ตอนที่ 139 การดูแลเอาใจใส่
เมื่อรู้ว่าเหล่าฉินมีเพียง 700 หยวนจาก 2,700 หยวน จี้เจี้ยนอวิ๋นก็ให้เขายืม 2,000 หยวนโดยไม่อิดออดทันที
เขาเอาเงินไปซื้อและจัดการย้ายร้านใหม่ ก่อนจะไปทวงค่าเช่ารายปีที่จ่ายไปก่อนหน้านี้จากเจ้าของที่เดิม แต่อีกฝ่ายกลับยืนกรานไม่คืนให้ เขาจึงโวยวายใหญ่โต โดยมีจางเสวี่ยหลีเป็นเรี่ยวแรงหลักคอยสนับสนุน
คุณป้าเจ้าของที่คนนี้เอาแต่ใจนัก เป็นเจ้าของที่ประสาอะไรกัน?
เพราะหล่อนซื้อร้านเป็นของตัวเอง ไม่ได้เช่าที่ของนางอีกต่อไปแล้ว จางเสวี่ยหลีจึงไม่มีอะไรต้องเกรงใจถึงได้กล้าโวยวายลั่นขนาดนี้
แม้ว่าสุดท้ายจะได้คืนมาครึ่งเดียว จางเสวี่ยหลีก็ไม่ได้นึกเจ็บใจอะไร เพราะได้ทำให้อีกฝ่ายขายหน้าแล้ว ทั้งด่าว่านางเป็นคนกลับกลอก พอเห็นว่ากิจการของหล่อนไปได้ดีก็คิดขึ้นค่าเช่า ต่อไปใครมาเช่าที่นางต่อก็นับว่าซวยมาก
คุณป้าเจ้าของที่โกรธมากเสียจนขู่ว่าจะไม่มีทางจบเรื่องแค่นี้แน่!
ในที่สุดทั้งสองก็ลงเอยด้วยการลากครอบครัวมาทะเลาะกัน ทั้งที่ไม่น่าเป็นเรื่องร้ายแรงขนาดนั้น
ซูตานหงกับจี้เจี้ยนอวิ๋นไม่รู้และไม่มีเวลามารับรู้เรื่องที่เกิดขึ้น
ตอนนี้งานที่สวนยุ่งมาก คุณแม่จี้ขุดแปลงปลูกสตรอเบอรี่กับแตงโมตั้งแต่ต้นฤดูใบไม้ผลิ ปุ๋ยก็มีเพียงพอให้ใช้โดยไม่ต้องกังวลอีก ไม่ใช่แค่สำหรับสวนผลไม้เท่านั้น แต่มีพอสำหรับที่ดินทั้งผืน
จี้เจี้ยนอวิ๋นเองก็ยุ่งกับการขึ้นเขาไปทำงานพร้อมคนงาน
วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว จนตอนนี้เหลือเพียงเกือบเดือนเท่านั้นซูตานหงก็จะท้องได้เก้าเดือนแล้ว แม้เธอจะคิดว่าไม่มีปัญหาอะไรแต่ก็ยังคอยระวังอยู่เสมอ อีกทั้งจี้เจี้ยนอวิ๋นยังไหว้วานให้คุณป้าหยางที่เป็นเพื่อนบ้านมาดูแลอยู่เรื่อย ๆ
นางเองก็ยินดีช่วยเต็มที่ นางกับคุณลุงหยางไม่ได้มีที่ในบ้านมากนัก แค่ปลูกพืชผักเล็กน้อยกินไปวัน ๆ ก็เพียงพอแล้ว ส่วนบรรดาลูกหลานนั้นปล่อยให้ใช้ชีวิตของตัวเอง ไม่จำเป็นต้องให้กลับมาเลี้ยงดูตน
ยิ่งไปกว่านั้นทั้งสองยังเอ็นดูซูตานหงกับจี้เจี้ยนอวิ๋น ด้านสองสามีภรรยาก็ดูแลผู้อาวุโสทั้งคู่เป็นอย่างดี เหมือนเป็นญาติผู้ใหญ่แท้ ๆ ของตน
ยังไม่ทันนำผลผลิตจากสวนไปขาย พวกเขาก็จะนำมาให้ผู้อาวุโสทั้งสองกินก่อน ถ้าจี้เจี้ยนอวิ๋นไม่เอามาให้เองก็จะฝากซูตานหงมาให้ ส่วนช่วงฤดูหนาวเธอกับเหรินเหรินก็จะไปนั่งเล่นที่บ้านของนางเป็นครั้งคราว และนำผลไม้กับผักสดที่ปลูกในบ้านมาให้เสมอ
จนสองผู้เฒ่าต่างรู้สึกว่าลูกชายลูกสาวในไส้ของตนช่างเปล่าประโยชน์ ไม่ดีเท่าจี้เจี้ยนอวิ๋นกับซูตานหง
พูดถึงความสัมพันธ์ของคุณลุงหยางกับจี้เจี้ยนอวิ๋นแล้ว ก็กล่าวได้ว่าคุณลุงหยางเคยเป็นคนช่วยชีวิตจี้เจี้ยนอวิ๋นไว้ เนื่องจากเมื่อก่อนจี้เจี้ยนอวิ๋นซนมากจนตกลงไปในน้ำช่วงฤดูหนาว จึงเป็นคุณลุงหยางนี่เองที่กระโดดลงไปช่วยเขา
จี้เจี้ยนอวิ๋นจดจำสิ่งนี้ไว้เสมอ
ตอนนี้ทั้งสองครอบครัวได้สนิทชิดเชื้อกันแล้ว ซึ่งเมื่อก่อนนี้คุณลุงกับคุณป้าหยางเคยเกรงใจจนปฏิเสธไม่รับของจากพวกเขา แต่ต่อมาก็ไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยเรื่องนี้อีก
เขามีน้ำใจให้มาก็แค่รับเอาไว้ ตอนนี้สวนของเจี้ยนอวิ๋นกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น อย่าไปคิดมากเรื่องนี้เลย ว่าไหมล่ะ?
ค่อยยื่นมือเข้าช่วยยามที่ทั้งสองต้องการความช่วยเหลือก็ได้
เมื่อจี้เจี้ยนอวิ๋นขอให้คุณป้าหยางช่วยดูแลภรรยา อีกฝ่ายถึงได้ตกปากรับคำและบอกให้เขาไปทำงานอย่างสบายใจได้
“เจี้ยนอวิ๋นนี่ขี้กังวลเกินไปแล้วนะคะ ยังเหลืออีกเกือบเดือนกว่าจะคลอดแท้ ๆ” ซูตานหงเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม
คุณป้าหยางบอก “เดือนหนึ่งมันแป๊บเดียวเอง แต่เธอก็อย่าเป็นห่วงไปเลยนะ ตานหง”
ซูตานหงพยักหน้ารับ “ถ้าปีนี้ผลผลิตเยอะคงต้องขอให้มาช่วยอีกนะคะ”
“ได้อยู่แล้วสิจ๊ะ” นางขานรับพลางส่งยิ้มให้
ตอนเก็บเกี่ยวปีที่แล้วนางก็ไปช่วยงาน แม้ว่าจะไม่ใช่งานใหญ่แต่เป็นงานเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างการทำอาหารเลี้ยงทุกคนก็ตาม
เดิมที่นางไม่ได้คิดจะทำงานเก็บเงิน แต่เมื่อเห็นคุณแม่จี้กับคุณแม่ซูทำก็คิดได้ว่าหากไม่เก็บเงินไว้บ้างคงจะแย่ ถึงได้ตกลงรับจ้าง
เจี้ยนอวิ๋นให้ค่าแรงนางพอ ๆ กับคนงานคนอื่น ซึ่งก็นับว่าเยอะมากแล้ว ทำให้คุณป้าหยางนึกพอใจ
หากปีนี้งานยุ่งนางก็ยินดีจะไปช่วย ไม่ใช่เพราะเรื่องเงินแต่ต้องการตอบแทนที่เจี้ยนอวิ๋นให้ผลไม้นางมาแบ่งกับหลานชายตั้งมากมายต่างหาก
ช่วงนี้จี้เจี้ยนอวิ๋นค่อนข้างเป็นกังวลเพราะภรรยาใกล้คลอด เดินเหินไปทำอะไรก็ไม่สะดวกนักเพราะท้องโตมากแล้ว
เมื่อเห็นว่างานบนเขาใกล้เสร็จแล้วจึงกลับลงมา
คุณป้าหยางถูกคอกับซูตานหงมาก เมื่อเห็นว่าเขากลับมาก็ถามขึ้น “เจี้ยนอวิ๋น ทำไมกลับมาแล้วล่ะ? ตานหงมีฉันดูแลอยู่ ไม่ต้องห่วงน่า”
“งานใกล้เสร็จแล้วเลยให้พวกเขาจัดการต่อน่ะครับ” เขาเอ่ยก่อนยิ้มให้
พักนี้ซูจิ้นจวินทำงานขยันขันแข็ง แน่นอนว่าเป็นเพราะจี้เจี้ยนอวิ๋นซ้อมมวยให้มาเกือบเดือนแล้ว
ทั้งมาทำงานตรงเวลาและบางครั้งก็อยู่ทำล่วงเวลาด้วย
ระหว่างทำงานก็ไม่เคยอู้แต่อย่างใด ด้วยรู้ว่าหากทำแบบนั้นจี้เจี้ยนอวิ๋นจะมีข้ออ้างมาทำให้เขาเจ็บตัวได้
เขาจึงเลือกไปทำงานดีกว่า
แน่นอนว่าหลังจากหาเรื่องทำงานให้ตัวเองยุ่ง อีกฝ่ายก็ไม่มาเล่นงานเขาอีก มีบางครั้งที่เจ้าตัวเอาซาลาเปาไส้เนื้อมาให้แล้วบอกให้เขาพักบ้างก็ได้
ซาลาเปาไส้เนื้อส่งกลิ่นหอมน่ากิน เขาจึงรับมากิน เขาไม่ได้เอาคำพูดของจี้เจี้ยนอวิ๋นมาใส่ใจนัก ดูเหมือนอีกฝ่ายอยากจะถามอะไรบางอย่าง
หากแต่เขาก็ไม่สนิทกับพี่ภรรยามากพอจะถาม
ช่วงนนี้คุณแม่จี้เอาแต่ชมซูจิ้นจวิน ถึงแม้เขาจะเคยนิสัยแย่แต่ตอนนี้ก็เปลี่ยนไปแล้วไม่ใช่เหรอ?
หลังผ่านช่วงเริ่มต้นมาได้ พี่ชายใหญ่ของตานหงก็ทำงานได้ดี พักหลังมานี้เขาไม่ได้อู้งานแม้แต่น้อย คุณแม่จี้เองก็คิดอยากผูกมิตรเอาไว้ ทุกวันที่ต้มไข่กินกับสามีจึงมักจะต้มอีกสองใบเผื่อเขาด้วย
แน่นอนว่านางเลือกมาแต่ใบที่ไม่ใช่ไข่แฝด เพราะไข่ส่วนนั้นเป็นส่วนที่ต้องเอาไปขาย
หากแต่การเอาใจใส่เช่นนี้ก็นับว่าดีมากแล้ว
หลังทำงานทุกวันมาได้สองสามเดือน เขาถึงดูมีชีวิตชีวาและมีเรี่ยวแรงกว่าแต่ก่อนมาก
คุณแม่ซูเองก็ย่อมรู้สึกได้ นางจึงแอบถาม
แม้เขาจะไม่อยากยอมรับแต่ก็ต้องบอกว่าปลาบปลื้มที่ได้รับการดูแลแบบนั้น
แม้เขาจะได้เงินเดือนถึง 30 หยวน คุณแม่จี้ก็ยังให้ไข่เขาวันละฟองสองฟอง อีกทั้งน้องเขยอย่างจี้เจี้ยนอวิ๋นยังเอาซาลาเปาไส้เนื้อมาฝากด้วย
เรียกได้ว่าเขาได้รับการดูแลเป็นอย่างดี
คนอื่น ๆ ก็สุภาพกับเขามากเพราะรู้ว่าเขาเป็นใคร แม้ว่าจะเหนื่อยไปบ้างแต่นอกจากนี้แล้วเขาก็พอใจกับทุกอย่าง
คุณแม่ซูถึงกับซาบซึ้งใจเมื่อได้ยินอย่างนั้น “ต้องขอบคุณพ่อแกที่ตายไปแล้วจริง ๆ เขามองออกแต่แรกว่าชายชาติทหารอย่างจี้เจี้ยนอวิ๋นเป็นคนดี เลยให้น้องสาวแกแต่งงานด้วย ถ้าเขามองลงมาจากบนฟ้าคงสบายใจได้แล้ว”
ตอนนั้นนางย่อมอยากหาคนดี ๆ มาแต่งกับลูกสาว แต่ก็ต้องการคนที่มีเงินมารักษาอาการป่วยของสามีด้วย
หากแต่คนเป็นพ่อก็รักลูกมาก จึงต้องการแค่ให้เธอได้แต่งงานกับคนดีก็พอ
เขาตายตาหลับหลังเห็นว่าลูกสาวแต่งออกไปแล้วโดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่านางเรียกค่าสินสอดมากแค่ไหน
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เมียเหล่าฉินดูท่าจะปรับปรุงตัวจริงๆ ค่ะ เป็นหัวเรือฉอดป้าเจ้าของที่เสียแล้ว
มีเพื่อนบ้านดีแบบคุณลุงคุณป้าหยางแล้วชีวิตดีจริงๆ
จิ้นจวินปรับปรุงตัวแล้วก็เป็นคนดีคนหนึ่งเลยนะคะเนี่ย กลัวโดนซ้อมใช่ไหมคะ
ไหหม่า(海馬)