ตอนที่ 18 หมาป่าตาขาว
เมื่อพี่สะใภ้ใหญ่ซูเห็นแม่สามีออกมา หล่อนก็ไม่กล้าอยู่นานกว่านี้และหลบหน้าไป
ซูตานหงจึงอำลาคุณแม่ซูและกลับบ้านไปพร้อมกับไข่หนึ่งตะกร้า
เมื่อเธอกลับมาถึง คุณป้าหยางที่เป็นเพื่อนบ้านก็ได้มายืนรออยู่พร้อมกับถือไข่เต็มตะกร้า นางมีท่าทางดีใจที่เห็นเธอกลับมา แต่เมื่อเห็นเธอถือตะกร้าไข่มาด้วย สีหน้านางก็แข็งค้างไป
“คุณป้าหยางมีอะไรเหรอคะ” ซูตานหงถามด้วยรอยยิ้ม
หลังได้ยินว่าเธอสามารถหาเงินได้จากการปักผ้า คุณป้าหยางคนนี้ก็พยายามเรียนรู้อย่างเต็มที่จนเป็นคนกลุ่มท้าย ๆ ไม่กี่คนที่ยังคงเรียนอยู่ ในขณะที่คนอื่น ๆ ทั้งหมดไม่สามารถอดทนเรียนต่อไปได้แล้วล้มเลิกไปกลางคัน
พวกหล่อนทนได้กับการนั่งนาน ๆ ตลอดทั้งวันและง่วนอยู่กับเข็มและด้ายตลอดเวลา แต่ประเด็นสำคัญอยู่ที่ว่าพวกหล่อนกลับปักดอกไม้ออกมาไม่ได้สักดอกเดียว ต่อให้จะมีความตั้งใจดีก็ตาม
ช่างน่าเสียดายที่คนส่วนใหญ่ไม่ประสบความสำเร็จในการปักผ้า แต่นี่ก็ถือว่าเป็นการปฏิวัติวงการบ้างแล้ว
สถานที่เรียนปักผ้าอยู่ใกล้กับบ้านของซูตานหง ซึ่งในวันธรรมดาก็จะมีเสียงบ่นต่อบุพการีของบางคนให้ได้ยิน
“ตานหง ฉันได้ยินมาว่าเธอซื้อเนื้อมาเยอะมาก หลานชายคนโตของฉันอยากจะกินเนื้อน่ะจ้ะ เพราะกว่าจะได้กินเนื้อหมูในหมู่บ้านของเราก็ต้องรอหมูถูกเชือดอีกนาน ฉันเลยอยากนำไข่มาแลกกับเนื้อของเธอ แต่ตอนนี้เธอคงไม่ต้องการไข่แล้วสินะ” คุณป้าหยางพูดด้วยความเสียใจ
เมื่อมองไปที่ไข่ในตะกร้า ก็คาดว่าน่าจะมีประมาณ 4 หรือ 5 ชั่ง ซึ่งมันพอกินจนถึงเกือบสิ้นเทศกาลปีใหม่
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันต้องการไข่อยู่พอดี คุณป้าหยางรอก่อนนะคะ เดี๋ยวฉันจะหั่นเนื้อให้” ซูตานหงพูดและเปิดประตูเข้าบ้านในทันที
เสี่ยวเฮยเห่าใส่คุณป้าหยาง นางถึงกับสะดุ้งและพูดอย่างอดไม่ได้ “เสี่ยวเฮยซื่อสัตย์ต่อเธอมากจริง ๆ นะจ๊ะ”
ซูตานหงยิ้มและโบกมือไล่เสี่ยวเฮย จากนั้นเสี่ยวเฮยก็เฝ้าดูคุณป้าหยางอย่างระแวดระวัง แม้มันจะไม่ได้แยกเขี้ยวใส่อีก แต่ก็ยังป้วนเปี้ยนอยู่แถวนั้นไม่ได้กลับเข้าไปในบ้านหมา
“น่าแปลกใจจริง ฉันมาที่นี่ตั้งหลายครั้ง แต่มันก็ยังจำฉันไม่ได้” คุณป้าหยางพูด
ซูตานหงยิ้ม คุณแม่จี้มาที่นี่บ่อย เสี่ยวเฮยจึงจำนางได้ แต่ในตอนที่ซูตานหงไม่อยู่ เสี่ยวเฮยก็จะขวางไว้ ทำให้คุณแม่จี้เข้ามาในบ้านไม่ได้ และในทุกครั้งที่คุณแม่จี้มาหา มันก็จะเห่าเตือนก่อน 2-3 ครั้ง
สำหรับคนอื่น ๆ แล้วเสี่ยวเฮยไม่สนใจเลย
คุณพ่อจี้เคยมาที่นี่กับคุณแม่จี้ครั้งหนึ่งพร้อมกับนำของกินมาให้เสี่ยวเฮย ซึ่งมันไม่สนใจกระดูกดี ๆ เลย กลับเห่าใส่คุณพ่อจี้ตามประสาสุนัขที่ดี
ซูตานหงเข้าไปในห้องครัว และหั่นเนื้อวัวกับเนื้อแกะให้คุณป้าหยางอย่างละชั่ง
“พอแล้วตานหง เธอให้มามากเกินไปแล้ว” คุณป้าหยางกล่าวอย่างรวดเร็วตะกร้าไข่ที่นางนำมานั้นมีไข่ทั้งหมด 6 ชั่ง ซึ่งไข่จำนวนนี้สามารถแลกเป็นเนื้อวัวกับเนื้อแกะได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
“เอาไปเถอะค่ะคุณป้าหยาง คุณกับคุณลุงหยางยังต้องกินบำรุงร่างกายของพวกคุณนะคะ” ซูตานหงกล่าว
คุณป้าหยางเอ่ยปฏิเสธ แต่ในที่สุดก็ต้องรับไว้ หลังจากสนทนาสัพเพเหระกันอยู่ครู่หนึ่งนางก็กลับไป
“ทำไมคุณเอาเนื้อกลับมาเยอะขนาดนี้” คุณลุงหยางเห็นภรรยาของเขานำเนื้อสองชิ้นกลับมาแล้วก็จ้องเขม็ง “คุณจะไม่เอาเปรียบหล่อนเกินไปเหรอ?”
“จะเป็นอย่างนั้นได้ยังไงล่ะ ตานหงให้เนื้อพวกนี้กับฉันเอง หล่อนให้ฉันเอามาทำอาหารบำรุงร่างกายเคี่ยวซุปให้คุณ เธอรู้ว่าตอนที่จี้เจี้ยนอวิ๋นยังเด็ก คุณเป็นคนกระโดดลงไปในน้ำช่วงฤดูหนาวเพื่อช่วยชีวิตเขา” คุณป้าหยางยิ้ม
“เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว ทำไมคุณยังพูดถึงมันอีก” คุณลุงหยางกล่าวอย่างอารมณ์เสีย
“ก็ฉันเอาของมาแล้ว จะให้เอากลับไปคืนได้ยังไงล่ะ เราอยู่บ้านข้าง ๆ กัน ต่อไปถ้าตานหงมีอะไรให้พวกเราช่วยก็พยายามช่วยหล่อนกันเถอะ” คุณป้าหยางพูดกับคุณลุงหยาง
คุณลุงหยางไม่เอ่ยอะไร
คุณป้าหยางหยิบมีดแล้วเริ่มสับเนื้อ ก่อนอดไม่ได้ที่จะพูดออกมา “คุณจะบอกว่าตอนนี้หล่อนเปลี่ยนไปแล้วก็ได้นะ เมื่อก่อนฉันก็เคยเสียดายเจี้ยนอวิ๋นอยู่ ว่าทำไมชายหนุ่มแสนดีแบบนี้ถึงได้แต่งงานกับภรรยาที่ร้ายกาจ? แต่ตอนนี้คุณดูสิว่าหล่อนกตัญญูอย่างไม่สิ้นสุดขนาดไหน ฉันรู้สึกได้เลยว่าในช่วงฤดูหนาวนี้สองผู้เฒ่าตระกูลจี้ดูอ้วนท้วนมีน้ำมีนวลขึ้น”
ทั้งคู่จะไม่อ้วนท้วนได้อย่างไรล่ะ สะใภ้คนนี้คิดถึงพวกเขาเสมอทุกครั้งที่ได้เนื้อมามากมาย ทุกครั้งเธอจะต้มน้ำแกงเนื้อส่งไปให้พวกเขาใส่ผักเพิ่มเอง บางครั้งเธอก็จะต้มชาพุทราจีนเก๋ากี้ไปให้ด้วย นี่นับว่าไม่ใช่เรื่องดีหรือ?
แม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองบ้านจะค่อนข้างดี แต่นางก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิจฉาเล็กน้อยหลังจากที่ได้เห็นมัน
นางมีลูกชายหลายคนและทุกคนก็แต่งลูกสะใภ้แล้ว แต่ลูกสะใภ้ทั้งหมดกลับเทียบซูตานหงไม่ได้สักคน
“หล่อนให้เนื้อมาเยอะขนาดนี้แล้วคุณยังจะอิจฉาอยู่เหรอ? ลูกเราก็แค่แต่งงานไปก่อนแล้วตอนนั้นผมก็ยังคิดไม่ได้เท่านั้นเอง มันผ่านมาหลายปีแล้ว อะไร ๆ ก็เปลี่ยนไป” คุณลุงหยางพูด
เมื่อได้มองในตะกร้า เขาก็เอ่ยอย่างดีใจ “โอ้ เนื้อเยอะขนาดนี้เลยเหรอ?”
“ก็ใช่น่ะสิ ฉันไม่คิดว่าหล่อนจะเอาเนื้อมาให้มากขนาดนี้” คุณป้าหยางยิ้ม ความจริงแล้วนางเพิ่งพูดไปว่าลูกสะใภ้บ้านอื่นไม่จำเป็นต้องเคารพนางด้วยซ้ำ
ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังสนทนากันนั้น ซูตานหงก็ตุ๋นเนื้อจำนวนเล็กน้อยให้กับเสี่ยวเฮย ส่วนตัวเธอเองแค่ตักน้ำแกงราดไปบนข้าวเท่านั้นและยกที่เหลือให้เสี่ยวเฮยกิน แต่ต่อให้เธอกินแบบนี้ ซูตานหงก็ยังรู้สึกว่าตัวเองอ้วนขึ้นอยู่ดี
เธอตุ๋นเนื้อกับน้ำวิเศษในหม้อและใส่เครื่องยาจีนลงไปเป็นจำนวนมาก นี่คือสิ่งที่เธอใช้ทำเนื้อแดดเดียว คุณพ่อจี้ชอบกินเนื้อนี้มาก จี้เจี้ยนอวิ๋นเองก็ชอบกิน เมื่อเขากลับมาถึง เธอจะให้เขากินหลาย ๆ จานเลย
เธอแบ่งไข่ที่ได้จากคุณป้าหยางออกมาครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งหนึ่งนำไปให้บ้านใหญ่ตระกูลจี้ เพราะเธอกับจี้เจี้ยนอวิ๋นคงกินไข่ทั้งตะกร้าไม่หมดหรอก
“น้องสาว …” เธอร้องเรียกจี้อวิ๋นอวิ๋น
เมื่อมาถึงบ้านตระกูลจี้ คนแรกที่เห็นก็คือจี้อวิ๋นอวิ๋น ทันทีที่ซูตานหงตะโกนเรียก จี้อวิ๋นอวิ๋นก็ทำเป็นฮัมเพลงในลำคอและหมุนตัวกลับเข้าห้องของหล่อน
คุณพ่อจี้ไม่อยู่บ้าน แต่คุณแม่จี้ที่ออกมาพอดีได้เห็นเข้าและตวาดดุ “นังเด็กนิสัยไม่ดี!” ก่อนที่นางจะหันไปบอกกับซูตานหง “ตานหง อย่าถือสาหล่อนเลย หล่อนก็เป็นคนแบบนี้แหละ”
ซูตานหงยิ้มและไม่พูดอะไรอีก ก่อนส่งไข่ให้กับคุณแม่จี้ “คุณแม่ โปรดเก็บไข่สองสามชั่งนี้ไว้ให้คุณพ่อกินนะคะ”
“ในบ้านยังมีอยู่เลย ที่เธอเอามาให้เมื่อคราวที่แล้วก็ยังกินไม่หมด เธอเอากลับไปกินเถอะ” คุณแม่จี้รีบเอ่ยรัวเร็ว
ทางคุณแม่จี้เองก็เลี้ยงไก่เหมือนกัน แต่เชือดพวกมันกินหมดแล้วตั้งแต่ก่อนฤดูหนาว
“ฉันยังมีอีกหลายชั่งค่ะ เพียงพอสำหรับฉันและเจี้ยนอวิ๋นแล้ว” ซูตานหงพูดก่อนถือไข่เข้าไปในครัวแล้วหยิบใส่ตะกร้าทีละฟอง “คุณพ่อกับคุณแม่อย่าเก็บไข่ไว้เลยค่ะ หลังกินหมดแล้วค่อยไปซื้อใหม่ก็ได้”
จากนั้นเธอก็เดินกลับไปโดยไม่ได้อยู่ที่นี่ต่อ
ทันทีที่เธอจากไป จี้อวิ๋นอวิ๋นก็วิ่งออกจากจากห้อง “แม่ คราวนี้หล่อนเอาอะไรมาให้?”
“เรียกใครว่าหล่อน นั่นพี่สะใภ้สามของแกนะ!” คุณแม่จี้ถลึงมองหล่อน “พี่สะใภ้สามแวะเอาไข่มาให้สองสามชั่งน่ะ”
“เอาแค่ไข่มาให้? แต่ไม่ได้เอาเนื้อมาให้เหรอคะ?” จี้อวิ๋นอวิ๋นขมวดคิ้ว
“เนื้ออะไร? ฉันก็รับมาในวันนี้แล้วนี่” คุณแม่จี้ตอบ
“แล้วยังไงคะ? หล่อนกลับไปหาครอบครัวทางแม่แล้วเอาเนื้อไปให้ตั้งเยอะไม่ใช่เหรอ!” จี้อวิ๋นอวิ๋นกลอกตา “พี่ชายสามไม่ต่างจากตายไปแล้วจริง ๆ ที่มาแต่งงานกับคนแบบนี้ หล่อนเอาแต่สนับสนุนครอบครัวทางแม่ของตัวเองอยู่เรื่อยเลย”
คุณแม่จี้ได้ยินดังนั้นก็เหลืออด จึงหยิกเข้าที่แขนของจี้อวิ๋นอวิ๋น
“แม่ทำอะไรน่ะ มาหยิกหนูทำไม!” จี้อวิ๋นอวิ๋นร้องด้วยความเจ็บปวดและเอ่ยอย่างทนไม่ไหว
“นังหมาป่าตาขาว อาหารทั้งหมดที่ให้แกกินช่างสูญเปล่าจริง ๆ ฉันกลับห้องล่ะ ไม่อยากมองหน้าแกแล้ว รำคาญ!” คุณแม่จี้สบถอย่างอดไม่ได้
…………………………………