ตอนที่ 25 มีอาหารให้กินแล้วยังไม่หยุดปาก
ซูตานหงกำลังครุ่นคิด เธอนึกขึ้นได้ว่ายังมีงานปักรูปร้อยวิหคคำนับพญาหงส์อยู่ในมือ คาดว่าหลังจากปักเสร็จแล้วคงจะได้เงินประมาณ 1,000 หยวน หรือหากโชคดีก็คงจะได้ถึง 3,000 หยวน
เงินจำนวนนี้น่าจะพอซื้อบ้านที่ดีกว่านี้ได้ใช่ไหม?
“ตานหง ทำไมเธอไม่พูดอะไรเลยล่ะ” จี้มู่ตานพูดขึ้นเมื่อเห็นซูตานหงดูเหมือนตกอยู่ในภวังค์
“ไม่มีอะไรค่ะ ฉันแค่คิดว่าจะให้เงินหรือไม่ให้เงินดี แต่ถ้าไม่ให้ไปคงจะดีกว่า เพราะถ้าให้ไปแล้ว ก็ไม่รู้ว่าจะได้เงินกลับคืนมาหรือเปล่า” ซูตานหงตอบ
ใบหน้าของเฝิงฟางฟางกับจี้มู่ตานดูไม่ค่อยดีนัก จะว่าไปแล้วมันก็จริง ไม่ให้เงินไปเลยจะดีที่สุด ถ้าให้ไปแล้วพวกหล่อนจะทำอย่างไร? จะได้เงินกลับคืนมาไหม?
“เราเตรียมอาหารกันเถอะค่ะ” ซูตานหงกล่าวเมื่อเห็นว่าใกล้จะได้เวลา
ทั้งสามสะใภ้ยุ่งอยู่ภายในห้องครัว ส่วนอวิ๋นลี่ลี่นั้นไม่สำคัญว่าหล่อนจะออกมาหรือไม่ ไม่ออกมาก็ไม่เป็นไร เธอหมดความสนใจที่จะทักทายแล้ว
ส่วนด้านนอกนั้น…
“พี่คะ หนูจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยปีหน้าแล้ว อาจจะต้องซื้ออุปกรณ์การเรียนเพิ่มอีกหลายอย่างเลย” จี้อวิ๋นอวิ๋นพูดกับจี้เจี้ยนอวิ๋น
“ดีแล้ว พยายามตั้งใจเรียนมาก ๆ นะ” จี้เจี้ยนอวิ๋นเหลือบมองหล่อนแล้วพยักหน้า
จี้อวิ๋นอวิ๋นมีสีหน้าน่าเกลียดไปในทันที อุปกรณ์การเรียนทั้งหลายล้วนต้องใช้เงินซื้อทั้งนั้น เมื่อไม่ให้เงินแล้วหล่อนจะซื้อพวกมันได้ยังไง?
“เข้าไปช่วยพี่สะใภ้ของแก แล้วฉันจะให้เงินแกไว้ใช้” คุณแม่จี้พูดขึ้น นางรู้ว่าลูกสาวของตนมีเจตนาอย่างไร
จี้อวิ๋นอวิ๋นแค่นเสียง “มีคนอยู่ในห้องครัวตั้งสามคนแล้วยังไม่พออีกเหรอคะ? ทำไมหนูต้องเข้าไปด้วย? หนูไม่อยากจะเอาตัวเองเข้าไปเพิ่มหรอก!”
ต้องเป็นซูตานหงที่ยุยงแน่ ไม่อย่างนั้นพี่ชายสามของหล่อนจะไม่ให้เงินกับหล่อนได้ยังไง? ทุกปีก่อนหน้านี้เขายังให้เงินหล่อนตั้ง 10 หยวน!
จี้เจี้ยนอวิ๋นยังคงคุยกับจี้เจี้ยนกั๋ว จี้เจี้ยนเยี่ย และจี้เจี้ยนเหวินต่อไปโดยไม่ใส่ใจกับคำพูดของน้องสาว
เรื่องที่ผ่านมาก็ให้แล้วกันไป ตอนนี้ภรรยาของเขาปรับปรุงตัวดีขึ้นมากและมีเหตุมีผลขึ้น แต่น้องสาวของเขาก็ยังไม่เคารพเธอ ซึ่งเขาไม่ชินกับเรื่องนี้เอาเสียเลย
เมื่อจี้อวิ๋นอวิ๋นเห็นว่าพี่ชายสามของหล่อนไม่สนใจและไม่ให้เงินหล่อนเลย เด็กสาวก็สะบัดหน้าหนีและเดินไปหาพี่สะใภ้สี่ของหล่อนในทันที
“เจี้ยนอวิ๋น แกอย่าไปสนใจอวิ๋นอวิ๋นเลย ยิ่งโตก็ยิ่งนิสัยเสีย” คุณแม่จี้พูดกับจี้เจี้ยนอวิ๋น
“ปีนี้สะใภ้สามดูมีเหตุมีผลขึ้นนะ” คุณพ่อจี้พูดพร้อมรอยยิ้ม
จี้เจี้ยนหยุนพยักหน้าเห็นด้วย “ผมเห็นแล้วครับพ่อ หล่อนดีขึ้นมากจริง ๆ”
พ่อของเขาไม่เคยพูดเรื่องเหล่านี้เพราะเป็นคนปากหนัก แต่ครั้งนี้กลับเป็นคนเอ่ยชมซูตานหงออกมาด้วยตัวเองต่อหน้าพี่ชายทั้งสองและน้องชายของเขา ซึ่งแสดงว่าภรรยาของเขาทำได้ดีจริง ๆ
ฝ่ายอวิ๋นลี่ลี่ที่เห็นจี้อวิ๋นอวิ๋นเดินมาหาถึงในห้องก็ได้ถามขึ้น “ทำไมเธอดูอารมณ์ไม่ดีเลยล่ะจ๊ะ”
“ก็นังจิ้งจอกนั่นน่ะสิคะ พี่สะใภ้คุณไม่รู้อะไร ปีก่อน ๆ พี่ชายสามของฉันจะให้เงิน 10 หยวนทันทีที่เขากลับมา แต่มาปีนี้เขาถูกนังจิ้งจอกนั่นยุยง พอฉันขอเงินเขา เขาก็เอาแต่พูดคลุมเครือและปฏิเสธที่จะให้เงินฉันน่ะค่ะ” จี้อวิ๋นอวิ๋นตอบอย่างหงุดหงิด
อวิ๋นลี่ลี่ได้ยินก็ถึงกับกลั้นหายใจ แต่หล่อนก็ทำตัวให้เป็นปกติและเอ่ยว่า “จะว่าไปแล้ว ทำไมซูตานหงถึงดูเปลี่ยนไปขนาดนั้นล่ะ? หล่อนไปทำอะไรมา? ทำไมถึงกลายเป็นคนมีน้ำใจไปได้?”
เงินซองแดง 1 เหมาของบ้านนี้มีค่าเท่ากับเงินซองแดงที่ให้กันทั่วไปในตัวเมือง ซึ่งในชนบทนั้นเงินซองแดงจำนวน 3 เฟินก็ถือว่ามากแล้ว
“ใครจะไปรู้ หล่อนอาจถูกถูกนางจิ้งจอกเข้าสิง ถึงมีความสามารถปักผ้าได้ ทุกคนในหมู่บ้านก็มาเรียนรู้การปักผ้าจากเธอ แต่ไม่มีใครสามารถปักผ้าแบบหล่อนได้เลย เรียกได้ว่าชามข้าวใบนี้เป็นของซูตานหงเท่านั้น แล้วหล่อนก็เข้าเมืองเป็นครั้งคราวเพื่อนำผ้าปักไปขาย ตรงร้านผ้าปักร้านนั้นแหละค่ะ ฉันได้ยินมาว่าผ้าปักลายหนึ่งสามารถขายได้ถึง 100 หยวน แล้วหล่อนก็ใช้เวลาในการปักเพียงแค่ครึ่งเดือนเท่านั้น!” จี้อวิ๋นอวิ๋นพูดด้วยความอิจฉา
“ปักผ้าได้ราคาถึง 100 หยวน เช่นนั้นถ้าหนึ่งเดือนเธอสามารถปักผ้าได้ 2 ผืน ก็หมายความว่าเธอจะได้รับเงินถึง 200 หยวนในหนึ่งเดือนเลยเหรอ?” ดวงตาของอวิ๋นลี่ลี่เบิกกว้าง
เงินเดือนครูของหล่อนกับสามีสองคนรวมกันเป็นเท่าไรเอง แค่ 19 หยวน 8 เหมาเท่านั้น!!
“พี่สะใภ้อย่าตกใจไปเลยค่ะ ฉันก็แค่ฟังคนอื่นพูดมาอีกที ไม่รู้ว่าเป็นจริงเท็จแค่ไหน” จี้อวิ๋นอวิ๋นพูดขึ้น
อวิ๋นลี่ลี่มีความรู้เรื่องเย็บปักถักร้อยเช่นกัน ซึ่งงานเหล่านี้แน่นอนว่าสามารถขายได้ในราคาสูง เพียงแต่ต้องมีฝีมือถึงขั้นขายได้ ซึ่งหล่อนไม่มีความสามารถขนาดนั้น
“พี่สะใภ้สามเคยเรียนมาก่อนเหรอ?” อวิ๋นลี่ลี่ถาม หล่อนเพิ่งแต่งเข้ามาได้ไม่กี่ปีจึงไม่รู้เรื่องนี้มากนัก
“เคยเรียนอะไรกันคะ? หล่อนก็อ้างได้ล่ะค่ะว่าเรียนอย่างลับ ๆ มาหลายปี ใครจะไปรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ฉันคิดว่าหล่อนถูกปีศาจจิ้งจอกเข้าสิงมากกว่า!” จี้อวิ๋นอวิ๋นพูดด้วยเสียงกระซิบ
อวิ๋นลี่ลี่มองน้องสามีด้วยสายตาดูแคลนเสี้ยวหนึ่ง “เธอเรียนมัธยมปลายแล้วทำไมยังเชื่อเรื่องพวกนี้อยู่อีก?”
“เมื่อก่อนฉันไม่เคยเชื่อ แต่พี่สะใภ้ดูหล่อนสิคะ อยู่ๆ หล่อนก็มีความสามารถขึ้นมาเสียอย่างนั้น หากไม่ใช่เพราะปีศาจจิ้งจอกเข้าสิงแล้วหล่อนจะเป็นแบบนี้ได้ยังไง ขนาดบรรดาดอกไม้ในโรงเรียนมัธยมของฉันยังสวยสู้หล่อนไม่ได้ มีน้ำมีนวลอย่างเทียบไม่ติดเลยค่ะ” จี้อวิ๋นอวิ๋นกล่าว
อวิ๋นลี่ลี่เริ่มคล้อยตาม ซูตานหงดูอ่อนโยนและอ่อนเยาว์เกินไป ครั้งแรกที่ได้เห็นเธอ หล่อนแทบจำไม่ได้เลยว่าผู้หญิงตรงหน้าคือซูตานหง
เมื่อก่อนซูหงนั้นจะมีใบหน้าที่หยาบกร้านและหน้ามันเยิ้ม ตอนแรกที่หล่อนไปรับซองแดงสำหรับลูกสาวของตน และได้อยู่ใกล้ซูตานหง เธอมีกลิ่นหอมติดตัวด้วยซ้ำ ไม่รู้ว่าซูตานหงใช้ยาสระผมอะไร แต่ว่ามันต้องแพงมากแน่ ๆ
“อวิ๋นอวิ๋น อย่าทำตัวก้าวร้าวกับซูหง ตอนนี้ทุกคนอยู่ข้างหล่อนกันหมดแม้แต่พี่สามของเธอ หากทำตัวเช่นนั้นอีกเธอจะไม่ได้ผลประโยชน์ใด ๆ อีกแน่” อวิ๋นลี่ลี่กรอกตาแล้วบอก
“เป็นไปได้เหรอคะฉันจะก้มหัวให้ซูตานหงเพื่อยอมรับความผิดพลาด?” จี้อวิ๋นอวิ๋นพูดออกมา
“นั่นเป็นเรื่องที่เธอต้องทำ หากเธอไม่ทำจะเสียผลประโยชน์ครั้งใหญ่” อวิ๋นลี่ลี่รีบบอก
ไม่รู้ว่าสะใภ้สี่พูดอย่างไรจี้อวิ๋นอวิ๋นจึงได้เดินยิ้มออกมา หล่อนเข้าไปช่วยงานในครั้วอย่างแข็งขัน แต่เฝิงฟางฟางไม่ต้องการให้เธอช่วยจึงให้เธอเอาน้ำที่สกปรกไปทิ้ง
“พี่สามของเธอเขาไปจับไก่ฟ้ามาได้ หนูได้เพิ่มอาหารเข้าไปอีกหนึ่งจานไหมจ๊ะ” คุณป้าคนหนึ่งเอ่ยทักเมื่อที่เห็นจี้อวิ๋นอวิ๋นเดินออกมาเทน้ำทิ้ง
แม้ปีนี้จะถือว่าดีขึ้นมาก แต่ก็ใช่ว่าทุกครอบครัวจะมีเนื้อกิน จะมีให้พอกินบ้างก็ช่วงปีใหม่นี้ แต่ก็ถือว่าไม่มากนัก
“ไก่ป่าเหรอคะ หนูไม่เห็นมันเลย” จี้อวิ๋นอวิ๋นพูดออกมา
“นั่นเป็นเพราะพี่ชายสามของหนูไม่ได้นำมันออกมา มีหลายคนที่เห็นว่าเขาได้ไก่ฟ้าตอนเดินลงจากเขาน่ะจ้ะ” คุณป้าคนนี้พูดจบแล้วยิ้มก่อนจากไป
จี้อวิ๋นอวิ๋นลอบขบกรามในใจอย่างไม่พอใจ แม้แต่ไก่ฟ้าที่จับมาได้เขาก็ซ่อนมันไว้เพื่อกินคนเดียว ทั้ง ๆ ที่พวกเขามาที่นี่เพื่อกินข้าวด้วยกัน!
หล่อนไม่ได้ถามอะไรขณะอยู่ในครัว แต่เมื่อมาถึงโต๊ะอาหาร หล่อนก็ถามขึ้นในทันที “พี่สะใภ้สาม ฉันได้ยินคุณป้าสวี่บอกว่าคุณขึ้นไปหาไก่ฟ้าบนเขากับพี่สาม ทำไมคุณถึงไม่เอามาปรุงอาหารให้ทุกคนกินล่ะคะ”
คำพูดนี้ทำให้ทุกคนบนโต๊ะอาหารถึงกับเงียบงันไป
เฝิงฟางฟาง จี้มู่ตาน อวิ๋นลี่ลี่ต่างกระพริบตาแล้วมองไปที่ซูตานหง
ซูตานหงเองก็ตอบพลางยิ้มบางให้กับจี้อวิ๋นอวิ๋น “ฉันตุ๋นไก่ฟ้าไว้ในหม้อไว้ให้พี่ชายสามของเธอ เพราะเขานั้นทำงานหนักตากลมตากฝนมามาก ก็เลยวางแผนจะใช้มันบำรุงกำลังของเขา ถึงไม่ได้เอามาด้วยน่ะจ้ะ”
เธอนำอาหารมาร่วมงานในครั้งนี้เกือบครึ่งโต๊ะแล้ว ยังจะต้องการอะไรอีก?!
“อาหารมากมายบนโต๊ะยังหยุดปากแกไม่ได้อีกรึไง” คุณแม่จี้จ้องมองลูกสาวแล้วเอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจ
จี้อวิ๋นอวิ๋นแทบจะทนนั่งต่อไม่ได้แล้ว หล่อนใกล้จะอาละวาดเต็มทน
ส่วนจี้เจี้ยนอวิ๋นหยิบขวดเหล้าออกมาและยิ้มให้บิดากับพี่น้องทั้งสาม “พ่อ พี่ใหญ่ พี่รอง น้องสี่ คืนนี้ดื่มกันให้เมาเถอะ”
“ได้เลย” จี้เจี้ยนกั๋ว จี้เจี้ยนเยี่ย และจี้เจี้ยนเหวินคลี่ยิ้ม ส่วนผู้เป็นพ่อก็พยักหน้าเช่นกัน
_____________________