ตอนที่ 138 ผิดหวังในตัวลูกสะใภ้
จางเสวี่ยหลีกลับไปพร้อมความผิดหวังระคนละอายใจกับครอบครัวตัวเอง หล่อนทั้งขอร้อง โวยวาย และข่มขู่ หากแต่ก็ไม่ได้อะไรกลับมาแม้แต่น้อย
เห็นหล่อนกลับมาในสภาพนี้ เหล่าฉินก็รู้ว่าคงเป็นไปอย่างที่คาดคิดไว้ ก่อนจะเอ่ยสั่ง “คุณไปเอาเงินที่เหลือออกมาให้หมด!”
หล่อนขยับริมฝีปากคล้ายจะพูดแต่ก็ไม่กล้าเอ่ยสิ่งใด ได้แต่ไปเอาเงินที่เหลือออกมาตามคำสั่งของเขา
“ต่อไปนี้ผมจะเป็นคนดูแลเรื่องเงินเอง ถ้ารู้ว่าคุณแอบเก็บเงินไว้ได้เห็นดีกันแน่จางเสวี่ยหลี ผมเหล่าฉินจะแยกบ้านกันอยู่กับคุณสัก 2-3 ปี ผมไม่ได้ขู่นะ!” เขาจ้องหล่อนเขม็ง
ในที่สุดหล่อนก็ทนไม่ไหวและอดที่จะปล่อยโฮออกมาไม่ได้ “เหล่าฉิน เหล่าฉิน ฉันผิดไปแล้ว ฉันไม่ควรไปสนใจครอบครัวแม่ที่เห็นแก่ตัวอย่างนั้นเลย ฉันไม่น่าช่วยพวกเขา เป็นห่วงพวกเขาเลย!”
เพราะเห็นแก่ตระกูลตัวเอง เงินทองของครอบครัวถึงได้ร่อยหรอ และไม่ได้เงินคืนแม้แต่น้อย ต่อไปนี้หล่อนคงไม่อาจสู้หน้าคนในตระกูลเหล่าฉินได้อีก
“ต่อไปนี้อย่าได้กล้าไม่เคารพพ่อแม่ผมอีก ไม่อย่างนั้นได้กลับไปอยู่บ้านเก่าของคุณแน่ ผมยังไม่ได้ไปพบพวกเขาเป็นการส่วนตัว ดังนั้นอย่าให้ผมต้องพาคุณกลับไปจัดการพวกเขาที่นั่นด้วยตัวเองนะ ไม่อย่างนั้นผมจะไม่ไว้หน้าพ่อแม่พี่น้องของคุณแม้แต่คนเดียว!” เหล่าฉินเอ่ยด้วยท่าทางเย็นชา
“ได้ค่ะ ได้ ฉันจะเคารพคุณพ่อคุณแม่ ฉันจะดูแลลูกให้ดี แต่ฉันขอดูแลเรื่องเงินต่อไปได้ไหมคะ?” หล่อนปาดน้ำตาพลางละล่ำละลักถามขึ้น
“เมื่อก่อนตอนที่ผมให้คุณดูแลเรื่องเงิน คุณก็เอาเงินไปประเคนให้พวกหมาป่าตาขาว*หมดไม่ใช่เหรอ!” เขาว่าแดกดัน
*หมาป่าตาขาว = คนเนรคุณ
คุณพ่อกับคุณแม่ฉินที่อยู่ด้านนอกร้านถึงได้เข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้น ทำให้สีหน้าคุณแม่ฉินฉายแววมืดครึ้มทันที
ในขณะที่คุณพ่อฉินเอาแต่นิ่งเงียบ
เมื่อเหล่าฉินเดินออกมาจากร้าน นางก็บอกเขา “ให้ภรรยาของแกกลับไปที่บ้านเกิดซะ ครอบครัวเราไม่ต้อนรับคนพรรค์นี้!”
จางเสวี่ยหลีที่ออกมาได้ยินพอดีก็นึกหวาดหวั่น “คุณแม่คะ ฉันไม่กล้าแล้วค่ะ ฉันจะไม่ทำอีกแล้ว!”
“ไม่กล้าอย่างนั้นเหรอ? สิ่งที่ผิดพลาดที่สุดในชีวิตฉันก็คือการเชื่อแม่สื่อโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง แล้วให้ลูกชายแต่งงานกับเธอ เขาดูแลเธออย่างดีแต่เธอจางเสวี่ยหลีกลับไม่ให้เกียรติเขากับฉันเลย คิดว่ามีหลานชายสองคนให้ตระกูลฉินแล้วถือว่าตัวเองวิเศษวิโสนักเหรอ? คิดว่าจะเอาสมบัติของเราไปประเคนให้ครอบครัวตัวเองยังไงก็ได้เหรอ? คนอย่างเธอไม่คู่ควรกับตระกูลเราสักนิด!” คุณแม่ฉินสวนกลับอย่างรุนแรง
เรื่องมันเกิดไปแล้ว และนางก็ไม่ใช่นางฟ้านางสวรรค์ที่ไหน หากครั้งนี้ไม่สั่งสอนลูกสะใภ้คนนี้ให้หลาบจำก็คงไม่รู้สำนึก!
“คุณแม่คะ ฉันรู้ตัวว่าทำผิด ผิดไปแล้วจริง ๆ ค่ะ ต่อไปฉันจะเชื่อฟังคุณพ่อคุณแม่ จะเชื่อฟังจริง ๆ นะคะ!” หล่อนพร่ำบอกซ้ำไปมา
“เชื่อฟังเหรอ? ไม่เอาน่า เราไม่ได้คาดหวังอะไรกับเธอหรอก เราไม่ได้จะตายวันนี้พรุ่งนี้สักหน่อย!” นางว่าเย้ยหยัน ก่อนบอกกับลูกชาย “แกก็อายุแค่ 40 ทำไมต้องทนอยู่แบบนี้ด้วยล่ะ? ไม่ต้องห่วงนะ ถ้าหย่ากับผู้หญิงคนนี้แล้วแม่จะหาคนดี ๆ ที่ไม่ใช่คนแบบนี้ให้!”
จางเสวี่ยหลีกลัวจนถึงกับคุกเข่า เอื้อมมือไปจับมือนาง ก่อนร่ำไห้ออกมา “คุณแม่คะ ให้อภัยฉันเถอะนะคะ ฉันขอล่ะ ฉันจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว ฉันโดนคนที่บ้านต่อว่าแล้วก็ตัดขาดกับทางนั้นแล้ว ถ้าให้เหล่าฉินหย่าแล้วฉันจะไปไหนได้ล่ะคะ? จะให้ลูกเรียกคนอื่นว่าแม่เหรอคะ? ในฐานะแม่เหมือนกัน ยังไงแม่เลี้ยงก็ไม่ดีเท่าแม่แท้ ๆ หรอกค่ะ จะมาทำให้ครอบครัวเราแตกแยกไม่ได้นะคะ!”
“ครั้งนี้เอาไปให้ครอบครัวตัวเองเท่าไหร่ล่ะ?” นางถาม
“แปด… มากกว่า 800 หยวนค่ะ… ”
จางเสวี่ยหลีตอบกระท่อนกระแท่น
คุณแม่ฉินได้ยินก็แทบจะเป็นลมด้วยโทสะ แม้แต่คุณพ่อฉินยังมีสีหน้าดำคล้ำเคร่งเครียด
ถ้าเป็นเงินไม่กี่สิบหยวนก็ยังพอเข้าใจได้ แต่ 800 หยวนมันมากเกินไป มากพอที่จะเลี้ยงทั้งตระกูลด้วยซ้ำ!
มากพอ ๆ กับค่าสินสอดที่ไปขอหมั้นหมายหล่อนกับตระกูลจาง!
“คุณพ่อ คุณแม่ ฉันสำนึกแล้วจริง ๆ นะคะ ฉันแตกหักกับพวกเขาไปแล้ว วันปีใหม่ก็จะไม่มีทางกลับไปด้วยค่ะ ได้โปรดยกโทษให้สักครั้งนะคะ แค่ครั้งเดียวก็พอค่ะ!” หล่อนวิงวอน
“เข้าไปข้างใน อย่ามาทำเรื่องขายหน้าตรงนี้!” เหล่าฉินเอ็ด
เมื่อได้ยินสามีว่าดังนั้น หล่อนก็ถือโอกาสรีบหนีเข้าไปด้านใน
คุณแม่ฉินจึงเอ่ยกับลูกชาย “แม่ผิดเอง ทุกอย่างเป็นความผิดแม่เอง ถ้าไม่เร่งให้แกแต่งงานเพราะอายุมากแล้ว ก็คงไม่เป็นอย่างนี้ แย่จริง ๆ เลย!”
เห็นนางพูดจารุนแรงเพียงนี้ แต่ความจริงแล้วนางแค่ขู่หล่อนเท่านั้น ไม่ได้ต้องการให้หย่ากับลูกชายตนจริง ๆ
แม้ว่าจะเอาแน่เอานอนกับจางเสวี่ยหลีไม่ได้ แต่สิ่งที่หล่อนพูดก็ไม่ผิด แม่เลี้ยงจะดีไปกว่าแม่แท้ ๆ ได้อย่างไร? เด็ก ๆ ทั้งสองคนต่างก็เป็นหลานชายของนาง ถ้าต้องมีแม่เลี้ยงก็คงจะทำให้พวกเขาเจ็บปวดไม่น้อย
นางจึงทำเพียงแค่ขู่ให้กลัว
หากแต่นางก็ไม่ต้องการให้หล่อนเอาเงินไปถลุงกับครอบครัวตัวเองถึงขนาดนี้!
“เรื่องมันผ่านไปแล้วครับ ถ้าเราบริหารร้านนี้ดี ๆ ต่อไปครอบครัวเราก็จะไม่ลำบาก แต่แม่ต้องจับตาดูหล่อนไว้นะครับ แข็งแกร่งเข้าไว้ ถ้าไม่อย่างนั้นหล่อนก็คงจะเป็นแบบวันนี้อีก ถึงเวลานั้นเราก็คงต้องยอมรับมัน” เหล่าฉินเอ่ย
พ่อของเขาไม่ได้สนใจเรื่องนี้ เป็นแม่ของเขาที่อารมณ์อ่อนไหวมากกว่า ต่อให้ก่อนหน้านี้จะมีท่าทางไม่พอใจขนาดไหนแต่ก็เงียบมาตลอด ที่เขาโกรธก็เพราะลูกชายทะเลาะกับภรรยาด้วยเรื่องเงินต่างหาก
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขาเข้าข้างใครระหว่างลูกชายกับลูกสะใภ้
“แม่รู้ ต่อไปแม่จะเป็นคนจับตาดูเอง จะไม่ให้คลาดสายตาเลย ถึงเวลานั้นก็อย่าหาว่าฉันเป็นแม่สามีใจร้ายก็แล้วกัน!” คุณแม่ฉินเอ่ย
“งั้นผมขอตัวไปดูร้านก่อนนะครับ” เหล่าฉินบอก
เขาไปเจรจากับเจ้าของที่โดยตรง และอีกฝ่ายก็เสนอราคาสูงถึง 3,500 หยวน!
หล่อนบอกว่าร้านของหล่อนพื้นที่กว้างขวาง ทำเลก็ดี ครบครันทุกอย่าง ให้ลดราคาคงไม่ได้
เหล่าฉินไม่ได้ตอบกลับอะไร สุดท้ายเขาถึงได้เจอร้านอื่นที่ทำเลดีกว่า อีกทั้งยังมีแดดส่องถึง แม้พื้นที่ด้านหลังจะเล็กไปหน่อยแต่ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ ถ้าอนาคตทำเงินได้มากก็ค่อยต่อเติมเพิ่มด้านหลัง ในตอนนี้จึงไม่มีอะไรที่เล็กเกินไป
ร้านนี้ราคาเพียง 2,700 หยวน เดิมทีเจ้าของเสนอมาถึง 3,000 หยวน แต่เขาก็ขอต่อจนได้ราคานี้มา
นับว่าเป็นราคาที่สมน้ำสมเนื้อแล้ว
ถึงอย่างไรร้านในเมืองที่ซูจิ้นตั๋งซื้อมาในราคา 2,500 หยวนเองก็ไม่ได้เล็กไปกว่านี้นัก อีกทั้งทำเลยังค่อนข้างดีอีกด้วย
แต่สุดท้ายทำเลในเมืองเล็กก็ยังไม่ดีเท่าในตัวอำเภออยู่ดี
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
รู้แล้วว่าเหล่าฉินได้ความเกรี้ยวกราดมาจากใคร อ่านบทพูดของคุณแม่ฉินแล้วมันแสบถึงทรวงจริง ๆ ค่ะ
ยินดีด้วยค่ะเหล่าฉินที่ได้หน้าร้านที่ดีกว่าและถูกกว่าเดิม
ไหหม่า(海馬)