บทที่ 38 ฉันต้องการสวนผลไม้
“ตานหง เธอจะขึ้นเขาอีกแล้วเหรอ?”
คุณป้าแก่ ๆ ในหมู่บ้านคนหนึ่งยิ้มออกมาเมื่อเห็นซูตานหงถือบัวรดน้ำเดินไปพร้อมกับสุนัขอีกสองตัว
“ค่ะ ฉันอยากจะไปดูสักหน่อย” ซูตานหงยิ้ม
“ป้าได้ยินว่าต้นกล้าผลไม้บนภูเขาแตกยอดออกมาหมดเลย เธอช่างโชคดีจริง ๆ ถ้าในอนาคตที่นี่ได้เป็นสวนผลไม้ล่ะก็ เธอคงเจริญรุ่งเรืองมากแน่ ๆ ถ้างั้นเธอต้องดูแลและแบ่งโชคลาภเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้ป้าหลูคนนี้ด้วยนะ!” คุณป้าหลูยิ้ม
“คุณป้าหลูพูดอะไรน่ะคะ ฉันเองก็ยังต้องจ้างคนมาทำงานด้วยน่ะค่ะ คุณป้าก็เห็นแล้วว่าลำพังฉันคนเดียวถือบัวรดน้ำไปรดน้ำทุกวัน มันจะโตดีขนาดนี้เหรอคะ?” ซูตานหงยิ้ม
เธอเองก็เห็นว่าพอคุณป้าหลูเห็นสวนของเธอค่อย ๆ เติบโต นางก็เกิดอยากทำสวนขึ้นมา เธอจึงปัดความรับผิดชอบในทันทีว่านี่ไม่ใช่ความดีความชอบของเธอ แต่เป็นสวี่อ้ายตั๋งกับจี้หงจวินที่ขยันทำงานไม่เกียจคร้านต่างหาก ส่วนตัวเธอนั้นไม่รู้เลยว่าต้นกล้าผลไม้มีชีวิตรอดได้อย่างไร
ในตอนนี้ต้นกล้าผลไม้ต่างผลิใบเขียวออกมาทุกต้น หากไม่มีเหตุการณ์ไม่คาดคิดอะไร พวกมันก็คงจะรอดชีวิต
คุณพ่อกับคุณแม่จี้เองก็ชอบตระเวนไปบนภูเขาอยู่ทุกวัน เมื่อเห็นว่าต้นกล้าเจริญเติบโตดีก็ใส่ปุ๋ย ซึ่งเรื่องเหล่านี้ซูตานหงไม่ปฏิเสธ
เมื่อบอกลาคุณป้าหลูแล้ว ซูตานหงก็พาต้าเฮยและเสี่ยวไป๋เดินขึ้นภูเขา
ส่วนคุณป้าหลูที่กลับมาถึงบ้านแล้วก็ถูกถาม “เป็นยังไงบ้างคะ หล่อนได้บอกเคล็ดลับในการปลูกต้นกล้าผลไม้พวกนั้นหรือเปล่า?”
“หล่อนบอกว่าไม่มีเคล็ดลับอะไรน่ะ” คุณป้าหลูตอบ
“ไม่มีเคล็ดลับ?” สะใภ้ของนางมองด้วยความสงสัย “หล่อนจะไม่มีเคล็ดลับอะไรได้ยังไงคะ สองพ่อเฒ่าแม่เฒ่าจี้ปลูกตั้งหลายรอบในพื้นที่กันดารแบบนั้นก็ยังไม่ขึ้น แต่ทำไมพอเปลี่ยนเป็นต้นกล้าของหล่อนแล้วถึงงอกงามดีล่ะคะ? จะไม่มีเคล็ดลับอะไรได้ยังไง?!”
“ฉันก็พูดไปแล้วไง แล้วมันก็ไม่ได้มีอะไรอย่างอื่นด้วย ก็แค่ปลูกต้นกล้าเท่านั้น เธอยังจะอยากได้เคล็ดลับอะไรอีก? ไม่ใช่แค่รดน้ำแล้วก็ใส่ปุ๋ยเหรอ? ฉันว่าเธอไม่ต้องคิดอะไรอีกแล้วล่ะ ประเด็นสำคัญก็คือจี้หงจวินกับสวี่อ้ายตั๋งสองคนนั่นถูกหล่อนจ้างมารดน้ำทุกวัน” คุณป้าหลูตอบ
“แค่นั้นเหรอคะ? หลายปีที่แล้วใช่ว่าคุณแม่จะไม่รู้เหมือนกัน ว่าสองผู้เฒ่าบ้านจี้นั่นขาดทุนมหาศาลแต่ก็ไม่ยอมแพ้ แต่พวกเขาก็ปลูกอะไรไม่ขึ้นเลย! แต่หล่อนกลับปลูกได้เสร็จ เพราะงั้นถ้าเราไปปลูกเหมือนกัน ถึงตอนนั้นอาศัยสวนผลไม้อันหายากนี้ของเรา พวกเราก็จะรวยเละแน่ค่ะ!” ยิ่งผู้เป็นสะใภ้เอ่ยมากเท่าไหร่ ในดวงตาของหล่อนยิ่งลุกวาวราวกับว่าเห็นผลประโยชน์และกำไร
“ฉันไม่เห็นด้วยหรอกนะ ถ้ามีอะไรแปลก ๆ จริง ฉันก็บอกได้แค่ว่าตัวหล่อนเองนั่นแหละที่นำความเจริญมาให้ครอบครัว ดูกิริยามารยาทของหล่อนสิ ถ้าไม่ใช่เพื่อคนแบบหล่อนแล้ว ที่ผ่านมาฉันก็ไม่กล้าคุยกับหล่อนหรอก เจ้าของบ้านนั้นแต่ก่อนยังไม่มีกิริยามารยาทแบบหล่อนเลย”
มากล่าวถึงฝั่งนี้บ้าง ขณะนี้ซูตานหงกำลังได้ขึ้นไปบนภูเขาและเริ่มรดน้ำวิเศษให้กับต้นกล้าผลไม้พร้อมกับพาต้าเฮยไปด้วย ส่วนเสี่ยวไป๋นั้นแม้จะไม่แสนรู้เท่าหากมีสิ่งรบกวนเพียงนิดเดียว แต่ต้าเฮยก็เห่าเตือนแทนได้ในทันที
“ปีนี้ฉันจะให้เวลาพวกเธอหยั่งรากผลิใบนะ ปีหน้าจะได้ให้ผลผลิตเยอะ ๆ” หลังซูตานหงรดน้ำเสร็จ เธอก็มองดูสวนผลไม้ของตนเองอย่างพึงพอใจ
ส่วนเรื่องที่คุณป้าหลูมาเลียบ ๆ เคียง ๆ ถามเธอนั้น เธอไม่ได้ใส่ใจเลย
ช่วงนี้มีคนหลายคนมาถามเรื่องนี้กับเธอ ซึ่งเธอก็ยึดหลักของตัวเองตอบไปว่าเป็นเพราะสวี่อ้ายตั๋งกับจี้หงจวินขยันรดน้ำ
อย่าว่าแต่คนพวกนั้นเลย เฝิงฟางฟางกับจี้มู่ตานก็มาหาด้วยเหมือนกัน
ซูตานหงรดน้ำพุวิเศษให้กับต้นกล้าผลไม้ รดได้ไม่มากนักก็เดินลงภูเขาไป เพราะเมื่อวานนี้พวกมันได้รับน้ำอย่างเต็มที่จนเติบโตขึ้นแล้ว
เมื่อขึ้นมาบนภูเขาครั้งนี้ ซูตานหงได้สังเกตเห็นว่ามีวัชพืชขึ้นเป็นจำนวนมาก คงเป็นเพราะน้ำวิเศษนี้มีคุณภาพดีกระมัง เธอจึงบอกคุณพ่อคุณแม่จี้ไม่ให้ถางหญ้าพวกนี้และปล่อยให้พวกมันเจริญเติบโตต่อไป
แม้คุณพ่อคุณแม่จี้จะบอกว่าหญ้าเป็นตัวคอยแย่งน้ำและปุ๋ยในดิน แต่เมื่อซูตานหงพูดเช่นนี้ พวกเขาก็ไม่ได้กล่าวอะไรต่อ แม้สิ่งที่เธอกล่าวจะขัดกับหลักการปลูกพืชที่สั่งสมมาหลายปีของพวกเขาก็ตาม
นับตั้งแต่ที่ลงต้นกล้าผลไม้พวกนี้ น้อยครั้งนักที่สองผู้เฒ่าจะไม่เห็นด้วยกับเธอ และต่อให้ไม่เห็นด้วย พวกเขาก็ไม่ถึงกับออกเสียงคัดค้าน
หลังกลับมาถึงบ้านพร้อมต้าเฮยกับเสี่ยวไป๋ก็ได้เวลาอาหารเย็นของซูตานหงพอดี เธอทำอาหารกินเอง และให้ต้าเฮยกับเสี่ยวไป๋ด้วย ซึ่งอาหารที่ทำจะเป็นของพวกมันเสียส่วนใหญ่
อาหารที่เธอทำมีหมูตุ๋นผักดอง ปลาสด และผัดพริกหยวกเขียวกับไข่จานเล็กจานหนึ่ง ปลานี้เธอซื้อมาจากชาวบ้าน ส่วนพริกหยวกเขียวก็ได้จากสวนหลังบ้านของเธอเอง โดยในสวนนี้จะมีผักทุกอย่างตามที่คุณแม่จี้ปลูก และพวกมันก็อร่อยมาก
คุณแม่จี้ไม่ได้ปลูกผักในสวนของนางแล้วเพราะเลี้ยงไก่รุ่นจำนวน 15 ตัวไว้เป็นอาหารบำรุงหลังคลอดให้เธอ นางกลัวว่าผักในสวนจะถูกไก่พวกนี้จิกกินเสียหายหมด จึงย้ายมาปลูกผักที่นี่ เมื่อใดที่นางอยากกินก็แค่มาเด็ดเอาจากในสวนนี้ หากมีมากจนกินไม่หมดก็แบ่งให้เพื่อนบ้านหรือไม่ก็เก็บมาให้ไก่กิน พืชผักทั้งหลายเจริญเติบโตจากดิน ตราบใดที่มันยังโตอยู่ในสวนก็ไม่จำเป็นต้องใช้เงินซื้อเลย
ช่วงนี้ซูตานหงมีความอยากอาหารเพิ่มขึ้นอย่างมาก เธอกินข้าวถึงหนึ่งชามครึ่งตามด้วยน้ำแกงปลาราดบนหน้า กินเนื้อได้เป็นจำนวนมากและปลาครึ่งตัว แต่เพื่อที่จะควบคุมโภชนาการของตัวเอง เธอก็จะทำอาหารแต่ละอย่างใส่จานใบเล็ก ๆ
ก่อนตั้งครรภ์ อาหารจานโปรดของเธอคืออาหารจานผัก แต่เมื่อตั้งครรภ์แล้ว เธอก็กลายเป็นคนตะกละกินทุกอย่าง!
ต่อให้ซูตานหงอยากกินอีกก็ต้องห้ามใจตัวเองไว้ ปลา ไข่ และผักปริมาณหนึ่งถ้วยครึ่งถือว่าพอแล้ว เธอจึงตัดสินใจให้ส่วนที่เหลือกับต้าเฮย
“ตานหง เธออยู่บ้านหรือเปล่าจ๊ะ?” เสียงของเฝิงฟางฟางลอดเข้ามา
“อยู่ค่ะ เข้ามาได้เลย” ซูตานหงตอบ
เฝิงฟางฟางเปิดประตูบ้านเข้ามา ทันทีที่เข้ามา ต้าเฮยก็หยุดกินและจ้องมองหล่อน เช่นเดียวกับสุนัขอีก 3 ตัว ราวกับว่าพวกมันพร้อมจะกระโจนเข้าใส่ทันทีหากหล่อนขยับตัว!
เฝิงฟางฟางรู้สึกหวาดผวาขึ้นมา หลังมาที่นี่ครั้งนั้นหล่อนก็ไม่อยากมาอีก ลำพังแค่สุนัขสีดำตัวใหญ่ตัวเดียวในตอนนั้นก็น่ากลัวอยู่แล้ว แต่คราวนี้กลับมีพวกมันเพิ่มมาอีก 3 ตัว!
“พี่สะใภ้ใหญ่ เข้ามาเถอะค่ะ ต้าเฮยไม่กัดพี่หรอก” ซูตานหงกล่าว
เฝิงฟางฟางเดินเข้ามาพร้อมกับยิ้มฝืดเฝื่อน หล่อนไม่กล้าทำตัวอวดดีเกินไป คราวที่แล้วที่จี้มู่ตานพูดเสียงดัง ต้าเฮยก็เกือบจะถึงตัวหล่อนอยู่แล้ว หากซูตานหงไม่มาห้ามไว้ทัน มันก็คงจะกัดหล่อน!
“ตานหง เธอคิดอย่างไรกับสิ่งที่พี่บอกเมื่อคราวที่แล้วจ๊ะ?” เฝิงฟางฟางเอ่ยเสียงอ่อน
ต้าเฮยเหลือบมองหล่อนก่อนกินอาหารของมันต่อ แต่มันก็ไม่ได้กินหมดในคราวเดียว ยังคงเงยหน้าชำเลืองมองหล่อนเป็นระยะ เห็นชัดว่ากำลังระวังภัยจากเฝิงฟางฟางอยู่ เรื่องนี้ทำให้เฝิงฟางฟางรู้สึกตื่นตระหนก เนื่องจากซูตานหงไม่ได้เชิญหล่อนเข้าไปในโถงบ้าน
“ฉันพูดกับพี่สะใภ้ใหญ่ในคราวที่แล้วนี่คะ ว่าไม่มีอะไรต้องพูดแล้วกับการเปลี่ยนเงิน 200 หยวนกลับคืนเป็นสวนผลไม้ร่วมกัน อย่าหาว่าฉันไม่เห็นด้วยเลยค่ะ คุณพ่อคุณแม่ก็ไม่เห็นด้วย เช่นเดียวกับข้อความในหนังสือสัญญาที่เราทำร่วมกันในช่วงปีใหม่” ซูตานหงตอบเสียงเรียบ
“ตานหง ทุกคนคือคนในครอบครัว เธอยังจะคิดถึงเรื่องนั้นอีกเหรอ? มันก็จริงอยู่ที่ในวันปีใหม่นั้นพวกเราทำผิดจริง เราไม่ควรโมโหกับคุณพ่อคุณแม่ แต่อวิ๋นลี่ลี่กลับทำตัวน่าโมโหนัก ใครใช้ให้หล่อนยุยงสองผู้เฒ่าให้ซื้อบ้านให้โดยไม่เอ่ยสักคำกันล่ะ? แต่เธออย่าห่วงไปเลยนะตานหง ถ้าเธอเห็นด้วยกับเรื่องนี้ ในภายหน้าพี่สะใภ้คนนี้จะช่วยเหลือเธอจัดการสวนผลไม้เป็นอย่างดีโดยไม่ต้องให้เธอคอยกังวลเลยจ้ะ!” เฝิงฟางฟางพูดรัวเร็ว
………………………………………
Related