ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] – ตอนที่ 1 เจ้าคนเจ้าชู้เสเพล

ตอนที่ 1 เจ้าคนเจ้าชู้เสเพล

“นี่ฉันทำกรรมอะไรมานะ? เด็กสาวที่เลือกเฟ้นมาอย่างดีให้อาสามถึงได้พยายามจะก่อเรื่องกินยาตายเพียงเพราะเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้ นี่ถ้าช่วยเธอไว้ไม่ทัน แม่สะใภ้บ้านซูจะไม่มาหาเรื่องที่บ้านสกุลจี้ของพวกเราตายเหรอ? อาสามกำลังจะกลับมาถึงอยู่แล้ว หรือว่าเขากลับมาครั้งนี้เพื่อจัดงานศพให้เธอกัน?” คุณแม่จี้ที่อยู่ด้านนอกประตูพูดด้วยความรู้สึกขื่นขม

“สะใภ้สามทำไมเธอยังไม่ลุกขึ้นมาอีก? ไม่เห็นเหรอว่าคุณแม่โกรธขนาดไหนแล้ว? แค่เพราะคุณแม่ให้โหวหวาจือกินแผ่นไข่ทอด(1)เธอต้องก่อเรื่องถึงขนาดนี้เลยหรือ? ทุก ๆ เดือนน้องสามก็ส่งเงินมาให้เธอตั้งมากเท่าไหร่แล้ว!” เฝิงฟางฟางตะเบ็งเสียงใส่ประตู

“เธอเก็บเงินที่เขาส่งมาให้ทุกเดือน ฉันก็ไม่ได้ทำอะไรเธอเลย เธอมีเงินตั้งมากมายแต่ฉันไม่เคยเห็นเธอกตัญญูกับฉันกับพ่อของเธอเลย กับอีแค่ฉันจะให้หลานชายคนโตกินไข่ต้มฟองเดียวทำไมเธอต้องทำให้ฉันเดือดร้อนด้วย บ้านสามแยกบ้านไปแล้ว ทำไมฉันจะให้อะไรกับหลานชายของฉันแล้วเธอต้องก่อเรื่องขึ้น ถ้าเธอมีความสามารถเธอก็มีหลานชายให้ฉันด้วยสิ ฉันยังรออยู่นะ นี่เกือบจะสามปีแล้วยังไม่เห็นท้องเธอป่องขึ้นมาเลย ฉันยังไม่ได้จัดการเรื่องนี้กับเธอแต่เธอกลับมาเถียงฉัน ดูสิว่าลูกสาวบ้านซูมีความสามารถทำอะไรได้บ้าง!” คุณแม่จี้ด่าว่าด้วยความฉุนเฉียว

“คุณแม่อย่าโกรธเลยค่ะ ต่อให้น้องสามกลับมาแล้วแม่ก็ยังวางท่าทางเป็นปกติได้อยู่นะคะ เรากลับกันเถอะค่ะ ให้ตัวสะใภ้สามได้คิดใคร่ครวญเรื่องนี้เอาเอง!” เฝิงฟางฟางรีบพูดเมื่อหล่อนนึกขึ้นมาได้ว่าที่บ้านยังมีงานรอให้ทำอีกมาก

หล่อนไม่อยากจะเสียเวลาไปกับผู้หญิงงี่เง่าคนนี้ของบ้านสาม

เมื่อเสียงด้านนอกประตูค่อยๆ แผ่วไกลออกไปแล้ว ซูตานหงที่นอนอยู่บนเตียงภายในห้องก็ลืมตาขึ้นมาด้วยสีหน้าสิ้นหวัง

นางจำได้ว่าตนกำลังโหยหาฝนแรกของสารทฤดูอยู่ในจวนตระกูลซู จึงเปิดหน้าต่างหมายจะดื่มด่ำกับสายพิรุณที่ตกลงบนต้นกล้วย แต่มิคาดคิดเลยว่าจะทำให้นางเป็นไข้จากลมและความหนาวเย็น

หลังจากนั้นนางก็รู้สึกสับสนมึนงงไปหมด และในความมึนงงนั้นก็ได้ยินเสียงร่ำไห้ของท่านแม่

เมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง นางก็มาอยู่ในสถานที่แปลกประหลาดแห่งนี้แล้ว

นางไม่คาดคิดเลยว่าเรื่องราวที่เคยได้อ่านมาเกี่ยวกับการสวมร่างของคนอื่นจะมีอยู่จริง การศึกษาเล่าเรียนที่นางได้รับการปลูกฝังมาตั้งแต่เล็กทำให้นางไม่ได้นอนทั้งคืนเพื่อที่จะแยกแยะความทรงจำของซูตานหงคนที่ดื่มยาฆ่าแมลงเข้าไปให้กระจ่าง จากนั้นทัศนคติสามอย่าง(2) ของคุณหนูซูก็ถูกแย่งชิงไปและสร้างขึ้นมาใหม่

ที่นี่ถูกเรียกว่าเทียนเฉียว(3) และเป็นชนรุ่นหลังจากราชวงศ์ในยุคสมัยของนาง หลายสิ่งได้ถูกสืบทอดต่อมา แต่หลายๆ สิ่งก็ถูกเผาทำลายไปจากความวุ่นวายในช่วงหลายปีก่อน

ตั้งแต่ยังเล็กนางแทบจะไม่ได้เยื้องกรายออกนอกธรณีประตูเลยนอกจากจะตามท่านแม่ไปจุดธูป ถึงกระนั้นนางก็ต้องสวมผ้าคลุมเอาไว้เพื่อไม่ให้ผู้อื่นได้เห็นใบหน้าตน

แต่สำหรับชนรุ่นหลังนี่ล่ะ? เจ้าของร่างเดิมไม่เพียงแต่ไม่เคารพร่างกาย ผม และผิวหนังที่ได้มาจากบิดามารดา เธอยังตัดผมในทันทีที่ทำได้ ไม่สนใจแม้แต่ชีวิตของตัวเอง

เหตุผลที่เจ้าของร่างเดิมดื่มยาฆ่าแมลงเข้าไปเป็นเพราะเธอเห็นแม่สามีแอบให้หลานชายคนโตของบ้านใหญ่กินแผ่นไข่ทอด จึงโกรธและหาว่าแม่สามีไม่ยุติธรรมก่อนจะกัดฟันกินยาฆ่าแมลงเข้าไป

เดิมทีเธอเพียงต้องการให้คุณแม่จี้ตกใจกลัวเท่านั้น ไม่ได้ต้องการที่จะฆ่าตัวตายจริงๆ และนั่นก็ทำให้นางได้มาอยู่ที่นี่

แม้ว่านางจะได้ชีวิตใหม่มาเช่นนี้ แต่เรื่องยุ่งเหยิงที่ซูตานหงทิ้งไว้มีไม่น้อยเลย

ไม่มีคุณธรรม ไม่สุภาพอ่อนโยน ไม่เคารพ และไม่กตัญญู วันธรรมดาก็เกียจคร้านไม่ทำอะไรและอวดดีเอาเปรียบผู้อื่น แม้แต่คุณแม่จี้ที่ให้หลานกินแผ่นไข่ทอด พอเธอเห็นเข้าก็เอะอะโวยวายทำเป็นเรื่องใหญ่

อีกทั้งเธอยังไม่เคยแสดงความกตัญญูเลยตั้งแต่เริ่มต้นจนผ่านมา 3 ปีนี้ ถ้าอยู่ในยุคสมัยของนาง สตรีเช่นนี้จะต้องถูกสามีหย่าอย่างแน่นอน

ไม่…นางไม่ต้องการเป็นภรรยาที่ถูกทอดทิ้ง มิเช่นนั้นนางคงทำให้บรรพบุรุษตระกูลซูต้องอับอายขายหน้า!

ซูตานหงลุกขึ้นและเริ่มทำความสะอาดตัวเอง นางไม่กล้ามองไปที่กระจก จากความทรงจำทำให้นางรู้ดีว่าสภาพในตอนนี้ของตนมอมแมมมากขนาดไหน

หลังทำความสะอาดแบบลวกๆ เสร็จ นางจึงเปิดประตูเดินออกไป คุณแม่จี้และเฝิงฟางฟางจากไปโดยไม่ลืมปิดประตูลานบ้านให้นาง ตอนนี้ในลานบ้านจึงมีนางอยู่เพียงคนเดียวเท่านั้น นางจึงไปตักน้ำในถังน้ำตามความจำของเจ้าของร่างเดิมแล้วยกเข้าไปในห้องครัวเพื่อต้มน้ำ

นางไม่สามารถทนต่อไปได้อีกเพราะเจ้าของร่างเดิมไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน สำหรับคุณหนูซูแล้วนี่เป็นสิ่งที่ไม่สามารถจินตนาการออกมาได้เลย

ในฐานะที่เป็นหญิงสาวอายุน้อยในวัยเพียงยี่สิบปีต้นๆ ทำไมเจ้าของร่างเดิมถึงสกปรกมอมแมมได้ถึงเพียงนี้?

ไม่ต้องเอ่ยถึงหน้าและผมที่มันย่อง แค่กลิ่นก็สุดจะทนแล้ว

คุณหนูซูทำความสะอาดหม้อและเริ่มต้มน้ำ

แม้ในชาติที่แล้วนางจะเป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลซูที่ไม่เคยต้องใช้มือทำงานลำบากอะไร แต่มารดาก็เข้มงวดกับนางมาก ไม่เพียงแต่นางต้องจดจำเรื่องสามเชื่อฟังสี่คุณธรรม นางยังต้องเรียนรู้เรื่องงานในครัวและการดูแลเรือนทั้งหมด ดังนั้นงานในครัวจึงไม่ใช่งานยากสำหรับนาง

หลังจากต้มน้ำร้อนเสร็จ คุณหนูซูก็กำลังจะไปทำความสะอาดตัว แต่ท้องนางกลับส่งเสียงร้องโครกครากขึ้นมา นางจึงนึกขึ้นมาได้ว่านี่เป็นเวลาเกือบเที่ยงวันแล้วและนางก็ไม่ได้กินอะไรเลยมาตั้งแต่เมื่อวานนี้

แม้เมื่อคืนนี้นางจะตัดสินใจทำให้ตัวเองมีรูปร่างดูบอบบางและนุ่มนวล ถึงแม้จะได้ไม่เท่ากับในชาติก่อนแต่นางก็ไม่ควรจะอัปลักษณ์จนเกินไป อย่างไรเสียนางก็ไม่สามารถทำให้มันสำเร็จผลได้ในทันทีมิใช่หรือ?

ดังนั้นนางจึงต้มน้ำที่เหลือ จากนั้นก็ทำก๋วยเตี๋ยวขึ้นมาหนึ่งชามและตอกไข่ลงไปสองใบ

ดูเหมือนที่นี่จะมีคำพูดว่า ร่างกายเป็นทุนทรัพย์ของการปฏิวัติ?

ซูตานหงวางชามก๋วยเตี๋ยวใส่ไข่ทิ้งไว้และรอทำความสะอาดร่างกายให้เสร็จก่อนมากิน จากนั้นนางจึงเข้าไปในห้องพร้อมกับถังน้ำ

นางสามารถเดินหิ้วถังน้ำได้ขนาดนี้นับว่าดีกว่าชาติก่อนมาก ในชาติที่แล้วแค่เดินเล่นในสวนนางก็เหนื่อยหอบแล้ว ตอนนี้นางกลับสามารถเดินเข้าออกไปไหนมาไหนพร้อมกับหิ้วถังน้ำได้

ซูตานหงเดินเข้าไปในห้องและเริ่มถอดเสื้อผ้าออกเพื่อชำระล้างร่างกาย ทันทีที่เสื้อผ้าถูกถอดออก กลิ่นตัวก็โชยออกมา ซูตานหงหลับตาลงและแทบจะเป็นลม

ไม่อยากจะเชื่อเลยสตรีผู้นี้!

น้ำหนึ่งถังไม่พอที่จะทำความสะอาดร่างกายของนาง นางจึงออกไปต้มน้ำ จากนั้นก็หิ้วถังน้ำเข้าไปชำระร่างกายอีกครั้งรวมทั้งสระผมที่มันเยิ้มและยุ่งเป็นสังกะตังอีกด้วย!

“ผมกลับมาแล้ว”

เสียงตะโกนดังขึ้นจากด้านนอกบ้าน ชายหนุ่มร่างสูงนามว่าจี้เจี้ยนอวิ๋นได้เปิดประตูลานบ้านเข้ามาพร้อมกับสีหน้าที่ดูเหนื่อยล้า

การเดินทางจากกองทัพโดยที่ต้องนั่งมาบนที่นั่งแข็ง ๆ ในรถไฟถึงสองวันไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลยแต่มีข้อดีตรงที่ค่าตั๋วถูก เขาจึงอดทนอดกลั้นผ่านมันไปได้

“ตานหง?”

จี้เจี้ยนอวิ๋นปิดประตูและตะโกนเรียกอีกครั้ง ซึ่งยังคงไม่มีใครตอบรับ ชายหนุ่มจึงขมวดคิ้วแล้วเดินตรงเข้าไปในห้องครัว

เขาซื้อหม่าเถียว(4)มาสองชิ้นก่อนขึ้นรถไฟ ในระหว่างทางกลับเขารู้สึกหิวมาก

เมื่อเดินเข้ามาในครัว เขาก็เห็นชามก๋วยเตี๋ยวเย็นที่โรยต้นหอมใส่ไข่สองฟองวางอยู่บนเตา จี้เจี้ยนอวิ๋นชะงักไป จากนั้นก็หยิบมากินโดยไม่เกรงใจ

หลังจากกินก๋วยเตี๋ยวใส่ไข่สองฟองเข้าไปอย่างหิวโหยแล้ว จี้เจี้ยนอวิ๋นก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้น

บางทีอาจเป็นเพราะความหิวที่มีมากเกินไป มันจึงทำให้เขาคิดว่าก๋วยเตี๋ยวชามนี้กับไข่ต้มสองฟองนั้นดูน่ากินมากเป็นพิเศษ?

แม้ก๋วยเตี๋ยวชามเดียวจะไม่เพียงพอสำหรับเขา แต่มันก็ช่วยบรรเทาความหิวได้และทำให้ท้องไส้ปั่นป่วนน้อยลง ทันทีที่เช็ดปากเสร็จ จี้เจี้ยนอวิ๋นก็ตั้งใจจะกลับเข้าไปนอนในบ้าน

“ว้าย เจ้าคนเจ้าชู้เสเพล!”

ซูตานหงที่เพิ่งสระผมเสร็จและกำลังนั่งเช็ดผมอยู่บนเตียงถึงกับตกใจและกรีดร้องออกมาโดยไม่ทันคิดเมื่อจี้เจี้ยนอวิ๋นเปิดประตูเข้ามา

____________________________

(1) ไข่เจียวแบบบางใส่ผัก กลอกในกระทะจนมีลักษณะเหมือนแผ่นเครป

(2) ทัศนคติ 3 อย่าง – ทัศนคติต่อโลก ทัศนคติต่อชีวิต ทัศนคติต่อค่านิยม

(3) ชื่อเรียกประเทศจีน

(4) หม่าเถียว (麻条) – ขนมกินเล่นทำจากแป้งข้าวเหนียวสอดไส้ถั่วแดงหวานกลึงเป็นแท่งและคลุกด้วยงาขาวทั้งแท่ง คล้ายกับขนมคอเป็ด

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]นี่ฉันทำกรรมอะไรมานะ? เด็กสาวที่เลือกเฟ้นมาอย่างดีให้อาสามถึงได้พยายามจะก่อเรื่องกินยาตายเพียงเพราะเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้ นี่ถ้าช่วยเธอไว้ไม่ทัน แม่สะใภ้บ้านซูจะไม่มาหาเรื่องที่บ้านสกุลจี้ของพวกเราตายเหรอ? อาสามกำลังจะกลับมาถึงอยู่แล้ว หรือว่าเขากลับมาครั้งนี้เพื่อจัดงานศพให้เธอกัน?” คุณแม่จี้ที่อยู่ด้านนอกประตูพูดด้วยความรู้สึกขื่นขม “สะใภ้สามทำไมเธอยังไม่ลุกขึ้นมาอีก? ไม่เห็นเหรอว่าคุณแม่โกรธขนาดไหนแล้ว? แค่เพราะคุณแม่ให้โหวหวาจือกินแผ่นไข่ทอด(1)เธอต้องก่อเรื่องถึงขนาดนี้เลยหรือ? ทุก ๆ เดือนน้องสามก็ส่งเงินมาให้เธอตั้งมากเท่าไหร่แล้ว!” เฝิงฟางฟางตะเบ็งเสียงใส่ประตู

Comment

Options

not work with dark mode
Reset