ตอนที่ 17 แสดงทักษะทางนรีเวช
หลังจากกลับถึงบ้าน ซูตานหงก็ได้แบ่งเนื้อวัวกับเนื้อแกะบางส่วนแล้วนำไปที่บ้านของแม่จี้ ส่วนที่เหลือก็นำไปแช่แข็ง
จะว่าไปแล้วเธอก็ไม่ได้กินเนื้อมากนัก โดยทั่วไปแล้วเธอมักจะต้มน้ำแกงและมอบทั้งเนื้อและกระดูกให้กับเสี่ยวเฮย
สุนัขดำตัวน้อยกินอย่างมูมมามดุเดือดราวกับลูกวัวตัวน้อย
อาจเป็นเพราะมันกินน้ำพุวิเศษจำนวนมาก สุนัขตัวนี้จึงมีจิตวิญญาณเหนือสุนัขทั่วไป โดยเฉพาะในเวลากลางคืนเมื่อซูตานหงไม่ได้ล่ามมันไว้ มันก็จะตระเวนไปทั่วทุกมุมของลานบ้านและส่งเสียงเห่าเตือนหากมีอะไรขยับไหวแม้ลมพัดกระทบยอดหญ้าเพียงเบา ๆ
ซูตานหงจึงนอนหลับสบายทุกคืน
เมื่อซูตานหงพบคุณแม่จี้ หญิงสูงวัยก็เอ่ยขึ้น “เธอเลี้ยงสุนัขตัวนี้ยังไงเนี่ย? เลี้ยงดีกว่าคนอีก”
อย่าว่าแต่สุนัขเลย มีใครคนไหนในหมู่บ้านที่ได้กินเนื้อทุกวันเหมือนมันอีก?
เสี่ยวเฮยเป็นสุนัขที่ได้กินทั้งเนื้อและปลา ขนของมันจึงดำเป็นเงางามและมีดวงตาเป็นประกาย อีกทั้งยังดุดันแข็งแกร่ง หากไปดูสุนัขตัวอื่น ๆ ในหมู่บ้านมาเทียบกับมันแล้วก็จะพบถึงความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด
ไม่มีที่ไหนเลี้ยงดีกว่าที่บ้านสามอีกแล้ว
ซูตานหงแบ่งเนื้อมา 2-3 ชั่งแล้วก็เดินทางไปที่บ้านตระกูลซู
“ทำไมแกถึงเอาเนื้อมาให้อีกล่ะ เกิดแม่สามีแกรู้เข้าทีหลังไม่ตีแกตายเหรอ?” แม้ลูกสาวจะมีความสุขที่นำเนื้อมาให้คุณแม่ซู แต่คุณแม่ซูก็ยังรักและเป็นห่วงลูกสาวมากจึงได้พูดแบบนี้
“แม่คะ หนูจะขอไข่สัก 2-3 ชั่ง แม่มีอีกไหมคะ?” ซูตานหงถาม
“ได้สิ ตอนนี้ไก่ยังไม่ออกไข่ แต่เก็บของคราวที่แล้วไว้เยอะอยู่ แกเอาไป 5 ชั่งก็แล้วกัน” คุณแม่ซูพูด
ซูตานหงพยักหน้า จากนั้นสะใภ้ใหญ่บ้านซูก็มาหาเพื่อจะบอกอะไรบางอย่าง
“น้องสาวกลับมาแล้วเหรอ?” เมื่อเห็นคุณแม่ซูกำลังสับเนื้อ พี่สะใภ้ใหญ่ซูจึงรู้ว่าซูตานหงกลับมาที่บ้านเพื่อเอาของมาบำรุงคนในครอบครัวทางแม่ ต่อให้หล่อนจะนึกเดียดฉันท์ซูตานหงอยู่ในใจ แต่ภายนอกกลับระบายยิ้มเต็มใบหน้า
“พี่สะใภ้ใหญ่” ซูตานหงเหลือบมองหล่อน
“น้องสาว เธอต้องบอกพี่หน่อยแล้วนะ ว่าสองเดือนที่ผ่านมานี้เธอไปทำอะไรมาถึงได้เปลี่ยนไปขนาดนี้? ผิวพรรณของเธอดีกว่าสาวในเมืองเสียอีก” พี่สะใภ้ใหญ่ซูมองเธออย่างใคร่รู้
“เธอจะอยากรู้ไปทำไม ตานหงก็แค่ทาครีมหอยตลับทุกวันน่ะสิ ของแบบนี้เธอมีปัญญาซื้อมาใช้เหรอ?” คุณแม่ซูพูดด้วยน้ำเสียงติดรำคาญ
“แหะ ๆ นั่นก็ถูกนะคะ คุณแม่ไปพักผ่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวฉันช่วยสับเนื้อเอง” ใบหน้าของพี่สะใภ้ใหญ่ซูแข็งค้างไปเล็กน้อยก่อนจะคลี่ยิ้มในทันที
คุณแม่ซูเหลือบมองสะใภ้คนโต “เธอจะสับเนื้อก็ได้ แต่ถ้าเธอกล้าซ่อนเนื้อฉันจะตีเธอแน่!”
“คุณแม่ไม่ต้องกังวลนะคะ ฉันไม่เหมือนสะใภ้รองหรอกค่ะ คุณแม่ไม่เชื่อใจฉันเหรอคะ?” พี่สะใภ้ใหญ่ซูบอก
ซูตานหงขมวดคิ้วแต่ไม่ได้พูดอะไร
เธอเดินตามคุณแม่ซูออกไปแล้วจึงค่อยถาม “แม่คะ พี่สะใภ้รองอยู่ที่ไหนเหรอคะ?”
“ฉันให้สะใภ้รองขนกระสอบข้าวไปสีที่บ้านของหัวหน้าหมู่บ้านแล้วน่ะ” คุณแม่ซูพูด
ซูตานหงเริ่มคุยกับคุณแม่ซู และแม่ซูก็เอ่ยขึ้น “จี้เจี้ยนอวิ๋นกลับมาในปีนี้ไม่ได้ใช่ไหม?”
เขาเพิ่งจะกลับมาไม่นานนี้ จะกลับมาอีกในวันปีใหม่ก็คงจะไม่ได้
“เจี้ยนอวิ๋นเขียนจดหมายบอกว่าจะกลับมาแล้วค่ะ” ซูตานหงยิ้ม
คุณแม่ซูถอนหายใจและพูดว่า “อย่าโทษแม่เลย ตอนแรกพ่อของแกกำลังต้องการเงินจำนวนมากเพื่อรักษาตัวอย่างเร่งด่วน แม้ว่าสุดท้ายจะรักษาไม่ได้ แม่ก็ช่วยอะไรเขาไม่ได้แล้วเหมือนกัน”
คุณแม่ซูไม่พอใจกับการแต่งงานนี้จริง ๆ จี้เจี้ยนอวิ๋นให้เงินทุกเดือน แต่ในปีหนึ่งเขาจะได้กลับบ้านสักกี่ครั้ง?
ทุกครั้งที่ได้กลับก็ต้องรีบจากไปอย่างเร่งรีบ ลูกสาวของนางจะอยู่บ้านคนเดียวได้อย่างไร?
แต่ในเวลานั้นไม่มีทางอื่นอีกแล้ว เพราะครอบครัวของผู้เฒ่าจี้ได้ให้ค่าสินสอดก้อนโตเช่นนี้มา…
“อย่าพูดถึงเรื่องในอดีตเลยค่ะแม่ ตอนนี้หนูมีชีวิตที่ดีมาก” ซูตานหงกล่าว
ไม่ต้องบอกคุณแม่ซูก็รู้ว่าซูตานหงมีความสุขมากขึ้น เห็นได้จากใบหน้าของเธอในช่วงนี้ที่ดูสดชื่นมีน้ำมีนวลมากกว่าแต่ก่อนแล้วคนเป็นแม่อย่างนางก็ไม่มีอะไรจะพูด นางจึงเดินไปหยิบครีมเกล็ดหิมะและครีมหอยตลับที่ซูตานหงให้ไว้เมื่อครั้งก่อนมายัดใส่มือของเธอ “แกนำครีมพวกนี้กลับไปใช้ต่อเถอะ จี้เจี้ยนอวิ๋นต้องชอบรูปร่างหน้าตาของแกแน่ถ้าเขากลับมา”
หากเป็นลูกสะใภ้คนอื่นทำตัวให้สวยแบบนี้ คุณแม่ซูก็จะหาว่าพวกหล่อนทำตัวเป็นนางจิ้งจอก แต่เมื่อเป็นลูกสาวของนางเอง นางกลับรู้สึกภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง ลูกสาวของนางช่างสวยเหมือนนางเหลือเกิน ซึ่งสมัยนางยังสาว ๆ ก็นับว่าเป็นดอกไม้ประจำหมู่บ้านคนหนึ่ง
“แม่ทำไมถึงไม่ใช้พวกมันล่ะคะ” ซูตานหงอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น “หนูซื้อมาให้แม่ใช้ แม่จะเก็บไว้ทำไมคะ ถ้าแม่ใช้หมดแล้วหนูก็จะซื้อมาให้แม่อีก”
“ฉันอายุมากแล้วทำไมถึงต้องใช้มันด้วย” คุณแม่ซูตอบ
“ที่บ้านหนูมีอีกเยอะ แม่สามีของหนูก็ใช้เหมือนกัน คราวหลังแม่อย่ามาว่าหนูนะคะถ้าไปเจอกับแม่สามีแล้วหน้าแม่ดูแก่กว่าหล่อน” ซูตานหงพูด
“หล่อนกล้ารับครีมของแกมาทาเหรอ” คุณแม่ซูถาม หญิงชราคนนั้นช่างหน้าหนานัก กล้ารับของหายากแบบนี้มาทาหน้าด้วย!
“หนูมอบให้แม่สามีใช้เองล่ะค่ะ” ซูตานหงกล่าว “แม่เก็บไว้ใช้เถอะนะคะ”
“ได้ งั้นแม่จะเก็บไว้ใช้” คุณแม่ซูพยักหน้าและยอมรับมัน
นางรู้สึกอยากใช้มันขึ้นมา เพื่อจะได้ไม่ต้องเห็นว่าตนเองแก่กว่าคุณแม่จี้มากเกินไปทั้งที่นางอ่อนอายุกว่าไม่กี่เดือนเท่านั้น!
ขณะที่พูดคุยกันอยู่นั้น สะใภ้รองบ้านซูก็กลับมาจากข้างนอกพอดี
คุณแม่ซูรีบลุกไปตรวจสอบทันทีว่าหล่อนแอบยักยอกข้าวให้ครอบครัวทางแม่ตัวเองหรือไม่
“พี่สะใภ้รอง” ซูตานหงร้องเรียก
พี่สะใภ้รองซูมองไปที่คุณแม่ซูและมองมายังซูตานหง
ซูตานหงจึงตามหล่อนเข้าไปในห้อง
“พี่สะใภ้รอง พี่ชายรองกลับมาหรือยังคะ” ซูตานหงถามอย่างใคร่รู้
พี่สะใภ้รองซูพยักหน้า “เขากลับมาสองครั้ง แต่ละครั้งอยู่ได้สองวันแล้วก็ออกไปอีก ช่วงปีใหม่นี้งานเยอะมาก ในอีกไม่กี่วันเขาก็คงจะได้กลับแล้วจ้ะ”
ซูตานหงมองใบหน้าพี่สะใภ้รองของเธอและรู้สึกว่าช่วงนี้ผิวของสะใภ้รองซูเริ่มดูอมชมพูมีเลือดฝาดเล็กน้อย เธอจึงถามหล่อน “พี่กินยาที่ฉันสั่งให้หรือยังคะ?”
“กินแล้วจ้ะ” พี่สะใภ้รองซูพยักหน้าทันที “น้องสาว ยาที่เธอเอามาให้มันดีมากเลยนะ เธอไปหาหมอที่ไหนเหรอจ๊ะ?”
“ฉันไม่ได้ไปหาหมอที่ไหนหรอกค่ะ พอดีฉันมีความรู้เรื่องการแพทย์อยู่บ้าง และเคยเรียนเกี่ยวกับตำรายามานิดหน่อย” ซูตานหงพูดตามปกติ “พี่ยื่นมือออกมาสิคะ ฉันจะจับชีพจรให้”
ซูตานหงเรียนรู้วิชาแพทย์มาบ้างในชาติที่แล้ว แม้จะไม่ได้เรียนรู้วิชาแพทย์จนถึงระดับสูง แต่ก็พอเรียนรู้ศาสตร์บางอย่างมาบ้าง โดยเฉพาะความรู้ในด้านสูตินรีเวช มารดาของเธอถึงกับเชิญแพทย์หญิงคนหนึ่งมาสอนเธอเป็นพิเศษถึงในจวน เพื่อให้เธอมีทักษะการแพทย์พื้นฐานที่สามารถนำไปใช้ได้ด้วยตัวเอง
พี่สะใภ้รองซูส่งมือให้เธอ “น้องสาว เธอน่าทึ่งมาก”
ซูตานหงจับชีพจรของหล่อน จากนั้นก็พยักหน้า “ร่างกายของพี่ค่อนข้างปกติดีอยู่นะคะ”
จากนั้นเธอก็หยิบห่อเนื้อแดดเดียวขนาดไม่น้อยออกมาให้หล่อน “พี่กินเนื้อแดดเดียวครึ่งชั่งนี่นะคะ ฉันจะไปจัดยามาให้พี่ กินวันละนิดแล้วมันจะช่วยฟื้นฟูร่างกายได้อย่างมหาศาลเลยค่ะ”
“ขอบคุณมากนะน้องสาว” สะใภ้รองซูรับห่อเนื้อแดดเดียวและเอ่ยอย่างซาบซึ้งใจ
“พี่ชายรองของฉันรักฉัน เขาไม่เคยดูแลฉันน้อยลงเลย ดังนั้นพี่สะใภ้รองอย่าเกรงใจฉันเลยค่ะ” ซูตานหงกล่าว
หลังคุยกันได้สักพัก ซูตานหงก็ออกมาและขอไข่ 5 ชั่งจากคุณแม่ซู เมื่อสะใภ้ใหญ่ซูเห็น หล่อนก็ยิ้มฝืด “พี่คิดว่าน้องสาวจะเอาเนื้อกลับมาให้อย่างเดียวเสียอีก ไม่คิดเลยว่าเธอจะขอแลกมันกับไข่”
“เนื้อไม่กี่ชั่งของฉันดีไม่สู้ไข่ไม่กี่ฟองหรอกค่ะ” ซูตานหงพูดเบา ๆ
พี่สะใภ้ใหญ่ซูถึงกับแทบสะอึก
“เธอไม่มีอะไรดี ๆ จะพูดหรือยังไง” คุณแม่ซูเดินออกมาแล้วได้ยินคำเหล่านี้ นางก็ฉุนขึ้นมาทันที
………………………………………………