
ข้างหลัวซานเหนียนมีสตรีในชุดกระโปรงสวยสง่าอยู่หลายคนหนึ่งในนั้นเป็นสตรีหน้าอ่อนเยาว์ในชุดเสื้อกันหนาวขนสัตว์หนาปลายจมูกของนางเป็นสีแดงเล็กน้อยจากความหนาวปากพ่นไอขาวออกมาขณะเดินตามหลัวซานเหนียนต้อยๆ
หยางเฉินในชุดสีแดงสดใสเหมาะกับเทศกาลเดินนำขบวนมาอย่างตื่นเต้นดีใจ
“พี่สะใภ้ทั้งหลายของข้าพวกท่านไม่มีวันผิดหวังกับฝีมือการทำอาหารของเถ้าแก่ปู้แน่นอน”ขุนศึกตัวน้อยประกาศอย่างมั่นอกมั่นใจเขารู้ดีว่าอาหารที่ร้านของปู้ฟางอร่อยเพียงใดเนื่องจากเคยกินมาก่อน
กลุ่มเด็กชายหนึ่งคนและหญิงสาวหลายคนเดินมาถึงหน้าร้านแล้วก็เห็นสุนัขสีดำตัวใหญ่นอนอืดอยู่บนพื้นพร้อมด้วยปู้ฟางที่นั่งขดอยู่บนเก้าอี้…ทั้งสองมีสีหน้าขี้เกียจเกินบรรยายแต่ก็ไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดแต่อย่างใดเนื่องจากทั้งสองเป็นคนของร้านเดียวกัน
“เจ้าหมาน้อยน่ารัก!”สตรีหน้าอ่อนเยาว์ในชุดเสื้อกันหนาวตัวหนาร้องออกมาด้วยความดีใจเมื่อเห็นสุนัขสีดำตัวใหญ่นอนหลับอุตุอยู่หน้าร้านนางวิ่งโร่เข้าไปหาแล้วลูบศีรษะของเจ้าดำด้วยมือขาวบอบบาง
เจ้าดำดูงุนงงเป็นอันมากขณะมองสตรีอายุน้อยผู้มีดวงตาเต็มไปด้วยความรักแม่นางผู้นี้มีพลังปราณเพียงระดับสามขั้นคลั่งยุทธการเท่านั้นแค่สุนัขผู้ยิ่งใหญ่อย่างเขาจามออกมาด้วยความคันจมูกนางก็คงตายกลายเป็นซากร่องแร่งแล้วแต่เขาเป็นถึงท่านสุนัขผู้ยิ่งใหญ่มากยศจะมานั่งคิดแค้นใจเด็กสาวตัวน้อยไปทำไมกัน
ด้วยเหตุนี้ท่านสุนัขผู้ยิ่งใหญ่จึงทำเพียงเปลี่ยนท่านอนแล้วหลับไป
“เจ้าสุนัขนี่…ช่างน่ารักเหลือเกิน”ดวงตาของเจวี้ยนเอ๋อร์เป็นประกายระยับขณะลูบศีรษะอ่อนนุ่มอบอุ่นของเจ้าดำด้วยมือทั้งสองข้างพร้อมหัวเราะคิกคักไปด้วย
ปู้ฟางกะพริบตาด้วยความประหลาดใจมองเจ้าสุนัขขี้เกียจที่ดูเหมือนจะขี้เกียจสันหลังยาวเกินกว่าจะตอบโต้แล้วคิดอย่างเย้ยหยัน“ไอ้หมาขี้เกียจนี่…ถ้าคนที่ลูบหัวมันเป็นผู้ชายป่านนี้คงจัดการทักทายด้วยอุ้งเท้าไปแล้ว”ชายหนุ่มรู้ดีว่าอุ้งเท้าของสุนัขตัวนี้ร้ายกาจเพียงใด
“เจ้าที่อยู่ตรงนั้นน่ะ…จะสั่งอะไรก็รีบเข้าร้านมาที่ร้านเรามีกฎห้ามแหย่สุนัข”ปู้ฟางพูดพร้อมลุกขึ้นยืนแม้เขาจะไม่รู้ว่าเจ้าดำจะเกิดผีเข้าโกรธเคืองขึ้นมาหรือไม่แต่ก็คิดว่าน่าจะเป็นการดีกว่าหากแยกแม่นางคนนี้กับสุนัขออกจากกัน
หลัวซานเหนียนมองสุนัขสีดำหน้าร้านด้วยสายตาหวาดกลัวเมื่อนางเห็นว่าเจวี้ยนเอ๋อร์กำลังลูบศีรษะมันอยู่หัวใจก็แทบกระโดดออกทางปากด้วยความประหวั่นพรั่นพรึงเจวี้ยนเอ๋อร์ผู้อ่อนต่อโลกอาจจะไม่รู้ว่าสุนัขตัวนี้เป็นใครแต่นางรู้แน่นอนเจ้าสุนัขตัวนี้…เป็นอสูรเวทระดับเก้าในตำนานที่เขาเลื่องลือกัน!
พลังของมันแข็งแกร่งมากเสียจนฆ่าเจวี้ยนเอ๋อร์ให้ตายพันครั้งได้ด้วยการจามเพียงครั้งเดียว!
หลัวซานเหนียนงุนงงเป็นอันมากจะพูดว่าเจวี้ยนเอ๋อร์ไม่รู้ประสาหรือบ้าดีเดือดก็ไม่ทราบได้…แต่เมื่อหญิงสาวเห็นเจ้าดำดูท่าจะไม่ได้อยากเอาคืนเจวี้ยนเอ๋อร์นางก็ถอนหายใจในอกด้วยความโล่งใจจากนั้นก็ลากเจวี้ยนเอ๋อร์ที่กำลังละล้าละลังเข้าร้านไปด้วย
ภายในร้านอบอุ่นสบายตัวเหมือนอยู่อีกโลกหนึ่งกลุ่มสตรีเหล่านี้รู้สึกเหมือนตนเองก้าวเข้าไปสู่โลกแห่งฤดูใบไม้ผลิกลิ่นหอมของอาหารที่ลอยล่องอยู่ในอากาศนั้นชวนให้หลงใหลเป็นที่สุด
ขุนศึกน้อยก้าวไปยืนอยู่ข้างหน้าปู้ฟางด้วยความตื่นเต้นเขาเอาฝ่ามือตบหน้าอกตนเองแล้วเอ่ย“เถ้าแก่ปู้สตรีเหล่านี้คือบรรดาพี่สะใภ้ของข้าวันนี้ข้าพาพวกนางมาเลี้ยงอาหารเอาทุกจานที่อร่อยมาให้หมดเลย!”
ปู้ฟางจ้องหยางเฉินด้วยสายตาไร้อารมณ์แต่ปากฉีกยิ้มกว้างขณะมองเหล่าสตรีที่อยู่เบื้องหลัง
“ร้านเราอร่อยทุกจานอยากกินอะไรก็สั่งเลย”ปู้ฟางพูดเสียงอ่อนโยน
คำตอบของปู้ฟางทำให้ใบหน้าของหยางเฉินดูเก้อเขินเล็กน้อยอาหารทุกจานในร้านปู้ฟางนั้นรสเลิศไร้ที่ติหากเขาสั่งหมดทุกจาน…หยางเฉินเอื้อมมือไปบีบถุงเงินตนเองพลางสูดน้ำมูกด้วยท่าทางกระอักกระอ่วน
“ข้าว่าข้าเลิกทำตัวหน้าใหญ่ดีกว่า…”หยางเฉินคิด
หลัวซานเหนียนเอามือเท้าสะเอวแล้วระเบิดหัวเราะออกมาส่วนเจวี้ยนเอ๋อร์และคนอื่นๆก็เอามือปิดปากหัวเราะคิกคัก
จากนั้นทุกคนก็หันไปมองรายการอาหารที่ด้านหลังแล้วก็ตัวแข็งทื่อไปสักพักก่อนจะเริ่มหันมาพูดคุยกัน