ตอนที่ 78 พิถีพิถัน
“ฉันจะบอกว่าอย่างไรดีว่าเจี้ยนอวิ๋นเข้าข้างแก? เป็นเพราะพี่ชายของเขาช่วยเขาไม่ได้ต่างหาก เขาถึงต้องการแก” คุณแม่ซูย่นคิ้ว
รายได้ 2 หยวนจากราคาขาย 10 หยวนถือว่าเป็นเงินจำนวนมาก ถ้ายายแก่ตระกูลจี้นั่นรู้เข้าคงได้เต้นผางแน่
“ถ้างั้นแกก็เรียกค่าจ้างน้อยลงแล้วกำหนดราคากลางไว้สิ สัก 1 หยวน 5 หยวน 10 หยวนแกขอสัก 1 หยวน 5 เหมางี้ ในอนาคตเจี้ยนอวิ๋นจะยุ่งมาก แกช่วยเขาทำทุกอย่างสิเขาจะได้ไม่กังวลอะไรอีก แล้วเงิน 1 หยวน 5 เหมานี่ก็ไม่ได้มากเกินไปสำหรับแกด้วย” คุณแม่่จี้บอก
ซูจิ้นตั๋งคิดตาม แต่ก็ไม่ได้แย้งอะไร
“ส่วนเรื่องครอบครัว แกก็ไม่ต้องคิดอะไรเลย หลังจากย้ายเข้าไปอยู่ในเมืองกับลูก ๆ แล้ว ภรรยาแกก็สามารถอยู่เฝ้าร้านขณะดูแลเด็ก ๆ ไปด้วยได้ เรื่องนี้ยอดเยี่ยมจะตาย” คุณแม่ซูเอ่ยอีกรอบ
ซูจิ้นตั๋งยิ้ม “งั้นก็แสดงว่าพวกเราจะไม่ได้อยู่ดูแลแม่น่ะสิครับ”
“ฉันไม่ต้องการให้แกมาดูแลฉันหรอก ตอนที่แกไม่อยู่ฉันก็มีลูกเขยคอยดูแลอยู่ เจี้ยนอวิ๋นไม่ได้แค่คิดถึงฉันเท่านั้นแต่ยังส่งของดี ๆ มาแสดงความกตัญญูกับฉันด้วย” คุณแม่ซูพูดด้วยรอยยิ้ม
เมื่อซูจิ้นตั๋งกลับเข้าไปในห้อง เขาก็พบว่าภรรยาตนได้ตื่นขึ้นแล้ว
“เจี้ยนอวิ๋นเพิ่งจะมาหาน่ะครับ” ซูจิ้นตั๋งบอก “แถมยังเอาของดี ๆ มาด้วยเยอะเลย”
สะใภ้รองซูพยักหน้า ก่อนจะเอ่ยขึ้นหลังพยุงตัวขึ้นนั่งได้ “เจี้ยนอวิ๋นเคยมาที่นี่เป็นระยะแล้วล่ะค่ะ ทุกครั้งที่มาหาก็จะมีของมาฝากแสดงความกตัญญูด้วย คนอื่นแถวนี้รู้กันหมด”
ซูจิ้นตั๋งรินน้ำอุ่นให้หล่อนดื่มถ้วยหนึ่งก่อนจะเอ่ยถึงจุดประสงค์ที่จี้เจี้ยนอวิ๋นมาที่นี่ ซึ่งสะใภ้รองซูก็รับฟังด้วยดวงตาเป็นประกาย “จิ้นตั๋ง คุณไปทำสัญญากับเจี้ยนอวิ๋นนะคะ บอกเขาว่าเราไม่ต้องการเงิน 2 หยวน แค่ 1 หยวนก็พอแล้ว ฉันเต็มใจที่จะย้ายไปอยู่ในเมืองกับคุณค่ะ!”
หล่อนอาศัยอยู่พอแล้วในบ้านหลังนี้ ไม่ต้องการอยู่เพื่อทะเลาะกับผู้หญิงคนนั้นอีก การทะเลาะกับผู้หญิงคนนั้นทุกวันช่างเป็นเรื่องที่น่ารำคาญ ถ้าได้เข้าไปอยู่ในเมืองแล้วมันคงจะดีมาก
แล้วการขายไก่ก็เป็นเรื่องง่ายมาก ต่อให้เป็นช่วงที่ขายไม่ดี อย่างน้อยก็ขายได้ 1 หรือ 2 ตัวในวันหนึ่ง แถมพวกเขาไม่ต้องจ่ายค่าเช่าร้านด้วยซ้ำ เป็นแบบนี้อย่างไรก็อยู่ได้!
ตราบใดที่ได้อยู่ในเมือง ก็นับว่าดีแล้ว!
“คุณอย่ากังวลไปเลยครับ ตอนที่เจี้ยนอวิ๋นบอกว่าจะมาเยี่ยมบ้านนี้ในวันปีใหม่นี้ เขาก็น่าจะมาพร้อมกับตานหง ถึงเวลานั้นผมก็จะต่อรองกับเขาอีกครั้ง ว่าให้จ่ายแค่ 1 หยวนจากใน 10 หยวนพอ ถือว่าไม่มากเกินไป” ซูจิ้นตั๋งพูด
สะใภ้รองซูไม่ว่ากล่าวอะไร ได้แต่ลูบท้องด้วยความพอใจ
ตอนนี้หล่อนท้องได้ 7 เดือนแล้ว เหลืออีก 2 เดือนเท่านั้น หลังแต่งงานมาหลายปีหล่อนก็ไม่ท้องเสียทีจนกระทั่งปีนี้ที่น้องสามีจ่ายยาบำรุงร่างกายให้หล่อน หลังจากนั้นหล่อนก็ตั้งครรภ์ได้อย่างราบรื่น ซึ่งทำให้หล่อนมีความสุขมาก ไม่ว่าลูกในท้องจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงก็ตาม
ตอนนี้น้องเขยก็มาดูแลครอบครัวของพวกเขาอีกครั้ง และมันก็เป็นเรื่องจริงที่ทั้งสองสามีภรรยามีชีวิตความเป็นอยู่ที่ทรงตัวดี
สองสามีภรรยาคุยกันเสร็จแล้ว ก็พอดีกับที่จี้เจี้ยนอวิ๋นกลับมาถึงบ้านและเล่าเรื่องนี้ให้ซูตานหงฟัง
ซูตานหงย่นคิ้วและเอ่ยขึ้น “ 2 หยวนถือว่าเยอะเกินไป” ตอนนี้ราคาข้าวของเครื่องใช้กำลังพุ่งสูงขึ้น ไก่ตัวหนึ่งมีน้ำหนัก 2 ถึง 3 ชั่ง และขายในราคา 1 ถึง 2 หยวน ด้วยจำนวนประชากรในเมืองที่มีมากแล้ว ก็ไม่ใช่เรื่องยากนักที่จะขายไก่ 2 หรือ 3 ตัวต่อวัน
จี้เจี้ยนอวิ๋นยิ้ม “ผมก็พูดไปแบบนี้แหละครับ ให้พวกพี่รองไปปรึกษากันเอาเอง”
“ต่อให้เป็น 1 หยวนก็มีค่าเท่ากัน” ซูตานหงพยักหน้าพูด
แม้จะเป็นเงิน 1 หยวนต่อวัน แต่เมื่อผ่านไปหนึ่งเดือนมันก็จะกลายเป็น 30 หยวนต่อเดือน สูงกว่าเงินที่พี่ชายรองของเธอได้รับเสียอีก แน่นอนว่าจะขายไก่ได้กี่ตัวนั้นขึ้นอยู่กับความสามารถของพี่ชายรอง ถ้ายิ่งขายได้มากก็มีโอกาสจะได้เงินมาก
“ช่วงปีใหมฉันจะไปแวะนั่งที่ร้านของพี่หงนะคะ ให้หล่อนช่วยหาหน้าร้านที่ดี ๆ ว่าจะมีที่ไหนบ้าง หล่อนคุ้นเคยกับในเมืองดี” ซูตานหงบอก
“อย่าลำบากพี่หงเลย ผมไปหาเองก็ได้” จี้เจี้ยนอวิ๋นแย้ง
“งั้นก็เป็นตามนั้นค่ะ ฝากด้วยนะคะ” ซูตานหงพยักหน้า
ในเย็นนั้นเอง ขณะที่จี้เจี้ยนอวิ๋นนำเนื้อไปให้คุณพ่อจี้ ซูตานหงก็นำน้ำใส่บัวรดน้ำไปรดต้นไม้ จากนั้นก็ให้น้ำกับบรรดาแกะและไก่
ตอนนี้อากาศกำลังหนาวจัด เธอจึงต้องให้ไก่พวกนี้ดื่มน้ำวิเศษบ้าง และเป็นเพราะน้ำวิเศษนี่เอง ทำให้มีไก่จำนวนเพียงเล็กน้อยที่ตายลง
สัญญาณนี้นับว่ามหัศจรรย์โดยแท้
แต่เดิมที่จำนวนไก่รอดได้สองในสามใน 200 กว่าตัวก็นับว่าเป็นจำนวนที่มากแล้ว แต่ตอนนี้มีเพียง 1 ตัวที่ตายลงหลังจากเลี้ยงมานานเท่าน้้น และมันแข็งตายก็เพราะว่าแอบย่องออกมาข้างนอกเล้า ไม่อย่างนั้นมันคงไม่ตายและมีชีวิตอยู่ยืนยาวกว่านี้
แต่จี้เจี้ยนอวิ๋นรู้ว่าเขาไม่ควรถามอะไรกับน้ำในบัวรดน้ำที่ภรรยาขอให้เขานำขึ้นไปในวันต่อมา
ไก่และแกะจะต้องดื่มน้ำนี้ พวกมันจะได้แข็งแรงและร่าเริงอย่างมาก
อาหารและน้ำแกงที่นำมาให้คุณพ่อจี้ยังอุ่นอยู่ ขณะที่คุณพ่อจี้กำลังกินข้าว จี้เจี้ยนนอวิ๋นก็ออกมาต้มน้ำและนำอาหารไปให้ไก่และแกะ ซึ่งแกะและไก่พวกนี้ก็กรูเข้ามาดื่มน้ำราวกับเห็นว่ามันเป็นของวิเศษบางอย่าง
จี้เจี้ยนอวิ๋นยิ้มและไม่สนใจพวกมัน
เมื่อเขากลับเข้ามา คุณพ่อจี้ก็กินข้าวเกือบหมดแล้ว จากนั้นเขาก็ถามผู้เป็นพ่อ “พ่อครับ ตอนกลางคืนอากาศหนาวมากไหม? อยากให้ผมเอาผ้านวมมาให้เพิ่มหรือเปล่าครับ?”
“ไม่เป็นไรหรอก แค่นี้ก็อุ่นแล้ว” คุณพ่อจี้ส่ายหน้า
ผ้านวมที่นำขึ้นเขามาด้วยนั้นครอบครัวสามเป็นคนซื้อให้ใหม่ พวกมันล้วนอุ่นสบายจนไม่รู้สึกถึงความหนาวเย็นในตอนกลางคืนเลย
จี้เจี้ยนอวิ๋นพยักหน้าและปล่อยให้ชายชรากินก่อน หลังกินเสร็จแล้วเขาก็นำอาหารสุนัขและเก็บชามตะเกียบกลับไป
เมื่อมาถึงบ้าน สองสามีภรรยาก็ได้กินอาหารกัน ส่วนที่เหลือจากนั้นจึงค่อยเลี้ยงต้าเฮย
“เอาชาพุทราจีนหม้อนี้ไปให้คุณพ่อดื่มอีกหน่อยสิคะ”ซูตานหงถือหม้อร้อน ๆ ใบหนึ่งออกมาจากครัวพลางเอ่ยขึ้น
พ่อสามีของเธอใช้ชีวิตบนภูเขาตัวคนเดียว ท่ามกลางอากาศหนาวขนาดนี้ เขาจะต้องเตรียมน้ำร้อนให้มากขึ้น ซึ่งชาพุทราจีนนี้ก็มีสรรพคุณดีมาก ไม่เพียงแต่จะทำให้สดชื่นกะปรี้กะเปร่า แต่ยังสร้างความอบอุ่นกับร่างกายและทำให้มีกำลังวังชา เหมาะกับคนชราที่จะดื่มนัก
“ตกลงครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นยิ้ม
ซูตานหงให้นมเหรินเหรินน้อยแล้วก็กล่อมให้เขาหลับ ตอนนี้เป็นเวลาห้าโมงครึ่งแล้ว เหรินเหรินน้อยจะนอนหลับจนกระทั่งถึงหนึ่งหรือสองทุ่ม จากนั้นก็จะเล่นต่อจนถึงสามหรือสี่ทุ่มแล้วถึงจะนอนหลับอีกครั้ง
ซูตานหงจับรูปแบบนี้ได้แล้ว
เมื่อเธอเข้ามาในครัว เธอก็หยิบขิงออกมา หมายจะหั่นเตรียมทำน้ำแช่เท้าไว้ให้จี้เจี้ยนอวิ๋น
ในสภาพอากาศหนาวเช่นนี้ การละเลยเท้าเพียงเล็กน้อยก็เป็นจุดเริ่มต้นของการเจ็บป่วยได้ และขาของเขาในตอนนี้ก็ยังมีรอยโรคเหลืออยู่แม้ว่าจะหายสนิทแล้วก็ตาม เธอก็ยังกังวลว่าจะมีร่องรอยโรคหลงเหลืออยู่ เกิดมันกำเริบขึ้นอีกจะทำอย่างไรล่ะ?
นั่นเป็นเรื่องถึงชีวิตเลยนะ
ดังนั้นก่อนที่จะปล่อยให้มันกำเริบ ซูตานหงจึงต้องระมัดระวังมากกว่านี้ หลังหั่นขิงแล้วเธอก็โยนลงในน้ำแล้วต้มให้เดือด
เมื่อจี้เจี้ยนอวิ๋นกลับมา เขาก็ได้กลิ่นขิงอบอวล ซูตานหงที่ถือขิงอยู่ในมือก็เอ่ยขึ้น “คุณเข้าครัวไปตักน้ำขิงมาแช่เท้าไล่หนาวเสียนะคะ ถ้าไม่แช่ก็อย่าหวังว่าคืนนี้จะได้นอนกับพวกเราสองคนแม่ลูกเลย”
ตอนนี้เองจี้เจี้ยนอวิ๋นจึงได้เห็นแววตาของภรรยาที่อ่อนโยนหวานเชื่อมราวหยาดน้ำผึ้ง
“ภรรยา ร่างกายคุณฟื้นตัวเป็นอย่างไรบ้าง? เกือบสองเดือนแล้วใช่ไหมครับ?” จี้เจี้ยนอวิ๋นเดินมาหาพลางเอ่ยพึมพำด้วยเสียงทุ้มต่ำ
“ไปไกล ๆ ค่ะ” ซูตานหงหน้าแดงมองค้อนปะหลับปะเหลือก ก่อนกลับเข้าห้องไปนอนกับลูกชาย
………………………………………………
Related