ตอนที่ 157 ลุงเกา
จี้เจี้ยนอวิ๋นกับคุณพ่อจี้กลับมาถึงในตอนเย็น
จากครั้งที่ผ่านมา หากพวกเขาเข้าไปขายของในเมืองมหาวิทยาลัย อย่างช้าที่สุดก็กลับมาก่อนเที่ยง แต่เนื่องจากวันนี้มีธุระต้องจัดการ ทำให้กลับมาช้ากว่าปกติ
ถึงแม้จะกลับช้าแต่พวกเขาก็ยินดี
นับว่าเป็นโชคดีที่บังเอิญเจอคนรู้จัก ซึ่งเป็นเจ้าของร้านที่ไปซื้อในครั้งนี้
เขาเป็นลูกค้าประจำของจี้เจี้ยนอวิ๋นนั่นเอง ก่อนหน้านั้นจี้เจี้ยนอวิ๋นเห็นว่าเขามีเงินซื้อไข่และไก่สด แต่มีเงินไม่พอสำหรับซื้อน้ำผึ้ง จี้เจี้ยนอวิ๋นจึงแถมน้ำผึ้งที่เหลือให้ แม้จะไม่มากนัก แต่ก็ทำให้ชายชรารู้สึกว่าทหารปลดเกษียณคนนี้เป็นคนมีน้ำใจจริง ๆ
นอกจากนี้สินค้าของจี้เจี้ยนอวิ๋นนับว่ามีคุณภาพดีเยี่ยม ชายชราจึงมักจะมาซื้ออยู่เป็นประจำโดยไม่ต้องกล่าวเลย
ครั้งล่าสุดที่จี้เจี้ยนอวิ๋นเอาของมาขาย แต่เขามาไม่ทัน ชายชราจึงเสียใจอยู่นาน จากนั้นก็มานั่งรอแถวตลาดทุกวัน
วันนี้ขณะที่เขากำลังนั่งรอก็ถูกจี้เจี้ยนอวิ๋นสอบถามเรื่องซื้อร้านค้า อีกฝ่ายเป็นพ่อค้ารายใหญ่ หากปล่อยให้รอนานคงไม่ดีกระมัง? หากมีร้านประจำแล้ว จะได้ไม่ต้องวุ่นวายในการย้ายแผงลอย
ชายชรายิ้มออกมาเมื่อได้ยินดังนั้น “กำลังหาซื้อร้านค้าเหรอ? ไม่ใช่เรื่องยากเลย ถ้าพวกเธอขายของหมดแล้วฉันจะพาไปดู”
เมื่อจี้เจี้ยนอวิ๋นได้ยินว่ามีร้านเขาจึงรีบขายของทันที เพราะครั้งนี้มีธุระต้องจัดการต่อจึงไม่ได้นำของมาขายมากนัก จากนั้นไม่นานของก็ขายหมดเกลี้ยง ลูกค้าที่มาทีหลังไม่ทันซื้อของต่างโอดครวญที่เขาไม่เอาของมาขายให้มากขึ้น และยังถามอีกว่าครั้งต่อไปจะมาเมื่อไร?
จี้เจี้ยนอวิ๋นจึงบอกเรื่องที่เขากำลังจะไปหาซื้อร้านค้าในย่านเมืองมหาวิทยาลัย ครั้งหน้าให้ไปซื้อของที่ร้าน เขาจะเปิดขายทุกวัน
“พ่อหนุ่ม ซื้อที่ทางในเมืองมหาวิทยาลัยช่วงนี้ เงินพอรึเปล่าล่ะ ร้านค้าแถวนี้ราคาไม่ใช่ถูก ๆ เลยนะ” คุณป้าที่ถือสินค้าอยู่ในมือกล่าวอย่างจริงใจ
“ถ้าเงินไม่พอ ผมขอยืมของคุณป้าสักหน่อยได้ไหมครับ?” จี้เจี้ยนอวิ๋นยิ้มหยอกเย้า
“ไม่มีปัญหา เธอจะยืมป้าเท่าไหร่ก็ได้ แต่ถ้ายืมเงินป้าคิดดอกเบี้ยนะ ไม่ขออะไรมากหรอก แค่คราวหลังเวลาป้าไปซื้อของที่ร้าน เธอลดให้ป้า 20 เปอร์เซ็นต์ก็พอ” คุณป้ายิ้มอย่างอารมณ์ดี
จี้เจี้ยนอวิ๋นจึงหัวเราะออกมา “วันเปิดร้าน ผมจะลดราคาสินค้าทุกอย่าง 20 เปอร์เซ็นต์ คุณป้าต้องเตรียมเงินไว้เลยนะครับ ไม่อย่างนั้นอาจจะไม่ทัน”
“ถ้าอย่างนั้นคงต้องเตรียมตัวแล้วล่ะ ว่าแต่ร้านจะเปิดวันไหนล่ะ? แล้วร้านอยู่ที่ไหน?” คุณป้าเอ่ยถามขึ้น
“ผมยังไม่รู้เลยครับ ยังไงวันพรุ่งนี้ผมจะมาแจ้งให้ทราบตั้งแต่เช้าเลยนะครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นบอก
ทุกคนต่างเห็นดีเห็นงามด้วย
เมื่อจี้เจี้ยนอวิ๋นขายของเสร็จ เขาพาคุณพ่อจี้ขับรถไปรับลุงเกาเพื่อไปยังร้านค้าที่บอก แต่ลุงเกาโบกมือปฏิเสธ “ไม่เป็นไร ๆ พวกเธอขับรถไปกันเลย ร้านฉันอยู่ห่างไปแค่ไม่กี่ก้าว”
ลุงเกานำทางไปข้างหน้า ร้านของเขาอยู่ใกล้ตลาดจริงดังกล่าว ทางเดินเท้าหน้าร้านอยู่ในสภาพดี นับว่าเป็นทำเลที่ดีมาก หากแสงแดดส่องเข้ามา เพียงแค่ปิดที่กำบังก็พอ ไม่จำเป็นต้องปิดประตูร้าน
คุณพ่อจี้เอ่ยถามขึ้น “ร้านของคุณดีมากเลยครับ ร้านใหญ่ขนาดนี้ หากปล่อยเช่าคงทำเงินได้ไม่น้อย ทำไมถึงไม่ปล่อยเช่าเหรอครับ?”
“เงินแค่นั้นจะไปพออะไร ปล่อยให้เช่าไปก็ไม่คุ้มค่าหรอก ต้องทำอะไรอีกเยอะ เงินไม่กี่หยวนไม่ได้ก็ช่างมันเถอะ” ลุงเกาโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ
เงินไม่กี่หยวนดูเหมือนจะคุ้มค่าในสายตาคนทั่วไป แต่เขาไม่ได้ใส่ใจกับมันนัก อย่างน้อยก็ยังสบายใจว่าร้านยังอยู่ตรงนี้
“พวกเธอลองดูร้านนี้สิ ถ้าคิดว่าดีวันนี้ไปทำเรื่องโอนได้เลย แต่ถ้าไม่ชอบก็ไม่เป็นไร ฉันช่วยถามร้านอื่น ๆ ให้เจี้ยนอวิ๋นได้” ลุงเกาพูดด้วยรอยยิ้ม
จากนั้นเขาก็หยิบพวงกุญแจจำนวนมากออกมา และเลือกกุญแจหนึ่งในนั้นเพื่อเปิดประตูร้าน
ร้านนี้ไม่ได้เปิดใช้มานาน แม้สภาพจะยังดูดี แต่อย่าคาดหวังกับการตกแต่งภายใน
“ร้านนี้ซื้อมาเมื่อไม่กี่ปีก่อน ไม่ได้ใหญ่โตอะไร รวมพื้นที่สวนด้านหลังแล้วขนาด 160 ตารางเมตร”
“ลุงเกาจะขายเท่าไหร่ครับ?” จี้เจี้ยนอวิ๋นเอ่ยถามหลังจากเดินสำรวจดูรอบ ๆ เขาพอใจร้านนี้มาก
“ฉันเชื่อว่าเธอคงหาข้อมูลเกี่ยวกับร้านค้าในเมืองมหาวิทยาลัยก่อนจะมาที่นี่แล้ว ทำเลร้านฉันค่อนข้างดี เคยมีหลายคนมาขอเช่าแต่ฉันไม่เห็นด้วย เพราะต้องปรับปรุงอีกเยอะ ถ้าเธออยากได้ก็ไม่จำเป็นต้องทำหนังสือสัญญาอะไร ซื้อได้เลยในราคา 5,000 หยวน แต่เธอต้องสัญญาว่าต่อไปจะเก็บน้ำผึ้งไว้ให้ฉันในทุกฤดูกาล”
เมื่อคุณพ่อจี้รู้ราคาก็แทบจะสบถออกมา ตาเฒ่าคนนี้พูดออกมาได้อย่างง่ายดาย เงิน 5,000 หยวนเกือบจะซื้อบ้านได้ทั้งหลังเชียวนะ
“เจี้ยนอวิ๋น ลองคิดดูอีกทีไหม?” คุณพ่อจี้พูดขึ้น เขาไม่สามารถทนเห็นลูกชายตัวเองถูกขูดรีดขนาดนี้ได้ถูกไหมล่ะ?
“ราคา 5,000 หยวนที่ลุงเกาให้มานับว่ายุติธรรมและไม่แพงเลยครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นส่ายหัวและพูดด้วยรอยยิ้ม
ด้วยความที่เขามีบ้านอยู่สองที่ในเมืองมหาวิทยาลัย จึงพอจะรู้ราคาอสังหาริมทรัพย์มาบ้างเล็กน้อย
บ้านในเขตชุมชนที่ซื้อเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ตอนนี้ราคาดีดขึ้นสูงมาก ร้านนี้มีพื้นที่ 160 ตารางเมตร นับว่าใหญ่มากเช่นกัน เจ้าบ้านอาศัยอยู่บริเวณเรือนด้านหลังได้ ส่วนด้านหน้าก็แค่ตกแต่งให้สวยงาม เปิดเป็นร้านขายของได้อย่างไม่มีปัญหา
“5,000 หยวน แกมีเงินพอไหม?” คุณพ่อจี้เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด
เขาไม่เคยใช้เงินเยอะขนาดนี้มาก่อนในชีวิต
“พอครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นพยักหน้าและหันไปพูดกับลุงเกา “ลุงเกาครับ ผมจะเก็บน้ำผึ้งไว้ให้แน่นอน แต่ว่าอย่าบอกใครนะครับ”
“ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว” ลุงเกายิ้ม “เอาจริง ๆ นะพ่อหนุ่ม ถ้าเป็นคนอื่นฉันคงไม่ยอมขายให้ในราคา 5,000 หยวนหรอก เธอดูสิ ร้านอยู่ใกล้ตลาดมาก อีกอย่างตอนนี้มีการปฏิรูปแล้ว ในอนาคตก็จะยิ่งพัฒนาขึ้นอีก พ่อหนุ่ม ต่อไปเธอจะร่ำรวยอย่างแน่นอน”
“ลุงเกาปรึกษากับครอบแล้วใช่ไหมครับ เรื่องที่จะขายร้านนี้” จี้เจี้ยนอวิ๋นเอ่ยถามอีกครั้ง
“ไม่จำเป็นหรอก พวกเขามีงานทำเป็นของตัวเองกันหมดแล้ว แถมยังดูถูกร้านนี้ และขอให้ฉันขายทิ้งไปตั้งนานแล้วละ” ลุงเกาโบกมือ “เธอเตรียมหนังสือรับรองมาครบแล้วใช่ไหม? ถ้าเอามาหมดแล้วก็ไปที่บ้านกับฉัน ไปโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินกัน”
“ครับ!”
ดังนั้นการจัดการเรื่องร้านจึงแล้วเสร็จในตอนเที่ยง แต่จี้เจี้ยนอวิ๋นอยากได้คนมาตกแต่งร้านก่อน ลุงเกาจึงพาไปหาคนรู้จักที่คิดราคาไม่แพง จากนั้นจี้เจี้ยนอวิ๋นก็จ่ายเงินมัดจำและส่งมอบร้านให้พวกเขาเข้าไปทำการตกแต่ง
เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยเขากับคุณพ่อจี้จึงเดินทางกลับบ้าน
ระหว่างทาง คุณพ่อจี้เอ่ยถามขึ้น “ไม่ต้องไปดูพวกเขาที่นั่นเหรอ?”
“พ่อครับ ไม่ต้องกังวลหรอก นั่นเป็นคนที่ลุงเกาหามาให้ คนอย่างลุงเกา ไม่ทำอะไรให้ตัวเองเสียหน้าหรอกครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นกล่าว
อีกอย่างวันมะรืนเขาจะเข้าไปที่นั่นอีกครั้งเพื่อตรวจสอบดูความเรียบร้อย
ส่วนเรื่องหนังสือรับรองร้านค้า เขาสามารถจัดการทั้งหมดได้ที่นี่ จึงไม่มีอะไรต้องกังวล
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
มีลูกค้าประจำมันดีอย่างนี้นี่เอง แนะนำร้านให้เสร็จสรรพเลย นี่สินะความสำเร็จของการค้าขาย
ไหหม่า(海馬)