ปู้ฟางมองคนทั้งสองด้วยสีหน้างุนงง เขาคุ้นเคยกับเสียงแหบห้าวและท่าทางเหมือนชายชาตรีของหลัวซานเหนียนแล้ว แต่เหตุใดเจวี้ยนเอ๋อร์จึงมาที่ร้านพร้อมด้วยกล่องอาหารกันนะ
ชายหนุ่มเหลือบมองคนทั้งสองด้วยความเคลือบแคลงใจ ก่อนพูดพร้อมยกยิ้มมุมปาก “ข้าไม่ว่าง”
สีหน้าของหลัวซานเหนียนแข็งทื่อไปชั่วครู่ นางนิ่วหน้าทันที “ท่านว่าอะไรนะ”
“ตอนนี้ร้านเปิดทำการอยู่… ข้าเลยไม่ว่าง ถ้าเจ้าจะสั่งอะไรกินก็เชิญ แต่ถ้ามาหาข้าด้วยเหตุผลอื่น ก็ต้องรบกวนรอจนกว่าร้านจะปิดก็แล้วกัน” ปู้ฟางเมินสายตาไม่พอใจของหลัวซานเหนียนแล้วเดินกลับเข้าครัวไป
“ไอ้… ไอ้บ้านี่!” หลัวซานเหนียนเดือดดาลเป็นอันมาก นางรู้และเข้าใจกฎของปู้ฟางดี แต่ตัวนางกลับไม่เข้าใจทัศนคติขวางโลกของชายหนุ่มเอาเสียเลย ในนครหลวงแห่งนี้จะมีใครกล้าพูดจาสามหาวกับหลัวซานเหนียนผู้นี้อีก
“ซานเหนียน ไม่ต้องรีบร้อนไปหรอก เถ้าแก่ปู้พูดถูกแล้ว ตอนนี้ร้านยังเปิดอยู่ เราจะขัดจังหวะการทำมาค้าขายของคนอื่นไม่ได้นะ” เจวี้ยนเอ๋อร์รีบพูดพร้อมดึงตัวหลัวซานเหนียนที่กำลังจะบันดาลโทสะเอาไว้ ใบหน้าของนางดูลุกลี้ลุกลน
สุดท้ายหลัวซานเหนียนก็ยอมจำนนต่อคำขอของเจวี้ยนเอ๋อร์ นางไม่ได้โกรธถึงขั้นนั้นแต่แรกแล้ว แค่รู้สึกรำคาญความขวางโลกของปู้ฟางก็เท่านั้น
“ข้าจะฟังเจ้าก็แล้วกัน เช่นนั้นมาสั่งอาหารร้านหมอนี่กินกันหน่อยดีกว่า ถึงเจ้าผีบ้านี่จะจองหองแถมยังอารมณ์ร้าย แต่อาหารฝีมือเขาก็อร่อยมากจริงๆ!” หลัวซานเหนียนเอ่ยขณะมองไปรอบๆ ร้านเพื่อหาที่นั่ง
“มานั่งกับพวกเราสิ” เซียวเยียนอวี่เอ่ยชวนให้ทั้งสองมานั่งด้วยพร้อมกวักมือขาวเรียวยาวของนาง
“ตายแล้ว เยียนอวี่ เจ้าก็มาด้วยหรือ” ดวงตาของหลัวซานเหนียนเป็นประกายขึ้นทันทีเมื่อเห็นสองพี่น้องตระกูลเซียว นางเดินลากเจวี้ยนเอ๋อร์ไปที่โต๊ะจากนั้นก็นั่งลงข้างเซียวเยียนอวี่ “ตายแล้ว เซียวเสี่ยวหลง ไอ้หน้าสาว เจ้าก็มาด้วยรึ ช่างบังเอิญอะไรเช่นนี้”
หลังจากที่ได้ยินคำพูดนั้น เซียวเสี่ยวหลงก็แทบกระอักเลือดด้วยความโกรธ ทุกครั้งที่เจอหลัวซานเหนียน นางจะเรียกเขาว่าไอ้หน้าสาวตลอด นี่มันช่าง… น่าโมโหเสียจริง!
“บังเอิญ… กับผีน่ะสิ!” เซียวเสี่ยวหลงคิดพร้อมพ่นลมเยาะออกมา จากนั้นก็เชิดหน้าใส่ เมินหลัวซานเหนียนไปอย่างสิ้นเชิง
“เสี่ยวอี้ วานเอาหารให้ไปให้ลูกค้าที” เสียงปู้ฟางลอยออกมาจากครัวพร้อมกลิ่นหอมที่ตลบอบอวลไปทั่งร้าน ทำให้ทุกคนมีสีหน้าเคลิ้มไปเล็กน้อย
เสี่ยวอี้กระโดดดึ๋งไปที่หน้าต่างห้องครัวทันทีที่ได้ยิน จากนั้นก็ยกอาหารมาตามหน้าที่
บรรยากาศภายในร้านดูตื่นตัวขึ้นทันทีเมื่ออาหารเริ่มหลั่งไหลออกจากห้องครัว ทุกคนกินสิ่งที่ตัวเองสั่งอย่างเอร็ดอร่อย
หลังจากที่ลูกค้าส่วนใหญ่กินอาหารเสร็จแล้วออกจากร้านไปหลังจ่ายเงินเรียบร้อย ร้านก็กลับมาเงียบสงบอีกครั้ง
“เถ้าแก่ปู้ ตอนนี้ว่างหรือยังล่ะ” หลัวซานเหนียนถามด้วยน้ำเสียงรำคาญพร้อมลูบพุงที่ยื่นน้อยๆ ของตัวเองไปด้วย
ปู้ฟางเช็ดหยดน้ำออกจากมือ ก่อนจะลากเก้าอี้มานั่ง เขามองหน้าหลัวซานเหนียนแล้วพยักหน้าตอบรับ
“เจ้าต้องการอะไร ข้าไม่สัญญานะว่าจะช่วยได้ ต่อให้เป็นเรื่องทั่วไปก็เถอะ” ปู้ฟางเอ่ย
หลัวซานเหนียนเลิกคิ้วขึ้นตอบรับ แต่นางก็หมดอารมณ์ที่จะเดือดใส่ปู้ฟางแล้ว จึงได้แต่ลากเจวี้ยนเอ๋อร์เข้าฉากมา “เจวี้ยนเอ๋อร์ต้องการความช่วยเหลือจากท่าน”
ปู้ฟางประหลาดใจเล็กน้อย เขาเหลือบมองหญิงสาวแสนขี้อายที่กำลังดูขวยเขินเป็นอันมาก คิดไม่ออกจริงๆ ว่านางต้องการเจอเขาไปเพื่ออะไร
เจวี้ยนเอ๋อร์ดูเหมือนต้องรวบรวมความกล้าเป็นอย่างมากในการวางกล่องอาหารลงตรงหน้าชายหนุ่ม จากนั้นก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เถ้าแก่ปู้… ข้า… เมื่อวาน ข้ากลับบ้านไปลองทำ… ทาร์ตไข่ของท่านดู ข้าเลยอยากให้ท่านลองชิมเจ้าค่ะ”
“หืม เมื่อวานแม่นางคนนี้กลับไปทำทาร์ตไข่ที่บ้านรึ”
ปู้ฟางตกใจและหันไปมองนางด้วยสายตาไม่อยากเชื่อ ขั้นตอนการทำทาร์ตไข่นั้นซับซ้อนพอตัว นางทำทาร์ตไข่
ออกมาได้หลังจากที่กินเข้าไปครั้งเดียวน่ะรึ
ชายหนุ่มรู้สึกสนอกสนใจขึ้นมาทันที เขาอยากเห็นว่าทาร์ตไข่ที่นางทำออกมาจะหน้าตาเป็นอย่างไร
“เจ้าทำทาร์ตไข่รึ อืม… ไหนข้าขอดูหน่อย” ปู้ฟางเอ่ย
ก่อนหน้านี้เจวี้ยนเอ๋อร์คิดว่าปู้ฟางจะปฏิเสธนาง แต่เขากลับตอบรับคำขอของนางอย่างผิดคาดไปเสียได้ ดวงตาของหญิงสาวเป็นประกายขึ้นทันที นางรีบเปิดฝากล่องอาหารแล้วหยิบจานกระเบื้องออกมา ตรงกลางจานนั้นมี… เอ่อ ทาร์ตไข่วางอยู่หนึ่งชิ้น
มุมปากของปู้ฟางกระตุกทันทีขณะมองทาร์ตไข่ตรงหน้า เขารู้สึกอยากหัวเราะแต่ก็หัวเราะไม่ออก
แม้ก้อนที่อยู่ตรงหน้านั้นจะดูคลับคล้ายคลับคลาว่าเป็นทาร์ตไข่ แต่ทั้งสีและกลิ่นนั้น… ต่อให้อยู่ไกลปู้ฟางก็ยังได้กลิ่นประหลาดโชยออกมา
“มันไหม้มิใช่รึ” ปู้ฟางถามพร้อมขมวดคิ้ว เขาหยิบทาร์ตไข่ขึ้นมามองรอยไหม้บนผิวด้านนอก
“ข้า… ข้าควบคุมความร้อนได้ไม่ดี นี่เป็นชิ้นที่ดีที่สุดแล้วเจ้าค่ะ” เจวี้ยนเอ๋อร์เอ่ย
ปู้ฟางพยักหน้า เขาไม่ได้คิดว่าคำตอบของนางฟังดูประหลาดแต่อย่างใด เนื่องจากในจักรวรรดิวายุแผ่วไม่มีเตาอบ คงจะแปลกไม่น้อยหากนางทำทาร์ตไข่ได้โดยไม่ไหม้ ความจริงแล้วการที่เจวี้ยนเอ๋อร์สามารถทำทาร์ตไข่ออกมาได้ถึงขนาดนี้ก็จัดว่าดีแล้ว
ด้วยเหตุนี้ชายหนุ่มจึงไม่ได้พูดอะไรอีก เขามองหาจุดที่ไม่มีรอยไหม้แล้วกัดลงไป
ทาร์ตไข่ที่เจวี้ยนเอ๋อร์ทำนั้นไม่นุ่มแต่กลับแข็งพอตัว นอกจากนี้ยังอบนานเกินไป ทำให้เคี้ยวยาก
ปู้ฟางนิ่วหน้าตลอดเวลาขณะชิมทาร์ตไข่ สีหน้าของเขาเคร่งขรึมจริงจังมาก
ทุกคนในร้านต่างกลั้นหายใจขณะมองชายหนุ่มที่กำลังเคี้ยวทาร์ตไข่ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด การวิพากษ์วิจารณ์อาหารของชายผู้นี้น่าตื่นตาตื่นใจทุกครั้งไป
เซียวเยียนอวี่และเซียวเสี่ยวหลงรู้ดีว่าชายตรงหน้าปากร้ายขนาดไหน ทั้งสองเดาได้ทันทีว่าจะเกิดเหตุการณ์ใดขึ้นหลังจากนี้… อาหารจานนี้จะต้องถูกปู้ฟางชำแหละด้วยคำพูดอย่างไม่มีชิ้นดีแน่นอน
หลังจากที่กลืนทาร์ตไข่คำเล็กเข้าปากไป ชายหนุ่มก็เลิกมุ่นคิ้ว เขาหันไปมองสตรีขี้อายที่ยืนอยู่ข้างๆ มองมือของนางที่ประสานกันไว้แน่นด้วยความกระวนกระวาย คิดคำพูดไม่ออกไปชั่วครู่
ความจริงแล้ว… ทาร์ตไข่ชิ้นนี้จะเรียกว่าเป็นอาหารจากนรกก็ไม่ผิด คงเป็นการยากสำหรับใครก็ตามในโลกนี้ที่จะชื่นชมรสชาติของอาหารเช่นนี้ได้ แต่มันก็ยังจัดว่าดีกว่าอาหารจากนรกของจริง เนื่องจากอย่างน้อยก็ยังกินได้ไม่ท้องเสีย
แต่หลังจากที่ลองพิจารณาดูทุกแง่มุมแล้ว ทาร์ตไข่นี้ไม่มีอะไรดีเลยแม้แต่อย่างเดียว
ทว่าเขาก็ยังต้องนำความจริงที่ว่านี่เป็นครั้งแรกที่นางทำทาร์ตไข่เข้าไปรวมด้วย หลังจากที่ได้ลองกินไปเมื่อวาน นางก็นำทาร์ตไข่ของตนเองมาให้เขาประเมินดู แค่ความกล้าและความเอาจริงเอาจังเช่นนี้ก็มากพอจะทำให้ปู้ฟางประทับใจแล้ว
“เถ้าแก่ปู้ เหตุใดจึงไม่พูดอะไรเลยเล่า ดีหรือไม่ดีก็บอกมาเสียสิ” หลัวซานเหนียนเอ่ย นางเป็นคนไม่ค่อยมีความอดทน เมื่อเห็นปู้ฟางทำหน้าลังเล ก็อดไม่ได้ที่จะกระตุ้นให้เขารีบพูดออกมาให้จบๆ ไป
เจวี้ยนเอ๋อร์มองหน้าปู้ฟางด้วยสายตาคาดหวัง นางชอบทำทาร์ตไข่จริงๆ
ปู้ฟางคิดอยู่สักพัก พร้อมเอานิ้วเรียวยาวเคาะโต๊ะไปด้วยเบาๆ ขณะคิด จากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นมองเจวี้ยนเอ๋อร์แล้วถาม “ทำไมเจ้าถึงกลับบ้านไปทำทาร์ตไข่”
เจวี้ยนเอ๋อร์ชะงักไปสักพัก จากนั้นก็ตอบด้วยน้ำเสียงกระวนกระวาย “เพราะว่าข้าชอบทาร์ตไข่!”
ปู้ฟางตกใจกับใบหน้าแดงก่ำของนางเล็กน้อย นางดูไม่ได้แสร้งทำแต่อย่างใด แต่ตกหลุมรักทาร์ตไข่จริงๆ อย่างถอนตัวไม่ขึ้น
บางครั้งอาหารก็มีเสน่ห์มากเสียจนทำให้คนหลงใหลจนควบคุมตนเองไม่ได้ แม้จะเป็นครั้งแรกที่ได้ชิม แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะชื่นชอบรสกลิ่นสีของอาหารรสเลิศ
เหมือนที่เจวี้ยนเอ๋อร์ตกหลุมรักทาร์ตไข่เข้าเต็มเปา
ปู้ฟางผ่อนลมหายใจออกเล็กน้อย จากนั้ยก็วางทาร์ตไข่กลับลงบนจานกระเบื้อง
เขาเงยหน้าขึ้นมองเจวี้ยนเอ๋อร์
“การประเมินของข้าง่ายมาก”
หลัวซานเหนียนและคนอื่นๆ ทำหูผึ่งรอคอยคำตอบด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ปู้ฟางมองทุกคนด้วยสายตาไร้ความรู้สึกแล้วเอ่ย “รสชาติเต่าถุยสุดๆ”