ตอนที่ 168 ยังน่ารังเกียจไม่เปลี่ยน
จี้เจี้ยนอวิ๋นพาจี้เจี้ยนเยี่ยไปส่งของที่เมืองมหาวิทยาลัยได้หลายวันแล้ว
เพราะเส้นทางส่งของนั้นจดจำได้ง่าย จี้เจี้ยนเยี่ยจึงเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว
นอกจากจะพาไปส่งของที่ร้าน จี้เจี้ยนอวิ๋นยังพาเขาไปสำรวจสินค้าของร้านอื่น ๆ ว่าร้านไหนคุณภาพดีกว่าและร้านไหนขายถูกกว่า
ช่วงนี้พวกเขาจึงยุ่งตลอดทั้งวัน
จี้เจี้ยนอวิ๋นกลับมาถึงบ้านด้วยสภาพเหนื่อยล้า ซูตานหงจึงบอกให้เขาไปอาบน้ำก่อนจะเตรียมอาหารไว้ให้ หลังกินเสร็จเขาก็เอาบัญชีมาตรวจสอบ ตอนนั้นเองที่เธอปรึกษาเขาเรื่องคุณป้าหลี่ถัง
“ไม่ต้องห่วงหรอกครับ เดี๋ยวคุณลุงก็คงจะจัดการเอง” เขาบอก
ซูตานหงชะงัก “จะไม่จัดการอะไรหน่อยเหรอคะ?”
จี้เจี้ยนอวิ๋นยิ้ม “ญาติ ๆ ในหมู่บ้านกันทั้งนั้น ถึงท่านจะทำผิดแต่ก็ให้โอกาสแก้ตัวหน่อยเถอะ ถ้าคุณลุงไม่จัดการเราค่อยลงมือก็ยังไม่สาย”
ซูตานหงครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วก็เห็นด้วยกับเขาจึงเอ่ย “งั้นก็ลองดูกันไปก่อนแล้วกันค่ะ”
เขาพยักหน้ารับก่อนจะทำบัญชีต่อ
ตอนนี้เขาตกลงกับหงเจี่ยเรื่องเปิดห้างเรียบร้อยแล้ว
เขาจะลงทุน 2,000 หยวนและถือหุ้น 50 เปอร์เซ็นต์ เดิมทีตั้งใจว่าจะขอเพียง 20 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น แต่หงเจี่ยไม่เห็นด้วย บอกว่าถ้าไม่ตกลงที่ 50 เปอร์เซ็นต์ก็ไม่ต้องมาทำธุรกิจร่วมกัน
แม้จะเป็นการร่วมมือกันระยะยาว แต่ก็หุ้นกันแค่ในส่วนของตัวห้างเท่านั้น ส่วนที่ดินนั้นเป็นของหงเจี่ย เขากับซูตานหงจึงไม่ต้องการไปก้าวก่าย
อีกทั้งหงเจี่ยยังตั้งใจยกห้างนี้ให้เขาดูแลจึงไม่ควรให้เขาถือหุ้นน้อยกว่า การถือหุ้นกันครึ่งต่อครึ่งถึงจะเป็นการดีที่สุดสำหรับทั้งสองฝ่าย
ต่อไปเขาจะได้มีอำนาจจัดการเรื่องต่าง ๆ ได้
เขาตกลงตามที่หล่อนต้องการ ด้วยหากยังไม่ยอมรับข้อเสนออีกก็คงดูไม่ดีนัก
ห้างนี้จึงตกอยู่ในความดูแลของเขา
สวนบนภูเขาก็จัดการได้ลงตัวเรียบร้อยแล้ว ส่วนเล้าไก่และหมูในสวนอีกที่ก็จ้างคุณลุงจี้คอยดูแลให้อยู่
คุณลุงจี้จะมีหน้าที่คอยคุมหวังต้ากังและคนอื่น ๆ ดูแลเรื่องพวกนี้ให้
แล้วคุณลุงจี้ก็มาหาเขาในวันถัดมาอย่างที่คาดเอาไว้
จี้เจี้ยนอวิ๋นยิ้มก่อนบอก “ถ้าป้าหลี่ถังอยากจะซื้อสวนคืนไปก็ได้นะครับ แต่คงต้องรวมค่าแรงงานกับค่าเมล็ดพันธุ์ด้วย”
“ไม่ได้หรอก อย่าไปฟังคำพูดไร้สาระเลย หล่อนก็แค่ยังไม่ได้สติเท่านั้นแหละ” คุณลุงจี้รีบเอ่ย
แม้ว่าตอนนี้สวนของหลานจะดูไปได้ดีแต่เขาก็ไม่คิดจะทวงคืนแน่นอน ทำไมน่ะเหรอ? ถ้าคนเป็นลุงอย่างเขากล้าทำอย่างนั้น ต่อไปจะกล้าสู้หน้าชาวบ้านได้อย่างไรกันล่ะ?
หลานชายอุตส่าห์ยอมตกลงซื้อสวนไปดูแลต่ออย่างไม่อิดออดตอนที่ขอให้ช่วยทั้งที
นอกจากนี้ยังจ่ายเงินชดเชยที่เขาลงทุนไปก่อนหน้านี้ให้อีกด้วย เท่านี้ยังซาบซึ้งไม่พออีกเหรอ?
ต่อมายังให้โอกาสเขาทำงานเป็นคนงานประจำโดยที่ไม่ต้องทำงานหนักมากนักอีก
หลานคนนี้ช่างมีน้ำใจกับเขาเหลือเกิน!
หากเขายังคิดร้ายกับอีกฝ่ายได้อยู่ก็น่าละอายเต็มที ชาวบ้านจะเห็นเขาเป็นคนอย่างไรกันล่ะ?
จี้เจี้ยนอวิ๋นบอกด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม “ช่วงนี้ผมเองก็ยุ่ง ๆ ลุงช่วยไปดูลูกหมูแล้วก็เลือกพันธุ์ดี ๆ มาเลี้ยงให้ทีนะครับ ส่วนเงินก็ไปเอาที่พ่อได้เลย”
“ไม่ต้องห่วง ลุงจะเลือกมาอย่างดีเลยล่ะ” คุณลุงจี้พยักหน้ารับ
จี้เจี้ยนอวิ๋นกลับไปทำงานที่ค้างอยู่ เขาไปตรวจตราสวนและแวะดูที่ดินที่คิดว่าจะซื้อเอาไว้ โดยตั้งใจว่าหากไม่ใช้ทำอย่างอื่นก็คงเก็บไว้ปลูกพืชผล
แน่นอนว่าเขาเองก็ต้องการเก็บเกี่ยวผลผลิตที่ปลูกในหมู่บ้านไปขายในเมืองมหาวิทยาลัยด้วย
ช่วงหลายวันมานี้เขาพาพี่รองไปตระเวนสำรวจสินค้าแล้ว จึงได้เห็นว่าห้างที่ใคร ๆ เรียกกันนั้นเป็นอย่างไร เทียบกันแล้วของในร้านเขายังถือว่าไม่หลากหลายนัก
ร้านเขามีสินค้ากี่อย่างเองล่ะ? เพราะเป็นหน้าผลไม้ช่วงสองวันที่ผ่านมาจึงมีสตรอเบอรี่กับแตงโม ต่อไปก็คงจะมีมากขึ้น แต่พอหมดหน้าผลไม้ก็คงไม่มีอะไรมาขายอีก
ลำพังแค่ไก่ ไข่ กับน้ำผึ้งคงมีจำนวนไม่มาก ความต้องการซื้อก็สูงผิดกับจำนวนของที่แทบมีไม่พอขาย
ส่วนเนื้อแกะก็มีน้อยเช่นกัน แม้ในสวนจะมีมากกว่า 20 ตัว แต่ว่ากันตามจริงแล้วก็ยังถือว่าไม่มาก
เขาจึงต้องการนำสินค้าอย่างอื่นมาขายเพิ่ม เพราะถึงอย่างไรกิจการก็ดูท่าจะไปได้สวยอยู่แล้ว
อีกทั้งยังมีชายฉกรรจ์อีกมากในหมู่บ้านที่อยากมาทำงานด้วย คิดได้ดังนั้นเขาก็เริ่มวางแผนเอาไว้ในใจ
หากแต่ช่วงนี้เขายุ่งมาก จึงต้องพักเรื่องนี้ไว้ชั่วคราวก่อน
จี้เจี้ยนอวิ๋นฝากเงิน 50 หยวนไว้ที่พ่อและบอกให้รอลุงมาพาไปดูพันธุ์หมูด้วยกัน
ช่วงนี้ลูกหมูไม่แพงมาก ตกตัวละ 2 หรือ 3 หยวนเท่านั้น หากซื้อจำนวนมากก็จะยิ่งถูกลงอีก มีเงินแค่ 50 หยวนก็สามารถซื้อได้ถึง 20 ตัว
“20 ตัวไม่น้อยไปหน่อยเหรอ? ต่อไปอาจเกิดเหตุที่ทำให้ล้มตายก็ได้นะ” คุณพ่อจี้ท้วง
“ไม่หรอกครับ สวนเราฮวงจุ้ยดีมาก ไม่มีอะไรที่เลี้ยงไม่ได้หรอกครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นบอกอย่างมั่นใจ
อย่าว่าแต่หมูเลย ไม่ว่าจะแกะหรือยิ่งเป็นไก่ก็เลี้ยงได้ดีทั้งนั้น
หลังเลี้ยงไก่มานาน จำนวนไก่ที่ล้มตายไปนั้นน้อยจนนับนิ้วได้ ไม่แปลกที่คุณแม่จี้จะเชื่อว่ามีเซียนจิ้งจอกคอยช่วยเหลือครอบครัวอยู่
จี้เจี้ยนอวิ๋นถึงได้มั่นใจว่าจะประสบความสำเร็จในการทำฟาร์มหมูขนาดนี้
“ก็จริงของแก” คุณพ่อจี้คลายกังวลลงเมื่อได้ยินคำลูกชาย จึงทำเพียงคอยช่วยและไม่ได้ทักท้วงอะไรอีก
จี้เจี้ยนอวิ๋นแวะมาที่สวนสตรอเบอรี่ที่ตอนนี้ใกล้เก็บเกี่ยวเสร็จแล้ว ส่วนแตงโมก็จะส่งขายตามกันไป แม้จะยังมีบางส่วนเหลืออยู่บ้าง
“แม่ครับ ลูกค้าในเมืองชมว่าสตรอเบอรี่ที่แม่ปลูกหวานอร่อยกันใหญ่ ของไปส่งทีไรก็รีบมาซื้อตลอดเลยครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นมองหน้าคุณแม่จี้พลางส่งยิ้มให้
“อย่ามาหยอกแม่หน่อยเลย ไม่งั้นแม่จะโกรธแล้วนะ” นางยิ้มตอบลูกชาย
“ผมจะหยอกแม่ทำไมล่ะครับ ช่วงนี้มันขายดีจริง ๆ นะ แม่ก็ได้ส่วนแบ่งตั้งเยอะไม่ใช่เหรอครับ?” จี้เจี้ยนอวิ๋นยิ้ม
ภรรยาเป็นคนแบ่งเงินให้แม่ของเขา แม้เขาจะไม่ได้ไปก้าวก่ายแต่ก็พอรู้ว่านางควรจะได้เท่าไร
“เยอะขนาดไหนเหรอ ก็ประมาณ 300 หยวนมั้ง” ท่าทางยินดีของคุณแม่จี้ปรากฎชัดเจนผ่านคำพูดและรอยยิ้ม
“รวมกับแตงโมอย่างน้อยก็น่าจะถึง 500 หยวนแล้วครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นพูด
“ก็น่าจะอย่างนั้นนะ” นางพยักหน้าก่อนเอ่ยขึ้นอย่างอารมณ์ดี “ว่าแต่แกรู้เรื่องป้าสะใภ้หรือเปล่า? บอกมาตามตรงเลยนะ”
“รู้ครับ เดี๋ยวคุณลุงจะจัดการเรื่องนี้เอง”
“ถ้าไม่ใช่ลุงแกใครจะทนกับหล่อนได้บ้างล่ะเนี่ย? ตอนแรกก็คิดว่าจะนิสัยดีขึ้นบ้าง แต่แก่จนป่านนี้ก็ยังเหมือนเดิม คิดไม่ถึงเลยว่าจะน่ารังเกียจขนาดนี้!” คุณแม่จี้ว่าขึ้นอย่างหัวเสีย
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
กิจการของบ้านนี้เริ่มขยายตัวแล้ว อีกหน่อยที่สวนคงจะมีสินค้าหลากหลายจนนับไม่หวาดไม่ไหวแน่ เอาให้คุณป้าหลี่นั่นอกแตกตายไปเลย
ไหหม่า(海馬)