“ท่านแม่ทัพใหญ่เซียวเหมิงไปที่ร้านนั้นจริงๆ น่ะรึ” องค์ชายรัชทายาทจีเฉิงอันมองหน้าซูฉีด้วยความตกใจ และเอ่ยถามอย่างฉงนสนเท่ห์
ซูฉีลูบเครายาวของตนเองเบาๆ มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มพร้อมพยักหน้าตอบรับ ตัวเขาเองก็ตกใจเช่นกัน เนื่องจากไม่ได้คาดคิดสักนิดว่าแม่ทัพใหญ่เซียวเหมิงจะปรากฏตัวที่ร้านอาหารแห่งนั้น
“เจ้าได้สืบทราบมาหรือไม่ว่าแม่ทัพใหญ่เซียวเหมิงไปทำอะไรที่ร้านนั้น” องค์ชายรัชทายาทถาม พร้อมทั้งลุกขึ้นยืนแล้วก้าวเดินไปมาอย่างช้าๆ
ซูฉีหยุดคิดชั่วครู่ มุ่นคิ้ว ก่อนเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจ “ท่านแม่ทัพใหญ่เซียวเหมิงอาจไปที่ร้านนั้นเพราะชื่นชอบในรสชาติอาหารก็เป็นได้…”
องค์ชายรัชทายาทหันไปจ้องซูฉีพร้อมรอยยิ้มฝืน “เจ้าได้ฟังสิ่งที่ตัวเองตอบออกมาหรือไม่ ท่านแม่ทัพเซียวเหมิงเป็นถึงผู้ฝึกตนระดับเจ็ดขั้นนักพรตยุทธการ บรรลุระดับที่ร่างกายไม่จำเป็นต้องกินอาหารอีกต่อไปแล้ว ในเมื่อเขาไม่จำเป็นต้องกินอาหารหรือดื่มเครื่องดื่มใดๆ แล้วจะไปที่ร้านเพื่อกินของอร่อยทำไมเล่า”
มุมปากของซูฉียกขึ้นเป็นรอยยิ้ม เขาเชื่อว่าแม่ทัพเซียวเหมิงไปที่ร้านเล็กๆ ของฟางฟางแค่เพื่อกินอาหารจริงๆ องค์ชายผู้นี้ยังไม่เคยกินอาหารของร้านนี้จึงไม่เข้าใจ แต่เมื่อได้ลองกินครั้งหนึ่งแล้ว รับรองว่าจะเชื่อข้อสันนิษฐานของเขาอย่างไม่มีข้อกังขาแน่นอน
ในความคิดของซูฉี ร้านเล็กๆ ของฟางฟางนั้นยอดเยี่ยมจนน่าอัศจรรย์ใจ
“องค์ชายตรัสถูกแล้วพะย่ะค่ะ ข้าจะไปสืบเพิ่มเติมเดี๋ยวนี้” ซูฉีเอ่ยพร้อมประสานฝ่ามือและกำปั้นเข้าด้วยกันเพื่อแสดงความเคารพ โดยไม่ได้พยายามเถียงแต่อย่างใด
“ได้ ดูเหมือนว่าเจ้าจะชื่นชอบรสชาติอาหารของร้านนั้นมาก มันอร่อยถึงเพียงนั้นเชียวหรือ” องค์ชายรัชทายาทมองซูฉีเล็กน้อยพร้อมเอ่ยถาม แน่นอนว่าเขาย่อมรู้ดีว่าชายตรงหน้านี้ไปที่ใดมาบ้าง
“ใช่แล้วพะย่ะค่ะองค์ชาย โดยเฉพาะปลาต้มของร้านนั้น… ทั้งอร่อยและนุ่มมากจริงๆ !” ดวงตาของชายหนวดงามเป็นประกายขึ้นขณะเอ่ยตอบ แต่หลังจากที่ได้พูดออกไปแล้ว เขาก็พลันนึกได้ว่าตนเองกำลังพูดอยู่กับองค์ชายรัชทายาทของอาณาจักร จึงปิดปากเงียบแล้วถอยออกไปพร้อมรอยยิ้มฝืน
“ปลาต้มรึ… ฟังดูน่ากินดี” องค์ชายรัชทายาทชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็พลันยิ้มออกมา
…
รัตติกาลมาเยือนอีกครั้ง แสงจันทร์สีเงินราวม่านหมอกทอแสงอ่อนโยนบนผืนดิน
ณ ห้องครัวแห่งร้านเล็กๆ ของฟางฟาง
ปู้ฟางสูดหายใจเข้าลึก จากนั้นก็จับไก่โลหิตปักษาเพลิงออกจากกรงในตู้เก็บของ โดยไม่สนใจเสียงร้องประท้วงของมัน
หลังจากที่ถอนขนไก่ออกจนเกลี้ยงและนำเครื่องในออกเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มก็ทำตามสูตรน้ำแกงสมุนไพรไก่ปักษาเพลิงอีกครั้ง
เขาใช้มีดเจาะรูสมุนไพรสะระแหน่แล้วเทน้ำที่ได้ลงในชามเล็ก จากนั้นก็หั่นสมุนไพรเป็นชิ้นเล็กพร้อมสมุนไพรชนิดอื่นๆ เพื่อยัดลงช่วงท้องของไก่โลหิตปักษาเพลิง ชายหนุ่มหยิบหม้อดินเผาออกมา เทน้ำจากบ่อน้ำพุพลังปราณบริสุทธิ์ลงไป แล้วนำไก่ที่เตรียมเรียบร้อยใส่ลงหม้อ
ปู้ฟางตั้งหม้อบนเตาไฟสักพักจนเนื้อไก่ข้างในส่งกลิ่นหอมเล็ดลอดออกมา จากนั้นก็เปิดฝาหม้อออก ไอน้ำหนาเข้มข้นด้วยกลิ่นของเนื้อไก่และสมุนไพรที่ผสมผสานกันพวยพุ่งออกจากหม้อ ทำให้ตัวเขารู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันที ขั้นตอนต่อไปคือการเทน้ำสมุนไพรสะระแหน่ลงไปแล้วปิดฝาอีกครั้ง จากนั้นก็มาถึงขั้นตอนที่สำคัญที่สุด
“ระบบ ข้าจะใช้พลังปราณเที่ยงแท้ในการทำอาหารได้อย่างไร กระจายพลังปราณใส่หม้อตรงๆ เลยได้หรือไม่” เขาถามอย่างงุนงงสงสัย
“การทำอาหารด้วยพลังปราณเที่ยงแท้: พ่อครัวและแม่ครัวต้องหล่อเลี้ยงวัตถุดิบด้วยพลังปราณผ่านการส่งพลังปราณเข้าสู่อุปกรณ์ทำครัว พ่อครัวและแม่ครัวจะถูกทดสอบความสามารถด้านทักษะการใช้พลังปราณเที่ยงแท้และการควบคุมรสชาติของอาหาร”
ปู้ฟางตกใจเมื่อได้ยินคำอธิบายของระบบ สายตาของเขาจับจ้องไปที่หม้อดินเผาท่ามกลางเปลวเพลิง มองเห็นไอความร้อนที่กระจายออกจากหม้อ
“ระบบ เจ้าแน่ใจหรือ หากข้าวางมือลงบนหม้อดิน มือข้าจะไม่ไหม้หรือ” มุมปากของชายหนุ่มกระตุก
“หม้อดินเผานี้หาใช่หม้อดินเผาธรรมดาไม่ มันจะปรับอุณหภูมิตัวเองเมื่อจับกระแสพลังปราณเที่ยงแท้ได้ นายท่านไม่ต้องกังวลไป” ระบบตอบเสียงขรึม
แต่ปู้ฟางก็ยังไม่เชื่ออยู่ดี เขายกมือขึ้น แสงระยิบระยับหมุนวนอยู่บนฝ่ามือ ราวกับมีม่านแสงห่อหุ้มมือของเขาอยู่
ผู้ฝึกตนระดับสามขั้นคลั่งยุทธการสามารถสร้างพลังปราณเที่ยงแท้ภายนอกกายได้ นอกจากนี้ระดับนี้ยังถือเป็นระดับต่ำสุดของการทำอาหารด้วยพลังปราณเที่ยงแท้อีกด้วย
ชายหนุ่มมีสีหน้าจริงจังขณะค่อยๆ วางฝ่ามือลงบนฝาหม้อดินเผา ความรู้สึกอบอุ่นแผ่ซ่านเข้ามาในฝ่ามือ ทว่าความร้อนที่เขาคาดคิดว่าจะได้รับกลับไม่เกิดขึ้นแต่อย่างใด
“น่าอัศจรรย์ใจเสียจริง” ปู้ฟางอุทานด้วยความประหลาดใจ
เขาหลับตาลง พลางปรับกระแสพลังปราณเที่ยงแท้ภายในร่างกาย จากนั้นก็ค่อยๆ ส่งกระแสพลังปราณนั้นผ่านหม้อดินเผา หลั่งไหลเข้าสู่วัตถุดิบที่กำลังเดือดพล่านอยู่ภายใน
เป็นการแทรกซึมของพลังที่มองไม่เห็น เงียบเชียบราวสายลมแห่งฤดูใบไม้ผลิในยามค่ำคืน
ชายหนุ่มรู้สึกได้ว่าวัตถุดิบภายในหม้อค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไปจากการใช้ฝ่ามือสัมผัสผ่านฝาหม้อ วัตถุดิบเหล่านั้นค่อยๆ ดูดซึมพลังปราณมากขึ้นผ่านการหล่อเลี้ยงของพลังปราณเที่ยงแท้ นอกจากนี้น้ำสมุนไพรสะระแหน่ก็ค่อยๆ ซึมเข้าเนื้อไก่อย่างต่อเนื่องอีกด้วย
กระบวนการนี้ดำเนินไปอีกครึ่งก้านธูป จากนั้นปู้ฟางก็ค่อยๆ ถอนมือออกจากฝาหม้อ
หน้าผากของชายหนุ่มเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อพราว พลังปราณเที่ยงแท้ในกายที่สูญเสียไปทำให้เขารู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย
เขาทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้เพื่อพักอีกราวครึ่งก้านธูป จากนั้นก็เริ่มใช้พลังปราณเที่ยงแท้ทำอาหารอีกครั้ง ชายหนุ่มควบคุมพลังปราณในกายตนได้อย่างลื่นไหล จึงทำให้วัตถุดิบในหม้อได้รับการหล่อเลี้ยงอย่างต่อเนื่อง
เวลาผ่านไปอีกครึ่งก้านธูป ปู้ฟางก็เอามือออกจากฝาหม้ออีกครั้ง เขาหายใจออกอย่างหนักหน่วง หยิบผ้าเช็ดตัวมาซับเหงื่อที่หน้าผาก
ณ เวลานั้น ห้องครัวทั้งห้องถูกปกคลุมด้วยกลิ่นเข้มข้นของเนื้อไก่ สมุนไพรพลังปราณ และสะระแหน่หอมฟุ้ง
กลิ่นนี้น่าหลงใหลเสียยิ่งกว่ากลิ่นน้ำแกงไก่เมื่อวานเสียอีก หากกลิ่นของเมื่อวานทำให้รู้สึกเหมือนกำลังเล่นน้ำอยู่ในสายธารเล็ก กลิ่นหอมของวันนี้ก็คงเปรียบเสมือนการตกลงไปในกระแสน้ำเชี่ยวกราก
แม้แต่ตัวเขาเองยังอดไม่ได้ที่จะสูดกลิ่นหอมเข้าไปเต็มปอดหลายครั้ง นี่คือผลลัพธ์ของการใช้พลังปราณเที่ยงแท้ทำอาหาร สิ่งที่ได้นั้นเลิศล้ำกว่าการทำอาหารแบบปกติมากนัก และรสชาติก็ย่อมต่างกันหลายขุมเช่นกัน
พลังปราณเที่ยงแท้เปรียบเสมือนเครื่องปรุงชนิดหนึ่ง เมื่อใส่เข้าไปในวัตถุดิบจะเกิดปฏิกิริยาพิเศษขึ้น ซึ่งทำให้รสชาติของวัตถุดิบเหล่านั้นยอดเยี่ยมยิ่งขึ้นไปอีก นอกจากนี้พลังปราณภายในวัตถุดิบเหล่านั้นยังกระจายตัวไปสู่ส่วนต่างๆ อย่างถ้วนทั่วอีกด้วย
หลังจากที่ต้มส่วนผสมทั้งหมดในหม้อพร้อมกัน และใช้พลังปราณเที่ยงแท้ในการทำอาหารครั้งละครึ่งก้านธูปถึงสองรอบ น้ำแกงสมุนไพรไก่ปักษาเพลิงก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย ปู้ฟางรู้สึกหิวเป็นอันมากหลังจากที่ได้ดมกลิ่นน้ำแกงไก่เข้าไป
เขายกหม้อไปวางบนโต๊ะ เปิดฝา กลิ่นหอมเข้มพุ่งออกจากหม้อทันทีพร้อมด้วยไอน้ำเดือด
พ่อครัวหนุ่มสูดกลิ่นน้ำแกงไก่เข้าปอดอย่างกระหายอีกครั้ง ดวงตาจับจ้องไปยังของที่อยู่ในหม้อ
ทันทีที่เห็นว่าหน้าตาอาหารในหม้อเป็นอย่างไร สีหน้าของเขาก็พลันเอ่อล้นไปด้วยความสุขอย่างบอกไม่ถูก “ข้าทำสำเร็จ!”
ไก่โลหิตปักษาเพลิงนอนแอ้งแม้งอยู่ในหม้อดิน เนื้อขาวใสเหมือนวุ้น กระเพื่อมเล็กน้อยจากฟองน้ำแกงเดือดปุด สีของน้ำแกงเป็นสีเหลืองอำพัน ไม่มีพลังชีวิตลอยฟ่องอยู่เหมือนเมื่อวานแล้ว พลังชีวิตเหล่านั้นแทรกซึมเข้าไปในน้ำแกงไก่เรียบร้อยจากการใช้พลังปราณเที่ยงแท้ทำอาหาร
ท้องของชายหนุ่มร้องดังโครก เนื้อของไก่โลหิตปักษาเพลิงสวยงามเกินบรรยาย มันดูราวกับเป็นภาพศิลปะและน่ากินเป็นอันมาก
“ระบบ น้ำแกงสมุนไพรไก่ปักษาเพลิงชามนี้สำเร็จใช่หรือไม่” ปู้ฟางถามด้วยน้ำเสียงภูมิใจในตนเอง เขาเป็นถึงอัจฉริยะด้านการทำอาหารเชียวนะ กับอีแค่ใช้พลังปราณเที่ยงแท้มันจะไปยากอะไร
“คุณภาพผ่านชนิดเส้นยาแดงผ่าแปด นายท่านอยากให้ระบบให้คะแนนน้ำแกงสมุนไพรไก่ปักษาเพลิงชามนี้จริงๆ น่ะหรือ” ระบบถามเสียงนิ่ง
ชายหนุ่มชะงักไปชั่วครู่เมื่อได้ยินคำตอบ แต่ก่อนที่จะได้ตอบกลับ ระบบก็พรั่งพรูคะแนนประเมินออกมาเสียก่อน
“นายท่านไม่ได้รักษาสภาพของไก่เอาไว้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด ตรงหนังไก่ได้รับความเสียหายเล็กน้อย นอกจากนี้ยังใส่น้ำสะระแหน่เร็วเกินไป แถมสะระแหน่ยังซอยเป็นชิ้นไม่เท่ากันและบางไม่พอ ทักษะการควบคุมพลังปราณเที่ยงแท้จัดว่าอ่อนด้อย พลังปราณที่ท่านใส่เข้าไปนั้นน้อยจนน่าใจหาย โดยรวมแล้ว น้ำแกงสมุนไพรไก่ปักษาเพลิงชามนี้คุณภาพคาบเส้น”
ปู้ฟางหันไปมองน้ำแกงไก่อย่างไร้อารมณ์ รู้สึกว่าน้ำแกงที่ก่อนหน้านี้ดูไร้ที่ติกลายเป็นไม่สมบูรณ์แบบขึ้นมาทันที กลิ่นที่โชยออกมายังอ่อนลงอีกด้วย
“ระบบปากร้ายจะต้องโดนข้าเกลียดอย่างแน่นอน!”
ปู้ฟางอารมณ์เดือดปุด เขาตัดสินใจจะซดน้ำแกงไก่เพื่อสงบจิตสงบใจ จึงหันไปสนใจอาหารจานที่ตนเองเพิ่งทำเสร็จแทน
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาจะได้กินอาหารซึ่งทำด้วยพลังปราณเที่ยงแท้ ชายหนุ่มจึงรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย
……………………….