ทุกสายตาจับจ้องมาที่ปู้ฟาง ขณะชายหนุ่มยื่นมือไปจับปลาหนึ่งตัวออกมาจากถังน้ำ เขาใช้สองนิ้วจับปลาขึ้นมาแล้ววางมันลงบนโต๊ะอย่างชำนาญ
ปลาดิ้นเร่าๆ อยู่ในมือปู้ฟาง ทำอย่างไรก็เป็นอิสระจากมือแข็งแกร่งของชายหนุ่มไม่ได้
ปู้ฟางประเมินปลาตรงหน้าด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก หากพูดถึงเรื่องคุณภาพแล้วปลาตัวนี้อ้วนท้วนสมบูรณ์จริงเสียด้วย ทั้งตัวของมันเต็มไปด้วยเนื้อน่ากิน ดวงตาของชายหนุ่มเป็นประกายเล็กน้อยเนื่องจากพึงพอใจในคุณภาพของวัตถุดิบ
ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับพ่อครัวแม่ครัวที่จะหาวัตถุดิบซึ่งทำให้ตนเองพอใจได้
ปู้ฟางไม่ได้ใช้มีดทำครัวกระดูกมังกรทอง แต่หยิบมีดทำครัวที่พี่หญิงใหญ่มู่ทิ้งไว้บนเตามาใช้แทน เขาควงมีดในมือด้วยท่าทางช่ำชองจนทำให้หลายคนในที่แห่งนั้นอุทานออกมาด้วยความตกใจ
การควงมีดนั้นกลายเป็นนิสัยที่ปู้ฟางทำจนเคยชินไปเสียแล้ว หลังจากที่เฝ้าเพียรฝึกทักษะการใช้มีดฝนดาวตกมาจนนับชั่วยามไม่ถ้วน ชายหนุ่มก็ติดนิสัยการควงมีดในมือโดยไม่ได้ทำเพื่ออวดฝีมือแต่อย่างใด
ปู้ฟางรูดมีดผ่านท้องปลาอย่างไร้อารมณ์ ปลายมีดแหลมคมผ่าท้องขาวอ่อนนุ่มของปลาให้แหวกออกจากกันเหมือนตัดกระดาษ
จากนั้นเขาก็เริ่มควักไส้และเครื่องในออกมา
การเคลื่อนไหวของปู้ฟางนุ่มนวลอ่อนช้อยเหมือนกำลังวาดภาพอยู่ กระบวนการที่ควรจะโหดร้ายโชกเลือดกลับกลายเป็นสิ่งที่สวยงามน่ามองอย่างไม่คาดคิด
หลังจากใช้น้ำทำความสะอาดปลาเรียบร้อย ชายหนุ่มก็กรีดบริเวณท้องให้กว้างขึ้นแล้วผ่ามันออกเป็นซีก ชิ้นปลานอนแผ่หราอยู่บนเขียงเหมือนขนมแป้งทอดอย่างไรอย่างนั้น
ปู้ฟางใช้นิ้วดีดคมมีดในมือ จากนั้นก็บั้งปลาอย่างเบามือหกครั้ง แล้วเอามือตบชิ้นปลาให้แผ่ออก
เพียงเท่านี้การเตรียมปลาก็เป็นอันเสร็จสมบูรณ์ แต่นี่เป็นแค่ขั้นตอนการเตรียมวัตถุดิบเท่านั้น การย่างเองก็ไม่ได้ง่ายดายเช่นกัน
ผู้คนรอบกายชายหนุ่มต่างมองเขาด้วยสายตาจับต้นชนปลายไม่ถูก ไม่มีใครเดาได้ว่าเขาจะทำอาหารอะไร แต่ดูจากหน้าตาแล้วไม่น่าใช่น้ำแกงปลาอย่างแน่นอน ทว่าหากจะนำมาตุ๋น… เขาคงไม่แล่เนื้อปลาเช่นนี้… และหากจะนำมาตากแห้ง เวลาก็ไม่น่าจะเพียงพอ
ไม่ใช่แค่เหล่าคนที่มุงดูอยู่เท่านั้น แม้แต่พี่หญิงใหญ่มู่เองก็พยายามเดาว่าชายหนุ่มกำลังจะทำอะไรเช่นกัน
ตอนนั้นเองปู้ฟางก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้ เขาหันไปหาพี่หญิงใหญ่มู่ที่กำลังตกอยู่ในห้วงความคิดก่อนจะเอ่ยถาม “มีพืชผักอะไรให้ใช้หรือไม่”
พี่หญิงใหญ่มู่ขมวดคิ้วแล้วพยักหน้าตอบ “มีผัก แต่ก็ไม่มากนัก ในหนองน้ำปราณวิญญาณนี้พวกพืชผักผลไม้เติบโตยาก หายากเสียยิ่งกว่าปลาชนิดนี้อีก”
ปู้ฟางมองไปยังปลาที่เตรียมเสร็จเรียบร้อยแล้วพลางเอ่ย “เช่นนั้นก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวข้าใช้ของข้าเอง”
จากนั้นเขาก็หยิบพืชผักผลไม้มากมายรวมถึงกล่องใส่ผงเครื่องปรุงหลากหลายชนิดออกมาจากกระเป๋าคลังเก็บ ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่เขาเตรียมเอาไว้ขณะรอให้ระบบวาดวงแหวนปราณเคลื่อนย้ายเสร็จ
ทุกคนต่างมองชายหนุ่มหยิบวัตถุดิบละลานตาออกมาด้วยความอึ้ง ไม่รู้ว่าจะต้องทำตัวหรือรู้สึกอย่างไรดีกับภาพที่เห็น
จนถึงตอนนี้ทุกคนก็มั่นใจแล้วว่าปู้ฟางเป็นพ่อครัวอย่างแน่นอน และดูเหมือนว่าชายหนุ่มจะมาที่นี่เพื่อพักผ่อนหย่อนใจ…
นักผจญภัยแบบไหนจะใส่เครื่องปรุง ผลไม้ และผักหลากหลายชนิดเข้าไปในกระเป๋าคลังเก็บของตัวเอง แทนที่จะใส่หยูกยาและโอสถทิพย์
หลังจากที่ชายหนุ่มล้างทำความสะอาดผักผลไม้เรียบร้อย เขาก็หั่นมันให้เป็นลูกเต๋าแล้ววางลงบนจาน
เมื่อทำเสร็จ ปู้ฟางก็วางปลาลงในถัง จากนั้นก็ใส่เครื่องปรุงมากมายลงไปเพื่อหมักเนื้อปลา
ชายหนุ่มใส่พลังปราณเที่ยงแท้เข้าไปในปลาด้วยเพื่อให้หมักเข้าเนื้อเร็วยิ่งขึ้น
ผ่านไปเกือบหนึ่งเค่อ ปู้ฟางก็หมักปลาเสร็จ เขาเด็ดใบไม้ขนาดใหญ่สองใบจากสมุนไพรพลังปราณชนิดหนึ่ง จากนั้นก็ห่อปลาที่หมักเสร็จแล้วด้วยใบไม้สองใบนั้น
แต่ก่อนที่จะห่อปลาด้วยใบสมุนไพร เขาจัดการทาปลาทั้งชิ้นด้วยน้ำซอสก่อนหนึ่งครั้ง
นำสมุนไพรมาห่อปลารึ หมอนี่กำลังจะทำอะไรกันแน่ ไม่มีใครในที่แห่งนี้เคยเห็นกรรมวิธีการประกอบอาหารเช่นนี้มาก่อน
อู๋อวิ๋นไป่เองก็มองด้วยความสนใจใคร่รู้เช่นกัน ในฐานะนายน้อยของตำหนักเมฆาขาว นางเคยลองลิ้มชิมรสอาหารอร่อยมามากมาย ตำหนักเมฆาขาวเองก็จ้างพ่อครัวฝีมือเยี่ยมไว้ไม่น้อยเช่นกัน กระนั้นนางก็ยังไม่เคยเห็นวิธีการทำอาหารเช่นนี้มาก่อน
ปู้ฟางไม่ได้สนใจสายตาของคนรอบข้าง เมื่อเริ่มทำอาหารแล้วเขาจะจดจ่อกับสิ่งที่ตนเองกำลังลงมือเท่านั้น นี่เป็นทางเดียวที่จะใส่ความรู้สึกของเขาเข้าไปในอาหารได้
ชายหนุ่มยกกระทะใบใหญ่ออกจากเตา นำกิ่งไม้มาวางสุมลงบนเตา แล้ววางปลาห่อด้วยใบสมุนไพรเอาไว้ด้านบน
ก่อนหน้านี้ปู้ฟางเอากิ่งไม้เหล่านี้ไปแช่น้ำไว้แล้วเพื่อป้องกันไม่ให้ไฟด้านล่างเผากิ่งไม้จนไหม้ ยิ่งไปกว่านั้นเขายังใช้พลังปราณเที่ยงแท้ของตัวเองห่อหุ้มกิ่งไม้เอาไว้เพื่อกันไม่ให้มันติดไฟอีกด้วย
ปลาที่ห่อด้วยใบสมุนไพรจะได้รับความร้อนจากกองไฟโดยที่ไม่ไหม้
ปู้ฟางไม่มีทางเลือกมากนัก โดยปกติแล้วเขาจะใช้เตาอบเพื่อย่างปลา แต่ที่นี่ไม่ใช่ห้องครัวของเขา และไม่มีเตาอบเสียด้วย ด้วยเหตุนี้เขาจึงทำได้เพียงสร้างเตาย่างชั่วคราวขึ้นมาแค่พอใช้งานได้เท่านั้น แม้จะต้องทำอาหารในสภาพที่ลำบาก เขาก็ยังสามารถทำปลาย่างออกมาได้
ทุกคนงงงวยกับสิ่งที่ชายหนุ่มกำลังทำเป็นอันมาก หลายคนเริ่มหัวเราะเยาะเสียด้วยซ้ำ… เนื่องจากไม่เคยมีใครเห็นวิธีการทำอาหารที่แปลกประหลาดเช่นนี้มาก่อน
ไม่ใช้แม้กระทั่งกระทะเนี่ยนะ… แล้วมันจะกินได้หรือ ตอนแรกก็เอาใบสมุนไพรมาห่อเนื้อปลา จากนั้นก็นำไปย่างบนไฟ อาหารที่ทำด้วยวิธีนี้จะกินได้จริงๆ น่ะหรือ
มนุษย์อสรพิษหลายตนมองปู้ฟางด้วยสายตาเคลือบแคลงใจ
ส่วนพี่หญิงใหญ่มู่ก็จ้องการกระทำของชายหนุ่มอย่างครุ่นคิด จากมุมมองของนาง การเคลื่อนไหวทุกอย่างของปู้ฟางลื่นไหลไม่สะดุดแม้แต่น้อย ซึ่งเป็นผลของการหลอมรวมทักษะการทำอาหารเข้าไปในร่างกาย
ไอน้ำเริ่มระเหยออกจากใบสมุนไพรพร้อมกลิ่นหอม ตอนแรกกลิ่นนั้นไม่ได้รุนแรงมากนัก ทุกคนพากันสูดดมอากาศพลางคิดเพียงว่าหอมดี
แต่พอเนื้อปลายิ่งสุก ก็ยิ่งส่งกลิ่นแรงขึ้นเป็นเงาตามตัว จนกลิ่นนั้นเข้าปกคลุมไปทั่วทั้งบริเวณ ทุกคนล้วนสูดดมอากาศเพื่อรับกลิ่นหอมเข้าจมูก
เด็กหญิงที่กอดหางแม่ของตนเองอยู่จึ๊ปากด้วยความอยากกิน น้ำลายไหลลงคางเป็นพักๆ… กลิ่นนี่หอมเกินไปแล้ว
เหล่ามนุษย์อสรพิษไม่เคยได้กลิ่นที่หอมขนาดนี้มาก่อน แต่ละตนจึงรู้สึกอยากอาหารขึ้นมาทันที
แม้แต่ผู้อาวุโสสูงสุดยังแก้มสั่นขณะมองปู้ฟางด้วยสายตาไม่อยากเชื่อ เขาไม่คาดคิดแม้แต่น้อยว่าชายหนุ่มตรงหน้าจะมีทักษะการทำอาหารที่สูงส่งถึงเพียงนี้
อู๋อวิ๋นไป่ก็มีสีหน้ามีความสุขมากเช่นกัน นางเองก็ตกใจไม่แพ้คนอื่น ทั้งยังเข้าใจลึกซึ้งกว่าคนอื่นว่าวิธีการทำอาหารของปู้ฟางนั้นทั้งยากและสร้างสรรค์เพียงใด
การทำอาหารด้วยการห่อใบไม้แล้วนำไปย่างบนไฟนั้น… เป็นวิธีการที่ทำให้สำเร็จได้ยากมาก มันทดสอบทั้งความสามารถในการควบคุมความร้อน และการควบคุมพลังปราณระดับสูง
“คนผู้นี้…” อู๋อวิ๋นไป่พึมพำกับตนเอง
ตอนนั้นเองปู้ฟางก็เอามือไปสัมผัสใบสมุนไพร เมื่อจับอุณหภูมิได้เขาก็ยิ้มออกมา
ชายหนุ่มควงมีดทำครัวในมือ จากนั้นก็ผ่าใบสมุนไพร
ทันทีที่ใบสมุนไพรขาดออกจากกัน น้ำซอสก็กระจายไปทุกทิศทาง ส่งกลิ่นหอมเข้มชวนหิวไปทั่วบริเวณ
กลิ่นหอมปนไอน้ำขาวลอยขึ้นในอากาศ