ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] – ตอนที่ 116 สั่งสอน

ตอนที่ 116 สั่งสอน

วันต่อมา พี่สาวใหญ่สวี่ก็มาเยี่ยมพร้อมกับบ๊วยดองหนึ่งไหที่หล่อนดองเองเพื่อนำมามอบให้ซูตานหง

ประเด็นหลักก็คือหล่อนจะมาบอกว่าให้ตานหงวางใจในเรื่องลูก เพราะตอนนี้สวนผลไม้กำลังเจริญรุ่งเรืองแล้ว การเสียค่าปรับให้ทางสำนักงานทะเบียนราษฎร์ในภายภาคหน้าจะไม่เป็นปัญหาอีกต่อไป

เมื่อได้ยินดังนี้แล้ว ซูตานหงก็เข้าใจ จึงไม่จำเป็นต้องเอ่ยเรื่องอื่นอีก หากพูดเรื่องแบบนี้มากเกินไปจะพลอยทำให้บรรยากาศน่าเบื่อเสียเปล่า ๆ

ซูตานหงมอบมิตรไมตรีให้หล่อนแล้ว อีกอย่างเธอก็เป็นคนอ่อนโยนและจิตใจดีมาตั้งแต่ต้น ดังนั้นจึงไม่มีใครมากลั่นแกล้งเธอเว้นแต่เหล่าคนที่แยกแยะถูกผิดไม่ได้

โดยเฉพาะตั้งแต่ตอนที่บ้านของเธอมีสวนผลไม้ใหญ่ขนาดนี้ ใครล่ะจะอยากมีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีกับเธอ?

แต่เธอก็ไม่ใช่คนทระนงตัว เมื่อก่อนเป็นอย่างไร เดี๋ยวนี้ก็เป็นอย่างนั้น หล่อนไม่เคยเห็นเธอมีท่าทางหยิ่งยโสหรือคุยโวโอ้อวดแม้แต่น้อย ถึงพี่สาวใหญ่สวี่จะไม่ได้เอ่ยต่อหน้า แต่หล่อนก็ให้ความเคารพนับถืออยู่ในใจ

กล่าวได้ว่าซูตานหงชอบบ๊วยดองอย่างมาก เธอจึงจัดการกินอย่างไม่เกรงใจ เมื่อพี่สาวใหญ่สวี่กำลังจะกลับ ซูตานหงก็มอบเกาลัดแห้งไม่กี่ชั่งให้หล่อนนำกลับไปด้วยเพื่อจะได้เป็นของกินเล่นสำหรับพวกเด็ก ๆ

พี่สาวใหญ่สวี่ปฏิเสธ แต่แล้วก็ต้องรับมา

เรื่องการคลอดบุตรจึงเป็นอันจบลงเท่านี้

เวลาหนึ่งเดือนผ่านไปราวชั่วพริบตาเดียว

ตอนนี้ลูกพลับบนภูเขาสุกแก่แล้ว และไม่นานมานี้ก็มีนกมากมายมาป้วนเปี้ยนอยู่บนภูเขา จี้เจี้ยนอวิ๋นจึงวางแผนไว้ว่าจะเก็บเกี่ยวเร็วขึ้น

ลูกพลับถือว่าไม่ใช่ของหายากในถิ่นที่พวกเขาอยู่ เพราะมีบางคนปลูกต้นพลับไว้ตรงหน้าบ้านหรือไม่ก็สวนหลังบ้านของพวกเขา

แต่ต้นพลับในสวนของเขานั้นให้ผลดกมาก ซึ่งเทียบกันไม่ได้เลยกับต้นพลับพวกนั้น

ทุกต้นล้วนติดผลเต็มต้น นับเป็นจำนวนมหาศาลทีเดียว

ในตอนนี้คุณพ่อจี้ก็ได้กางมุ้งเสร็จแล้ว เหลือเพียงรอเก็บเกี่ยวลูกพลับเท่านั้น

ตอนนี้บรรดาชาวนาชาวไร่ต่างยุ่งอยู่กับการเก็บเกี่ยวผลผลิตประจำฤดูใบไม้ร่วง เมล็ดธัญพืชที่ควรจะเก็บเกี่ยวก็ได้รับการเก็บเกี่ยวหมดแล้ว และทุกคนในหมู่บ้านก็ว่างงาน

จี้เจี้ยนอวิ๋นจึงเริ่มจ้างคนงานชั่วคราวอีกครั้ง

ครั้งนี้มีงานให้ทำไม่มากนัก เพราะมีต้นพลับให้เก็บผลผลิตเพียงไม่กี่สิบต้นเท่านั้น แม้ทุกต้นจะมีผลติดเต็ม แต่สุดท้ายแล้วมันก็ต้นพลับเพียงสิบกว่าต้น

แค่ดูแลคนงานไม่กี่คนให้ดี เลี้ยงอาหารกลางวันพวกเขา ไม่กี่วันงานนี้ก็จะสำเร็จเสร็จสิ้น

ไม่มีทางที่จะปล่อยลูกพลับพวกนี้ให้แก่จัดคาต้นอย่างที่เขาบอกกันได้

คนงานที่จ้างมาในคราวนี้เป็นชุดเดิมกับครั้งที่แล้ว ซึ่งก็คือญาติในครอบครัว ญาติในครอบครัวทางแม่ และคนที่ว่างงานบางคนในหมู่บ้าน ซึ่งครั้งนี้ก็จ้างพี่สาวน้องสาวชราของคุณแม่จี้มาด้วย ซึ่งทุกคนล้วนมีความเกี่ยวข้องกับคุณแม่จี้ทั้งหมด

ยิ่งกว่านั้นทุกคนยังทำงานกันดีมาก แม้จะดูงุ่มง่ามกันไปบ้างแต่พวกนางก็ทำงานได้ดี นอกจากนี้ครอบครัวของพวกนางยังไม่ได้ใจกว้างนัก คุณแม่จี้จึงมาพูดเรื่องนี้กับจี้เจี้ยนอวิ๋น หลังจากที่เขายืนยันแล้ว นางก็ไปบอกพี่สาวน้องสาวทั้งสองคนนี้

ในตอนนี้คุณแม่จี้เป็นคนเที่ยงตรงมากแล้ว นางจะไม่ตัดสินว่าควรรับใครเข้ามา ต่อให้นางอยากพาเข้ามาก็ต้องได้รับอนุญาตจากลูกชายของนางก่อน เพราะลูกชายของนางเป็นเจ้าของสวนแห่งนี้ แล้วเขาก็เป็นคนจ่ายเงินเดือนด้วยไม่ใช่เหรอ?

ทุกคนง่วนอยู่กับการทำงานในสวนเป็นเวลา 3 วัน และพวกเขาก็เก็บลูกพลับจากต้นจนหมดและวางไว้บนมุ้งตาข่ายเพื่อตากให้แห้ง

เป็นเพราะทุกคนทำงานกันอย่างมีประสิทธิภาพ จี้เจี้ยนอวิ๋นจึงไม่ตระหนี่ ทันทีที่ทำงานเสร็จเรียบร้อย เขาก็จ่ายค่าจ้างในทันที และแต่ละคนยังได้ลูกพลับกลับไปให้ครอบครัวกินกันคนละ 2 ชั่งด้วย พวกเขามาทำงานเพียง 3 วันแต่กลับได้กินอาหารกลางวันอย่างดีมาก ส่วนเงินค่าจ้างในครั้งนี้นับว่าไม่มากนัก ทั้งหมด 1 หยวน 5 เหมาเท่านั้น ซึ่งคิดเป็นเงิน 5 เหมาต่อวัน แต่ถึงอย่างนั้นก็เพียงพอแล้วในการทำให้ทุกคนมีความสุข

จี้เจี้ยนเยี่ยกับจี้มู่ตานก็มาทำงานเช่นเดียวกับจี้เจี้ยนกั๋วและเฝิงฟางฟาง ซึ่งจี้เจี้ยนอวิ๋นก็ให้ค่าจ้างกับพวกเขาอย่างชัดเจนไม่ขาดตกบกพร่อง พร้อมกับมอบลูกพลับให้ครอบครัวละ 3 ชั่ง

ส่วนคุณพ่อจี้กับคุณแม่จี้ในครั้งนี้ไม่ได้รับค่าจ้าง เช่นเดียวกับคุณแม่ซูอีกคนหนึ่ง ซึ่งนางก็บอกว่าถ้าจี้เจี้ยนอวิ๋นยืนกรานที่จะให้ก็ต้องให้แยกจากนี้

จี้เจี้ยนอวิ๋นยิ้มและไม่ว่าอะไร แต่มอบลูกพลับ 5 ชั่งให้นาง พร้อมกับมอบพ่อไก่ตัวหนึ่งให้นางนำกลับบ้านไปตุ๋นเป็นอาหารค่ำนี้

คุณแม่ซูไม่อยากได้ไก่ แต่จี้เจี้ยนอวิ๋นบอกว่าในเมื่อนางไม่ต้องการเงิน เขาก็ต้องให้เป็นไก่แทน ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่กล้าขอให้แม่ยายมาช่วย คุณแม่ซูจึงรับมันไว้ด้วยรอยยิ้ม

เป็นเพราะคุณแม่ซูไม่รับค่าจ้าง พี่สะใภ้ใหญ่ซูจึงไม่กล้าขอค่าจ้างด้วยเช่นกัน หล่อนจึงมีอารมณ์ไม่ดีนักในระหว่างขากลับ

“เอาไก่ไป คืนนี้ฉันจะตุ๋นไก่เป็นอาหารเย็นชดเชยให้กับครอบครัวเธอ” ระหว่างทางที่เดินกลับ คุณแม่ซูที่เห็นสีหน้ามืดครึ้มของสะใภ้ใหญ่ซูก็เอ่ยขึ้นมาพร้อมกับยัดไก่ใส่มือของหล่อน

“คืนนี้เราจะกินไก่กันจริง ๆ เหรอคะ?” ความรู้สึกสูญเสียของพี่สะใภ้ใหญ่ซูถูกคำพูดนางปลอบจนดับสนิท แล้วหล่อนก็เอ่ยรัวเร็ว

หล่อนคิดว่าแม่สามีจะเอามันกลับไปเลี้ยงไว้เสียอีก ต่อให้หล่อนไม่ได้เลี้ยงมัน หล่อนก็จะรอให้น้องชายรองมาหาแล้วบอกให้เขาขายมันเสีย

เรื่องนี้ไม่มีอะไรเกี่ยวกับหล่อน เนื่องจากหล่อนไม่ได้รับส่วนแบ่งค่าจ้างเลย แต่ก็ ไม่ได้คาดหวังเลยว่าคืนนี้จะได้กินไก่?

“อืม กินสิ” คุณแม่ซูพยักหน้า และเอ่ยต่อ “พลับทั้ง 5 ชั่งนี่เธอแบ่งไปสัก 2 ชั่งนะ เอาไว้ให้บ้านทางแม่ของเธอตอนไปเยี่ยมก็ได้”

หล่อนได้ยินแล้วก็ดีใจ ไม่คิดฝันเลยว่ามันจะมีวันนี้

หล่อนรู้ดีว่าแม่สามีเข้มงวดขนาดไหนกับบ้านทางแม่ของหล่อน หล่อนแต่งงานหลายปีแล้ว แต่อย่าคิดจะเอาของกลับไปให้ทางบ้านแม่ของหล่อนแม้แต่น้อยเลย แม้ว่าบ้านสามีของหล่อนจะเละเทะขนาดไหนก็อย่าได้นำข้าวและด้ายกลับไปที่บ้านแม่สักนิดเดียว

แต่มาวันนี้แม่สามีของหล่อนกลับให้นำลูกพลับกลับไปที่บ้านทางแม่ของหล่อน!

แน่นอนว่าลูกพลับไม่ใช่ของหายาก แต่ครอบครัวของหล่อนไม่เคยกินมันเลย แค่ได้กินลูกพลับ 2 ชั่ง พ่อแม่ของหล่อนก็คงดีใจแล้ว

“จะว่าฉันใจร้ายก็ได้ แต่อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ คราวที่แล้วเจี้ยนอวิ๋นนำผลไม้มากมายกลับมาให้แต่มันก็หมดเร็วเหลือเกิน เป็นเพราะเธอนำกลับไปให้ทางบ้านแม่แต่ฉันทำเป็นไม่รู้หรอก เธอคิดว่าฉันไม่รู้จริง ๆ เหรอ?” คุณแม่จี้แค่นเสียงเย็นชา

สะใภ้ใหญ่ซูพูดละล่ำละลัก “คุณแม่คะ ฉันไม่ได้…”

“เอาเถอะ จะเป็นอย่างนั้นหรือไม่เธอรู้อยู่แก่ใจ แต่คราวที่แล้วที่มาช่วยงาน เจี้ยนอวิ๋นก็ให้เงินเธอมา 10 หยวน เพียงแต่ฉันเก็บไว้ 5 หยวนเท่านั้น คราวนี้เราไปช่วยงาน 3 วัน แล้วตานหงให้อะไรดี ๆ ใน 3 วันนี้ตั้งเท่าไหร่ล่ะ? เธอหวังแต่จะได้เงินจนลืมน้ำใจไปเลยเหรอ? ตระกูลซูของเราสู้ตระกูลจี้ไม่ได้ก็จริง แต่เราก็มีเกียรติของตัวเอง อะไรรับได้ อะไรรับไม่ได้ เราเองก็ต้องรู้จักรักษาหน้ากันบ้างนะ!”

คุณแม่ซูจัดการสั่งสอนสะใภ้ใหญ่ คราวที่แล้วนางบอกเพียงว่าเงินค่าจ้างนั้นเป็นของนาง ไม่ได้บอกว่าเป็นของสะใภ้ใหญ่ด้วย เจี้ยนอวิ๋นให้เงินมา 50 หยวน ซึ่งคนทั่วไปโดยเฉลี่ยแล้วอาจไม่สามารถหาเงิน 50 หยวนได้ต่อให้ทำงานทั้งปีก็ตาม แต่ลูกเขยคนนี้กลับให้มาถึง 50 หยวน ซึ่งเขาให้มาก็เพราะว่าเห็นแก่นางที่เป็นแม่ยาย แล้วนางจะตอบแทนเขาด้วยการทำงานให้ในครั้งนี้ไม่ได้หรือ?

แค่ทำงานครั้งนี้ก็น่าจะรู้ชัดแล้วว่าความสัมพันธ์นี้เป็นอย่างไร?

ยิ่งกว่านั้นช่วงนี้ตานหงยังให้เนื้อมาอย่างมาก 2 ชั่งอีก!

ตอนนี้เจี้ยนอวิ๋นก็ให้พ่อไก่ตัวใหญ่มาอีกตัว จะเป็นเรื่องผิดอะไรต่อแม่ยายกับพี่สะใภ้ที่ไปทำงานในครั้งนี้?

“คุณแม่ ฉันผิดไปแล้ว ต่อไปฉันจะไม่ทำแบบนี้แล้วค่ะ” สะใภ้ใหญ่ซูรีบเอ่ยขึ้นด้วยความหวาดกลัวว่าแม่สามีจะโกรธจนคืนนี้ไม่ได้กินไก่

แต่เมื่อมาคิดดูดี ๆ แล้ว น้องสามีคนนี้ไม่ปล่อยให้ครอบครัวทางแม่ต้องลำบากจริง ๆ ต่อให้ไม่ได้ให้เงิน เธอก็ให้เนื้อมาแทนไม่ใช่เหรอ?

“กลับไปซะ ไปตุ๋นไก่เป็นอาหารค่ำนี้ ฉันยังเชื่อในรสมือของเธออยู่นะ” หลังคุณแม่ซูสั่งสอนไปแล้ว นางก็ให้โอกาสอีกครั้ง

สะใภ้ใหญ่ซูถึงค่อยใจชื้นขึ้นมาเล็กน้อย ต่อให้แม่สามีจะขี้เหนียวไปบ้าง แต่นางก็ดีต่อครอบครัวของหล่อน โดยเฉพาะต่อลูกชายทั้งสองคนของหล่อน ที่นางไม่หวงอะไรเลย

พูดแบบนี้แล้ว แม่สามีของหล่อนขี้เหนียวหรือไม่กันล่ะ?

……………………………………………

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]นี่ฉันทำกรรมอะไรมานะ? เด็กสาวที่เลือกเฟ้นมาอย่างดีให้อาสามถึงได้พยายามจะก่อเรื่องกินยาตายเพียงเพราะเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้ นี่ถ้าช่วยเธอไว้ไม่ทัน แม่สะใภ้บ้านซูจะไม่มาหาเรื่องที่บ้านสกุลจี้ของพวกเราตายเหรอ? อาสามกำลังจะกลับมาถึงอยู่แล้ว หรือว่าเขากลับมาครั้งนี้เพื่อจัดงานศพให้เธอกัน?” คุณแม่จี้ที่อยู่ด้านนอกประตูพูดด้วยความรู้สึกขื่นขม “สะใภ้สามทำไมเธอยังไม่ลุกขึ้นมาอีก? ไม่เห็นเหรอว่าคุณแม่โกรธขนาดไหนแล้ว? แค่เพราะคุณแม่ให้โหวหวาจือกินแผ่นไข่ทอด(1)เธอต้องก่อเรื่องถึงขนาดนี้เลยหรือ? ทุก ๆ เดือนน้องสามก็ส่งเงินมาให้เธอตั้งมากเท่าไหร่แล้ว!” เฝิงฟางฟางตะเบ็งเสียงใส่ประตู

Comment

Options

not work with dark mode
Reset