ตอนที่ 32 จ้างคนลงต้นกล้าผลไม้
เนื่องจากเป็นการซื้อบ้านเต็มรูปแบบ ขั้นตอนดำเนินการจึงค่อนข้างง่าย บวกกับมีเจินเหมียวหงอยู่ด้วย เลยทำให้การตกลงซื้อเป็นไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อได้หนังสือปกแดงกับใบเสร็จมาแล้ว ซูตานหงก็พอใจมาก
เธอได้เห็นห้องชุดขนาด 108 ตารางเมตรแล้ว แม้ว่ามันจะไม่ใหญ่มากนัก แต่ก็ถือว่าพออยู่ได้ สิ่งที่สำคัญก็คือทำเลที่ตั้งของตัวอาคาร ซึ่งหากในอนาคตไม่ต้องการอยู่ในหมู่บ้านแล้วก็สามารถย้ายมาอยู่ที่เมืองเจียงสุ่ยได้
หลายครอบครัวได้ย้ายเข้ามาอาศัยในชุมชนแห่งนี้ ซึ่งในชุมชนมีสวนสาธารณะที่ปลูกต้นไม้ไว้มากมายจนดูเขียวชอุ่ม ดาษดาไปด้วยดอกไม้และนกนานาชนิด
“เป็นอะไรไป ชุมชนนี้ดีใช่ไหมล่ะจ๊ะ?” หงเจี่ยวางหนังสือปกแดงของเธอพร้อมกับยิ้ม
ซูตานหงมองไปที่ชั้นเจ็ดของอาคาร 15 และมองไปที่ชั้นห้าของอาคาร 14 ซึ่งล้วนเป็นสถานที่ที่ดีมาก
“ขอบคุณพี่หงมากนะคะ ฉันพอใจกับห้องนี้มาก” ซูตานหงยิ้ม
“พอใจก็ดีแล้วจ้ะ ไม่ว่าในอนาคตเธอจะได้มาอยู่ที่นี่หรือเปล่า ห้องนี้ก็ยังได้ประโยชน์อยู่ต่อให้ปล่อยทิ้งไว้” หงเจี่ยพูด
ตอนนี้ยังเร็วเกินไปที่จะกลับและเป็นเวลาอาหารกลางวันพอดี ทั้งสองคนจึงออกมากินอาหารโดยที่ซูตานหงเป็นฝ่ายชวน หลังกินข้าวเสร็จพวกเธอก็เดินเล่นไปรอบ ๆ ชุมชน และพบว่าที่แห่งนี้อยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนมัธยมปลายประจำเมืองเจียงสุ่ย หากเดินไปจะใช้เวลา 40 นาที แต่ถ้าขี่จักรยานไปจะใช้เวลาเพียง 15 นาที ซึ่งถือว่าใกล้มาก
นอกจากนี้ยังมีซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่และตลาดผักในบริเวณโดยรอบ ซึ่งพลุกพล่านไปด้วยผู้คนอีกด้วย
ซูตานหงดูพอใจมากขึ้น หากไม่ใช่เพราะขาดเงิน เธอก็อยากซื้ออีกห้อง
เมื่อเห็นว่าสมควรแก่เวลาแล้ว ทั้งคู่ก็ขับรถกลับเมืองเกิด และเอ่ยอำลาเจินเหมียวหง ซึ่งซูตานหงก็นำชุดปักผ้าสองชุดใหม่พร้อมกับด้ายปักกลับไปที่บ้าน
ยังมีเวลาก่อนหิมะละลายในช่วงนี้ โดยในระหว่างนี้ซูตานหงไม่มีแผนที่จะออกไปข้างนอกเลย
เธอเริ่มปักผ้าโดยใช้กำลังที่มี เธอไม่อาจรอจนจี้เจี้ยนอวิ๋นกับสหายของเขาส่งต้นกล้าผลไม้มาให้ที่บ้านได้ หากตอนนั้นเธอไม่มีเงินจ่ายแล้วจะไม่ทำให้สามีของเธอขายหน้าหรือ?
ในช่วงเทศกาลโคมไฟ ซูตานหงได้มาที่บ้านตระกูลจี้เพื่อใช้เวลาอยู่กับคุณพ่อคุณแม่จี้และกินบัวลอยด้วยกัน
ส่วนจี้เจี้ยนเหวิน อวิ๋นลี่ลี่ และจี้อวิ๋นอวิ๋นนั้นได้กลับไปที่เมืองเจียงสุ่ยในวันที่สิบของเทศกาลปีใหม่ ในตอนนั้นจี้อวิ๋นอวิ๋นยังไม่เปิดเทอม ซึ่งทางโรงเรียนเริ่มเปิดเรียนอย่างเป็นทางการในวันที่สิบสี่ของเดือนแรก แต่หล่อนก็เรียนไปล่วงหน้าก่อนแล้ว
โรงเรียนมัธยมปลายที่จี้อวิ๋นอวิ๋นเรียนอยู่เป็นโรงเรียนเดียวกับที่อยู่ใกล้บ้านที่เธอเพิ่งซื้อ มันเป็นโรงเรียนมัธยมอันดับหนึ่งในเมืองเจียงสุ่ย เหตุที่จี้อวิ๋นอวิ๋นสามารถเข้าโรงเรียนแห่งนี้ได้เป็นเพราะอวิ๋นลี่ลี่ใช้เส้นสายครอบครัวมาช่วย น้องสามีพี่สะใภ้คู่นี้จึงสนิทกันมาก
ซูตานหงไม่สนใจเรื่องเหล่านี้ แล้วมันก็ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของเธอ อย่างไรเสีย เมื่อพวกหล่อนไม่อยู่แล้ว ซูตานหงก็จะมาที่บ้านหลักบ่อยขึ้นเพื่อสนทนากับคุณแม่จี้ในตอนที่ว่างจากการปักผ้า
ในบ้านยังมีเนื้ออีกมาก เธอมักจะตุ๋นมันและนำไปให้ผู้เฒ่าทั้งสองกินเป็นประจำเพื่อเป็นการเสริมสุขภาพให้พวกเขา
เมื่อเวลาผ่านไป หิมะบนพื้นดินก็ละลาย พร้อมกับอากาศที่อุ่นขึ้น ในวันนั้นเองที่ซูตานหงมาที่บ้านใหญ่สกุลจี้ คุณพ่อจี้ก็เอ่ยขึ้น “ ต้นกล้าผลไม้จะมาส่งเมื่อไหร่?”
“บอกว่าจะส่งเมื่อหิมะละลายค่ะ” ซูตานหงพูด
ในวันรุ่งขึ้น เหล่าฉินสหายของจี้เจียนอวิ๋นก็ขับรถบรรทุกมาพร้อมกับหลานชายของเขาและส่งมอบต้นกล้าผลไม้ทั้งหมด
ซูตานหงพอใจมากและพูดว่า “พวกมันเป็นต้นกล้าที่ดีเลยค่ะ”
“ดีใช่ไหมล่ะครับ? เจี้ยนอวิ๋นคงพูดให้ฟังแล้ว ผมจะหลอกรุ่นน้องของผมได้อย่างไรล่ะครับ?” เหล่าฉินเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
คุณพ่อจี้มองดูแล้วพยักหน้า จากนั้นจึงถามว่า “ทั้งหมดเป็นเงินเท่าไหร่?”
“พวกมันเป็นของพี่น้องผม ผมคิดราคาต้นกล้าผลไม้พวกนี้ให้ 80 หยวนแล้วกันครับ” เหล่าฉินบอก
คุณแม่จี้ได้ยินก็ยิ้ม ขณะที่คุณพ่อจี้ย่นคิ้ว “ต้นกล้าผลไม้พวกนี้ดีทั้งหมด แล้วก็คิดราคาแค่ 80 หยวนเอง”
ซูตานหงไม่คิดว่ามันจะถูกขนาดนี้ ตอนแรกเธอคิดว่าจะต้องจ่าย 300 ถึง 400 หยวนเสียอีก เมื่อวานนี้เธอเพิ่งนำงานปักที่ปักเสร็จไปขายในเมืองและได้เงินจากหงเจี่ยมา 500 หยวน
ดังนั้นเธอจึงหยิบเงินออกมาให้ 150 หยวนด้วยความยินดี คนอื่นปฏิบัติกับเจี้ยนอวิ๋นของเธอราวกับพี่น้อง ดังนั้นเธอจะขี้งกไม่ได้ เงิน 150 หยวนนี้น่าจะทำให้เขาได้กำไรเพิ่มขึ้นมาเกือบครึ่งบ้าง
แต่เหล่าฉินไม่ได้รับไว้ทั้งหมด และรับไปเพียง 100 หยวนเท่านั้น
หลังจากกินอาหารเสร็จ เหล่าฉินก็รับโทรศัพท์และบอกลาเนื่องจากมีปัญหานิดหน่อย จากนั้นเขาก็พาหลานชายกลับบ้าน
“ต้นกล้าผลไม้พวกนี้ราคา 100 หยวนเลยเหรอ แพงจริง ๆ” ทันทีที่เหล่าฉินกลับไปแล้ว คุณแม่จี้ก็อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น “ตอนนั้นเราซื้อมาด้วยราคา 30 หยวนเองนะ”
แม้กระทั่ง 30 หยวนนางก็ยังบ่นว่าแพงเกินไป
“ต้นกล้าผลไม้พวกนี้ไม่ได้มีคุณภาพเดียวกับที่เราซื้อมาในตอนแรก ลองดูที่ระบบรากของมันสิ มันเดินดีมากขนาดไหน? นี่ถือว่าคุ้มกับราคาที่จ่ายไปแล้ว แล้วนั่นก็เป็นสหายของเจี้ยนอวิ๋นมาขายให้เลยนะ ไม่งั้นเราคงไม่ได้ซื้อในราคานี้หรอก” คุณพ่อจี้บอก เขาเคยเห็นต้นกล้าพันธุ์ไม้มามาก แล้วก็ไม่มีแหล่งไหนสู้ของที่นี่ได้เลย ราคา 100 หยวนถือว่าคุ้มค่ามากแล้ว
เขารู้สึกมาเสมอว่าปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเพราะคุณภาพของต้นกล้าไม้ผลเอง หลายปีที่ผ่านมา สองผู้เฒ่าต่างขยันรดน้ำใส่ปุ๋ยอย่างสม่ำเสมอ พวกเขาจะไม่ให้ความเอาใจใส่ต่อต้นกล้าไม้ผลของตัวเองได้อย่างไร?
แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่ได้ผล แล้วตอนนี้มาดูต้นกล้าไม้ผลที่สหายเก่าของเจี้ยนอวิ๋นให้มาสิ ทันทีที่เปรียบเทียบข้อดีข้อเสียกัน พวกเขาก็รู้ในทันที
“ต้นกล้าไม้ผลพวกนี้คุณภาพดีจริง ๆ ค่ะ” ซูตานหงที่มีน้ำพุวิเศษอยู่กับตัวสัมผัสได้ถึงพลังชีวิตของต้นกล้าเหล่านี้
เธอเดินไปตักน้ำมากระบวยหนึ่งและรดตรงรากของต้นกล้า ซึ่งในน้ำนั้นมีน้ำวิเศษผสมอยู่เป็นจำนวนมาก ด้วยสรรพคุณของน้ำวิเศษแล้ว ต้นกล้าไม้ผลพวกนี้คงจะเจริญเติบโตดีอย่างแน่นอน
“คุณแม่ไปหาคนมาช่วยปลูกต้นกล้าพวกนี้เถอะค่ะ เราควรจะต้องลงต้นกล้าพวกนี้ให้เร็วที่สุด” ซูตานหงบอกแม่สามี
“ฉันจะช่วยลงต้นกล้ากับคุณพ่อเอง มันไม่ง่ายเลยที่จะหาคนมาทำงานด้วยน่ะ” คุณแม่จี้บอก
“ไม่ยากหรอกค่ะ ถ้าเราจ่ายค่าแรงวันละ 50 เหมาต้องมีคนมาช่วยแน่นอน พวกเขาต่างอยากได้เงินมาจุนเจือครอบครัวหลังเสร็จจากการทำนาทั้งนั้นค่ะ” ซูตานหงบอก
“จ้างคนอื่น? วันละ 50 เหมา?” ดวงตาของคุณแม่จี้เบิกกว้าง “นี่มันแพงเกินไปแล้ว!”
“ มันไม่สูญเปล่าหรอกค่ะ จ้างคน 6-7 คนก็เสียแค่ไม่กี่หยวนต่อวัน ยังไงต้องลงกล้าพวกนี้ภายในไม่กี่วันอยู่แล้ว ใช้เงินไม่มากหรอกค่ะ” ซูตานหงตอบ
“ให้เจี้ยนกั๋วกับเจี้ยนเยี่ยช่วยก็เสร็จงานเร็วเหมือนกันนะ” คุณแม่จี้ไม่เห็นด้วย
“ถ้าพี่ใหญ่กับพี่รองมาช่วย ฉันก็ต้องจ่ายเงินให้พวกเขาด้วยค่ะ” ซูตานหงพูด “คุณแม่ไปหาใครก็ได้มาช่วยเพิ่มนอกจากพี่ชายใหญ่กับพี่ชายรองนะคะ เราต้องลงกล้าผลไม้ให้เสร็จไว ๆ ถ้าลงกล้าได้เร็ว มันก็จะให้ผลตอบแทนกลับมาน่ะค่ะ”
คุณพ่อจี้ได้ยินก็เอ่ยสรุป “คุณทำตามที่สะใภ้สามบอกเถอะ”
“แต่เงินที่จ่ายไปจะไม่สูญเปล่าเหรอ? “คุณแม่จี้ยังไม่เห็นด้วยมากนัก
“อย่าเอาแต่พึ่งพาคนในครอบครัวอย่างเดียวเลย ใช้เงินแก้ปัญหาได้ก็ใช้เถอะ” คุณพ่อจี้กล่าว
เป็นเรื่องหาดูได้ยากที่จะมีรถบรรทุกคันใหญ่ขนต้นกล้าผลไม้แล่นผ่านมา ดังนั้นจะไม่มีใครในหมู่บ้านรู้เรื่องได้อย่างไร? ไม่นานนักก็มีคนมาดูมากมาย
คุณพ่อจี้และคุณแม่จี้เป็นคนจัดการกับเรื่องนี้ พวกเขาต่างรู้ดีว่าใครในหมู่บ้านเป็นอย่างไรและมีนิสัยอย่างไร
ครั้งนี้จึงมีคน 6 คนรวมจี้เจี้ยนกั๋วกับจี้เจี้ยนเยี่ยที่ถูกว่าจ้าง โดยพวกเขาจะได้เงินคนละ 50 เหมาต่อวันรวมอาหารกลางวันหนึ่งมื้อ
อีก 4 คนที่เหลือเป็นผู้ชายในหมู่บ้านเดียวกัน ทั้งหมดล้วนแต่งงานมีครอบครัวแล้ว ตอนนี้พวกเขากำลังว่างงานและไม่มีเงินเก็บที่บ้านอยู่เลย แต่มีข้อดีตรงที่เป็นคนทำงานดีและซื่อสัตย์ใช้ได้ทีเดียว เมื่อได้ยินว่างานนี้ได้ค่าแรงวันละ 50 เหมารวมอาหารกลางวันหนึ่งมื้อ พวกเขาก็ไม่คัดค้าน
นี่เป็นงานชั่วคราวที่ใช้เวลาทำเพียงไม่กี่วัน ซึ่งจะได้รับเงินทั้งหมด 2 หยวนภายใน 4 วันโดยแลกกับการขยันทำงาน จะหาโอกาสดี ๆ แบบนี้ได้ที่ไหนอีก?
________________
Related