ตอนที่ 164 นัวเนียไม่หยุด
สินค้าอย่างไข่กับน้ำผึ้งนั้นสามารถเก็บไว้ได้นาน จึงเป็นธรรมดาที่ผู้คนจะแห่มาซื้อตุนกัน ยิ่งตอนนี้มีส่วนลดก็ยิ่งเป็นที่ต้องการมากขึ้น
ส่วนไก่และสตรอเบอรี่นั้นต้องมีตู้เย็นที่บ้านถึงจะซื้อตุนไว้ได้ ไม่อย่างนั้นก็ต้องซื้อแค่พอกินให้หมดภายใน 2 วัน
เดิมทีเขาตั้งใจจะล้มแกะสัก 2 ตัวแต่ก็ล้มเลิกความคิดไป ตอนนี้พวกมันกำลังอ้วนท้วนสมบูรณ์ จี้เจี้ยนอวิ๋นจึงยังไม่อยากทำ
ดังนั้นสินค้าในร้านจึงยังไม่ค่อยหลากหลาย ตอนนี้มีเพียง 4 อย่าง อย่างแรกคือน้ำผึ้ง แต่ก็มีอยู่ไม่มาก แม้ว่าจะลดราคาแต่ก็มีจำนวนจำกัด โดยหนึ่งคนซื้อได้แค่ 5 ขวด ซึ่งรวมแล้วได้ 1 ชั่งเท่านั้น
แม้ว่า 5 ขวดจะดูมาก แต่สำหรับคนที่ต้องการซื้อตุนก็ยังถือว่าน้อย บางคนถึงกับไปนัดแนะกันลับหลังกับคนที่ไม่ได้อยากซื้อน้ำผึ้งให้ช่วยซื้อ แล้วจะมอบไข่ไก่เป็นของตอบแทน
น้ำผึ้งถึงได้ขายหมดเกลี้ยงอย่างรวดเร็ว
ส่วนไข่ไก่ก็ขายดีเช่นกัน แม้จะขนมาเยอะแต่ก็ยังไม่เพียงพอกับความต้องการ
กำลังซื้อของลุงป้าน้าอาเหล่านี้ถือว่าสูงไม่น้อย
เนื้อไก่เองก็ค่อนข้างขายดี แต่เมื่อเทียบกับสองอย่างก่อนหน้านี้ก็ยังน้อยกว่ามาก
ส่วนสตรอเบอรี่ก็ขายดีไม่แพ้กัน
หลังผ่านมาทั้งวันซุนต้าซานกับเหอเจี่ยต่างก็ดูอ่อนแรง ทั้งคู่งานยุ่งทั้งวันจนแทบไม่มีเวลากินมื้อเที่ยงด้วยซ้ำ
การทำธุรกิจยิ่งขายดีเท่าไรก็ยิ่งเป็นที่รู้จัก แล้วคนก็จะมองว่าสินค้าคุณภาพดี ไม่อย่างนั้นจะขายดีได้อย่างไรกันล่ะ?
ในที่สุดคนก็จะตามมาซื้อที่ร้าน
ดังนั้นเมื่อคนอื่นเห็นลุงป้าน้าอาแห่มาซื้อกันก็จะตามมาซื้อด้วย อีกทั้งยังมีส่วนลดถึง 20 เปอร์เซ็นต์ให้ จี้เจี้ยนอวิ๋นไม่ได้มาดูร้านเฉย ๆ หากแต่ยังไปทักทายเจ้าของร้านข้าง ๆ ด้วย
ผู้คนแวะเวียนมาซื้ออย่างต่อเนื่องจนกระทั่งเย็น
เมื่อถึงเวลาปิดร้านของก็ขายออกไปเยอะมากแล้ว
จี้เจี้ยนอวิ๋นยังไม่กลับบ้านในทันที เพราะต้องการรู้ยอดขายเนื่องจากเป็นวันแรกที่เปิดร้าน
เขามานั่งนับเงินกับซุนต้าซานกับหงเจี่ย ก่อนที่ทั้งคู่จะอึ้งกับยอดขายวันนี้ “เยอะขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย?”
พวกเขาเคยทำงานกันมาก่อนก็จริง แต่ยอดขาย 400 กว่าหยวนในวันนี้ก็ยังทำให้ตกใจอยู่ดี
เป็นจำนวนเงินที่มากพอ ๆ กับที่พวกเขาช่วยกันหาได้ครึ่งปีเลยทีเดียว
จี้เจี้ยนอวิ๋นคาดเอาไว้แล้วว่าคงขายได้ประมาณนี้ เขาสั่งให้ลงบัญชีเอาไว้ และพาพวกเขาไปกินเกี๊ยว ก่อนขับรถกลับบ้านในช่วงดึก ๆ
เมื่อถึงบ้านเวลาก็ล่วงเลยมาจนถึง 3 ทุ่มแล้ว
“ดึกป่านนี้แล้ว ทำไมยังขับกลับมาอีกล่ะคะ? หาที่พักในเมืองแล้วค่อยกลับมาพรุ่งนี้ก็ได้นี่” ซูตานหงบิดผ้าพลางพูดกับเขา
เขารู้ว่าลูกชายทั้งสองคงหลับไปแล้วเพราะไม่ได้ยินเสียง
จี้เจี้ยนอวิ๋นส่งยิ้มก่อนบอก “ผมจะไม่รีบมาบอกข่าวดีได้ยังไงกันล่ะ?”
“วันนี้ขายได้เท่าไหร่ล่ะคะ?” เมื่อเห็นท่าทีของอีกฝ่าย ซูตานหงก็ถามกลับ
อันที่จริงเธอก็ไม่ได้สนใจเรื่องนี้มากนัก แต่ในเมื่อสามีอยากเล่าขนาดนี้ไม่ตามน้ำไปก็คงจะไม่ได้
“ตั้ง 430 หยวน!” จี้เจี้ยนอวิ๋นบอกเป็นตัวเลขกลม ๆ พร้อมยิ้มกว้างบนใบหน้า
“เยอะจังเลยค่ะ” ซูตานหงเอ่ยเพราะตัวเองก็อึ้งไปเล็กน้อยเช่นกัน
“ถ้าไม่ให้ส่วนลดก็คงจะได้เยอะกว่านี้อีกนะ แต่ถ้าไม่มีส่วนลดก็คงจะไม่ขายดีขนาดนี้เหมือนกัน” เขากล่าวพลางยกยิ้ม
“หิวหรือเปล่าคะ? ฉันไปทำบะหมี่มาให้ดีไหม?” เธอถาม
“ผมกินมาจากในเมืองแล้วครับ” เขาตอบขณะยื่นเงินให้เธอ
ซูตานหงรับเงินมาและบอกให้อีกฝ่ายไปอาบน้ำ
จี้เจี้ยนอวิ๋นไปอาบน้ำได้ไม่นานก็กลับเข้ามา
“เหลือของที่ร้านเท่าไหร่เหรอคะ?” ซูตานหงถามขึ้น
“เดี๋ยวว่าจะส่งไปอีกรอบตอนเที่ยงพรุ่งนี้น่ะครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นเอ่ยตอบ
การลดราคาวันนี้ทำให้ขายดีจนของขาดจำนวนมาก กว่าจะเอาของขึ้นรถไปเติมให้พอก็คงจะใช้เวลาไม่น้อย อีกทั้งพรุ่งนี้ร้านก็ไม่น่าจะขายดีเท่าวันนี้เพราะกลับไปขายราคาเดิมแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องรีบส่ง
“อย่างนั้นพรุ่งนี้คุณก็กลับดึกอีกน่ะสิ ช่วงนี้งานยุ่งเกินไปแล้วนะคะ” ซูตานหงตัดพ้อ
“โกรธเหรอครับ?” จี้เจี้ยนอวิ๋นมองหน้าเธอพร้อมส่งยิ้มเย้าแหย่
ซูตานหงมีท่าทีแง่งอน พวกเขาอยู่กินมานานขนาดนี้แล้ว ยังจะมีอารมณ์มาหยอกเล่นกันอีกเหรอ? ไม่อยากจะเชื่อเลย
จะว่าไปแล้วเธอเองก็พ้นช่วงอยู่ไฟมาเกือบ 50 วันแล้ว ส่วนฉีฉีก็อายุจะ 2 เดือนแล้ว สองสามีภรรยาไม่ได้นอนร่วมเตียงกันมาสักพัก อาจมีโอกาสให้แนบชิดกันบ้างแต่ก็ไม่ได้เลยเถิดไปมากกว่านั้น
ส่วนจี้เจี้ยนอวิ๋นก็ทั้งอดทนและใส่ใจสุขภาพของภรรยา
หากแต่ด้วยความคิดถึงเธอทำให้คืนนี้เขาไม่อาจอดใจไหวอีกต่อไป เขาไม่ได้มีโอกาสอย่างนี้มานานจึงไม่พลาดที่จะคว้าเอาไว้
เขาสวมถุงยางอนามัยที่หยิบติดมือมาจากโรงพยาบาลตอนที่คลอดฉีฉี นางพยาบาลกำชับไว้ว่าควรเว้นระยะห่างหลังคลอดไม่ให้น้อยเกินไป ภรรยาเขาเพิ่งจะคลอดฉีฉี หากตั้งท้องอีกร่างกายก็อาจจะรับไม่ไหว
เธอคือภรรยาที่จะอยู่กับเขาไปตลอดชีวิต จะให้เธอเสี่ยงอันตรายไม่ได้เด็ดขาด
สองสามีภรรยาคืนดีกันได้ในที่สุด เมื่อเห็นเธอมีความสุข เขาก็เอาใจเธออีกครั้งอย่างไม่รอช้า
วันถัดมาจี้เจี้ยนอวิ๋นตื่นออกไปข้างนอกกับลูกชายทั้งสองคนแต่เช้า ส่วนซูตานหงที่บอกว่าอยากให้สามีพักอีกสักหน่อยกลับยังหลับเป็นตายอยู่บนเตียง
“พ่อครับ แม่ยังไม่ตื่นเหรอ?” เหรินเหรินถามตาปริบ ๆ
“อืม เราไปหาคุณย่าที่สวนกันเถอะ ลูกอยากไปเล่นกับพี่ ๆ ไหมล่ะ?” จี้เจี้ยนอวิ๋นเลี่ยงตอบคำถามลูกชาย
“ดีครับ!” เหรินเหรินพยักหน้ารับแรง ๆ
เขาไปส่งลูกคนโตที่สวนหลังกินมื้อเช้าเสร็จ ส่วนฉีฉียังเด็กอยู่จึงต้องอยู่กินนมแม่
ซูตานหงให้นมลูกทั้งที่ยังปวดเอวอยู่ พลางมองค้อนใส่เจ้าหมาป่าที่ขย้ำเนื้อไม่หยุดเมื่อคืน
“หิวน้ำเหรอครับ คุณภรรยา เดี๋ยวผมรินให้นะ” จี้เจี้ยนอวิ๋นกลับมีท่าทีพึงพอใจเสียอย่างนั้น
เมื่อคืนเขาห้ามตัวเองไม่อยู่เพราะอดทนมานาน ฝ่ายภรรยาก็ดูพอใจกับมันไม่น้อย เพียงแต่ร่างกายเธอรองรับเขาไม่ไหวเท่านั้นเอง
ซูตานหงเหวี่ยงใส่ทันที “ฉันยังไม่ได้แปรงฟันเลยค่ะ”
เธอจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าใครเช็ดตัวให้เมื่อคืน แต่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคงไม่พ้นสามีเอาแต่ใจของตน
หลังให้นมฉีฉีเสร็จเธอก็เกือบผล็อยหลับไปจึงลุกขึ้นมาอาบน้ำ โดยมีสายตาหยอกล้อของสามีจับจ้องอยู่ จนถึงช่วงมื้อเช้าเขาก็ยังจ้องไม่เลิก เธอทนไม่ไหวถึงได้ออกปากไล่อีกฝ่ายให้ออกไปสวนสักที
เมื่อเหลือเพียงเธอกับลูกชายคนเล็กก็รู้สึกคลายอึดอัดขึ้นมาบ้าง
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
พี่จี้ได้กำไรทุกทางเลยค่ะ ของก็ขายดี แถมกลับไปก็ได้กินภรรยาจนอิ่ม
ไหหม่า(海馬)